มีอยู่ช่วงนึง เจ้าเมืองเชียง ส่งท้าวอั่นนึง (เอิ้นเลาว่าท้าวสาน ซะเนาะ) ไปเมืองทวาลี เพื่อแข่งสานกะต่าในน้ำ ว่าผู้ได๋สิสานแล้วเร็วกั่วกัน ว่าเด้ กติกา กะคือว่า
ต้องมุดน้ำลงไป แล้วกะสานกะต่าอยู่ในน้ำ จนกว่าสิแล้วเป็นกะต่า ถ้าใจสิขาด กะสามารถโผล่ขึ้นมาหันใจได้ แล้วกะให้มุดลงไปสานต่อ จนแล้ว ผู้ได๋แล้วก่อน ผู้นั้นกะชนะ พะนะ
เว้าพื้น ท้าวสาน นี่เนาะ เลากะเป็นช่างสาน กะบุง กะต่า กะทอ ก่องข้าว ไซ ข้อง ฯลฯ เครื่องสานทั้งหลาย เลาเฮ็ดเก่งคัก เฮ็ดเร็ว แล้วกะงามพร้อมแหม... สามารถหลับตาสานได้ พุ่นล่ะไป๋.. บ่แม่นของค่อยเด้ เลากะดาย... กะย่อนเก่ง นั่นล่ะ เลากะเลยเป็นผู้ชนะ ในงานแข่งสานกะต่าในน้ำ ของเมืองเชียง
ทางพระราชา เมืองทวาลี ได้รับจดหมายท้าประลองแล้ว กะเอิ้นประชุม เสนาอำมาตย์ทั้งหลาย เพื่อรับมือกับการแข่งขันเทื่อนี้
ในที่สุด กะต้องให้ขุนศรีฯ เป็นคนจัดการคือเก่านั่นล่ะ
ขุนศรีฯ เลาคนขี้ตั๋วเนาะ เล่จัด เหลี่ยมคม อยู่แล้วว่าซั่นเถาะ เลากะเอากะต่า ใบที่สานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไปเซี่ยงไว้ในน้ำ เอาหินทับไว้ เด้
พอฮอดมื้อแข่งขัน ชาวเมือง พร้อมทั้งคณะกรรมการ มาซุมกันแล้ว ได้เวลาเริ่มแข่งแล้ว
ท้าวสาน กับขุนศรีฯ เข้าประจำตำแหน่งของเจ้าของ ต่างคน ในมือกะกำหวาย สำหรับสานกะต่า พอได้เวลา ทั้งสองคน กะโดดลงน้ำ มุดน้ำ ลงมือสานกะต่า สะล่ะล่ะ
ท้าวสาน กะพยายามสานกะต่า อย่างเร็วเด้
(ฝ่ายขุนศรีฯ กะบ่ได้สานกะต่าจ้อย โดดลงไป แล้วกะมุดน้ำ ไปหาหม่องที่เจ้าของ เอากะต่าเซียงไว้ เอาหินออกจากกะต่า แล้วกะเอาทับหวายไว้ จากนั้น กะถือกะต่า มุดน้ำกลับมา หม่องเก่า) .... อั่นนี้ เป็นความลับเด้อ อย่าบอก คนเมืองเชียงเด้อ
บ่ทันพอคราว ขุนศรีฯ กะโผล่ขึ้นมา พร้อมทั้งกะต่าที่สานเสร็จเรียบร้อย สวยงาม มานั่งท่าท้าวสานอยู่เทิงบก เด้
ท้าวสาน สานกะต่า แล้วแล้ว กะโผล่ขึ้นมา .... บะได๋แท้ ขุนศรีฯ ขึ้นมานั่งท่า แต่ดนแล้ว ...ท้าวสานกะเลยแพ้จ้อย.. ซั่นตี้ล่ะ
|