ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 3 มิถุนายน 2567:: อ่านผญา 
จวงจันทน์คู้ทะลอนหอมเหยกลิ่น แมงภู่เผิ้งชมชั้วชอบใจ แปลว่า ไม้จันทน์ที่มีกลิ่นหอม ฝูงแมลงภู่ผึ้งชอบบินไปตอม หมายถึง คนดีมีเมตตา มีศีลธรรม ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้


  ล็อกอินเข้าระบบ  
ชื่อ ::
รหัสผ่าน::
*จำสถานะ
 
  รวมมิตรปลาร้านอกไห  
  สวัสดีครับ

     แทบจะไม่มีใครล่วงรู้อย่างลึกซึ้งเลยว่า มีเรื่องราวที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ในภาคอีสานของประเทศไทยนั้น หลายอย่างมีความเป็นมาอย่างไร หลายอย่างได้เกิดขึ้นแล้วและยังคงอยู่ หลายอย่างเกิดขึ้นแล้ว และได้เลือนลางหายไปแล้วในอดีต เราและทีมงานปลาร้านอกไห จะนำพาคุณผู้ชม จูงมือเดินไปเรียนรู้วิถีชีวิตพื้นบ้านอีสานในแง่มุมต่างๆ เพื่อเปิดโลกทัศน์และมุมมองว่า ทำไมคนภาคอีสานจึงเป็นอย่างนี้ ทำไมต้องใช้ชีวิตกันอย่างนี้ และสิ่งหนึ่งที่จะลืมเสียไม่ได้ก็คือ การสร้างความเป็นไทยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม หลากหลายทางเชื้อชาติ หลากหลายประเพณี เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้และอยู่ได้กันอย่างสันติ อย่างสงบ ไม่มีความดูถูกเหยียดหยามคนไทยด้วยกันเอง

     ทีมงานปลาร้านอกไห ขอขอบคุณทุกเสียงทุกแรงใจที่มอบให้เรา เราสัญญาว่า เราจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างสรรค์สังคมให้จรรโลงใจ
พร้อมเสมอ
ทีมงานปลาร้านอกไห

กระทู้ธรรมดา... มีข้อความโพสต์ใหม่

  หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 70 71 72 73 74 75 76 77 78 79 80 81 82 83 84 85 86 87 88 89 90 91 92 93 94 95 96 97 98 99 100 101 102 103 104 105 106 107 108 109 110 111 112 113 114 115 116 117 118 119 120 121 122 123 124 125 126 127 128 129 130 131 132 133 134 135 136 137 138 139 140 141 142 143 144 145 146 147 148 149 150 151 152 153 154 155 156 157 158 159 160 161 162 163 164 165 166 167 ตอบกระทู้  
  โพสต์โดย  
นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ ) (คลิกอ่านบทความต่อเนื่อง)
 
  ปิ่นลม    คห.ที่184) ตอน เสียงปืนแตก ที่ตาดไฮ  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
สมาชิกภาพ : สมาชิกชมรมฯ
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2,213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4,969,660
รวม: 4,969,840 สาธุการ

 

