ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 26 เมษายน 2568:: อ่านผญา 
มีไหมบ่มีเข็มฮ้อยสิเอาหยังหยิบแส่ว มีเข็มคันไหมบ่ฮ้อยก้นสิสนได้ฮ่อมใด แปลว่า มีด้ายแต่ไม่มีเข็มร้อย จะเอาอะไรเย็บ มีเข็มแต่ไม่มีด้ายร้อยรูเข็ม ก็เย็บไม่ได้ หมายถึง กิจทั้งหลาย สำเร็จได้ด้วยความสามัคคี

นิทานพื้นบ้านอีสาน  

เซียงเมี่ยง...ติเฮือนพระราชา (นิทานพื้นบ้าน---อีสานจุฬาฯ)
เซียงเมี่ยง..บั้นกลาง

  หน้าก่อน หน้าถัดไป
๓๗.ติเฮือนพระราชา


ช่วงนึง พระราชาเพิ่นสร้างเฮือนหลังใหม่ ช่างกะออกแบบ แล้วกะสร้างได้งามอย่างคัก งามปานเฮือนเทวดาเอาโลด (บ่แมนเฮือนเทวดาเสาเดียวเด้ล่ะ)

หลังจากสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้นั้นกะชม ผู้นี้กะยอ ผู้ได๋เห็นกะย่อง ว่างามคักงามแน่ งามแท้งามอีหลี เซียงเมี่ยง ได้ยินจั่งซั่น กะคันหู คันแข่ว คันปาก (คือบ่เกาล่ะหือ?) กะเลยเว้าออกมาว่า

“ เฮือนหลังนี้ รูปแบบมันกะงามดีอยู่ดอก เสียแต่ว่ามันเป็น เฮือนตาย เป็นเฮือนบ่มีชีวิต ท่อนล่ะ .... คนเฮา ถ้าสิให้ดี กะต้องเป็นคนมีชีวิต เฮือนกะคือกัน ถ้าสิให้ดีสมบูรณ์แบบ กะต้องเป็น เฮือนที่มีชีวิต”

พระราชากะเลยว่า

“ เออ เออ แมนคือเจ้าว่าอีหลีน้อ เซียงเมี่ยง... คันจั่งซั่น ให้เจ้าสร้างเฮือนเป็น ให้เฮาจักหลังแหน่เด้อ... เฮือนเป็นนี้ มันสิดีเป็นตาอยู่ส่ำได๋”

เซียงเมี่ยง กะเลย ขอคนของพระราชา มาเป็นลูกมือ ในการเฮ็ดเฮือนเป็น หลังจากจัดเตรียมอุปกรณ์ เรียบร้อย กะลงมือสร้างเฮือนเป็น ซั่นแหล่ว

พอเฮ็ดเสร็จเรียบร้อย กะไปทูลพระราชาเด้... พระราชา พร้อมทั้งเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย กะยุรยาตรย้าย ดุ่มเดิน ดิ่งไปเฮือนที่เซียงเมี่ยงบอกว่า “เฮือนเป็น” เพื่อสิไปพิสูจน์

รูปแบบเฮือน เบิ่งภายนอก กะงามเติบของเลาอยู่เด้ล่ะ แต่ว่า ลองมาเบิ่งว่า เซียงเมี่ยง เฮ็ดเฮือนเป็นจั่งได๋เนาะ....

...ตามไปซอม...


เฮือนหลังนี้ เลาสร้างไว้กลางสระน้ำ ที่มีดอกบัวตูมบัวบาน สีแดง สีขาว สีฟ้า...เด้

คันได หรือว่าสะพานย่างจากฮิมสระไปเฮือน เลาปักหลักไว้ ช่วงกลางระหว่างเฮือน กับฮิมสระ แล้วกะเอาขอนไม้ วางก่าย เฮ็ดคือจั่งโดดเดี่ยงด้างนั่นแมะ …. คันสิย่างไปเฮือน กะต้องย่างไต่ ขัวเดี่ยงด้างนี้ไปเด้

ส่วนไม้สำหรับปูพื้นเฮือน... อยู่นอกชานเฮือน เลาเอาลำไม้ไผ่กลมๆ มาวางเรียงกันซื่อๆ นี้ล่ะ บ่มีการตอกลิ่ม หรือมัดไว้เลยว่าซั่นเถาะ.... อยู่พื้นเฮือนในบ้าน เลาเอาง่าไม้ ลิแขนงมันออกดีๆ แล้วกะเอามาวางก่าย ปูเป็นพื้นเฮือน บ่มีการมัดหรือตอกลิ่มคือกัน แล้วกะ ง่าไม้ซุมนี้ มันกะคดโง งอ บ่ซื่อ น้อ....

