ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 20 พฤษภาคม 2567:: อ่านผญา 
เป็ดไก่ยังฮู้หาเหยื่อป้อนเลี้ยงคาบชีวังโต ส่วนว่าเฮาเป็นคนอย่าสิดูดายดู้ แปลว่า เป็ดไก่ยังรู้จักหาอาหารกินเลี้ยงชีวิตตน เราเป็นคน อย่าได้นิ่งดูดาย น่าอายเป็ดไก่ หมายถึง พึงขยันทำมาหาเลี้ยงชีพ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต


  ล็อกอินเข้าระบบ  
ชื่อ ::
รหัสผ่าน::
*จำสถานะ
 
  วิถีชีวิตชาวอีสาน  
       ดินแดนอีสาน มีวัฒนธรรม ประเพณี เฉพาะตน มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ที่เรียบง่าย ท่ามกลางความแร้นแค้น ชาวอีสาน มีความเป็นอยู่เช่นไร ใช้ชีวิตอยู่เช่นไร สร้างศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีเช่นไรขึ้นมา

     แต่ละจังหวัด แต่ละสถานที่ อาจมีวิถีชิวิต ความเป็นอยู่ ที่แตกต่าง ตามลักษณะพื้นที่ หรือธรรมชาิติที่มีอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมด ล้วนคือวิถีชิวิตแห่งชาวอีสาน

     เชิญทุกๆท่าน ร่วมเขียนบทความ เรื่องสั้น เล่าวิถีชิวิต ความเป็นอยู่แห่งชาวอีสาน ได้แล้วครับ...



กระทู้ธรรมดา... มีข้อความโพสต์ใหม่

  หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ตอบกระทู้  
  โพสต์โดย   รวมเรื่องเขียนของ อีเกียแดง  
  อีเกียแดง {แห่งรัตติกาล}    คห.ที่95)  
  อนุเซียนผู้อมตะ

ภูมิลำเนา : บุรีรัมย์ @ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 07 เม.ย. 2552
รวมโพสต์ : 5,431
ให้สาธุการ : 4,145
รับสาธุการ : 11,376,280
รวม: 11,380,425 สาธุการ

 
คุณปิ่นลม:

อีเกียแดง ทายาท อสูร  ฮ่า ๆๆๆ
อยู่นำจุ้มฤาษีหลาย กะจ่มเป็นคือกันเนาะ 55


บ่ว่าแหล่วอ้ายเอ๊ย..ซึมเข้าสายเลือดคือกันแล้ว เต็มที่ครับ..

 
 
สาธุการบทความนี้ : 646 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  28 ก.ค. 2556 เวลา 17:39:19  
    MySite  offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  อีเกียแดง {แห่งรัตติกาล}    คห.ที่96) อุ่นไอดินถิ่นรัก  
  อนุเซียนผู้อมตะ

ภูมิลำเนา : บุรีรัมย์ @ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 07 เม.ย. 2552
รวมโพสต์ : 5,431
ให้สาธุการ : 4,145
รับสาธุการ : 11,376,280
รวม: 11,380,425 สาธุการ

 


อาทิตย์ยามบ่ายคล้อยทอแสงโอบกอดผืนทุ่งนาข้าวจนเกิดประกายสีทองเลื่อมพราย สายลมเย็นโชยพัดผ่านอยู่เป็นระยะสะบัดช่อรวงให้ไหวเอนตามแรงประหนึ่งว่ากำลังปลดปล่อยอริยาบทแห่งห้วงความฝันที่ผสานไปด้วยจินตนาการ นกน้อยหลายตัวกระโดดโล้ดเต้นจับยอดรวงพร้อมส่งเสียงร้องเซ็งแซ่ประสานเสียงคอรัสเสมือนกำลังช่วยกันเห่กล่อมท้องทุ่งสีทอง ฝูงแมลงปอบินหยอกล้อเล่นกับลมพลางสยายปีกที่มีสีสันสวยงามอวดโฉมดึงดูดสายตาแก่อาคันตุกะที่ผ่านไปผ่านมาให้หลงเสน่ห์ต้องมนต์สะกดเป็นยิ่งนัก