เสียงชาวบ้านจับกลุ่มกันโสเหร่ อยู่ทางหน้าบ้านเจ็กอู๋ ดังโจษจั่น
“ แม่นอีหลีติสู เขาว่าทางนครพนม คอมมิวนิสต์ ยิงกันกับตำรวจ “  แม่ใหญ่ภาถาม
“ แม่นอยู่ดอก  ได้ข่าวมาคือกัน เสียงปืนแตก ทางบ้านนาบัว อำเภอธาตุพนม พู้น “  พ่อใหญ่จารย์บุญเปรย
“ โอย..มันสิบ่พากัน เดือดร้อนไปทั่วติ “  ยายมา เคี้ยวหมากพร้อม พูดสวนขึ้น
ในสมัยนั้น มีความคิดแตกแยกทางการเมือง ส่วนหนึ่งไม่พอใจรัฐบาลที่ปกครองแบบ เผด็จการนักศึกษาประท้วง  และก็มีแนวความคิดทางการปกครองที่ต่างกัน
จึงเกิดการต่อต้านรัฐบาล อีกทั้งคนบางกลุ่ม ดำเนินแนวทางตาม “ลัทธิมาร์กซ์”
จับปืนต่อสู้ ฝ่ายรัฐบาล หรือเรียกว่า  “ผกค.” ( ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ )
“  เอาหละ ๆ  ข่อยไปประชุมในอำเภอมา สิว่าปันฟัง “  พ่อใหญ่หมาน ยืนอยุ่กลางวง  เอ่ยขึ้นทุกคนเงียบกริบ บ้างก็นั่งอยู่ตระแคร่ บ้างก็นั่งหยอง ๆ ฟัง
“ นายอำเภอเพิ่นว่า  ผกค. กะคือ คนไทย คนลาว คนอีสาน นี่หละ  เพียงแต่ คิดบ่คือกันเรื่องนโยบายเรื่องการเมือง “  พ่อใหญ่หมานเว้นวรรคครู่หนึ่ง
”  เขาเหล่านั้นหลงผิด จับอาวุธต่อสู้รัฐบาล ทำลายกลไกของรัฐ ในการบริหาร  แล้วกะโฆษณาชวนเชื่อ ว่าถ้าชาวบ้านเข้าร่วมแล้ว จะได้ แนวนั้น แนวนี้  “  พ่อใหญ่หมานเว้าเสียงดัง
“ เป็นต้นว่า เข้าร่วมแล้ว มีลูก กี่คน กะเรียนฟรี อยากเป็นหมอกะสิให้เป็นหมอ   อยากเป็นครู กะให้เป็นครู ชาวบ้านทุกคนมีเงินเดือน  ไถนากะบ่ต้องใช้ควาย
ข้าวกะสิเป็นราคา บ่ทุกข์ บ่ยากต่อไป “
“ โห้..มาดี แถะ ละ พ่อใหญ่   แม่นอีหลีติ “  จารย์ฝ้าย สอดขึ้น พลางพ่นควันกอกยา ออกทางจมูก
“ คนเฮานั้น ทุกคนล้วนมัก แนวมันสว่าง สดใส แล้วกะใหม่อยู่ตลอดกาล   มันอยู่ในใจคนสุคน คือดัง ความฝัน ความหวัง  ฮั่นหละบักฝ้าย “  พ่อใหญ่หมานตอบกลับ
“  กูจะอยากซำบาย  มึงกะอยากซำบาย  ยายสี เคี้ยวหมากแจะ ๆ ปีนี้อายุ 87 ปีแล้ว เลากะยังอยากซำบาย “
ทุกคนหันไปทางยายสี ที่นั่งฟังอยู่บนตระแคร่ เคี้ยวหมาก อย่างออกรสชาติ
“  แม่น บ่ ยาย  อยากซำบายอยู่ติ เจ้า..”  อ้ายซอนั่งอยู่ใกล้ๆ สะกิดถาม
“ ฮ้วย.สู..กูกะคน เน๊าะ  ! “  ยายสี งวกหน้างวกหลังตอบ  มือควานหากระโถนน้ำหมาก
“  ผกค. เพิ่นกะโฆษณา ชวนเชื่อไปแนวนั้นหละ  บ้านเมืองลุกเป็นไฟ  ไผสิอยู่ซำบาย “ พ่อใหญ่หมาน กวาดสายตาไปทั่วกลุ่มคนที่มานั่งฟัง
“ การที่บ้านเมืองสิเจริญก้าวหน้า ประชาชนอยู่สุขซำบายนั้น  คือสันติภาพ ความสงบสุข คนทุกคนในบ้านเมืองต่างทำหน้าที่ของตน  `สามัคคีกัน  รู้จักเสียสละ และมีคุณธรรม  มันบ่แม่นแบบแผน หรือ แนวความ หรือลัทธิ ที่เฮาต่อสู้เอาชนะกันดอก “ พ่อใหญ่หมานหยุดเล่า ชั่วครู่เหมือนทิ้งให้ทุกคนคิดตาม
หลายคนพยักหน้างึก ๆ
“ เพราะฉะนั้นซุมเฮาชาวบ้านห้วยแฝก อย่าไปหลงเชื่อ  ถ้าไผเห็น กลุ่มคนแปลกหน้า หรืออีหยังแปลก ๆก็ให้มาแจ้งต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง หรือ แจ้งกับข่อยกะได้ “
น้าสาวเหนา หรือ นางบุญเหนา จอดรถจักรยานไว้อยู่ข้างทาง มานั่งฟัง
พ่อใหญ่หมานป่าวประกาศ แกไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่า คอมมิวนิสต์ คือ อะไร ประชาธิปไตย คือ อะไร   รู้เพียงแต่ บ้านเมือง แบ่งเป็นสองฝ่ายคือ ฝ่ายรัฐบาลกับผู้ต่อต้าน  แล้วทั้งสองฝ่ายต่างเลือกที่จะสู้กันด้วยอาวุธ โดยมีภูมิลำเนา มาตุภูมิเป็นสนามรบ
ระยะนี้มีการปะทะกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่บ้านเมืองกับ ผกค.บ่อย ๆ ทั้งใกล้ๆบ้าน หรือ ในพื้นที่ภายในตำบล มีการตายเกิดขึ้น ก็โจษจั่นไปทั่ว  มีทั้งฝ่ายทหารตำรวจ
และ ฝ่าย ผกค.  แต่ทุกครั้งที่มีคนตาย   แกก็ไม่เคยได้ยินข่าว ว่าชาวต่างชาติ
ทางไหน  มีแต่คนไทยคือกันเท่านั้นที่ สังเวยชีวิต
(สมัยก่อน พื้นที่ จ.สกลนคร จ.นครพนม จ.กาฬสินธุ์ จ.อุดรธานี   เป็นพื้นที่สีชมพู  หรือ พื้นที่ ผกค.ยึดครองเป็นฐานปฏิบัติการ ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลสมัยนั้น ผู้ที่สนใจความเป็นมา ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ ถึงจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด ของความขัดแย้ง เหตุการณ์ดังกล่าว )

