มื้อนึง พระราชาต้องการทดสอบเบิ่งว่า เสนาอำมาตย์ทั้งหลาย มีความจงรักภักดีซื่อสัตย์หรือบ่ กะให้คนสนิทไปหาหมากขี้กาสุกมาบักหลายนึง ใส่พานเตรียมไว้เรียบร้อย
ในท้องพระโรง พระราชากะหยิบหมากเจียงมากิน แล้วกะบอกว่า
อืม... หมากเจียงสุก หวานดี เอา พวกเจ้า เอาไปแจกกันกินคนละหน่วย
แล้วกะให้คนเอาไปแจกเสนาอำมาตย์ในท้องพระโรงครบทั่วทุกคน แล้วพระราชากะบอกให้ลองกินเบิ่ง
ทุกคนกะกัดกิน เหลียวเบิ่งหน้ากันล็อกแล็ก ต่างคนต่างพยายามเก็บอาการ
พระราชากะถามว่า
หมากเจียงสุก หวานดีแท้ๆ เป็นจั่งได๋ หวานบ่?
เสนาอำมาตย์ กะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า
หวานดี พะยะค่ะ
ส่วนท้าวเสียวสวาด บัดตอบว่า
ขม บ่แซบ พะยะค่ะ
พระราชากะหัวร่อ แล้วกะเว้าว่า
หน่วยที่เฮากินน่ะคือหมากเจียงของจริง แต่ที่ให้ซุมหมู่เจ้ากินน่ะ คือหมากขี้กา หมากขี้กามีรสขม แท้แน่นอน ตามที่เสียวสวาดตอบน่ะ ถืกต้องแล้ว แต่หมู่เจ้า กลับตอบว่าหวาน ถือเป็นการโกหกเฮาพระราชา ถือว่าบ่มีความซื่อสัตย์ แบบนี้ควรถืกลงโทษสถานหนัก เสนาหมากขี้กาอย่างหมู่เจ้า เฮาบ่ต้องการ
ท้าวเสียวสวาดกะทูลทัดทานว่า
ที่เหล่าเสนาอำมาตย์ตอบว่าหวานน่ะ บ่ได้มีเจตนาโกหกหลอกลวงดอกพะยะค่ะ แต่เป็นย่อนยำเกรงต่ออำนาจบารมีของพระองค์ บ่กล้าขัดใจบ่กล้าขัดคำเว้าของพระองค์ อันนี้กะยังถือว่าทุกคน ยังมีความซื่อสัตย์จงรักษ์ภักดีต่อพระองค์อยู่ ฉะนั้นขอได้โปรดประทานอภัยโทษ พะยะค่ะ
พระราชายอมรับในคำอธิบายของเสียวสวาด กะบ่ได้ลงโทษเอาผิดเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย แต่นั้นมา กะเลยเอิ้นเสนาอำมาตย์เหล่านั่นว่า เสนาหมากขี้กา
(แต่นั้นมา คำว่า เสนาหมากขี้กา กะเป็นนามนัย หมายถึง ขุนนาง ข้าราชการ หรือลูกน้อง ที่ประจบสอพลอ เว้าเพื่อเอาใจนาย เว้าเพื่อประโยชน์เข้าเจ้าของ โดยบ่สนว่าคำเว้านั้นสิเป็นคำจริงหรือเท็จ)
รูปหมากขี้กาสุก

|