รถสองแถวเล็กสีฟ้าวิ่งตามถนนลูกรังสีถ่านเพลิง พร้อมกับเสียงผู้โดยสารไอดัง แค๊ก..แค๊ก..ให้ได้ยินอยู่เป็นระยะ ฝุ่นสีแดงคละคลุ้งลอยปลิวว่อนตามท้าย ยังผลให้สีผมของผู้โดยสารเริ่มเปลี่ยน ต้นไม้สองข้างทางกลายเป็นสีแดงด้วยสายลมที่โอบอุ้ม หนทางที่คดเคี้ยวของถนนลูกรังผ่านเข้าไปหลายหมู่บ้าน ผ่านท้องทุ่งนา ผ่านผืนป่าโคกผ่านทางแคบสลับกับบางช่วงมีหลุมบ่อ ทำเอาผู้โดยสารนั่งโยกหัวสั่นหัวคลอนไปตามๆกันเสมือนว่ากำลังดูคอนเสิร์ตวงฮิตจนยากที่จะเก็บสปิริตแห่งความมันส์ออกอาการให้โยกตาม ดวงอาทิตย์คล้อยตัวลงต่ำเทียบปลายไม้รถโดยสารยังคงจอดส่งผู้คนตามรายทางหลายหมู่บ้าน เสียงคนดังจ้อกแจ้กจอแจบ้างร้องตะโกนทักทายไต่ถามขณะรถจอดส่ง

การเดินทางใช้เวลาเนิ่นนานพอดูขณะนี้เหลือผู้โดยสารบนรถเพียงคนเดียว รถโดยสารยังคงบึ่งมุ่งหน้าทำหน้าที่ส่งผู้โดยสารรายสุดท้ายซึ่งเป็นหมู่บ้านข้างหน้า ชายหนุ่มใช้มือขยับคอเสื้อให้เข้ารูปเมื่อสายตาเริ่มมองเห็นจุดหมายอยู่ไม่ไกล มือขวาจับเสื้อสะบัดไปมาเพื่อไล่ฝุ่นสีแดงที่แฝงตัวแซมกับเนื้อผ้า พลางชะเง้อหน้ามองแววตาคมเป็นประกายเมื่อเริ่มมองเห็นเค้าของหมู่บ้านที่อยู่ข้างหน้า

" ลงหม่องได๋หล่ะหนุ่ม " เสียงลุงซึ่งทำหน้าที่สารถีตะโกนถามมาจากข้างหน้าขณะที่รถยังวิ่งอยู่

" จอดศาลากลางบ้านกะได้ครับลุง " ชายหนุ่มบอก สายตายังจับจ้องสภาพข้างหน้า ซึ่งขณะนี้รถวิ่งผ่านบ้านหลังแรกของหมู่บ้านมาแล้ว ไม่นานนักรถสองแถวเล็กสีฟ้าจอดนิ่งที่ศาลากลางหมู่บ้าน ชายหนุ่มขยับตัวพร้อมสะพายกระเป๋าเข้าตำแหน่งหลัง ถุงกระดาษขนาดใหญ่สองถุงที่ข้างในบรรจุเสื้อและของฝากต่างๆถูกกระชับเข้ามือ จากนั้นรถโดยสารก็วิ่งต่อไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่งซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายและเป็นบ้านของคุณลุงสารถีนั้นเอง

ชายหนุ่มขยับตัวหลังจากรถวิ่งผ่านไป ใบหน้าคมเข้มอาบด้วยรอยยิ้มนิดๆเมื่อเห็นว่ามีใครคนหนึ่งยืนเพ่งมองอยู่ข้างหน้า


" คาต๊ะยืนยิ้มอยู่หั่นหล่ะคนกรุงเทพ..เอาถุงกระดาษมาพี้แววสิถือซ่อย "

เสียงเธอค่อนขอดเขาอยู่นิดๆแต่ภายในรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆเมื่อเห็นเขากลับมา หลังจากที่เขาจากบ้านไปทำงานเก็บเงินอยู่เมืองกรุงถึงสองปี

" แววคือฮู้ว่าอ้ายสิมาฮอดเวลานี้ " ชายหนุ่มถามกลับแววตาอ่อนโยน มองใบหน้าสวยได้รูปที่อยู่ตรงหน้าเขา


" เอ๊า..อ้ายทิวบ่ฮู้ติว่าแววมีสัมผัสที่แปด..บอกว่าเอาถุงกระดาษมาพี้ " เธอบอกหน้าตายพร้อมแย่งถุงไปจากมือเขา คำพูดและกิริยาของเธอทำให้ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาแม้จะดูเหมือนว่าเธอยังเคืองเขาอยู่บ้างที่ปล่อยให้รออยู่นานแสนนาน แต่ถึงตอนนี้ความสุขภายในใจของแววตาคงมีมากมายไม่ต่างจากเขาเฉกเช่นตอนนี้


