ขุนศรีฯกับลูกสาวเศรษฐี อยู่นำกันเป็นสามีภรรยา อย่างมีความสุข แบบข้าวใหม่ปลามันเนาะ เรื่องเงินคำกำแก้ว ขุนศรีฯเป็นคนหา ภรรยาเป็นคนใช้ (เป็นคนใช้เงินเด้อ บ่แม่นคนรับใช้) กะเลาเป็นลูกสาวเศรษฐีเนาะ เคยใช้เงินหลายจั่งได๋ กะใช้จั่งซั่นคือเก่า ขุนศรีฯบ่ได้เป็นเศรษฐี เป็นแค่ข้าราชการเงินเดือนหน่อยๆ บ่มีเงินพอให้เมีย เอาไปใช้ฟุ่มเฟือยแบบนี้เดิ๊ก...
บ่ทันดนปานได๋ เงินทองที่เก็บสะสมไว้ กะเริ่มร่อยหรอลง จนเกือบใกล้สิเหมิด เมียขุนศรีฯ เห็นเงินเหลือหน่อย ใช้สอยบ่สะใจ กะเลยบอกขุนศรีฯว่า
ตอนนี้เงินเหลือหน่อยคักแล้ว บ่มีเงินใช้จ่ายในบ้าน เจ้าฟ้าวไปหาเงิน มาให้ข้อยแหน่
เอ้อ เอ้อ เดี๋ยวสิหามาให้ดอก ว่าซั่น ขุนศรีฯกะดาย
มื้อลุนมา ขุนศรีฯ กะไปเฮ็ดงานในวังคือเก่านั่นล่ะ ขุนศรีฯ กะเว้าให้พวกเสนาอำมาตย์ ทั้งหลายฟังว่า เจ้าของมีวิชาดี สามารถฮู้ใจของผู้อื่น ทายใจผู้อื่นได้ถืกต้องบ่มีผิด ว่าซั่นเด้.... พวกเสนาอำมาตย์ฟังแล้ว กะบ่เชื่อ หาว่าขุนศรีฯ ขี้คุย ขี้โม้ ... ขุนศรีฯกะเลยว่า
คันบ่เชื่อ กะมาพนันกันเบิ่งตี้ล่ะ... ข้อยสิทายใจหมู่เจ้าทุกคนให้เบิ่ง... คันข้อยทายใจผู้ได๋บ่ถืก ถือว่าข้อยแพ้พนัน.. พนันท่อได๋ข้อยกะยอมจ่าย
พวกเสนาอำมาตย์ กะพากันคึดว่า
ผู้ได๋สิมาทายใจผู้อื่นได้ถืก... ถึงสิทายถืก เฮาบอกว่าบ่ถืก สิเอาหลักฐานมาแต่ไส ว่าเฮาได้คึดจั่งซั่นอีหลี... บักขุนศรีฯมันคือโง่แท้ หาเรื่องเสียเงินชัดๆ"
กะเลยพากันพนันกับขุนศรีฯ ผู้ละบ่ต่ำกั่วพันตำลึง ก๋าว่างวดนี้รวยคักๆ ....
ขุนศรีฯ กะรับพนันกับทุกคน อย่างบ่สะทกสะท้าน จากนั้นกะว่า
ถ้าสิให้ดี เพื่อความยุติธรรม ควรสิไปทายใจต่อหน้าพระราชา ดีกั่ว
เสนาอำมาตย์กะเห็นดีนำ ..... ช่วงที่เข้าเฝ้าพระราชา อำมาตย์ใหญ่ กะทูลพระราชาให้ฮู้เรื่อง แล้วกะขอให้พระราชาเป็นพยาน เด้
พระราชากะว่า
เอ้อ ดีคือกัน สิได้ฮู้ว่าผู้ได๋คึดจั่งได๋ ผู้ได๋คิดบ่ซื่อ บ่ตรง
จากนั้น ขุนศรีฯ กะเริ่มทายใจเสนาอำมาตย์ทั้งหลายว่า
เสนาอำมาตย์ทั้งหลาย ทุกผู้ทุกคน บ่มีผู้ได๋คึดคดทรยศ ต่อพระองค์ ดอก จิตใจของเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย จงรักภักดีต่อพระองค์ กันทุกคน พะเจ้าค่า
แมนจั่งซั่นอีหลีบ่ เสนาอำมาตย์ ใจของหมู่เจ้า จงรักภักดีต่อเฮา จั่งขุนศรีฯทายบ่?"
เสนาอำมาตย์ทั้งหลาย ต่างเว้าเป็นเสียงเดียวกันว่า
แมนแล้ว ถืกต้องแล้ว พะเจ้าค่า
เสนาอำมาตย์ บ่มีไผกล้าบอกว่า ขุนศรีฯทายผิด เพราะถ้าเป็นจั่งซั่น กะเท่ากับว่า เจ้าของ บ่จงรักภักดีต่อพระราชา อาจถืกตัดหัวได้... กะเลยยอมรับ แล้วกะยอมเสียพนันให้ขุนศรีฯ
มื้อนั้น ขุนศรีฯ ได้เงินพนันจากเสนาอำมาตย์ ตั้งวะหลายกระสอบ... รวยเลยแหล่ว
|