ยังมีเมืองกว้างใหญ่ อยู่ไกลปานฟ้า ชื่อว่า " สีดา " นั่น นามเมืองตั้งใหม่ ผู้ข้าฯขานชื่อไว้ เป็นคำเว้าถิ่นอีสาน ซื่อ ๆ ดอก...
เมืองสีดา กะเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง พอสมควรเด้ อีหลีแล้ว ความเจริญทางวัตถุ กะเจริญกั่วเมืองทวาลี พุ่นล่ะไป๋... มีอยู่ช่วงนึง ชาวเมืองสีดา มาค้าขาย โฆษณาสินค้าไปนำ เล่นกลไปนำเด้ ชาวเมืองสีดาผู้นึง (เอิ้นเลาว่า ท้าวสีดา ซะเนาะ) เลาเล่นกล เก่งตั้วล่ะ คนกะไปเบิ่งเลาหลายคัก ได้ยินข่าว กะแห่แหน ไปเบิ่ง
"ไปเบิ่งท้าวสีดาเล่นกล ไปเบิ่งท้าวสีดาเล่นกล" พะนะคนเขาซาเขาลือกัน
กลที่ ชาวเมืองทวาลี สะออนหลายกะคือ "ผ้าวิเศษควันทุ่ย" จนชาวเมืองพากันงึด ว่า ชาวเมืองสีดาเก่งคัก สามารถทอผ้าควันทุ่ยได้ บ่มีไผฮู้ว่า ผ้ามีควันผืนนั่น เป็นแค่การเล่นกล ชาวเมืองพากันเข้าใจว่า เป็นผ้าวิเศษอีหลี ว่าซั่นเถาะ...
พระราชาได้ยินข่าว กะคึดย่านชาวบ้านชาวเมือง เสื่อมศรัทธาต่อเมืองทวาลี ไปเลื่อมใสเมืองสีดา กะเลยต้องหาวิธีตัดความเชื่อนี้ให้ได้ ... หลังจากปรึกษากับเสนาอำมาตย์ทั้งหลายแล้ว (ขุนศรีฯนำล่ะหวา) ในที่ประชุมกะตกลงกันว่า ควรสิมีการจัดประกวดผ้าวิเศษ ระหว่างเมืองสีดา กับเมืองทวาลีขึ้น โดยขุนศรีฯ กะรับอาสา เป็นคนหาผ้าวิเศษของเมืองทวาลี เด้
ผ้าวิเศษเมืองสีดา กะฮู้กันอยู่แล้วว่า เป็นผ้าควันทุ่ย
ส่วนผ้าวิเศษของขุนศรีฯ สิเป็นแบบได๋น้อนอ... จั่งค่อยสิชนะใจของชาวเมืองได้..
พอฮอดมื้อประกวดแข่งขัน ชาวบ้านชาวเมือง กะมาชุมนุมกันหลายอย่างคักเด้
ท้าวสีดาถือกล่องไม้ ย่างขึ้นเวทีสูงๆ ทำเป็นตบมือนั่น ตบมือนี้ เคาะหม่องหนั่นหม่องหนี่ แล้วกะเอามือ จกลงไปในกล่องไม้ ได้ผ้าผืนนึงขึ้นมา แล้วกะมีหมอกควัน ลอยออกจากผ้าผืนนั่น ทุ่ยๆ เป็นตาสะออนของเลาอยู่เด้ล่ะ
ชาวเมือง กะพากันฮ้องย่องแซวๆ ตบไม้ตบมือให้ แตกซวดๆ แตกโคบๆ
มาถึงตาขุนศรีฯ ติล่ะ... ขุนศรีฯ พายย่ามใบนึง ย่างขึ้นไปเทิงเวที แล้วกะเว้าว่า
"ต่อไปนี้ ท่านสิได้พ้อ ได้เบิ่ง ได้เห็น ของที่บ่เคยเห็น นั่นคือ ผ้าวิเศษ ที่วิเศษที่สุด เป็นผลงาน ของช่างทอชาวเมืองทวาลี ของเฮานี่เอง ขอบอกไว้ก่อนว่า ผ้าผืนนี้ เฮ็ดจากไหม ใสละเอียดบางเบา นุ่ม ห่มเย็นสบาย"
ชาวเมืองเริ่มเฮ็ดตาตื่นตะลึง.. "แม่นอีหลีบ้อ ???"
จากนั้นขุนศรีฯกะเว้าต่อ
"เอาล่ะ ผ้าที่ว่านี้ สิวิเศษจั่งได๋ ขอเชิญส่งสายตา มาเบิ่งแยงกัน ให้แจ่มแจ้งได้เลย" เว้าแล้ว ขุนศรีฯ กะทำทรงเอามือจกถงย่าม ทำเป็นหยิบผ้าขึ้นมา แล้วกะเอามือสองข้าง ทำเป็นถือ แล้วกะขึงผ้าออก
คนทั้งหลาย เหลียวเบิ่งจั่งได๋ กะบ่เห็นผ้า
??????"ไส ไส ผ้าวิเศษเจ้าอยู่ไส"??????
" ผ้าวิเศษผืนนี้ กะบอกแล้วว่า ทอจากไหมที่ ใส ละเอียด บาง เบา จนเบิ่งด้วยตาธรรมดาๆ อาจสิบ่เห็น .... นี่ละคือความวิเศษของผ้าผืนนี้ ผ้าของท้าวสีดา แค่มีควันออกมา แต่ว่าผ้าของผู้ข้าฯ เนื้อละเอียดใส จนเหลียวบ่เห็น เป็นผ้าล่องหน ถือได้ว่าวิเศษอีหลี น้อพี่น้องน้อ"
ชาวเมือง ตะลึง พากันสะออน พากันงึดหลาย พากันฮ้อง ย่องยอเสียงดัง ตบมือแตกซวดๆ ดังกั่ว ดังดนกั่ว ตอนตบมือให้ท้าวสีดาอีก กะยังว้ากะยังว่า
เป็นอันว่า ขุนศรีฯ กะสามารถดึงศรัทธา ของชาวเมืองกลับมา ได้อีหลี
ชาวเมืองกะดายเนาะ ขุนศรีฯเลาบ่มีผ้าเดิก ทำทรงเอามือจับซื่อๆ ผ้าบ่มี สิไปเหลียวเห็นหยัง นอกจากอากาศ... ถืกสีดาต้มยังบ่พอ ยังมาถืกขุนศรีฯต้มอีก...
|