เสียงทักทายร้องถามจากคนในหมู่บ้านขณะเดินผ่านมันทำให้ชายหนุ่มรู้ซึ้งถึงความจริงใจรู้ซึ้งในวิถี เขาไม่ได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้มาแสนนาน แต่วันนี้สิ่งเก่าๆภาพเก่าๆเริ่มคืนสู่กระบวนทัศน์ที่เขาสามารถสัมผัสจับต้องได้ ของฝากถูกมอบให้กับคนสำคัญที่มีสัมพันธ์ทางใจ จดหมายทุกฉบับที่แววตาส่งถึงขณะที่เขาทำงานอยู่เมืองกรุงถูกดึงเข้ามาเก็บไว้ใต้หมอน ค่ำคืนนี้ชายหนุ่มหลับตาลงด้วยความสุขเกษม เสียงหัวเราะของแม่และพี่ๆฉาบทอหัวใจหลังจากเห็นเขากลับคืนสู่ถิ่น รอยยิ้มของแววตาสาวคนรักโอบอุ้มห่อส่งแรงทอแห่งประกายฝัน ชายหนุ่มหลับไหลไปกับค่ำคืนที่หนาวเย็นภายนอกแต่อบอุ่นไปด้วยไฟแห่งรักอยู่ภายใน..







…สายหมอกยามเช้าดูขมุกขมัวพราวพร่างไปทั่วบริเวณปกคลุมถนนลูกรังสีแดงจนกลายเป็นสีขาวขุ่น บนเส้นทางสายแห่งความคิดฮอดถูกสายหมอกพัดผ่านเห็นพอเลือนลาง เสมือนบรรจงกอดไปด้วยไออุ่นแห่งรัก ถักทอไปด้วยสายใยแห่งความฝัน สายสัมพันธ์แห่งรักถูกก่อร่างสร้างตัว เสมือนตอกเสาเข็มย้ำตรึงติดแน่นจนยากที่จะแยกออกจากกันได้ แม้จะใช้รถเครนขนาด20ตันมาเคลื่อนก็ดูเหมือนจะไม่ขยับติง แต่เมื่อใดที่เธอซูนคิงฉันกลับติงและสั่นไหว ภายในดวงฤทัยกลับเร่าร้อนด้วยความอาทรแห่งคำหวานของอีนางบ้านนา ดั่งสกุณามวลวิหคที่ผกโผบินลงต่ำกระซิบย้ำกับยอดหญ้าให้รู้ว่าแม้วันเวลาจะผันผ่านฤดูกาลจะหมุนเวียน แต่ในความรู้สึกยังคอยย้ำเตือนไม่เคยลืมเลือนแม่คนดี..


เช้านี้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาด้วยหัวใจที่แช่มชื่นเบิกบาน เขากลับมาทันในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวพอดี ทิวไผ่ใช้เวลาทุ่มเทเต็มที่กับการช่วยงานแม่และพี่ๆของเขาและอีกสิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มไม่เคยลืมก็คือการได้มีส่วนช่วยเก็บเกี่ยวรวงสีทองกับทางครอบครัวของแววตาสาวคนรักอีกด้วย แววตาถือว่าเธอเป็นคนขยันพอสมควร แปลงผักหลายๆแปลงบนคูสระน้ำขนาดใหญ่ของเธอถือกำเนิดเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของเธอเพียงคนเดียวโดยมีสายตาจากบุพการีทั้งสองเพ่งพิศด้วยความชื่นชม การรดน้ำถือเป็นกิจวัตรในยามเย็นของเธอ บัวขนาดย่อม2ใบบรรจุน้ำเต็มเมื่อเทียบกับท่อนแขนที่ขาวเรียวสวยแล้วดูจะขัดตาของใครหลายๆคนที่พบเห็น แต่เธอถือว่านี่คืองานที่เธอพึงกระทำและเต็มใจที่จะทำ เป็นงานที่เธอชอบ แววตารักที่จะปลูกสิ่งต่างๆและชอบเฝ้ามองดูสิ่งที่เธอปลูกบนผืนดินถิ่นอีสานซึ่งเป็นไอดินถิ่นรักที่เธอประจักษ์อยู่ภายในใจ

" แวว..บ่ต้องๆ เดี๋ยวอ้ายซ่อยตักฮดให้เอง " เสียงชายหนุ่มร้องบอกเมื่อมองเห็นสาวคนรักกำลังก้มตักน้ำอยู่ริมสระ พลางเร่งฝีเท้าเข้าหา

