โอน้อ เดือนแปดวนฝนหย่ำเร่ง ดั่งเพลงกล่อม..ทางใจ ข้าวเขียวใบอ่อนยิล ถวิลคำดั่งนำน้อม ขะแยงหอมกล่อมทุ่ง สายลมปรุงเกี้ยวก่อ กลิ่นหอมลอยดั่งคอยล่อ คลอเคล้า..หน่าวนำ พี่น้องเอ๊ย เข้าพรรษาหล่ะมาย้ำ ผองชนหล่ำกระทำดี ศาสนามีฮอยหลัก บัญญัตินำ..ทำไว้ บ่ให้ไกลในฮอยเค้า ให้เห็นเงาในฮอยค่า เห็นหลักธรรมนำศาสนา ได้นำพาว่าน้อม ได้เห็นพร้อมหล่ะว่างาม ซั้นแหล๊ว จ๊ะ! โอยเนาะ ลองจาดจักบาดก่อนเถาะ หายไปโดนเติบจนว่าเกิบขาดไปสองคู่ผมกะดาย แห่ะๆ ทักทายครับผม เป็นจั่งได๋แนน้อ สำบายดีมีแฮงอยู่บ่ เข้ามาขยับปรับเปลี่ยนหน้าเว็บให้ซั้นแหล่วครับ เห็นเงียบไปโดนเนาะ เดี๋ยวผู้ลังคนสิว่าเอา บุ๊ย! ทักทายอัพเดตข่าวสารให้พร้อมดีกั่ว ผู้ที่ผ่านไปผ่านมาสิบ่ว่าได้ กะบ่ได้ไปไสดอกครับ ยังเข้ามาอยู่เป็นประจำแต่บ่ค่อยได้ล็อคอิน จอบเบิ่งพอปานบ่าวลุ่มดอนไข่เอาโล้ด ฮ่าๆ มื้ออื่นนี่กะสิเป็นวันอาสาฬหบูชาแล้วน้อครับ เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาตรงกับวันเพ็ญขึ้นสิบห้าค่ำเดือนแปด เป็นวันสำคัญจั่งได๋หล่ะ (ผู้ลังคนกะสิสงสัย) หนึ่งเป็นวันที่พระบรมศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนาเป็นครั้งแรก แก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 รูป ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสี สองเป็นวันที่พระบรมศาสดาทรงได้พระสาวกองค์แรก คือ ท่านโกญฑัญญะได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันองค์แรก สามเป็นวันที่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นเป็นรูปแรก คือ พระอัญญาโกญฑัญญะ ภายหลังจากที่ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันแล้ว ก็ได้ทูลขออุปสมบท พระพุทธองค์ทรงประทานการอุปสมบท ยกขึ้นเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา สี่เป็นวันเกิดขึ้นของพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครบเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีพระสงฆ์เกิดขึ้นเป็นพยานในการตรัสรู้ธรรม ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพระพุทธองค์ก็ครบถ้วนบริบูรณ์ คือ มิใช่เพียงแค่ตรัสรู้ธรรมเพียงพระองค์เดียวอย่างพระปัจเจกพุทธเจ้าซั้นแหล่ว หลังจากนั่นกะสิเป็นวันเข้าพรรษาครับผม ตรงกับวันที่ 31 กรกฎาคม "วันเข้าพรรษา" ซึ่งเป็นวันที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยบ่ไปค้างแรมที่อื่น หรือที่เรียกติดปากกันโดยทั่วไปว่า "จำพรรษา" นั่นเองเนาะ พุทธศาสนิกชนกะถือโอกาสได้ทำบุญหล่ะครับ ถวายผ้าอาบน้ำฝนแน ถวายเทียนนำ จังหวัดต่างๆกะจัดกิจกรรมแห่เทียนเข้าพรรษาจนเกิดเป็นเอกลักษณ์ที่สวยงาม ช่วงนี่กะถือเป็นวันหยุดยาวครับ ไผมีภาพงามๆกะเอามาฝากให้เบิ่งนำเด้อครับ แฮ่! พี่น้องเอ๊ย ลมสะบัดพัดพลิ้ว จากทิวป่าหัวนาดอน สะออนในหัวใจ เห็นเมฆไหลลอยเคลื่อน อาทิตย์เลือนสิลาร้าง ฝากฮอยจางบ่หมางถิ่น ขอไปยิลฝ่ายก้ำ สิคืนย้ำหล่ะต่าวมา ซั้นว๊า โอน้อ เสียงพิณดังอยู่ฝั่งฟ้า ผญาหม่วนยังชวนขับ แคนสลับขับลายทาง ผสานคำดั่งนำเกี้ยว ดั่งเจ้าเทียวว่าอ้าง อย่าหมางเมินจนเกินกู่ ให้ยอซูอยู่ถิ่นเค้า พิณแคนเว้าเล่าสู่ฟัง อยู่เด้อครับ นี่กะเป็นภาพวิถีที่นำมาฝากครับ ขอบคุณภาพงามๆเพินไปนำ คิดพ้อความเก่าความหลังกะยังว่า เป็นเด็กน้อยแล่นนำฮอยวิถีค่า ได้นำพาว่าเว้า ได้นำเล่าสู่ฟัง ว่าซั้นเนาะ แคjเห็นภาพกะรู้สึกสุขทางใจครับ ปีนี้ฝนสิมาหล่าแนเนาะ ชาวนากะพากันหันใจบ่ทั่วท้อง (สิได้กินข้าวบ่น้อปีนี้ เพิ่นว่า) เห็นภาพนำหลายๆหม่องกะพอยิ้มได้ครับ ฝนหย่าวเร่ง บางหม่องกะจนได้เป่งออก จื่อบ่! อึ๊ฮึ๊ ฝนดีหลายกะแหม่นทางเพินมีผืนป่าไม้อุดมสมบูรณ์พุ้นเด้อครับ เหลียวกลับมาทางบ้านเจ้าของกะฮู้สึกว่าสิแปนเอิดเติด ผู้ละเมิดผืนป่ากะจั่งแหม่นหลายเนาะ หึย ตื่นโต! แล้วหันมาอนุรักษ์หันมาสืบสร้างให้ทางบ้านฮุ่งเฮืองแนเปี๋ยงครับ ปลูกป่าในใจคนนี่ว่ายากแล้วปลูกจิตสำนึกนี่ยากกว่าครับ เว้ามาแล้วกะสวอย เฮ้อ จ่มไปเรื่อยเปื่อยผมกะดาย ขอพักลงไว้ตรงนี่หล่ะครับ ฝนตกอากาศเปลี่ยนแปลง อย่าลืมเบิ่งแยงเจ้าของเด้อหล่ะ ด้วยความฮักความแพงจากใจบ่าวหน้ามนคนเมืองพุทฯ รุทธิ์ อีเกียแดง ครับผม
ตัวอย่าง มื่อนี้พ่อห้ามไปเบ่งหมอลำแต่มันกะหลอยไปเบ่งกับผู้สาวมัน.....พ่อย่านมันถืกตีนั่นน่า จากคนสารคาม...... ลำเต้ย
การละเล่นพื้นบ้านอีสาน อีหลีแล้ว บ่ได้เล่นเฉพาะอยู่ภาคอีสานดอก อยู่แถว ๆ อื่นกะเล่นคือกัน ต่างหม่อง ต่างภาษา อาจสิเอิ้นซื่อการละเล่นต่างกัน ขนาดอยู่ภาคอีสานนำกัน คนละหมู่บ้าน คนละอำเภอ คนละจังหวัด กะอาจสิเอิ้นซื่อบ่คือกันกะได้ ซื่อเอิ้น อาจสิต่างกัน แต่ว่า วิธีการเล่น กะบ่ได้ต่างกัน
การละเล่น นี้ เล่นได้เทิงเด็กน้อย เทิงผู้ใหญ่ การละเล่นบางอย่าง เด็กน้อย นิยมเล่น แต่ผู้ใหญ่บ่เล่น การละเล่นบางอย่าง ผู้ใหญ่ นิยมเล่น แต่เด็กน้อยบ่มักเล่น กะมี คือกัน
เด็กน้อย เล่นได้ทุกยาม ที่ว่าง พอว่างปับ มาพ้อหน้าพ้อตารวมกลุ่มกันปับ กะชวนกันเล่นเอาโลด แต่ว่า สำหรับผู้ใหญ่ อาจสิบ่ได้มีเวลามาเล่นหลายคือจั่งเด็กน้อย ส่วนใหญ่ ผู้ใหญ่ สิเล่นยามมีงาน อย่างเช่น งานงันเฮือนดี (อยู่เฮือนที่มีคนตาย) หรือยามสงกรานต์... อยู่แถวบ้านผู้เขียน สมัยแต่กี้ ผู้ใหญ่ กะสิพากันหยุดเวียกหยุดงาน มาเล่นสงกรานต์กัน นอกจากฮดน้ำกัดแล้ว กะพากันเล่นการละเล่นต่าง ๆ เทิงกลางเว็น เทิงกลางคืน ม่วนกันอยู่ เจ็ดมื้อ
การนำการละเล่นต่าง ๆ มาเล่นกันนี้ เป็นการถ่ายทอดการละเล่น จากผู้ใหญ่ สู่เด็กน้อย จากบ้านนั้น สู่บ้านนี้ จากรุ่นนั้น สู่รุ่นนี้ สืบทอดต่อมาเรื่อย ๆ จนฮอดยุคมีโทรทัศน์ นั่นล่ะ การละเล่นต่าง ๆ กะเริ่มซบเซาลงไป จนแทบสิบ่มีไผพากันเล่นอีก ขนาดยามสงกรานต์ กะเหลือแค่ไล่คุมฮดน้ำกัน ท่อนั้นเอง เด็กน้อย นั่งเบิ่งโทรทัศน์ เล่นเกมกด อยู่เฮือนไผเฮือนมัน บ่ค่อยได้ออกมาหาเล่นกันคือเก่า เฮ็ดให้การละเล่นแบบต่าง ๆ เริ่มเลือนหายไปกับวัยของคนรุ่นก่อน ... อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม