ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 26 เมษายน 2568:: อ่านผญา 
คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มสัปทน อย่าได้ลืมคนจนผู้แห่นำตีนซ้าง แปลว่า หากได้เป็นใหญ่ นั่งช้าง กางสัปทน อย่าได้ลืมคนจน ผู้เดินตามหลังช้าง หมายถึง ได้เป็นใหญ่แล้ว อย่าหลงอำนาจ อย่าลืมทวยราษฎร์บริวาร

นิทานพื้นบ้านอีสาน  

เซียงเมี่ยง...ติช้างพระราชา (นิทานพื้นบ้าน---อีสานจุฬาฯ)
เซียงเมี่ยง..บั้นกลาง

  หน้าก่อน หน้าถัดไป
๓๑.ติช้างพระราชา


มื้อนึง นายพรานซ้าง ค้องได้ซ้างเผือกพลายงาม งางอโง้ง เงางดงาม กะเลยนำซ้างโตนั้น มาถวายพระราชา ให้เป็นซ้างคู่บารมี ของพระราชา เด้

หลังจากนายควาญซ้าง (คนเลี้ยงซ้าง ฝึกสอนซ้างนั่นล่ะ) รับทราบเรื่องแล้ว กะไปเข้าเฝ้าพระราชา ทูลเชิญให้เสด็จไปเบิ่ง ซ้างเผือกพลายงาม ว่าซั่นเถาะ

พระราชา พร้อมทั้งเสนาอำมาตย์ใหญ่ กะพากันไปเบิ่งซ้าง เซียงเมี่ยง กะได้ไปนำขาเจ้า คือเก่านั่นล่ะ พอพระราชา ไปฮอดแล้ว กะพิจารณาซอมเบิ่งซ้างเผือกเนาะ.... เบิ่งแล้วเบิ่งอีก เบิ่งหม่องนั้นกะงาม เบิ่งหม่องนี้กะงาม เบิ่งหม่องได๋กะงาม ตรงตามคชลักษณะ ทุกประการ หาหม่องติบ่ ได้เอาโลด ปากกะว่า

“ โฮ้...ซ้างเผือกโตนี้ งามคักงามแน่ งามแท้ งามหลาย”

เสนาอำมาตย์ทั้งหลายกะว่า

“ ซ้างเผือกโตนี้ งามคัก งามบ่มีหม่องติ สมเป็นซ้างคู่พระบารมีของพระองค์ อีหลี พะเจ้าค่า”

ผู้นั้นกะซม ผู้นี้กะซม ผู้นั้นกะยอ ผู้นี้กะย่อง เด้... เหลือแต่เซียงเมี่ยงผู้เดียว บ่ปากอีหยังนำเขาจักควม พระราชาเลยถามว่า

“ เซียงเมี่ยงล่ะ เห็นว่าจั่งได๋ ”

เซียงเมี่ยงกะเลยว่า

“ ซ้างโตนี้ กะงามดียุ เสียอย่างเดียว โตใหญ่ ผัดตาตีบ ตาน้อย บ่สมโต” พะนะเลาว่า

พระราชาได้ฟังกะคึดในใจ “อ้ย..บัก....เอ้ย.... จักแมนอึดคำติเนาะ... กะธรรมชาติมันเป็นจั่งซั่น” แต่กะเว้าออกมาว่า

“ เอ้อ.. มันกะตาน้อยคือเจ้าว่า อีหลีเด้ล่ะเนาะ บะได๋”

  หน้าก่อน หน้าถัดไป

 
Creative Commons License

ชมรมอีสานจุฬาฯ... นิทานพื้นบ้านอีสาน