" โอ๊ะโอ๊ย..อ้ายทิว.. " เสียงสาวเจ้าร้องขึ้นเมื่อขยับตัวจะลุก บัวที่มีน้ำเต็มใบหลุดจากมือเรียวงามจมดิ่งลงสู่ใต้ก้นสระทันที

" ตู้มมม))" เสียงร่างของทิวไผ่กระทบกับผืนน้ำ เขาดำดิ่งลงลึกเพื่อควานหาบัวคนรักที่กำลังจะลงสู่ก้นบึ้ง โชคเข้าข้างชายหนุ่มเมื่อเขาคว้าเจอพร้อมทะยานตัวขึ้นสู่เหนือผิวน้ำ

" คริ..คริ..อ้ายทิวหนาวบ่จ้า " เสียงสาวเจ้าหัวเราะเอ่ยปากถามชายหนุ่มที่ลอยตุ๊บป่องเสื้อผ้าเปียกปอนมือขวายังกำบัวไว้แน่น

" หนาวหล่ะเนาะแวว..น้ำในสระเย็นคือหยั๋งหนิแถมลมข้างเทิงกะเย็นวอยๆ..เป็นหยั๋งเจ้าของคือบ่จับให้ดีๆแน ดีนะที่แววบ่พลาดตกลงไปนำ " ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความเป็นห่วง ปากเริ่มสั่นอย่างเห็นได้ชัด

" เอ๋า..คันแววจับดี แววสิได้เห็นคนลงน้ำติ แววแกล้งปล่อยบัวเองหล่ะ..อยากเห็นคนลงน้ำ อยากให้น้ำในสระมันล้างโตล้างใจคนเมืองกรุงให้มันหล่อน..คริ..คริ.. " เสียงเธอหัวเราะลั่น พลันทำให้ชายหนุ่มต้องอมยิ้มตาม

" แววแกล้งอ้ายอีกแล้วเนาะ..แววเอ๊ย..แหม่นอ้ายสิไปอยู่กรุงเทพ..ไปอ้ายกะไปแต่โตดอก แต่ใจและจิตวิญญาณของอ้ายยังคือเก่ามันสลัดต้นกำเนิดสลัดวิถีเค้าออกจากใจอ้ายบ่ได้ดอก..จำคำอ้ายไว้เด้อ "

ชายหนุ่มบอก ตาเป็นประกายฉายแววมองคนรักด้วยจิตเสน่หา แม้ตอนนี้ความหนาวเหน็บเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วกายแต่ความอบอุ่นภายในดูจะอุ่นไอยิ่งกว่าเมื่อมองเห็นใบหน้าและสายตาของเธอยืนจ้องมองเขาด้วยจิตที่อิ่มเอม...


           อีเกียแดง แห่งรัตติกาล/

 
 
สาธุการบทความนี้ : 573 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  28 ต.ค. 2556 เวลา 10:58:00  
    MySite  offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ลุ่มดอนไข่    คห.ที่97)  
  อนุเซียน

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ - หนองคาย
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 15 มิ.ย. 2553
รวมโพสต์ : 1,601
ให้สาธุการ : 2,855
รับสาธุการ : 3,783,420
รวม: 3,786,275 สาธุการ

 
พวมเข้าบรรยากาศ ฤดูกาลพอดีเนาะทิด...
ยามเกี่ยวข้าว ปลูกผัก วิถีบ้านเฮา
อ่านแล้ว สะเดิดพ้อควมหลัง
เขียนเรื่องนี่หล่ะ เอาให้จบคือบักริวน้อยเด้อ...

 
 
สาธุการบทความนี้ : 178 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  28 ต.ค. 2556 เวลา 14:46:38  
    MySite  offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  อีเกียแดง {แห่งรัตติกาล}    คห.ที่98)  
  อนุเซียนผู้อมตะ

ภูมิลำเนา : บุรีรัมย์ @ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 07 เม.ย. 2552
รวมโพสต์ : 5,431
ให้สาธุการ : 4,145
รับสาธุการ : 11,376,280
รวม: 11,380,425 สาธุการ

 
คุณลุ่มดอนไข่:
พวมเข้าบรรยากาศ ฤดูกาลพอดีเนาะทิด...
ยามเกี่ยวข้าว ปลูกผัก วิถีบ้านเฮา
อ่านแล้ว สะเดิดพ้อควมหลัง
เขียนเรื่องนี่หล่ะ เอาให้จบคือบักริวน้อยเด้อ...


