ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 26 เมษายน 2568:: อ่านผญา 
บวยบ่มีด้ามสิเสียทรงทั้งวาด เขาสิเอิ้นกะโป๋หมากพร้าวบ่มีเอิ้นว่าบวย แปลว่า กระบวยไม่มีด้าม จะเสียทรง เสียชื่อ คนจะเรียกกะลามะพร้าว ไม่เรียกกระบวย หมายถึง จะเป็นอะไร ขอให้เป็นให้สมบูรณ์ เป็นให้ดีที่สุด

ผญา กาพย์ กลอนอีสาน  

ผญาคติธรรมคำสอน --- อีสานจุฬาฯ
ผญาคติธรรมคำสอน


  หน้าก่อน หน้าถัดไป
สามัคคีคือพลัง

ยังมีนายพรานเฒ่า มือฉมังห่างนกป่า
คอยออกล่า ดักห่าง จับนกขาย
มื้อนึง เลาย่างย้าย เลาะเลียบป่าละเมาะ
ประจวบเหมาะเห็นนก กระจาบหลาย ฝูงใหญ่แท้
แลเห็นแล้ว มื้อลุนลอบขึงข่าย
หมายจับนกฝูงนี้ ขายเลี้ยง ครอบครัว
ฝูงนกมัวกินข้าว แซบหลายสบายผ่าง
ลืมระวัง ภัยฮ้าย พวมใกล้ กายมา
ได้เวลาเหมาะแล้ว พรานก็ดึงสลักข่าย
จับนกได้ หลายแล้ว ก็ต่าวเมือ

กล่าวถึงนกกระจาบเซื้อ หัวหน้าหมู่ ผู้พญา
บินตรวจตราสังเกตพบ บริวาร ลดเหลือน้อย
จึงเผยถ้อย วาจาต้านกล่าว
"บริวารของเฮา คือมาลดเหลือน้อย เป็นย่อนเหตุหยัง?"

เมื่อได้ฟังคำต้าน บริวารขานกล่าว
"ถืกนายพรานดักเอา ติดข่ายเลาทุกมื้อ จึงเหลือหน่อย ลดถอย"

พญานก ได้ฟังถ้อย คำตอบบริวาร
คิดสงสารหมู่นก ที่ตกตายมลายม้าง
จึงบอกทางสำหรับรอด ปลอดภัย หนีจากข่าย
"นับแต่นี้ต่อไป ให้หากินเป็นหมู่พร้อม เพรียงเพียบสามัคคี
ให้มีนกหัวหน้า นำฝูงทุกหนแห่ง
อย่าสุได้แก่งแย่ง แตกม้างทะเลาะกัน
หากนายพราน ดักได้ ติดข่ายใหญ่ ให้โฮมรวม
ร่วมประสานแฮงกาย บินยอข่าย ยกขึ้นฟ้า
แล้วให้พากันขึ้น สู่ปลาย ยอดไผ่
ข่ายสิติดยอดไม้ ปลอดภัยแล้ว ให้บินหนี
สามัคคีคือทางรอด คือพลังอันยิ่งใหญ่
หมู่นกเอ้ยจงจำไว้ นำไปใช้ ให้เกิดผล (เด้อ)"

ตั้งต้นแต่มื้อนั้น ฝูงนกสามัคคี
โฮมพลังกัน ยอข่ายค้างปลายไม้
พากันบินหนีได้ ปลอดภัยทุกๆเทื่อ
ได้คืนเมือต่าวบ้าน ย่อนเพรียงพร้อม สามัคคี

แสงสุรีย์โชติ ทอทาบ พนาพฤกษ์
กาลเวลา ทาบทอ บ่รอยั้ง
อนิจจัง สังขารนี่ บ่จีรัง บ่มั่นแก่น
สัตว์ก็แวนเวียนว่าย วนรอบวัฏฏะวน

ดนนานได้ มื้อใหม่ ต่อมา
ฝูงนกบินถลา โผผิน ลงกินข้าว
โตนึงถืกลมน้าว ซวนเซ บินเป๋ป่าย
เสียหลักไปถืกต้อง ตีนเหยียบ หัวอีกโต  
นกโตนั้น หัวสักกะเทียมจิ่น
ปิ้นลุกขึ้น สูนเคียด อย่างแฮง
นกก็แวงโวฮ้อง ป้อยด่าห่ากินหัว
บังอาจเหยียบหัวกู ลบหลู่ด้วยบาทเท้า

นกเสียหลักก็เว้า เฮาบ่ได้ตั้งใจ เหยียบหัวไผ จักกะหน่อย
เป็นหยังจั่งได้ป้อย ด่าข้อยให้เสียหาย
บ่อยากอายชาวบ้าน วงศ์วานนกกระจาบ
หลาบแล้วข้อย บ่ขอร่วม เสวนา

นกหัวหน้า ได้ตักเตือน ว่ากล่าว
ให้พากันคิดยาวๆ อย่าสะคิดสั้นๆ ให้หันหน้า จารนัย
ให้อภัย อดโทษ อย่าโกธา เคืองขุ่น
ให้เมตตาการุณ ซ่อยเกื้อกูลกันไว้ ฮักมั่น แพงกัน

แต่ว่านกสองโตนั้น เคียดให้กัน แม่นบักใหญ่
ต่างบ่ยอมอภัย ถกเถียงกันพ่องด่าป้อย เพม้าง แตกกัน
หมู่สหายนกสองโตนั้น ก็แตกกันเป็นสองฝ่าย
บ่ลงรอยกันได้ มัวอ้างว่าโตดี

หัวหน้านกโศกีเศร้า มองเห็นภัย สิกายผ่าน
จึงได้พาบริวาร ผู้เชื่อคำโอวาท บินผาด ผ่ายหนี
นกอวดดีสองฝ่ายก้ำ ก็หากิน สืบต่อ
พอมาฮอดหม่องห่าง ดางด้าย ข่ายแห

นายพรานแลเห็นแล้ว ได้ทีจึงลงข่าย
ข่ายก็คุมครอบไว้ เหมิดเกี้ยง กระจาบฝูง
นุงนังหนิ่ง เกี่ยงกัน อวดเบ่ง
คันว่าสูเก่งแท้ ให้บินขึ้นฝ่ายเดียว เบิ่งดู้

นกอวดรู้ อวดเก่ง ติดในดาง
ขาดความสามัคคี บ่ห่อนบินหนีได้
ถืกนายพรานจับไว้ เอาไปขายฆ่าแกงอ่อม
ตายเหมิดฝูง ย่อนบ่พร้อม ทะลายม้างสามัคคี

นี่ล่ะน้อพี่น้อง คองผญาเพิ่นพาว่า
"ให้สามัคคีกันไว้ คือข้าวเหนียวนึ่งใหม่   อย่าได้เพแตกม้าง คือน้ำถืกข้าวเหนียว
ให้กลมเกลียวเหนียวแน่น สามัคคีตั้งต่อ   อย่าได้ก่อเภทฮ้ายทะลายม้างแตกกัน"

มังกรเดียวดาย
  หน้าก่อน หน้าถัดไป
 
Creative Commons License

ชมรมอีสานจุฬาฯ... ผญา กาพย์ กลอนอีสาน