ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 25 เมษายน 2568:: อ่านผญา 
พระเห็นกันอ้างพรรษา หมาเห็นกันอ้างแข้ว คนเห็นกันถามข่าว แปลว่า พระภิกษุพบกันถามถึงพรรษา หมาพบกันยิงฟันทักทาย คนพบกันถามข่าวคราว หมายถึง พบเจอกัน ควรทักทาย โอภาปราศัยกันและกัน

นิทานพื้นบ้านอีสาน  

ท้าวเสียวสวาด (นิทานพื้นบ้าน---อีสานจุฬาฯ)
นิทานแลง.. ท้าวเสียวสวาด

  หน้าก่อน หน้าถัดไป
ไปค้าขายกับนายสำเภา



เมื่อนั้น         ยังมีนายสะเภาใหญ่ค้า         มาจอดเซาพัก
เสียวสวาด     เห็นนาวา                        คึดประสงค์ไปค้า

ก็จิง            แยงไปห้อง                     เถิงสะเภาแคมท่า
                 ปากกล่าวต้าน                   อรอ้อนอ่อนหวาน
  
บาก็            ปิปายต้าน                      นายสะเภาเสียงม่วน
เป็นที่          ซมซื่นดั้ง                        ดอมท้าวอ่อนหู

แต่นั้น          นายสะเภาต้าน                 แซวแซวฮับพากย์
                 จักว่าหลิ้น                       ลือแท้ดีหลี
  
ตูข้อย          อยู่ประเทศด้าว                 หนแห่งจำปา       พุ้นดาย
                 ตางเมือนำ                      เพื่อนยุงทั้งฮิ้น
  
เขียวว่า        ไกลพงษ์เซื้อ                   แนวนามนานฮอด   บ่ฮู้
คึดให้           ตกเที่ยงแท้                   วันหน้าก็จิ่งมา       พ่อท้อน
  
เมื่อนั้น          เสียวสวาดท้าว                เฮ็วฮีบเมื่อเฮือน
บาก็             เดาดาของ                    แต่งประสงค์ทางค้า

แล้วจิ่ง         เนืองคำต้าน                    ทั้งหลายแล้วสั่ง
ข้อยจัก         ไปลอบเข้า                    สะเภาค้าต่างเมือง   ก่อนแล้ว
  
ค่อยอยู่          ดีเยอศรีเสลียวส้อย          นงแพงตนพี่          เฮียมเอย
เจ้าค่อย         เนาว์สืบสร้าง                 เฮือนย้าวสำฮาญ    แด่ท้อน

ข้อยจัก          ไปเที่ยวหลิ้น                 หลายประเทศนานา ก่อนแล้ว
พอให้            หายไฟยา                    โศกเหงาหนีพล้อย
  
ให้ค่อย           คึดฮ่ำฮู้                       คำพ่อฮาสอน         นั้นเนอ
หากจัก          เทียระฆาคง                  อยู่ยืนยาวหมั้น

เมื่อนั้น           ศรีเสลียวต้าน                จาคำฮับพากย์
พี่ก็                คึดต่อเจ้า                    เป็นน้องผู่เดียว

เจ้าจัก            เดินไปค้าทางสะเภา       ต่างประเทศ
เจ้าจัก            ละพี่ไว้                       เดียวซ้ำตื่นพลอย     แลเนอ
                    อย่านานได้                 เหิงกรายเป็นขวบ    นั้นเนอ
                    ซื้อได้แล้ว                   ของค้าให้ต่าวคืน     พี่ท้อน
  ที่มา : จากหนังสือเรื่องเสียวสวาด พระอริยานุวัตร เขมจารีเถระ ศิลปศาสตร์ ดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักดิ์



     มื้อหนึ่ง มีพ่อค้ามาจากเมืองจำปา เอาเรือสำเภาสินค้ามาจอดเทียบท่าหน้าบ้านของสองพี่น้อง เสียวสวาด กะพูดคุยทำความฮู้จักกับนายสำเภา แล้วกะขอเดินทางไปค้าขายนำ นายสำเภากะอนุญาต เสียวสวาด กะเลยไปลาศรีเสลียวผู้พี่ชาย แล้วกะออกเดินทางไปกับนายสำเภา

     พอเรือสำเภาแล่นไปในทะเล ระหว่างทาง เสียวสวาดเห็นอีหยังกะตาม มักสิถามนายสำเภาอยู่เรื่อยๆ อย่างเช่น พอเรือแล่นผ่านแก่งหิน กะถามว่า
“แก่งนี้ มีหินบ่”

พอแล่นผ่านดงไม้ตามชายฝั่ง กะถามว่า
“ดงนี้ มีต้นไม้บ่”

พอแล่นผ่านหมู่บ้าน กะถามว่า
“บ้านนี้ มีคนอยู่บ่”

พอไปฮอดเมืองเมืองหนึ่ง กะถามว่า
“เมืองนี้ มีเจ้าเมืองบ่”

“ผู้เฒ่าบ้านเมืองนี้ มีสามขาหรือบ่”

พอแล่นผ่านวัด กะถามว่า
“วัดนี้ มีพระบ่”

           อันว่า     หาดอันเฮากรายมานั้น     ก็ยังมีหีน       แดบ่
          อันว่า     ดงอันเฮากรายมานั้น       ก็ยังมีไม้        บ่เด
          อันว่า     บ้านอันกรายจิ่มใกล้        ก็ยังมีคน       บ่นอ
          อันว่า     เมืองนครหลวง             ก็ยังมีเจ้า       บ่จา
          อันว่า     ผู้เฒ่าเมืองอันนี้            ยังมีสามขา     บ่จา
          อันว่า     วัดวาอารามก็ยังมี         พระเจ้าแดบ่     พ่อเฮย  
  

     คำถามต่างๆ ซุมนี้ ฟังแล้ว กะคล้ายๆ คำถามปัญญาอ่อน เพราะว่า ปกติแล้ว แก่งหิน กะต้องมีหิน ดงไม้ กะต้องมีต้นไม้ มีหมู่บ้าน กะต้องมีคนอยู่ มีเมือง กะต้องมีเจ้าเมือง มีวัด กะต้องมีพระ

     นายสำเภา ได้ฟังคำถามปัญญาอ่อนซุมนี้ซ้ำๆ ซากๆ กะเข้าใจว่า ท้าวเสียวสวาดบ่เต็มบาท กะบอกว่าเฮามาค้าขาย บ่ควรเว้าหรือถามถึงสิ่งที่ไร้สาระ บ่เป็นประโยชน์ ควรสิถามถึงวิธีหากำไรจากการค้าขาย เฮ็ดจั่งได๋สิบ่ขาดทุน จั่งสิแมน แล้วกะห้ามบ่ให้ถามคำถามปัญญาอ่อนแบบนั้นอีก

 

  หน้าก่อน หน้าถัดไป

 
Creative Commons License

ชมรมอีสานจุฬาฯ... นิทานพื้นบ้านอีสาน