ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 25 เมษายน 2568:: อ่านผญา 
ไม้บ่ทันแทกด้ามอย่าได้อ่าวฮอนตัด เกรงบ่เถิงภายลุนสิโพดมือเมื่อหน้า แปลว่า ยังไม่ทันได้วัดขนาด อย่าเพิ่งตัดไม้ เพราะอาจตัดจนเหลือสั้นเกินไป หมายถึง ก่อนลงมือทำ ควรไตร่ตรองพิจารณาให้รอบคอบ

นิทานพื้นบ้านอีสาน  

ท้าวเสียวสวาด (นิทานพื้นบ้าน---อีสานจุฬาฯ)
นิทานแลง.. ท้าวเสียวสวาด

  หน้าก่อน หน้าถัดไป
ปัญหา ลักขณาในใจ ฮู้แล้ว อย่าเถิงสอง


ท้าวเสียวสวาดกะอธิบายต่อ ว่า

     ส่วนคำว่า “ลักขณาในใจ ฮู้แล้ว อย่าเถิงสอง” ขอพระองค์ฟังนิทานเรื่องนี้เบิ่งก่อน


     มีพระราชาองค์นึง เสด็จไปเที่ยวเล่นอุทยานโดยลำพังผู้เดียว ได้พบเห็นฤๅษีองค์นึงนอนดมดอมอยู่กับผู้ญิงคนนึง ในอุทยานนั่นล่ะ พระราชานั้น กะย่างกรายหนี ทำเป็นบ่ฮู้บ่เห็น ด้วยความเคารพในฤๅษี กะบ่เว้าเรื่องที่เจ้าของเห็นให้ผู้ได๋ฟัง เก็บเป็นความลับไว้ในใจ

     พระราชากะคิดว่า ที่เฮามาเป็นทุกข์ใจเพราะเก็บความลับอยู่นี่ กะเป็นย่อนตาสองตานี่ล่ะ มันไปแนมเห็น คันตาแนมบ่เห็นเสียแล้ว กะสิคือสิบ่มีทุกข์แบบนี้

     คิดแล้ว กะเลยเฮ็ดให้ตาเจ้าของบอด

     ราชบัณฑิตมาเห็น กะถามพระราชาว่า เป็นหยังจั่งทำร้ายเจ้าของจั่งซี้ เหตุอีหยัง จั่งได้เฮ็ดตาเจ้าของให้บอดจั่งซี้ พระราชา กะบ่ปาก บ่บอกเหตุผล

      ราชบัณฑิต กะคิดว่า “มันต้องมีที่มา เฮาสิฮู้ความลับนี้ให้ได้” กะไปหาสืบเบิ่งจนฮู้ว่าพระราชาไปไสมา จากนั้น กะเลยย่างเลาะไปตามเส้นทางที่พระราชาไป จนไปฮอดหม่องนั่น กะได้เห็นฤๅษีดอมดมอยู่กับผู้ญิง กะเลยเข้าใจเหตุการณ์

     หลังจากราชบัณฑิต ฮู้ความจริงแล้ว กะมาเว้าให้พระราชาฟัง แล้วกะขอรักษาตาพระราชา พระราชาเห็นว่าความลับ บ่ได้เป็นความลับแล้ว มีบุคคลอื่นฮู้แล้ว กะเลยยอมให้ราชบัณฑิตรักษาตา

     ราชบัณฑิตกะเอายามาปัวตาพระราชาจนหายตาบอด

     นี่ล่ะ ฤๅษีมีการกระทำที่เป็นความลับ แต่พระราชากะมาฮู้มาเห็น พระราชาได้ฮู้ความลับของฤๅษีกับผู้ญิง พยายามสิเก็บไว้เป็นความลับ กะถืกราชบัณฑิตฮู้เห็น อันว่าความลับ ถ้าเล็ดลอดไปฮอดบุคคลที่สอง กะย่อมบ่เป็นความลับ คำว่า ลักขณาในใจ ฮู้แล้วอย่าเถิงสอง กะมีความหมายจั่งซี้ล่ะ



     เมื่อนั้น พระยาก็มีใจอันชมชื่นยินดีแล้ว ก็ปลงยังนามศักดิ์แต่งไว้ให้เสียวสวาดเป็นอัครมหาเสนาราชบัณฑิตต่อต่างตน นับแต่คนหญิงชายห้าร้อย ให้เป็นข้อยกลางเฮือน เปิ่งคำ เงิน และคำแสนโกฏิ ข้าวน้ำโสดเต็มเยีย


    หลังจากพระราชาฟังคำอธิบายจากท้าวเสียวสวาดแล้ว กะเข้าใจ แล้วกะหายจากโรคหวาดระแวง พระราชาเลื่อมใส นับถือว่าท้าวเสียวสวาดว่าเป็นนักปราชญ์ กะเลยตั้งให้ท้าวเสียวสวาดเป็นราชบัณฑิตประจำพระองค์ มอบชายหญิงห้าร้อยคนให้เป็นบริวารคนรับใช้ มอบเงินทอง ข้าวของอีกมากมาย ให้ท้าวเสียวสวาด

     ท้าวเสียวสวาด กะได้เป็นที่ปรึกษาของพระราชา ซ่อยอบรมสั่งสอนเหล่าเสนาอำมาตย์ ราชบุตร รวมทั้งชาวเมืองทั้งหลาย ในสิ่งที่ถืกที่ควร ให้อยู่ในศีลในธรรม

     พระราชาเอง กะได้ปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรม บ้านเมืองที่เคยวุ่นวายเดือดร้อน กะสงบสุขสืบมา

ศีลคุ้มครองกาย
ธรรมคุ้มครองใจ
ศีลธรรมคุ้มครองโลก
ศีลธรรมคุ้มครองบ้านเมือง

 

  หน้าก่อน หน้าถัดไป

 
Creative Commons License

ชมรมอีสานจุฬาฯ... นิทานพื้นบ้านอีสาน