ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 25 เมษายน 2568:: อ่านผญา 
พงษ์พันธุ์เชื้อตายายพ่อแม่ ควรที่นบนอบไหว้ยอไว้ที่สูง แปลว่า พงศ์พันธุ์เชื้อสาย ตายายพ่อแม่ ควรที่เราจะนบนอบไหว้ ยกไว้ให้สูง หมายถึง ควรให้ความเคารพนับถือพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ผู้เป็นต้นเชื้อสายของเรา

นิทานพื้นบ้านอีสาน  

สังข์ศิลป์ชัย (นิทานพื้นบ้าน---อีสานจุฬาฯ)
นิทานแลง.. สังข์ศิลป์ชัย

  หน้าก่อน หน้าถัดไป
สังข์ศิลป์ชัยผจญภัยในป่า



พอเข้าไปถึงเขตป่าที่ไม่ใช่เขตมนุษย์ ได้พบกับยักษ์ตนหนึ่งกำลังออกหากินในป่า จึงสู้รบกัน ศิลป์ชัยแผลงศร ฆ่ายักษ์ตาย

จากนั้น ได้พบช้างสารมหึมา สี่ตัว และต่อสู่กัน และศิลป์ชัยก็สามารถเอาชนะช้างได้

เมื่อเดินทางต่อไป ได้พบกับนางนารีผล ซึ่งเกิดจากต้นไม้ บังเอิญวิทยาธรตนหนึ่ง ก็มาพบเข้าเช่นกัน ศิลป์ชัยกับวิทยาธร จึงต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงนารีผล ศิลป์ชัยชนะ และได้นารีผลเป็นภรรยา

ศิลป์ชัยเดินทางต่อไป และได้พบกับนางกินนรีชื่อเกียงคำ ศิลป์ชัยหลงรักนางกินนรีเกียงคำ และได้นางกินนรีเกียงคำเป็นภรรยา

ศิลป์ชัย เดินทางต่อไปเรื่อยๆ ในที่สุดศิลป์ชัยก็เดินทางมาถึงเมืองยักษ์

ตอนที่ศิลป์ชัยเข้าเมืองยักษ์นั้น ยักษ์กุมภัณฑ์ออกไปหากิน ศิลป์ชัยได้พบนางสุมณฑาผู้เป็นอา เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง และเชิญนางสุมณฑากลับเมืองเป็งจาล

นางสุมณฑา มาอยู่เมืองยักษ์ในฐานะภรรยายักษ์กุมภัณฑ์เป็นเวลานานหลายปี แม้จะรู้ว่าสามีเป็นยักษ์ แต่เมื่อคราวจะลาจากจริงๆก็ตัดใจไม่ได้ นางสุมณฑารักอาลัยยักษ์กุมภัณฑ์มาก ศิลป์ชัยจึงบอกตามที่หกกุมารบอกตนว่า พระเจ้ากุสราชจะยอมอภัยให้มารดาตนกับพระนางจันทาเทวี หากศิลป์ชัยสามารถพาพระเจ้าอาสุมณฑากลับเมืองเป็งจาลได้ ด้วยเหตุผลนี้ นางสุมณฑาจึงตกลงใจจะหนีกลับเมืองเป็งจาลกับศิลป์ชัย

แต่ด้วยความอาลัยรักในสามี นางจึงมัวชักช้าอยู่ เมื่อออกไปได้สักหน่อยก็บอกว่า ลืมผ้าสะไบ ขอกลับเข้าไปเอาสะไบก่อน พอกลับไปเอาสะไบมาแล้ว ก็บอกว่าลืมปิ่นปักผม ขอกลับไปเอาก่อน พอได้มาได้ ก็บอกว่าลืมซ้องผม ขอกลับไปเอาก่อน จนเวลาบ่ายคล้อยก็ยังไม่ได้ออกจากเมืองยักษ์