“ พ่อใหญ่ หมาน  มื้อวานนี้ ข่อยเห็นคนกลุ่มหนึ่ง แบกปืนเลาะหัวท่ง ทางนาโคก เด้อ”  น้าสาวเหนาบอก
“ แม่นมึงเบิ่งคักแล้วติ บ่แม่น พวกเด็กน้อยเลาะยิงหนู เด้อ. “ พ่อใหญ่หมานถาม
“  จั๊กแหล่ว  บ่ทันได้สังเกตปานนั้น ข่อยส่อนฮวกอยู่ เนาะ “ น้าสาวเหนาชี้แจงเสียงแข็ง

“ เออ ๆ  สิไปบอกข่าวเจ้าหน้าที่ เพิ่นดอก  ไผมีอีหยังแจ้งข่าวอีก “  พ่อใหญ่หมานถามลูกบ้าน
“ มี ๆ  มื้อวาน ความเถิกตู้ บักซอ หลุดข้ามท่งมา ซน ควายเถิกหลำ ข่อย “  อ้ายจ่อย เสนอเสียงดังฉะฉาน
“ ฮ้วย..เอาเรื่อง มันเกี่ยวกับบ้านเมืองแมะ  บ่เรื่องซุมสู สองคน เว้าความกันเอาโลด “ พ่อใหญ่หมานหัวคึก ๆทุกคนในกลุ่มหัวเราะครื้นเครง
...........................................................................................
น้าสาวเหนา อยู่โสเหร่ กับชาวบ้าน ตั้งนาน จนคนกลับเกือบหมด คิดได้ว่า จอดรถจักรยาน
ตากแดดไว้นานแล้ว
“ อู๋ ๆ เอากระดาษฮำยา แน จั๊กแถบ เอาไปฝาก พ่อเขา”  แกเอิ้นสั่งเจ้าของร้าน
ได้ของแล้วก็รีบมาเอาขาตั้งจักรยานขึ้น จัดกระสอบข้าวสารท้ายรถให้มันบรรทุกแน่นๆ   ถีบรถลิ่วๆออกมา

ใจคิดแต่นำ เรื่อง คอมมิวนิสต์  กับเรื่องที่พ่อใหญ่หมานประกาศ  ยิ่งระยะนี้ข่าวคราวการ ยิงกันของทั้งสองฝ่ายเริ่มได้ยินถี่ขึ้น จนที่อำเภอ มีหน่วยทหารมาตั้งประจำการอยู่แล้ว
  
