ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 25 เมษายน 2568:: อ่านผญา 
เห็นว่ากองฝอยน้อยอย่ากลอยใจฟ้าวนั่ง ลางเทื่องูอยู่ลี้ในหั้นสิตอดตาย แปลว่า เห็นว่าเป็นกองใบไม้แห้ง อย่าวางใจรีบนั่ง บางทีอาจมีงูแอบอยู่ จะโดนกัดได้ หมายถึง ควรไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ละเอียด รอบคอบ

นิทานพื้นบ้านอีสาน  

ท้าวเสียวสวาด (นิทานพื้นบ้าน---อีสานจุฬาฯ)
นิทานแลง.. ท้าวเสียวสวาด

  หน้าก่อน หน้าถัดไป
แต่งงานกับนางสีไวลูกสาวนายสำเภา


    พอเรือสำเภาแล่นมาจนฮอดเมืองจำปาแล้ว นายสำเภา กะเว้าถึงเรื่องไปค้าเทื่อนี้ให้ลูกเมียฟังว่า ไปค้าเทื่อนี้ นับว่าโชคดี ได้เด็กหนุ่มเมืองพาราณสีมานำคนนึง เป็นคนขยันขันแข็ง เอาการเอางานดีขนาด เสียอย่างเดียว เว้าแต่เรื่องไร้สาระ ถามคำถามปัญญาอ่อน คือคนบ่เต็มบาท นี่ล่ะ

จากนั้น กะเว้าถึงคำถามที่เสียวสวาดถาม ให้ลูกเมียฟัง

ลูกสาวนายสำเภา ชื่อว่านางสีไว เป็นคนมีปัญญาฉลาด พอได้ฟังคำถามปัญญาอ่อนของท้าวเสียวสวาดจากพ่อ กะบอกพ่อว่า

“คำถามที่ท้าวเสียวสวาดถามนั้น บ่แม่นคำถามปัญญาอ่อนดอก คำถามเหล่านั้น เป็นปัญหา ถ้าบ่ฮินตรอง กะบ่เห็น บ่เข้าใจ”

“เป็นปัญหาแนวได๋ ลูกลองอธิบายให้พ่อฟังดู้”

ลูกสาวกะเลยอธิบายให้ผู้พ่อฟังว่า

“ที่เลาถามว่า ‘แก่งนี้ มีหินบ่’ นั้น เลาหมายถึงว่า ในแก่งนั้น มีเพชรนิลจินดาบ่... ที่เลาถามว่า ‘ดงนี้ มีต้นไม้บ่’ นั้น เลาหมายถึงว่า ในดงนั้น มีต้นไม้จันทน์ที่มีราคาแพงบ่... ที่เลาถามว่า ‘บ้านนี้มีคนอยู่บ่’ นั้น เลาหมายถึงว่า บ้านนั้น มีคนที่มีวิชาความรู้ในศิลปศาตร์ต่างๆ และศีลธรรมหรือบ่... “ที่เลาถามว่า ‘เมืองนี้ มีเจ้าเมืองบ่’ นั้น เลาหมายถึงว่า เมืองนั้น มีเจ้าเมืองที่ตั้งมั่นในทศพิธราชธรรมหรือบ่...  ที่เลาถามว่า ‘ผู้เฒ่า มีสามขาหรือบ่’ นั้น เลาหมายถึงว่า ผู้เฒ่า ยึดมั่นในพระรัตนตรัยหรือบ่... “ที่เลาถามว่า ‘วัดนี้ มีพระบ่’ นั้น เลาหมายถึงว่า วัดนั้น มีพระภิกษุสงฆ์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบ รอบรู้พระธรรมวินัยหรือบ่... เลาเว้าเป็นปัญหาลักษณะนี้ล่ะพ่อ บ่ได้ถามคำถามปัญญาอ่อนดอก”

ผู้เป็นพ่อได้ฟังคำอธิบายจากลูกสาวแล้ว กะยอมรับ แล้วกะฮู้ว่าท้าวเสียวสวาด เป็นคนมีปัญญาเฉลียวฉลาด... ต่อมา กะยกลูกสาวเจ้าของชื่อว่่านางสีไว ให้เป็นภรรยาท้าวเสียวสวาด

เมื่อนั้น  นายสำเภาผู้เป็นพ่อนางนั้น ก็ต้านจารจากับดอมท้าวเสียวสวาดว่า  “ดูราเจ้าลูกฮักพ่อ บัดนี้ จักเอาเขือเจ้าทั้งสอง ให้เป็นเฮือนเลี้ยงดูกันแล  แต่เมื่อเผือพ่อแม่ยังมีชีวิตนี้แล   เจ้าจงฟังคำพ่อเทอะ   อันว่านรทิพยสมบัติข้าวของทั้งมวล  ก็ให้แก่เจ้าซู่ประการก็พ่อแล   พ่อก็จักเอาเจ้าไว้ให้แต่งต่างตาต่างพ่อแล้ว   อันว่านางสีไวนี้ ก็หากเป็นลูกคิงแห่งเขือพ่อแม่แท้แล..”



   .......... เขาก็บายเอายังมือท้าวแลนางทั้งสอง   พร้อมกันเข้าสู่ขวัญ ก็มีแล   แต่นั้น  พ่อก็ซ้ำกล่าวพระพรให้ว่า   บัดนี้ พ่อก็จักให้เขือเจ้าทั้งสองมีอายุยืนยาวฮ้อยขวบเข้า   อยู่สุขสันต์ในใจอย่าขาด  โพยพยาธิ์ฮ้ายจงสว่างหายเสีย   เท่าวัน เทอญ อันหนึ่ง จงให้เจ้าได้เถิงยังกิติยศลือซา จงให้มีใจกรุณาฮัก มาตาและพี่น้อง ทั้งชาวบ้านเมือง ให้ชื่นบานดอมก็พ่อเทอญ ประการหนึ่ง อันว่าเงินกำแก้วแหวนและผ้าแผ่น จงให้ทานทอด สืบไป ก็พ่อเทอญ อันว่าตัวคิงเจ้า ก็จงให้ได้เป็นเศรษฐีหลวง จงให้เขือเจ้าสืบบุญป้อง นั่งปอง ก็พ่อเทอญ  ...........

 

  หน้าก่อน หน้าถัดไป

 
Creative Commons License

ชมรมอีสานจุฬาฯ... นิทานพื้นบ้านอีสาน