ยักษ์กุมภัณฑ์กลับมาพบเข้า จึงสู้รบกันกับศิลป์ชัย สู้กันนานมาก ในที่สุดศิลป์ชัยก็ฆ่ายักษ์ตาย

เมื่อยักษ์กุมภัณฑ์ตายแล้ว นางสุมณฑาก็บอกว่า ตนมีลูกสาวคนหนึ่งชื่อสุดาจันทร์ ก่อนหน้านี้ยักษ์กุมภัณฑ์เล่นสะกากับอรุณนาค แพ้พนันสะกา จึงยกสุดาจันทร์ซึ่งเป็นลูกสาวให้แก่อรุณนาค สุดาจันทร์เป็นชายาของอรุณนาคอยู่เมืองบาดาล บัดนี้กุมภัณฑ์ได้เสียชีวิตแล้ว คำสัญญาเรื่องพนันสะกาที่ให้ไว้กับอรุณนาคเป็นอันจบสิ้น การจะนำตัวสุดาจันทร์คืนมา ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด ขอให้หลานศิลป์ชัยไปตามสุดาจันทร์มาให้ด้วย

ศิลป์ชัยและสังข์ทอง จึงลงไปเมืองบาดาล โดยสังข์ทองใช้อิทธิฤทธิ์เปิดน้ำเป็นช่องให้ศิลป์ชัยเดินไปได้

ศิลป์ชัยและสังข์ทองเดินทางมาถึงเมืองบาดาล และเล่นสะกากับอรุณนาค โดยมีนางสุดาจันทร์เป็นเดิมพัน ศิลป์ชัยชนะสะกา จึงได้นางสุดาจันทร์มาโดยไม่มีใครเสียชีวิต

ศิลป์ชัย สังข์ทอง นางสุมณฑา และสุดาจันทร์ จึงเดินทางออกจากเมืองยักษ์ไปรวมกลุ่มกับหกกุมารและสีโห

อาหลานได้พบกัน ต่างดีใจเป็นอันมาก และทั้งหมดก็พากันเดินทางกลับเมืองเป็งจาล

ขณะเดินทางกลับ หกกุมารเกรงว่า หากศิลป์ชัยเข้าเมืองเป็งจาล พวกตนก็จะไม่อยู่ในสายตาของบิดา จึงพากันออกอุบายลวงศิลป์ชัยไปฆ่า

หกกุมารชวนศิลป์ชัยไปอาบน้ำตก โดยให้สีโหเฝ้าอารักขานางสุมณฑาและสุดาจันทร์ เมื่อได้จังหวะจึงผลักศิลป์ชัยพร้อมสังข์ทองตกเหว แล้วกลับมาทำทีเป็นร้องไห้เสียใจบอกนางสุมณฑาว่า ศิลป์ชัยเล่นน้ำพลัดตกน้ำเสียชีวิตแล้ว

นางสุมณฑา เศร้าโศกเสียใจ ทั้งที่ไม่เชื่อว่าศิลป์ชัยเสียชีวิตแล้วจริงๆ นางสุมณฑาแอบไปเสี่ยงสัจจะอธิษฐาน โดยวางซ้อง ปิ่นปักผมและสะไบไว้ อธิษฐานว่า หากศิลป์ชัยยังไม่ตาย ขอให้ตนได้สิ่งของเหล่านี้คืน จากนั้นจึงเดินทางกลับเมืองเป็งจาล

สีโหแยกตัวออกมา เดินทางไปหามารดา

พระอินทร์ได้มาช่วยชีวิตศิลป์ชัย สังข์ทอง และพากลับไปหามารดา ทั้งห้าคน คือนางจันทา นางลุน สีโห ศิลป์ชัย สังข์ทอง ก็ได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง

 

  หน้าก่อน หน้าถัดไป

 
Creative Commons License

ชมรมอีสานจุฬาฯ... นิทานพื้นบ้านอีสาน