ตะวันบ่ายคล้อย. แสงแดดกระทบก้อนเมฆทางทิศตะวันตกเป็นสีดอกคูน  เงาแดดกระทบต้นไม้ ตกพาดถนนทางดินลูกรังสีแดง เป็นเส้นทึบยาว เสียงนกกาเริ่มร้อง เรียกหากันเตรียมกลับรัง ลมเอื่อยๆ ยังพัดเรี่ย ยอดไม้สูง
น้าสาวเหนาปั่นรถจักรยานมาถึง โคกตาดไฮ ซึ่งเป็นทางเกวียน และป่าไม้ขึ้นหนาทึบ  หูแว่วได้ยินเสียงน้ำตกตาดไฮ ไหลกระทบก้อนหินใหญ่ เสียงซ่า เหมือนเสียงหมุนวิทยุ AM หาคลื่น
กระสอบข้าวที่บรรจุอยู่ข้างหลังหนักอึ้ง จนทำให้รถฝืด อีกทั้งอานรถก็ร้อนเพราะแกจอดตากแดด ไว้นานทำให้แกต้องเขย่งถีบออกแรงปั่นเป็นเท่าตัว
ในใจคิดถึงเรื่องที่แกบอกข่าว กลุ่มคนเดินลักท่ง ให้พ่อใหญ่หมานฟัง  ถ้าพวกคอมมิวนิสต์ รู้ข่าวสงสัยมันจะทำอะไรกับแก  บางครั้งก็มีการฆ่าฟันกัน เรื่องของ สงครามข่าวสาร  `ใครเป็นสายให้ฝ่ายไหนมักจะโดนจับตัวไปสอบสวน  วันก่อนชาวบ้านบะหว้า ก็ถูกฆ่าตายเพราะแกเป็นสายให้ทางการ  คิดแล้วก็ไม่น่าปากพร่อยบอกพ่อใหญ่หมานเลย  อีกอย่างตอนนั้น
เลือดรักชาติกำลังพุ่งแรง เพราะอยากให้บ้านเมืองสงบสุข จึงได้บอกออกไปอย่างนั้น
อีกอย่างทางไปนาของแก ก็มีแต่ป่ามีแต่โคก บางแห่งเป็นป่าใหญ่หนาทึบ พวกคอมมิวนิสต์มักจะแฝงตัวตามภูมิประเทศแบบนั้น ว่าแล้วก็เกิดความกลัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน ยิ่งวันก่อนแกเห็นคนแปลกๆ มาเผ่นพล่านอยู่แถวๆนี้ด้วย
ขณะที่แกขับผ่านทางเกวียนในป่าโคกตาดไฮนั้น  สิ่งที่แกลัวก็เกิดขึ้น..อนิจจา
“ ปัง..ง..ง..!”    เสียงดังกัมปนาท สะท้านป่า ก้องขึ้นด้านหลัง
ร่างของน้าสาวเหนาพร้อมกับรถจักรยานพลิก ล้มอย่างกะทันหัน  ทั้งรถ ทั้งคน ทั้งกระสอบข้าวสารปลิวไป
คนละทาง..ร่างของแกกระแทกพื้นอย่างแรง..จนแถบสิ้นสติ..
........................................................................................

จารย์ฝ้าย กับเมียกำลัง แผ้วถางป่า เพื่อเฮ็ดไฮ่แตง อยู่ไม่ห่างจากบริเวณนั้นมากนัก ได้ยินเสียงดังชัดเจน แกกับเมีย สะดุ้งโหยง เพราะเสียงดังก้องป่า
“ แม่นหยัง...พ่อสู.. “  ผู้เป็นเมียถาม หน้าตาเหรอหรา
“ เสียงปืน...คือ ๆ เสียงปืน ดังมาทาง โนนตาดไฮ ใกล้ๆ นี่หละ”   จารย์ฝ้ายตอบน้ำเสียงไม่แน่ใจ
“ ไปเบิ่งดุ๊..เจ้าหนะ.” ผู้เป็นเมียออกคำสั่งพลาง ผลักหลังผัวเผชิญเหตุ
“ ฮ้วย..เฒ่าอันนี่..เบิ่งฟ้า เบิ่งไฟ แน แหม..”  จารย์ฝ้ายหันมา ตัดบท
ทั้งสองนิ่งงันฟังเสียงความเคลื่อนไหว........................
...เงียบไร้เสียงอื่นอีก..ได้ยินแต่เสียงลมพัดใบไม้...บางครั้งก็มีเสียงนกเอี้ยงโหม่ง ร้องบนคอนต้นไม้สูง

จารย์ฝ้ายตัดสินใจ หยิบเอาหน้าไม้ ที่เตรียมเอาไว้ยิงหนู ตอนถางไฮ่ เดินลิ่วสู่ต้นเสียง
อันตัวแก เคยเป็นทหารเก่า..อยู่ค่ายประจักษ์ ฯ อุดร  พอรู้วิถีหลบหลีกเอาตัวรอดได้
แล้วอีกอย่างก็พอได้ซึมซับการ อำพรางตัว แทรกซึมหาข่าว ซึ่งเป็นกลยุทธทางทหารมาบ้าง
จารย์ฝ้าย แอบย่องๆ ไปตามต้นไม้ใหญ่ ๆ พยามหลบเข้าที่กำบัง อำพรางตัวเข้าไปเงียบๆ  
ในมือถือหน้าไม้ พร้อมปล่อยลูกดอก เพียงแค่ปลายนิ้วเหนี่ยวไก  
ใจเต้นระส่ำเหมือนสมัยไปรบอยู่ ทุ่งไหหิน เมืองลาว สมัยเป็นหนุ่ม   แกค่อยๆ เคลื่อนตัวไปหาต้นเสียงอย่างเงียบกริบ  หรือว่าจะเป็นพวก คอมมิวนิสต์  จารย์ฝ้ายคิดในใจจากการคาดการณ์แล้ว เสียงแบบนี้ ไม่ใช่เสียงปืนแก๊ป ของพวกหาเลาะยิงหนูท้องขาว  เพราะเสียงมันมันมีพลังแรงอัดจากปากกระบอก  ฟังเสียงทุ้มกว่ากัน
คาดว่า น่าจะเป็นเสียงปืน จาก ปืน AK-47 หรือปืนยาวชนิดอื่น  ถ้าไม่อย่างนั้นก็เป็นเสียงปืนลูกซอง
แน่นอน  แต่ว่า มันยิงไผหละ..._???
มนุษย์ จัดว่าเป็นสัตว์โลก ชนิด “ นักล่า “ เพราะมีลูกตาอยู่ตรงกลางระหว่างกะโหลกด้านหน้าเพื่อส่งภาพจากเรติน่า เข้าสู่สมองประมวลผล การเคลื่อนไหวในแบบ สามมิติได้อย่างรวดเร็ว เพื่อกะระยะ
อีกทั้งนิสัยดั้งเดิม สันดานดิบของมนุษย์ คือ ล่าตามความพึงพอใจ ไม่มีเหตุผล
ไม่มีอิ่ม ไม่เหมือนสัตว์กินเนื้อประเภทอื่น ที่ล่าเพื่อให้อิ่มท้องเท่านั้น อิ่มแล้ว จะไม่ล่าอีก จนกว่าจะหิว  แต่สำหรับ มนุษย์  ฆ่าได้แม้กระทั่งตอนอิ่ม  เหตุผลเพียงแค่ คนอื่นคิดไม่เหมือนตน  หรือ เรียกว่า “ ความเชื่อ” ซึ่งไม่มีลักษณะทางกายภาพสักนิด ช่างโหดร้ายเกินเดรัจฉาน
จารย์ฝ้ายเพ่งสายตาไปตรงทางเกวียน ที่แกคาดว่าเป็นต้นเสียง ปฏิกิริยาตอบสนอง พร้อมเผชิญเหตุ เต็มเปี่ยม สมองตื่นตัวระวังภัยเต็มที่
“   ซ่อย..แน.......ซ่อยข่อยแน...”  เสียงดังเหมือนคนตื่นกลัวขาดสติ ดังมาจากพุ่มไม้
“  เฮ้ย...ไผวะ.... บ่ออกมา กู ยิง เด้.” จารย์ฝ้ายตะโกนเสียงดัง ตาจ้องไปที่พุ่มไม้ ที่ไหว ยวบๆ
“ จารย์ฝ้าย.ซ่อยข่อยแน..คอมมิวนิสต์ยิง ข่อย.. “  เสียงผู้หญิงดังมาจากหลังพุ่มไม้
“  เอ้า...อีเหนา  มึงไปหมูบจำดิน เฮ็ดหยังอยู่ หั่น.”  จารย์ฝ้ายลดหน้าไม้ลง ตะโกนตอบไป