จบในตอนแบบซี้หล่ะครับบ่าวลุ่ม เขียนยาวคือสิบ่ไหว กรรมลิขิตยังคาคออยู่เลย ฮ่าๆๆ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 721 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  28 ต.ค. 2556 เวลา 21:21:20  
    MySite  offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  มังกรเดียวดาย    คห.ที่99)  
  มหาเซียน

ภูมิลำเนา : ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกชมรมฯ
เข้าร่วม : 03 มี.ค. 2550
รวมโพสต์ : 3,640
ให้สาธุการ : 8,145
รับสาธุการ : 5,668,310
รวม: 5,676,455 สาธุการ

 
ภาษาและสำนวน เพิ่นพัฒนาขึ้นหลายอย่างคักเนาะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  29 ต.ค. 2556 เวลา 12:00:43  
  www    offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  อีเกียแดง {แห่งรัตติกาล}    คห.ที่100)  
  อนุเซียนผู้อมตะ

ภูมิลำเนา : บุรีรัมย์ @ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 07 เม.ย. 2552
รวมโพสต์ : 5,431
ให้สาธุการ : 4,145
รับสาธุการ : 11,376,280
รวม: 11,380,425 สาธุการ

 
คุณมังกรเดียวดาย:
ภาษาและสำนวน เพิ่นพัฒนาขึ้นหลายอย่างคักเนาะ


ขอบคุณหลายๆครับอ้าย..คันแหม่นผู้สาวมาเว้าแบบซี้ได้แล่นกอดหอมแก้มคักๆ ฮ่าๆ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 603 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  29 ต.ค. 2556 เวลา 20:40:35  
    MySite  offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ลุ่มดอนไข่    คห.ที่101)  
  อนุเซียน

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ - หนองคาย
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 15 มิ.ย. 2553
รวมโพสต์ : 1,601
ให้สาธุการ : 2,855
รับสาธุการ : 3,783,420
รวม: 3,786,275 สาธุการ

 
คุณอีเกียแดง {แห่งรัตติกาล}:
คุณลุ่มดอนไข่:
พวมเข้าบรรยากาศ ฤดูกาลพอดีเนาะทิด...
ยามเกี่ยวข้าว ปลูกผัก วิถีบ้านเฮา
อ่านแล้ว สะเดิดพ้อควมหลัง
เขียนเรื่องนี่หล่ะ เอาให้จบคือบักริวน้อยเด้อ...


จบในตอนแบบซี้หล่ะครับบ่าวลุ่ม เขียนยาวคือสิบ่ไหว กรรมลิขิตยังคาคออยู่เลย ฮ่าๆๆ


ฮ่วย!...คือสิจบไวแท้ทิด  
  

คุณอีเกียแดง {แห่งรัตติกาล}:
คุณมังกรเดียวดาย:
ภาษาและสำนวน เพิ่นพัฒนาขึ้นหลายอย่างคักเนาะ


ขอบคุณหลายๆครับอ้าย..คันแหม่นผู้สาวมาเว้าแบบซี้ได้แล่นกอดหอมแก้มคักๆ ฮ่าๆ


บ่แหม่นมีผู่สาวหลายคนยู่บ้อ
ที่หลอยเว้าคือญาอ้ายมังกรฯหนิ...ทิด

 
 
สาธุการบทความนี้ : 208 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  29 ต.ค. 2556 เวลา 20:50:38  
    MySite  offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  อีเกียแดง {แห่งรัตติกาล}    คห.ที่102)  
  อนุเซียนผู้อมตะ

ภูมิลำเนา : บุรีรัมย์ @ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 07 เม.ย. 2552
รวมโพสต์ : 5,431
ให้สาธุการ : 4,145
รับสาธุการ : 11,376,280
รวม: 11,380,425 สาธุการ

 
คุณลุ่มดอนไข่:


บ่แหม่นมีผู่สาวหลายคนยู่บ้อ
ที่หลอยเว้าคือญาอ้ายมังกรฯหนิ...ทิด


บ่มีดอกคับบ่าวลุ่ม คันมีแหม่นเสร็จ..

