๖๙.เณรป่องเผชิญกับขุนศรีฯ |
มื้อนึง ขุนศรีฯไปเยี่ยมยามหมู่ผู้นึง อยู่นอกกำแพงเมือง
มื้อนั่นคือกัน หลวงพ่อใช้เณรป่อง เอาของไปให้ขุนผู้นึง ที่บ้านอยู่ริมแม่น้ำ .... เณรป่องกะพายเรือไป ติ๊หน่อง ติ๊หน่อง จนฮอดบ้านขุนผู้นั้น เอาของให้เรียบร้อย กะพายเรือกลับ หน่องติ๊ หน่องติ๊ ....จนมาฮอดท่าน้ำหม่องนึง..
ขุนศรีฯเลายืนอยู่หม่องนั่น เห็นเณรน้อยพายเรือมาเลาะนั่น กะเลยกวักมือเอิ้น... เณรป่องกะเลยพายเรือ แวะเข้าท่านั่น... ขุนศรีฯกะถามว่า
"เณร สิไปไสน้อ"
เณรป่องกะว่า
"สิกลับวัดใหญ่ ทางพู้น"
"ขอไปนำแหน่เด้อ"
"อยากไป กะไปตี้ล่ะโยม"
ขุนศรีฯ กะขึ้นไปนั่งเทิงเรือ... แทนที่สิขอซ่อยพายเรือ เพราะเจ้าของเป็นโยม.. แต่กลับนั่งเสย สิให้เณรเป็นคนพาย.. เณรป่องเห็นว่าบ่สมควร กะคึดบ่พอใจ แต่ว่ากะเว้าหยังบ่ได้... เณรป่องกะเลยลุกขึ้นยืน แล้วกะพายเรือ.. เรือมันกะบ่ไปแหล่วเนาะ... ขุนศรีฯ รำคาญ กะเลยว่า
เป็นหยังบ่นั่งพาย น้อเณรน้อ
เณรป่องกะบ่ปากหยัง เอาพายวางพาดเรือ แล้วกะนั่งพาย (นั่งทับไม้พาย) ..มองหน้าขุนศรีฯเสย
(เจอดอกหนึ่งแล้วน้อขุนศรีฯ)
ขุนศรีฯบ่เคยถืกไผ เฮ็ดกับเลาจั่งซี้ กะสูนแหล่วเนาะ กะเว้าว่า
"ฮู้ยน้อ.. มานั่งทับพายอยู่จั่งซี้ มันสิฮอดไสเป็น เณรเคยพายจั่งได๋ กะพายจั่งซั่นล่ะ"
เณรป่อง กะเลยพายตามปกติ ติ๊หน่อง ติ๊หน่อง ไปเรื่อยๆ ...จากนั้นกะถามขุนศรีฯว่า
"โยมสิลงไสล่ะ"
ขุนศรีฯ ขี้คร้านปากขี้คร้านเว้า เทิงสูนอยู่ก่อนแล้ว กะเลยว่า
"จอดหม่องได๋ กะลงหม่องนั่นล่ะ"
อีหลีแล้วขุนศรีฯ คึดว่า พอฮอดหม่องสิลง สิบอกให้เณรป่องแวะจอดเรือ เรือจอดแล้วกะ สิลงหม่องที่เรือจอด กะเลยเว้าจั่งซั่น
เณรป่อง ได้ที พอพายเรือไปฮอดป่าไผ่ริมน้ำ กะแวะจอดหม่องนั่น (ขุนศรีฯบ่ทันได้บอกให้จอดจ้อย) แล้วกะว่า
"โยม เรือจอดแล้ว ฮอดหม่องลงแล้ว".... (เจออีกดอกแล้ว)
ขุนศรีฯ บ่ฮู้ว่าสิว่าจั่งได๋ เพราะว่าเจ้าของได้เว้าไว้แล้ว กะเลยจำเป็นต้องลง.... บู๋อุ่มไผ่ เฮอะไผ่ ถืกหนามไผ่ตำ จนเหลิ่นเหมิด กะยังว้า กะยังว่า
ขุนศรีฯ เสียทีให้เณรป่อง กะจื่อไว้จำไว้ เณรผู้นี้ ต้องเห็นดีกัน .....
|