“  โอย...คอมมิวนิสต์ยิงข่อย..อ้ายจารย์  ตายบาดนี่ “   น้าสาวเหนา คลาน อกมาจากพุ่มจิก ละลักละล่ำจารย์ฝ้ายรีบทะยานไป พยุงน้าสาวเหนาลุกนั่ง
“ ไสๆ  มันยิงถืกหม่องได๋   “  แกรีบสำรวจร่างน้าสาวเหนา  หาบาดแผล..
ร่างหญิงวัยกลางคน ยังสั่นเทาด้วยความตื่นกลัว หน้าซีดผืด  ปานไก่ต้ม
“ เอ๋า..คือบ่มีแผล  มันยิงบ่ถืก ติ  “   จารย์ฝ้ายทำหน้าฉงวน..เมื่อตรวจดูบ่พบบาดแผลถูกยิงมีแต่ รอยขูด ข่วน ของ เถาไม้หนาม ตามแขนขา  คงเป็นตอนที่แกหนีตายมา อย่างไม่คิดชีวิต
“ มันดักยิงมึง หม่องได๋ วะ “  แก โพลงขึ้นด้วยสีหน้าโกรธกริ้ว
“ พู้น.. ทางขึ้นโนน ตาดไฮ พู้น..”  หน้าสาวเนาชี้ไม้ชี้มือ
จารย์ฝ้ายพยุงน้าสาวเหนาขึ้นยืน พลางดึงแขน ไปทางจุดเกิตเหตุ
“ ไป พากูไปเบิ่ง..มันคือบังอาจ มาดักยิงคน อยู่นากู วะ “   ว่าพลางหน้าแดงก่ำเลือดขึ้นหน้า
“  ข่อยย้าน...อ้ายจารย์ “  น้าสาวเหนายังรั้งแขนไว้ ไม่อยากไปดู
“ เออนะ มา มานำกูนี่ บ่ต้องย้าน มันบ่จัก พลทหารฝ้าย  ทุ่งไหหิน สาแล้ว “  ว่าพลางดึงน้าสาวเหนาไปนำ
พอมาถึงจุดเกิดเหตุ เห็นจักรยาน ล้มตะแคง พร้อมกระสอบข้าวสาร ตกอยู่ข้างทางเกวียน
แกกวาดสายตาดูให้ทั่ว เห็นแต่ พุ่มจิก พุ่มฮัง ราบเป็นหน้ากลอง  แสดงว่ามี
คนกลิ้งทับ อย่างรีบร้อน
พลันแกก็มองไปทาง รถจักรยานที่คว่ำอยู่  ฮ้องขึ้นเสียงดัง
“  หึยย..ย....! .คอมมิวนิสต์กระจอก...ยิงยางรถจักรยาน....”

( คึดเอาเองเด้อ...พี่น้อง  น้าสาวเหนาตื่นหยัง )

 
 
สาธุการบทความนี้ : 312 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  04 พ.ค. 2553 เวลา 18:19:15  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  อีเกียแดง {แห่งรัตติกาล}    คห.ที่185)  
  อนุเซียนผู้อมตะ

ภูมิลำเนา : บุรีรัมย์ @ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 07 เม.ย. 2552
รวมโพสต์ : 5,431
ให้สาธุการ : 4,145
รับสาธุการ : 11,457,810
รวม: 11,461,955 สาธุการ

 
คิดเอาเองติ

คิดว่าจักรยานมันบรรทุกน้ำหนักเกิน ยางเลยระเบิดซั่นเด๊ะ

กำลังดีบ่าวปิ่น  ลงต่อเรื่อยๆ บ่เป็นหยั๋งครับ(ดีแล้ว)

 
 
สาธุการบทความนี้ : 228 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  04 พ.ค. 2553 เวลา 18:38:58  
    MySite  offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  สาวส่า เมืองยโส    คห.ที่186)  
  เจ้ายุทธภพน้อยจ้า
ภูมิลำเนา : ยโสธร
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 01 ก.ย. 2552
รวมโพสต์ : 1,784
ให้สาธุการ : 155
รับสาธุการ : 3,020,140
รวม: 3,020,295 สาธุการ