 
 
สาธุการบทความนี้ : 333 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  30 ต.ค. 2556 เวลา 05:48:42  
    MySite  offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  อีเกียแดง {แห่งรัตติกาล}    คห.ที่103)  
  อนุเซียนผู้อมตะ

ภูมิลำเนา : บุรีรัมย์ @ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 07 เม.ย. 2552
รวมโพสต์ : 5,431
ให้สาธุการ : 4,145
รับสาธุการ : 11,376,280
รวม: 11,380,425 สาธุการ

 


  
อุ่นไอดินถิ่นรัก..ตีข้าวฟังเสียงธนู...(จัดให้บ่าวลุ่มอีกจักหน่อยเกิ่น)


...ท้องนภาพราวพร่างสว่างไสวไปด้วยมวลของหมู่ดาว ทอแสงแวววาวระยิบระยับตระการตา ประหนึ่งว่าเทพเทวาเสกสรรปั้นแต่งด้วยอำนาจแห่งมนต์ มองเห็นกลุ่มดาวลูกไก่ทั้ง7ส่องแสงเจิดจรัสบัญญัติด้วยรัศมีอยู่ฟากโพ้นเสมือนแม่ไก่คอยโอบอุ้มคุ้มภัยให้ลูกน้อยด้วยความรักความห่วงใยด้วยสายใจที่พันผูกโดยมิยอมให่ห่าง   ไม่ไกลกันนักมองเห็นดวงดาวอยู่3ตำแหน่งที่ส่องประกายแสงเป็นรูปไถ  ไกลออกไปอีกฟากนภากาศ มองเห็นดาวประกายพรึกหรือดาวรุ่งดวงใหญ่ทอแสงสว่างไสวอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเป็นสัญญาณเตือนบอกว่าใกล้รุ่ง เสียงไก่ขันดังก้องกังวานขับขานอย่างรู้หน้าที่อีกไม่นานนักเช้าวันใหม่ก็จะเข้ามาเยือน  เสียงเขียดน้อยดังแว่วแผ่วเบาเหมือนกับว่าเหนื่อยล้าอ่อนกำลังหมดเรี่ยวแรงกับการทำหน้าที่ขับขานตลอดทั้งคืนและอีกไม่ช้าก็คงจะเงียบเสียงไปในที่สุด  แต่ระยะทางของกาลเวลานี่สิยังเดินหน้าทำหน้าที่ของตัวเองอย่างไม่เคยหยุดหรืออ่อนล้าเอาเสียเลย      

  .. เพียงไม่นานสายลมเย็นโชยพัดต้องแสงสีทองของเช้าวันใหม่ก็เริ่มฉายขึ้น ท้องนภาค่อยๆเปลี่ยนสีจากความมืดมิดของรัตติกาลค่อยๆคลืบคลานสู่ความสว่างไสวแห่งแสงสุริยะ ท้องฟ้าเริ่มถูกโอบไปด้วยแสงสีทองอร่ามตาผสานด้วยสายหมอกจางๆดูน่าชมน่าพิศมัยยิ่ง  นี่คือผืนดินแห่งทุ่งอีสาน ดินแดนแห่งวัฒนธรรม อารยะ ขนบธรรมเนียมที่เป็นเอกลักษณ์อยู่ในตัว เสน่ห์แห่งมนตราที่นำพาทุกอณูแห่งความรู้สึก ที่ล้ำลึก  ตรึงหัวใจให้ประดิพัทธ์เมื่อได้สัมผัสกับแก่นแท้ของดินแดนแห่งอารยะบนพื้นที่ราบสูง..





...เสียงนกน้อยร้องเซ็งแซ่ โผผินบินออกจากรังเพื่อหาอาหารยังชีพของมันตามวัฏจักรของสิ่งมีชีวิต  อากาศยามเช้าดูแสนสดชื่นนัก ต้นข้าวรวงงามถูกแสงโอบจนเกิดประกายทองเลื่อมพลาย สองร่างที่ดูต่างวัยกำลังก้มๆเงยๆสลับปรับเปลี่ยนอริยาบทขึ้นลงอย่างเป็นจังหว่ะท่ามกลางสายลมที่แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณท้องทุ่ง แววตาที่มุ่งมั่นถูกผลักดันไปด้วยสรรพสิ่งโดยรอบจึงประกอบให้เกิดความอ่อนโยนอยู่ภายในลึกๆ  แม้อากาศภายนอกจะดูหนาวเย็นแต่กลับเริ่มมีเหงื่อผุดเป็นเม็ดๆจากใบหน้าคมหลังจากที่เขาใช้เวลาอยู่ท้องทุ่งชั่วโมงกว่าๆ







