ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 26 เมษายน 2568:: อ่านผญา 
อย่าได้ไลลืมถิ้มผักกะเดาทวนเก่า บาดได้กินลาบก้อย ยังสิโอ้อ่าวหา แปลว่า อย่าได้ลืมเลือนทิ้งผักสะเดาเก่าๆ เผื่อว่ามีลาบ จะได้เป็นผักจิ้มได้ หมายถึง พึงเป็นคนกตัญญู อย่าลืมคุณคน

ผญา กาพย์ กลอนอีสาน  

ผญาคติธรรมคำสอน --- อีสานจุฬาฯ
ผญาคติธรรมคำสอน


  หน้าก่อน หน้าถัดไป
นกแขกเต้าสองพี่น้อง

โครงเรื่อง จากนิทานชาดก
กลอนผญาโดย มังกรเดียวดาย



ยังมีป่าดงกว้าง ดงขวางกว้างใหญ่
มวลแมกไม้ ไพรหญ้าป่าหนา
ไม้เสียดฟ้า พสุธาดินต่ำ
ธารระแหงน้ำ ไหลเลี้ยวคดเคียว

ยังมีเขียวแมกไม้ งิ้วใหญ่ใบดก
ฝูงสัตว์ส-กุณานก ต่างมาอาศัยซ้น
คือดังคนเฮานี้ มีเมตตาผลาใหญ่
ผู้อาศัยมากล้น คือด้ามดั่งกัน


ต้นงิ้วนั่น..
ยังมีนกแขกเต้า สองผัวเมียพร้อมลูกอ่อน
หาข้าวป้อน สองหล้าแก้วตาแพง
นอนแอ้งแม้ง อ้าปากหร่าถ่าอาหาร
บ่เหิงนาน ขนบั่วก็ป่งเพิ่ม
เสริมแซมซ้น ขนเขียวแดงก็แซงแทรก
แหวกฮังน้อย ฝึกซ้อมก็บินซอม

มื้อนึง..สองพี่น้องซ้อม บินวนคือดั่งเก่า
ส่วนว่าสองตนเฒ่า เทียวล่าหาอาหาร
ในกาละมื้อนั้น ลมหัวกุดพายุใหญ่
พัดหมุนมาไหว่ๆ หอบเอาลูกนกแขกเต้า ไปคนก้ำฝ่ายละแดน
ก้ำหนึ่งนั่น ตกลงยังเขตแคว้น ดินแดนแห่งโจรป่า
ก้ำหนึ่งถืกลมพา ตกลงยังเขตแคว้น แดนด้าวถิ่นฤๅษี
ลูกแขกเต้าสองโตนี่ ถืกเลี้ยงดูคนละอย่าง
ถืกบ่มสอนคนละทาง ต่างสิ่งเห็นต่างเรียนรู้ นิสัยเจ้าจึงต่างกัน

ก้ำฝ่ายโจรป่านั้น ใจหยาบวาจาโลน
ออกหาปล้นสะดม ลักขโมยชาวบ้าน
นกแขกเต้าโตนั้น ท่องจำคำก่นด่า
มีจิตใจหยาบช้า ชั่วฮ้ายดั่งโจร
ส่วนว่าตนฤๅษีเจ้า เว้าวาจาสุภาพอ่อน
จิตใจบ่เร่าร้อน เปี่ยมล้นด้วยเมตตา
แขกเต้ามาอาศัยซ้น  เฮียนจากตนฤๅษีอยู่
เป็นแขกเต้านกฮู้ จิตใจเกี้ยงนิสัยงาม



มื้อนึง.. พระราชาเสด็จย่ำ ประพาสป่าพร้อมเสนา
พ้อกวางกายางาม ใจพระองค์ประสงค์ล่า
จึงวาจาตรัสเว้า ให้เสนาโอบล้อมไล่
ไผผู้ปล่อยกวางนี้ หนีได้สิโทษทัณฑ์
กวางโตนั้น ผัดแล่นหนีป่องทางเพิ่น
เสนาหัวเตอะเติ่น พระองค์คิดอายแล้วจึงทรงม้าถลานำ
ม้าควบตามไล่ก้น นำกวางกระโจนไล่
พระองค์ไวฟั่งฟ้าว จนหายส้นจากเสนา
มาฮอดธาราน้ำ แดนโจรหยุดเซาเมื่อย
เหงื่อโลดไหลเยื่อยเยื่อย จึงลงน้ำส่วยคีง
แล้วจึงพิงโคนไม้ เอนกายพักผ่อน
หวังสินอนสักงีบ จั่งโงโค้งต่าวเมือ.. (สาแหลว)

บัดนั้น.. แขกเต้าโตเกือกเกื้อ ก้ำฝ่ายทางโจร
บินหาผลาผล ผ่านมาเห็นพระองค์เจ้า
ก็เลยวาจาเว้า บอกพ่อครัวของโจรป่า
ว่ามีชายแปลกหน้า อยู่ธารน้ำนั่งผู้เดียว
เหลียวเบิ่งเครื่องประดับแล้ว แวววาวสาดแสงส่อง
เฮาทั้งสองควรไปปล้น ชายคนนั้นหากสิดี (แท้เด้)
พ่อครัวรีบเร็วรี่ ถือมีดผา บ่ายหน้าต่อ
เห็นพระองค์นั่งค่อม่อ สะอางแย้มผ่องพรรณ
อันว่าชายคนนี้นั้น คงบ่แม่นธรรมดา
อาจสิเป็นราชา นั่งเมืองเป็นเจ้า
เฮาบ่หาญใจเข้า บุกไปปล้นเพิ่น
เกินกำลังเฮาแล้ว บ่หาญสู้ต่อกร
ว่าแล้วก็ฮีบฮ้อน ถอยต่าวคืนเมือ
แขกเต้าฮ้องใส่เขือ สิย้านหยังซ่ำนี้
มามาพี้ เฮาสองคนไปปล้นเพิ่น
ริบเงินทองเพิ่นแล้ว จั่งปันพูดแบ่งกัน


ครานั้น.. พระราชาตื่นสะท้าน ฟ้าวทะยานควบม้าแล่น
แสนสงสัยกะด้อ นกหยังน้อซ่างจังไร
ควบม้าลุแมกไม้ ล่วงเข้าเขตแดนดาบส
ได้ยินเสียงมธุรส ทักทายปราศัยต้อน
โปรดหยุดม้าก่อนถ่อน เชิญแวะเซาให้หายอ่อน
พักจักคราวให้หายฮ้อน ดื่มน้ำแล้วจั่งค่อยไป
นั่นก็ผลไม้ หลายหลากสุกหวาน
เชิญรับทานให้หายหิว มีแฮงจั่งเมือบ้าน

พระราชาฟังคำต้าน แขกเต้าขานอ่อนหวานหนี่
เสาวนีย์เพียบพร้อม ก็ปลอดโล่งโหล่งใจ
ทรงสงสัยอีกซ้ำ การกระทำนกสองแห่ง
คือจั่งแบ่งดี-ฮ้าย เป็นไปได้จั่งได๋


นี่ล่ะน้อเพิ่นว่าไว้ ภาษิตเก่าคำโบราณ
ปราชญ์เพิ่นจารคำสอน กลอนผญาเพิ่นว่าไว้
อย่าได้ติดตามก้นของคนท้องหยึ่ง        มันสิตดใส่เจ้าให้ดังเว้อปึ่งเหม็น
ให้เจ้าละหลีกเว้นคนชั่วพาโล             มันสิพาโตเฮาต่ำพลอยถ่อยฮ้าย ฯ

ให้เจ้าคบหาไว้เสวนาวิญญูปราชญ์      ผู้ฉลาดรอบรู้ในฮีตและธรรม
เพิ่นสินำพาให้โตเฮาได้เฮืองฮุ่ง           เจริญธรรมซุมื้อเฮืองขึ้นซุยาม ฯ

มังกรเดียวดาย
  หน้าก่อน หน้าถัดไป
 
Creative Commons License

ชมรมอีสานจุฬาฯ... ผญา กาพย์ กลอนอีสาน