 
โหย กะเขียนได้บ่ขี้หล่ายดอกอ้ายปิ่น
บ่พาดพิง บ่ก้าวก่ายไผ
แต่ให้แง่คิด
....ละกะยาวเหยียดเกือบเต็มหน้าเลย
เหมาผู้เดียวอีหลี
คริคริ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 200 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  04 พ.ค. 2553 เวลา 18:43:44  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ปิ่นลม    คห.ที่187)  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
สมาชิกภาพ : สมาชิกชมรมฯ
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2,213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4,969,660
รวม: 4,969,840 สาธุการ

 
อะ.หึ..จุ้มนี้..บ่ขำเลย...งึด..!

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  04 พ.ค. 2553 เวลา 18:46:51  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  อีเกียแดง {แห่งรัตติกาล}    คห.ที่188)  
  อนุเซียนผู้อมตะ

ภูมิลำเนา : บุรีรัมย์ @ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 07 เม.ย. 2552
รวมโพสต์ : 5,431
ให้สาธุการ : 4,145
รับสาธุการ : 11,457,810
รวม: 11,461,955 สาธุการ

 
คุณปิ่นลม:
อะ.หึ..จุ้มนี้..บ่ขำเลย...งึด..!
เอาสาระแนแมะเนาะ  งึดคนหลาย เวลาขำกะเหล่นซ๊ะหัวจนน้ำตาแตก

 
 
สาธุการบทความนี้ : 268 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  04 พ.ค. 2553 เวลา 18:49:19  
    MySite  offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ป้าหน่อย    คห.ที่189)  
  เซียน

ภูมิลำเนา : อุบลราชธานี
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 05 ธ.ค. 2552
รวมโพสต์ : 2,169
ให้สาธุการ : 3,415
รับสาธุการ : 4,682,340
รวม: 4,685,755 สาธุการ

 
เอาอีกล่ะน้อ รถถีบเจ้ากรรม
ฮาก่อน กะว่าแม่นผีหลอก
ย้อนล้อรถถีบกับผ้าขาวม้า
บาดนี่แม่นถืกยิงพะนะ
ย้อนตีนรถถีบแตก

บาดว่าล่ะเนาะแนวไปไสมาไส
กะใช้แต่รถถีบ กะเลยมีเรื่อง
กับรถถีบ ดู๋ ๆ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 209 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  04 พ.ค. 2553 เวลา 19:01:09  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  มังกรเดียวดาย    คห.ที่190)  
  มหาเซียน

ภูมิลำเนา : ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกชมรมฯ
เข้าร่วม : 03 มี.ค. 2550
รวมโพสต์ : 3,640
ให้สาธุการ : 8,145
รับสาธุการ : 5,694,070
รวม: 5,702,215 สาธุการ

 
ยิงแม่นคักน้อ ขนาดยางรถจักรยานน้อยๆ แถมยังหมุนหลุ่นขุ่นหลุ่นข่น ยิงถืกเสย

เก่งแท้ๆ ผู้ญิง นี่กะดาย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  04 พ.ค. 2553 เวลา 19:03:03  
  www    offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ปิ่นลม    คห.ที่191)  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
สมาชิกภาพ : สมาชิกชมรมฯ
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2,213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4,969,660
รวม: 4,969,840 สาธุการ

 
คุณป้าหน่อย:
เอาอีกล่ะน้อ รถถีบเจ้ากรรม
ฮาก่อน กะว่าแม่นผีหลอก
ย้อนล้อรถถีบกับผ้าขาวม้า
บาดนี่แม่นถืกยิงพะนะ
ย้อนตีนรถถีบแตก

บาดว่าล่ะเนาะแนวไปไสมาไส
กะใช้แต่รถถีบ กะเลยมีเรื่อง
กับรถถีบ ดู๋ ๆ


ยังมีอีก เด้..เรื่องเกี่ยวกับ รถถีบ นี่ ถ่าให้ข้าวขึ้นบ้านก่อนแม่ป้า..ฯ
เดี่ยวสินำเสนอ อันนี้ พ้อกับจะของเลย._5555