(ผู้อ่านกะพยายามจินตนาการเอาเองโลดเด้อ...ขะน้อย)

จากนั้นพระราชา กะย่างไต่ขัวเดี่ยงด้าง

พอเหยียบ มันกะเดี่ยง เบิ๊บ วะนึง... เสียหลักเกือบล้มพุ่นล่ะแมะ... จากนั้น กะค่อยๆ ไต่ไป พอย่างเลยหลักกลาง มันกะเดี่ยงลงอีก... พระราชาเลาเสียหลัก เซแล่นไต่ขัวไป จนฮอดเฮือนหม่องนอกซาน... พอตีนเลาเหยียบถืกลำไม้ไผ่ ลำไผ่กะพลิกหมุนกลิ้ง... พระราชากะเลยก้นขี้ทั่ง บั๊บ วะนึง ทางปากกะจ่มให้บักเซียงเมี่ยง ไปนำ ลุกย่างเข้าไปเบิ่งในเฮือนไปนำ

พระราชาเจ้า ย่างเข้าไปฮอดในเฮือน เหยียบหม่องได๋ ไม้หม่องฮั่นกะหมุนกลิ้ง ดิ้นไปดิ้นมา จนสิเซซวนล้ม ฝูงหมู่อำมาตย์ไท้ พากันกลิ้ง กอดกัน หกขะเมน ก็มี หั้นถ่อน คนผู้ย่างสำบายแท้ เทิงเฮือนนี้ บ่ได้มี จักคน แท้แหล่ว .... ซัวสิลงเฮือนได้ เจ็บคิงถ้วน ทั่วทุกคน ว่าเด้...

ลางคนนั้น ย่างบ่ดีเหยียบไม้เดี่ยง เลาเลยคาดลาดล้ม ตกต้าม ลงน้ำหนอง ซั่นแหล่ว …

ฝ่ายว่าเซียงเมี่ยงนั่น ยืนแท้แล้ อยู่ตอฝั่ง ซอมส่งเสียงเทิงปีบฮ้อง หัวร่อจนแอวงอ นั้นเด้อ...

กะจั่งว่านั่นล่ะ แต่ละคนที่ย่างเข้าไปเบิ่ง เฮือนเป็น ที่เซียงเมี่ยงสร้างขึ้น ซัวสิกลับมาฮอดฝั่งสระน้ำได้ กะเจ็บคิง กันเหมิด ผู้ลังคน กะเปียกน้ำ.... พากันจ่มให้เซียงเมี่ยง กันเป็นแถว

พระราชาเลาสูน กะเลยว่า

“ เฮือนแบบนี้บ้อ ที่มึงว่า เฮือนเป็น ที่มึงว่าสมบูรณ์แบบ เฮือนแบบนี้ เขาเอิ้นว่า เฮือนที่เฮ็ดบ่ทันแล้ว เพราะว่า ไม้ที่เอามาปูพื้น กะยังบ่ทันได้ตอกลิ่ม บ่ทันได้มัดเลย”

เซียงเมี่ยง กะอธิบายแก้โตไปว่า

“ คนตายแล้ว ดิ้นบ่ได้ ติงบ่ได้ คนเป็นจั่งดิ้นได้ ติงได้ เฮือนที่ดิ้นบ่ได้ ติงบ่ได้ คือเฮือนตาย ส่วนว่าเฮือนที่ดิ้นได้ ติงได้ กะคือเฮือนเป็น พะเจ้าค่า .... แล้วกะเฮือนหลังนี้ มันดิ้นได้ ติงได้ มันกะคือเฮือนเป็น เป็นเฮือนที่มีชีวิต จั่งได๋ล่ะ พะเจ้าค่า”

  หน้าก่อน หน้าถัดไป

 
Creative Commons License

ชมรมอีสานจุฬาฯ... นิทานพื้นบ้านอีสาน