ที่มา : จากหนังสือเรื่องเสียวสวาด พระอริยานุวัตร เขมจารีเถระ ศิลปศาสตร์ ดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักดิ์
มื้อหนึ่ง มีพ่อค้ามาจากเมืองจำปา เอาเรือสำเภาสินค้ามาจอดเทียบท่าหน้าบ้านของสองพี่น้อง เสียวสวาด กะพูดคุยทำความฮู้จักกับนายสำเภา แล้วกะขอเดินทางไปค้าขายนำ นายสำเภากะอนุญาต เสียวสวาด กะเลยไปลาศรีเสลียวผู้พี่ชาย แล้วกะออกเดินทางไปกับนายสำเภา
พอเรือสำเภาแล่นไปในทะเล ระหว่างทาง เสียวสวาดเห็นอีหยังกะตาม มักสิถามนายสำเภาอยู่เรื่อยๆ อย่างเช่น พอเรือแล่นผ่านแก่งหิน กะถามว่า
แก่งนี้ มีหินบ่
พอแล่นผ่านดงไม้ตามชายฝั่ง กะถามว่า
ดงนี้ มีต้นไม้บ่
พอแล่นผ่านหมู่บ้าน กะถามว่า
บ้านนี้ มีคนอยู่บ่
พอไปฮอดเมืองเมืองหนึ่ง กะถามว่า
เมืองนี้ มีเจ้าเมืองบ่
ผู้เฒ่าบ้านเมืองนี้ มีสามขาหรือบ่
พอแล่นผ่านวัด กะถามว่า
วัดนี้ มีพระบ่
คำถามต่างๆ ซุมนี้ ฟังแล้ว กะคล้ายๆ คำถามปัญญาอ่อน เพราะว่า ปกติแล้ว แก่งหิน กะต้องมีหิน ดงไม้ กะต้องมีต้นไม้ มีหมู่บ้าน กะต้องมีคนอยู่ มีเมือง กะต้องมีเจ้าเมือง มีวัด กะต้องมีพระ
นายสำเภา ได้ฟังคำถามปัญญาอ่อนซุมนี้ซ้ำๆ ซากๆ กะเข้าใจว่า ท้าวเสียวสวาดบ่เต็มบาท กะบอกว่าเฮามาค้าขาย บ่ควรเว้าหรือถามถึงสิ่งที่ไร้สาระ บ่เป็นประโยชน์ ควรสิถามถึงวิธีหากำไรจากการค้าขาย เฮ็ดจั่งได๋สิบ่ขาดทุน จั่งสิแมน แล้วกะห้ามบ่ให้ถามคำถามปัญญาอ่อนแบบนั้นอีก
|