" อีกคนละแทวกะแล้ว บ่น่าสิเกิน30ฟ่อน "  ชายหนุ่มพึมพำออกมาเมื่อกวาดสายตาโดยรอบ  เป็นเช้าวันที่สามแล้วที่ชายหนุ่มขันอาสามาทำหน้าที่ช่วยลุงสุขพ่อของแววตาสาวคนรักเก็บกู้ข้าวซึ่งวันนี้ก็จะแล้วเสร็จเป็นวันสุดท้าย ช่วงบ่ายก็คงน่าจะเก็บฟ่อนข้าวไปรวมไว้ที่ลานได้หมด ต่อไปก็คงจะได้เอาแรงนวดข้าวกันต่อไป

              ผ่านไปประมาณ20นาทีลุงสุขและทิวไผ่ก็จัดการมัดฟ่อนข้าวจนแล้วเสร็จ ประกายรอยยิ้มผุดที่ใบหน้าเล็กน้อยเมื่อกวาดสายตามองเห็นผลงาน ความสุขภายในเริ่มเอ่อล้นเมื่อนึกถึงภาพใบหน้าของแววตา.เสียงหัวเราะคำพูดที่ชอบกระเซ้าเย้าแหย่เวลาเขานิ่งเงียบมันทำให้เธอดูมีเสน่ห์ชวนหลงยิ่ง


" ทิวเอ๊ยทิว..ป๊ะ.กลับบ้านไปกินข้าวก่อนค่อยเมืออาบน้ำเด้อ "  เสียงลุงสุขร้องบอกปลุกให้ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์  ใบหน้าคมเปื้อนยิ้มมองชายร่างเล็กที่แกร่งด้วยประสบการณ์ชีวิตอย่างนอบน้อม เขาเคารพนับถือลุงสุขเฉกเช่นพ่อของเขาอีกคน  ชายต่างวัยเดินบ่ายหน้าตามคันนามุ่งสู่บ้าน..ไอจากสายหมอกจับค้างพรมผืนต้นหญ้าจนเกิดความชื้นแฉะเมื่อสองเท้าลุยฝ่า..ชายหนุ่มแกล้งเตะเท้าหยอกเล่นไปมาเมื่อเห็นต้นหญ้าบางกอยังมีเม็ดน้ำเกาะเกี่ยวหนา ใบหน้าและแววตาเริงร่าเมื่ออิสระทางใจไร้สิ่งยึดติด..








   " ตุ๊บ.ตั๊บ.ตุบ.ตั๊บ.ตุ๊บ.ตั๊บ "   เสียงจังหวะการฟาดของชายต่างวัย4-5คนดังแน่นสลับกันไปมาท่ามกลางแสงจันทร์ฉายแห่งรัตติกาล


" ตื๊ดดด..ตือออ..ตื๊ดดด..ตือออ..ตื๊ดดดด..ตือ "  เสียงธนูว่าวดังหนัก-แผ่วขึ้นลงตามกระแสลมบน เดือนใสแจ้งสามารถมองเห็นเจ้าของเสียงที่อยู่ข้างบนได้โดยง่าย


    สายลมหนาวแผ่ซ่านพัดโอบล้อมไปทั่วบริเวณส่งผลให้เกิดก่อกองไฟไม่ห่างจากลานข้าวนัก การฟาดข้าวนิยมฟาดตอนกลางคืนเนื่องจากอากาศไม่ร้อนพลอยทำให้เพลินไปด้วย ลานข้าวของลุงสุขถือว่าขนาดปานกลางแต่เมื่อเทียบกับผืนไร่นาทีทำนั้น ต้องยอมรับว่าผลผลิตที่ได้ดูจะมากโข รวงข้าวที่ใหญ่เม็ดงามผ่านการเอาใจใส่ดูแลด้วยภูมิปัญญาแห่งวิถี มูลสัตว์ขี้วัวขี้ควายแห้งถูกโปรยหว่านในช่วงหน้าแล้งเพื่อปรับปรุงผืนดินส่งผลให้ให้ก่อเกิดเลอเลิศด้วยผลดีนักเชียว


