ขุนศรีฯ พอได้เงินหนึ่งชั่ง หรือแปดสิบบาท จากแม่ใหญ่ถี่แล้ว คึดอยากเอาเงินนั่น มาลงทุน เพื่อสิเกิดกำไรก้อนใหญ่กั่วเก่า เลากะเลย ไปหาซื้องัวท่าวมาโตหนึ่ง ราคายี่สิบบาท จากนั้น กะเอาเงินซุกไว้ในหญ้า แล้วกะเอาป้อนงัว ให้มันกิน เทิงเงินเทิงหญ้า งัวโตนั้น กินเงินเข้าไปตั้งวะห้าสิบบาทพุ่นน่ะ
จากนั้นขุนศรีฯ กะจูงงัวโตนั้น ไปติดต่อขาย กับเศรษฐีพ่อค้ามักโลภ ที่มักซื้อของเก็งกำไรหลายๆ เพราะคึดว่า แผนนี้ต้องใช้กับคนมักโลภ จั่งสิได้ผลดี พอไปฮอดบ้านเศรษฐีมักโลภ กะบอกว่า
"ข้อยมีงัวคูณ งัวมั่ง งัวมี มาขายให้เจ้า"
"งัวโตนี้บ้อ งัวมั่งงัวมี... มันดีจั่งได๋ ว่ามาดู้"
"งัวโตนี้ พิเศษกั่วงัวโตอื่นทั้งหลาย กะคือว่า มันสิขี้ออกมาเป็นเงิน มื้อละประมาณ บ่ต่ำกั่วยี่สิบบาท"
"งัวแนวนี้ กะมีอยู่บ้อ... คันเป็นจั่งเจ้าว่า เป็นหยังเจ้าจั่งบ่เลี้ยงไว้เอง เจ้าเอามาขายเฮ็ดหยัง"
"มีแน่นอน รับรองได้ ...ข้อยเองกะบ่อยากขายดอก ของดี หายากปานนี้ ผู้ได๋สิอยากขายเนาะ แต่ที่ข้อยตัดสินใจขายนี่ กะเพราะว่ามันจำเป็นอีหลี ข้อยมีปัญหา ต้องการใช้เงินด่วน ข้อยบ่มีเวลาสิรอถ่า มื้อละยี่สิบ สามสิบบาท ข้อยจำเป็นหลาย กะเลยตัดสินใจขายงัวดีโตนี้"
พอดี ขณะที่ขุนศรีฯ กำลังเว้าอยู่หนั่น งัวโตนั้น กะขี้ออกมาปุ๊กปั๊ก ปุ๊กปั๊ก.... ขุนศรีฯ กะเอาไม้มาเขี่ยขี้งัว กะเห็นเงินอีหลี นับได้ยี่สิบบาทพอดี กะยังว้ากะยังว่า...
เศรษฐี เห็นงัวขี้ออกมาเป็นเงินอีหลี ถึงกับตะลึง ตาวาว อยากได้อย่างแฮง ซั่นแหล่ว....
" เจ้าขายท่อได๋ล่ะ"
"ขายบ่แพงดอก ข้อยต้องการใช้เงินด่วนพันบาท ข้อยขอจักพันบาท ได้บ่ท่านเศรษฐี"
"งัวโตนี้ หนึ่งพันบาท วะติ... อืมมมมมมม...."
สมองเศรษฐี คึดคำนวณรายได้อย่างรวดเร็ว... ขี้เทื่อเดียว ตั้งวะยี่สิบบาท มื้อนึง ขี้ตั้งวะหลายเทื่อ... เอาอย่างหน่อยๆ ซะไป๋ ได้มื้อละยี่สิบบาท.... เดือนนึง กะประมาณหกร้อยบาท .... สองเดือน พันสอง .... สามเดือน .. สี่เดือน ... ปีหนึ่ง กะประมาณ เจ็ด แปดพันล่ะหวา .... ซื้อหนึ่งพันบาท สองเดือนกะคืนทุนแล้ว ... เหลือนั้น กำไรเฮาเหมิด ...
" ตกลง หนึ่งพัน กะหนึ่งพัน "
เศรษฐี กะเอาเงินหนึ่งพันบาท มาจ่ายให้ขุนศรีฯ แลกกับงัวท่าวโตนั้น
ขุนศรีฯ ผู้ไหวดี บ่ทันพอคราว กะหาเงินได้ตั้งวะ หนึ่งพันบาท... กะยังว้ากะยังวะ
เศรษฐี ได้งัวไปแล้ว กะคองคอยท่างัวขี้ พองัวขี้ออกแล้ว กะเอาไม้ไปเขี่ยเบิ่ง กะพ้อเงินอีกสิบห้าบาท... กะดีใจอย่างคัก .... กะคองคอยท่าคือเก่า ... กะได้เงินอีกสิบห้าบาท กะดีใจอย่างคัก ....
มื้อลุนมาตี้ล่ะ เห็นงัวขี้ เอาไม้ไปเขี่ยหาปานได๋กะบ่พ้อเงินจ๊ากบาท เอาโลด กะยังว้ากะยังว่า ....
เวลาผ่านไปเป็นอาทิตย์ กะบ่มีเงินออกมาอีกเลย ... เศรษฐี กะเริ่มสงสัย ว่าเจ้าของถืกตั๋ว กะเลยไปถามขุนศรีฯ ผู้เอางัวมาขาย ขุนศรีฯกะถามคืนว่า
"เจ้าเอาหยังให้มันกินล่ะ"
"กะเอาหญ้า นั่นล่ะเนาะ "
"หยอน แมน ล่ะ แหม..... เจ้าเอาหญ้าให้มันกิน มันกะต้องขี้ออกมาเป็นหญ้า.. ถ้าเจ้าต้องการให้มัน ขี้ออกมาเป็นเงิน เจ้ากะต้องเอาเงินให้มันกิน ซั่นตี้"
"เอาให้กินสิบบาท มันสิขี้ออกมาซาวบาท ร้อยบาทบ่?"
"บ้าตี้ ..ให้กินสิบบาท มันกะขี้ออกมาสิบบาท ท่อนั่นตั้ว... คันเจ้าอยากให้มันขี้ออกมา เป็นเงินร้อยบาท เจ้ากะต้องเอาเงิน ให้มันกินร้อยบาท"
"ให้กินซั่มได๋ กะขี้ออกมาซั่มนั่น"
"เอ้อ..แม่นแล้ว"
"คันจั่งซั่น มันสิมีประโยชน์อีหยังคันน่ะ"
" กะมีประโยชน์ที่ว่า งัวขี้ออกมาเป็นเงินนั่นเด้ "
แป่ววว ...
เศรษฐี เลาบ่ยอม กะไปฟ้องศาล ให้ตัดสินคดีว่าขุนศรีฯขี้โกง ..... แต่ว่าในที่สุด เศรษฐีกะแพ้คดี ที่บ่ได้ถามให้ชัดเจนว่า การที่สิให้งัวขี้ออกมาเป็นเงินนี่ ต้องให้งัวกินอีหยัง ... เพราะว่าตอนเศรษฐีเลาซื้องัว งัวกะได้ขี้ออกมาเป็นเงินอีหลี ขุนศรีฯบ่ได้ตั๋ว.....
ขุนศรีฯ ผู้ไหวดี กะเลยรอดโตไปอย่างลอยนวล สะล่ะล่ะ
|