ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 25 เมษายน 2568:: อ่านผญา 
เชื้อชาติอ้อยบ่ห่อนเกิดเป็นเลา แซงตาเปาบ่ห่อนเป็นกอได้ แปลว่า เป็นธรรมดาว่า ลำอ้อย ย่อมไม่เป็นท่อ ทะลายต้นตาเปา ย่อมไม่เกิดเป็นกอ หมายถึง ธรรมชาติ มันเป็นเช่นนั้น พึงพอใจในความเป็นตัวของตัวเอง

นิทานพื้นบ้านอีสาน  

ท้าวเสียวสวาด (นิทานพื้นบ้าน---อีสานจุฬาฯ)
นิทานแลง.. ท้าวเสียวสวาด

  หน้าก่อน หน้าถัดไป
ศรีเสลียว เสีียวสวาด


           บัดนี้           จักกล่าวเถิงกะดุมพีผู้       ผญาดีเลิศแลบ    
                           อยู่ขอกข้าง                 เมืองไท้เทพะลาน    
                           อายุได้                      ฮ้อยขวบซาววัสสา    
          ก็จิง            ทันสองศรี                   ลูกมาเทียมพร้อม    
                          ศรีเสลียวสร้อย              นงฮามเป็นพี่    
                          เสียวสวาดแก้ว              เป็นน้องสืบสาย    
          พ่อก็          ซัวซราแล้ว                   จำจวนมัจจุราช    
                          เขือค่อยเลี้ยง                กันท้อนซู่คน    
                          ของแบ่งให้                  โสภาพเสมอกัน    
          ก็จิง           พาทีสอน                     สั่งสอนนงน้อย    

          ให้เขือ         พันเฮือไว้แฮเหลือ           หลายท่า    
                           หม่าข้าวไว้หลายบ้าน      ทั่วเมือง    
          อันหนึ่ง        ให้หาแข้วไว้สัตว์สิ่ง         เป็นงา                  นั้นเนอ  
          เอามา         เขื่อนแข็งอยู่เฮือน          ระวังล้อม    
          ฝูงนี้           ฮักษาเข้าของเฮือน         ดีขนาด    
          ยามเมื่อ       โจรลอบเข้าเขาฮู้          ก่อนเฮา    
          อันหนึ่ง       ให้แอบไว้อย่าหง่วม        เหงานอน               นั้นเนอ  
          คันว่า         ยินเสียงโกนเขาบ่ปะ        มีง้อ    
          อันหนึ่ง       ให้หาการย้าวอันใด         เป็นเวียก    
          เฮ็ดให้        แล้วอย่าคร้าน               เมื่อยวาง    
          ผิว่า           สัพเพฮู้ทุกอัน                หลายหลาก             ก็ดีดาย  
          ให้ค่อย       คึดหยั่งไว้ผลาเผี้ยน         แผ่ผาย
  ที่มา : จากหนังสือเรื่องเสียวสวาด พระอริยานุวัตร เขมจารีเถระ ศิลปศาสตร์ ดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักดิ์


---------------------------------------



     สมัยแต่ดนแล้ว..
     ในเมืองพาราณสี มีกุฎุมพีสองสามีภรรยาครอบครัวหนึ่ง มีลูกชายอยู่สองคน ผู้พี่ ชื่อว่า ศรีเสลียว ผู้น้องชื่อว่า เสียวสวาด...

     พอท้าวเสียวสวาด ใหญ่ขึ้นกำลังเป็นบ่าวสำน้อย อายุประมาณสิบห้าหยกๆสิบหกหย่อนๆ พ่อแม่เห็นว่าเจ้าของกะแก่เฒ่าแล้ว อาจสิอยู่นำลูกได้อีกบ่ดน กะเลยเอิ้นลูกชายทั้งสองมาบอกสอน (สอนเป็นผญา)


ดูรา              เจ้าลูกฮักแก่พ่อเอย          ตั้งแต่นี้เมื่อหน้า
                   ให้ฟังด้วยหู                   ให้ดูด้วยตา
                  ลักขณาในใจ                  ฮู้แล้วอย่าเนืองๆ
                  คำระหัสอย่าฮู้                 ให้เถิงสอง              พ่อเนอ

อันหนึ่ง     หญิงผู้ใด     ฮ้างสามผัว    หม้ายสามผัว  อย่าเอาเป็นเมีย     พ่อเนอ
อันหนึ่ง     นักบวช       สิกสามที      อย่าทำมิตร   สหายนำมัน           พ่อเนอ
อันหนึ่ง     เขือจง        ฟันเฮือไว้      หลายลำ     แฮท่า                  นั้นเนอ
อันหนึ่ง     เขือจง        หม่าข้าวไว้    หลายบ้าน   ทั่วเมือง               นั้นเนอ
อันหนึ่ง     เขือจง       แสวงหายังแข้วมาในเฮือน   เขื่อนเข็งยังบ้าน     พ่อท่อน

ดูรา              เจ้าลูกฮักทั้งสอง    
อันว่า            คลองถ่อยฮ้าย       นั่นก็มี        สามประการ
อันหนึ่ง         เพิ่นบ่เอิ้น              อย่าขาน  
                  เพิ่นบ่วาน             อย่าซ่อย     แท้ดาย
                  ให้พิจารณาดู         ตรงที่    
                  ที่เพิงซ่อย            จึงซ่อย
อันหนึ่ง         พ่อแม่ครูบาอาจารย์ สั่งสอน       ให้ฮู้
                  อย่าตอบถ้อย        เถียงความ   บ่ดี   แท้แล
อันหนึ่ง         อย่าข่มเพิ่น           ยอตัว         นั้นเนอ
                  เป็นคนมาใน         สงสารนี้
                  ลางเทื่อมี            ลางเทื่อไห้
                  ลางเทื่อได้           มาแล้ว
                 ซ้ำเล่าพลอยเสีย     ก็มีแท้   ดีหลีแล


     พ่ออยากทดสอบว่า ลูกชายเจ้าของสองคน ผู้ได๋ฉลาดกว่ากัน สิได้อยู่นำกันบ่ .. พ่อกะถามปัญหาว่า

“มีเฮือนอยู่สองหลัง หลังหนึ่งสร้างเป็นเฮือนเสร็จเรียบร้อยเข้าอยู่ในเลย อีกหลังหนึ่ง ยังบ่ทันสร้าง แต่ว่ามีไม้มีอุปกรณ์ทั้งหลายครบเหมิดแล้ว เจ้าสองคน สิเลือกเอาเฮือนหลังได๋”

ท้าวศรีเสลียวกะตอบว่า
“ข้อยเลือกหลังแรก ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยพร้อมอยู่”

ส่วนท้าวเสียวสวาดกะตอบว่า
“ข้อยเลือกเฮือนหลังที่ยังบ่ทันสร้าง”

     พอฟังคำตอบที่บ่คือกัน ผู้พ่อกะฮู้ทันทีว่า ลูกชายทั้งสอง สิบ่ได้อยู่นำกัน... ผู้พี่ สิอยู่กับที่ ตั้งหลักปักฐานอยู่บ้านหม่องนี้ เพราะชอบบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว.. ส่วนผู้น้อง สิร่อนเร่พเนจรไปตั้งหลักปักฐานอยู่หม่องอื่น เพราะชอบบ้านหลังที่ยังบ่ทันสร้าง สิเอาไปปลูกหม่องได๋กะได้ เพราะมีไม้มีอุปกรณ์ครบเหมิดแล้ว...

     ต่อมาอีกบ่ดน พ่อแม่กะตายจาก ทิ้งมรดกไว้ให้สองพี่น้องดูแลครอบครอง

----------------------------

หมายเหตุ : เสลียว หมายถึง เฉลียว       เสียวสวาด หมายถึง เฉลียวฉลาด

  หน้าก่อน หน้าถัดไป

 
Creative Commons License

ชมรมอีสานจุฬาฯ... นิทานพื้นบ้านอีสาน