" อ้ายทิว..เหมื่อยกะพักกินน้ำก่อนจ้า..เบิ่งซงคือฟ้าวแท้..ย้านผู้อื่นเพินยาดตีเหมิดก่อนติ..คริ คริ "   เสียงใสของแววตาทำให้ใบหน้าชายหนุ่มเปื้อนยิ้ม..นึกขำกับประโยคของเธอ  เม็ดเหงื่อชุ่มเสื้อจนเริ่มเปียกอย่างเห็นได้ชัดเมื่อต้องแสงจันทร์แต่มันเป็นเม็ดน้ำจากความเอื้ออาทรภายในที่ทิวไผ่เต็มใจทำเพื่อครอบครัวของคนที่ตัวเองรัก ชายหนุ่มเก็บไม้ขึ้นพาดที่คอ สายตาสาวเจ้าร่างงามระหงจับจ้องมองอย่างนึกขัน


" เฮ็ดคือเนาะคน..เอาไม้หนีบคอเจ้าของกะเป็น..นี่จ้าน้ำอ้ายทิว..นั่งเซาเหมื่อยก่อน "  สาวเจ้าบอกพร้อมยื่นขันน้ำส่งให้ด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข   ทิวไผ่รับขันน้ำพร้อมกับนั่งลงข้างๆ สายตามองลอมข้าวที่ตอนนี้ถูกฟาดหายไปเกือบครึ่ง..ไม่เกินสามชั่วโมงน่าจะแล้วเสร็จ



" โอ๊ยยย.เนาะ..ตีข้าวนี่จั่งแหม่นเหมื่อยคิงเด้..ได้นอนหนุนตักคนฟังเสียงธนูว่าวคือสิเซาเหมื่อยเนาะ "  ทิวไผ่เอ่ยยิ้มๆ สายตาชำเลืองดูสาวเจ้าด้วยอาการเย้าหยอก


" ตุ๊บ "  เสียงกำปั้นน้อยแต่ดังแน่นฟาดเข้าที่หลังชายหนุ่มไปหนึ่งทีทำให้เขาต้องหัวเราะลั่น


" โอ๊ย..คนเอ๊ย..มือน้อยๆหยั๋งมาฟาดแฮงแถ่ะ..สมพ้อเพินฟาดข้าวสะนุเเล้วเร็วเนาะ..อ้ายตีข้าวนำกะบ่ทันแหม๋ ฮ่าๆๆ "  ทิวไผ่หัวเราะชอบใจสายตามองคนรักด้วยความอ่อนโยน..


" เอ๊า..คันแววหมัดบ่หนักสิเอาคนอยู่ติจ้าอ้ายทิว..จั๊กทิวไผ่สิกลายเป็นทิวไผ๋หล่ะ..แต่คันมาเจอกำปั้นน้อยๆของแววรับรองหลบเป็นแถวจ้า คริ คริ "  หญิงสาวเย้าพร้อมชำเลืองมองชายหนุ่มด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอุ่นอิ่มด้วยความรัก หน้าขาวอมชมพูเกิดอาการแดงเล็กน้อยเมื่อต้องแสงจันทร์ฉายมันทำให้เธอน่าพิศน่ามองยิ่ง..


                       อีเกียแดง แห่งรัตติกาล/







  

 
 
สาธุการบทความนี้ : 206 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  03 พ.ย. 2556 เวลา 18:42:08  
    MySite  offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ลุ่มดอนไข่    คห.ที่104)  
  อนุเซียน

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ - หนองคาย
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 15 มิ.ย. 2553
รวมโพสต์ : 1,601
ให้สาธุการ : 2,855
รับสาธุการ : 3,783,420
รวม: 3,786,275 สาธุการ

 
คุณอีเกียแดง {แห่งรัตติกาล}:
อุ่นไอดินถิ่นรัก..ตีข้าวฟังเสียงธนู...(จัดให้บ่าวลุ่มอีกจักหน่อยเกิ่น)  


ขอบคุณหลายๆครับทิด...
ที่มีเวลาจัดให้ (ตามคำขอ)...หว่าซั้น
"ตีข้าวซ่อยผู่สาว แค่เพิ่นเสิร์ฟฮอยยิ้มให้มีแฮงคัก
แต่...ขั่นไปตีข้าวซ่อยหมู่ ต้องเสิร์ฟเหล้าโทเด้เหนาะจั่งสิครบสูตร...แหม่นบ่ทิด


 
 
สาธุการบทความนี้ : 227 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  03 พ.ย. 2556 เวลา 20:14:07  
    MySite  offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ปราร้านอกไห   ตอบเต็มรูปแบบ || Quick Reply  
  หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12

   

Creative Commons License
รวมเรื่องเขียนของ อีเกียแดง --- วิถีชีวิตชาวอีสาน (ปลาร้านอกไห --- อีสานจุฬาฯ)