พระเมืองลงกา เป็นพระที่ขยัน หมั่นศึกษาคัมภีร์พระพุทธศาสนา เด้ มีความรู้ช่ำชอง ทั้งพระไตรปิฎก อรรถกถา ฯลฯ ว่านเถาะไป๋ ภาษาบาลี กะพากันเก่งคัก อ่านปุบ แปลได้ปับ พุ่นเด้ พระเมืองลงกา กะคึดว่า
พระเมืองอื่น มีความรู้ความสามารถหลาย แค่ได๋น้อนอ ต้องไปประลองความรู้เบิ่งสาก่อน
แล้วกะเห็นว่าเมืองทวาลี เป็นเมืองใหญ่ น่าสิมีพระผู้ที่มีความฮู้หลาย กะเลยส่งพระเถระ ที่ช่ำชองภาษาบาลี ๓ รูป ไปเมืองทวาลี เด้
พระราชาทราบข่าว กะเรียกประชุมเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย พร้อมทั้งพระสังฆราช แล้วกะพระเถระทั้งหลาย เพื่อที่สิคัดเลือกพระโตแทน ไปแข่งภาษาบาลีเด้
พระสังฆราช กับพระเถระทั้งหลาย กะเว้าว่า พระเณรทั้งหลายเหมิดเมืองทวาลี ฮู้ภาษาบาลี บ่สู้พระเมืองลงกาดอก ถ้าสิประลองความสามารถจริง ๆ กะต้องแพ้แน่นอน ว่าซั่น
พระราชา กะออกฮ้อนออกฮน บ่ฮู้สิเฮ็ดจั่งได๋ดี กะเลยเอิ้นเซียงเมี่ยง มาปรึกษา หาทางออก เซี่ยงเมี่ยง กะเลยรับอาสา เป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง... คือเก่านั่นล่ะ...
เซียงเมี่ยง เลาสิจัดการจั่งได๋น้อ...
เซียงเมี่ยง เลากะเอาใบลานมาเฮ็ดคัมภีร์ขึ้น ๒ ผูก
ผูกนึง เลา เอาใบลานเปล่า วางย่ายไว้ แล้วกะเอาปูน้อยมา เอาขาปูจุ่มหมึก แล้วกะเอาปู ไปปล่อยให้มันย่างเล่นเทิงใบลาน ... ฮอยตีนปู กะเป็นลาย ๆ ไปทั่วทีบ ล่ะเนาะ... เซียงเมียง กะเอาใบลานซุมนั้น มามัดเป็นผูก แล้วเอิ้นว่า คัมภีร์ไตรปู
อีกผูกนึง เลาเอาใบลานเปล่า มาเขียนคำผวน เขียนคำวกวน ว่า
ปารกี โสตึ กินฺลงฺกึ คูตมฺโภ โสสนี ตีมา ตกาโน ปลูลิตฺตา โกนฺถชลามิคา ปผุ โกนถทนฺชา
โกนฺถชลาคา กโลชลามิขํ ปป กลนฺทาโช กลาสาโป โปทาตู โปทาตา.....ฯลฯ
แล้วกะเอามามัดเป็นผูก เอิ้นว่า คัมภีร์ไตรคต
พอเฮ็ด คัมภีร์ไตรปู กับ คัมภีร์ไตรคต แล้ว เซียงเมี่ยง กะไปบวชเป็นเณร สมมตินามจะของว่า "มหาเล็น พักอยู่วัดหลวง เด้
พระเมืองลงกา เดินทางมาฮอดเมืองทวาลีแล้ว เข้าเฝ้าพระราชาแล้ว กะได้มาพักอยู่วัดหลวง เนาะ รอมื้อแข่งขันเด้...
เซียงเมี่ยง ในนาม มหาเล็น กะเอาคัมภีร์ไตรปู กับคัมภีร์ไตรคต มานั่งอยู่ศาลาน้อยริมน้ำ ส่งเสียงท่องตำราดังๆ เด้
พระเมืองลงกา ย่างเล่นมาเลาะนั้น ได้ยินเสียง กะเลยเข้าไปทักทาย ถามไถ่ มหาเล็น กะบอกว่า
หลวงพ่อ ให้เอาหนังสือมาท่อง แล้วกะหัดแปลคัมภีร์ ๒ อันนี้... ผมกะพอแปลได้นิดหน่อย
ไส..เอามาอ่านเบิ่งดู้... มันสิยากปานได๋เดียวหนิ ว่าซั่น พระเมืองลงกา กะดาย
มหาเล็น กะเลยเอาคัมภีร์ไตรปูให้เบิ่ง พระเมืองลงกา กะอ่านบ่ออก (ไผสิอ่านออกเนาะ.. ฮอยปู ตั้วนั่น).. งงเต๊ก นั่นแหล่ว
จากนั้น มหาเล็น กะเอาคัมภีร์ไตรคต ให้เบิ่ง ให้ช่วยแปล แหน่ ว่าซั่น
พระเมืองลงกา กะเอามาอ่าน อ่านว่า
ปาระกี โสติง กินลังกิง คูตัมโภ โสสะนี ตีมา ตะกาโน ปะลูลิตตา โกนถะชะลามิคา ปะผุ
โกนถะทันชา โกนถะชะลาคา กะโลชะลามิขัง ปะปะ กะลันทาโช กะลาสาโป โปทาตู โปทาตา.....
อ่านออกซื่อ ๆ แต่ว่าหั่งแปลบ่ได้... บ่ฮู้ความหมายเลย... แล้วกะเว้ากันว่า
"โฮ้..ภาษาบาลีแบบนี้ กะมีตั้วหนิ แสดงว่า อันที่เรียนกันอยู่เมืองลงกา ยังบ่ทันครบหลักสูตร ตั้วหนิแมะ
อั่นนี้ เป็นคัมภีร์หลักสูตรเบื้องต้น ที่พระเณรบวชใหม่ต้องเรียน เด้ครับ อั่นที่เหลือ หลวงพ่อว่ายากกว่านี้อีก ว่าซั่น มหาเล็นว่า
พระเมืองลงกา เห็นจั่งซั่น ได้ยินจั่งซั่น เข้าใจว่า ขนาดคัมภีร์พื้นฐาน เฮายังแปลบ่ได้ ถ้าไปแข่งแปลคัมถีร์ชั้นสูงกั่วนี้ กะต้องแปลบ่ได้ แฮ่งแปลบ่ได้ ต่อหน้าพระราชา.. ขายหน้าท่อนั่นแหล่ว กะเลยพากันลากลับเมืองลงกา จ้อย
เซียงเมี่ยง กะซ่อยแก้หน้าให้เมืองทวาลีได้ จั่งซี้ล่ะ...
|