( มังกรเดียวดาย)
ยิงแม่นคักน้อ ขนาดยางรถจักรยานน้อยๆ แถมยังหมุนหลุ่นขุ่นหลุ่นข่น ยิงถืกเสย

เก่งแท้ๆ ผู้ญิง นี่กะดาย

  พลทหารฝ้าย..พวมสูน.. กะยังว่า

 
 
สาธุการบทความนี้ : 190 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  04 พ.ค. 2553 เวลา 19:13:00  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ปิ่นลม    คห.ที่192) ตอน ปั้นข้าวจี่  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
สมาชิกภาพ : สมาชิกชมรมฯ
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2,213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4,969,660
รวม: 4,969,840 สาธุการ

 
ฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล คำรามสะท้านก้อง เป็นทอด ๆ  ต้นหว้าปลายท่ง สะบัดกิ่งไหวฟังเสียงดั่งกิ่งก้านจะหลุดจากต้น ลมแรงประทะชายคาหญ้าของเถียงนา ดังหวีดหวิว ปานว่าเสียงอสุราพิโรธ
`แม่เอิ้นลมและกุ้น ขึ้นมาบนเถียงนา  พะวงกลัวฟ้ากลัวฝน
“  ขึ้นมาเถียงเด้อ..ฟ้าใหญ่ ฝนใหญ่มาแล้ว “   เสียงแม่เอิ้นดังทวนลมมา
ลมกับน้องชาย จูงเอาควายบักตู้ และควายอีป่อง กุลีกุจอไต่ตามคันนา ตรงดิ่งมายังเถียงนา
พอถึงแล้วก็จัดแจงผูกไว้กับเสาใต้ถุนเถียง  ส่วนตาวาด ผู้เป็นพ่อกำลัง ผูกวัวแม่แดง  ใส่เสาด้านตรงข้าม
เสร็จแล้วก็ออกมายืนตรงหน้ากะไดทางขึ้น มองไปทางหัวนา
“ โห้...ฟ้าสิ่ว ยวด ๆ   สงสัยเป็นพายุใหญ่ “   ตาวาดอุทาน เมื่อเห็นเมฆฝน หนาแน่นผิดปกติ ไม่นาน เม็ดฝนก็ถั่งถมลงมาอย่าบ้าคลั่ง  เงี่ยหูไปทางไหนก็ได้ยินแต่เสียงเม็ดฝนกระทบใบไม้ ดังซ่าไปหมด
ลมแรงปะทะกิ่งสาขาของต้นไม้ ดัง โพละ เพละ บางกิ่งก็หัก ร่วงลงสู่พื้นดิน
เคลือหมากผีพ่วน ที่ขึ้นคลุมต้นค้อ ไหวเพิงวาบ  มองฝ่าฝนไปแล้วเห็นเห็นแค่เงาตะคุ่มๆ
เหมือนยักษ์ปักหลั่น กำลังเคลื่อนไหว
สายฝนตกกระชั้นถี่จนมองเห็นเป็นสายธารสีขาว หลั่งรินเจิ่งนองไปทั่ว เสียงรอบทิศ อลอึง ฟังไม่ได้ศัพท์ ลมแรงโถมมา พัดเอาปรอยฝน เข้ามาถึงด้านในของเถียงนา ผู้เป็นแม่ สาละวนเก็บเสื้อผ้า ไปซุกหลบฝน
“  ลมเอ้ย..หล่า เก็บเสื้อห้อย  ของแม่เข้ามาแน..ฝนผะใส่  “  แม่เอิ้นสั่งลูกให้เก็บ เสื้อชั้นใน ที่พาดไว้
ตรงราวด้านหลัง ของเถียง
ตาวาดผู้เป็นพ่อ เดินไปทาง “ คิงไฟ “ ( เตาไฟในครัว)  ขยับ “ ก้อนเส่า “ หรือหินที่เอามาไว้สำหรับ
ตั้งหม้อข้าว หม้อแกง เวลาหุงหาอาหาร  แกขยับ “ ก้อนเส่า” ทั้งสามก้อนให้เข้าที่ ก่อนจะสุมฟืนเข้าไปใหม่
พลางก้มลงเป่า ดุ้นฝืน
“  เอ้า..เจ้าจุไฟ เฮ็ดหยังหละ พ่อบักลม “ ยายยมถาม ด้วยความสงสัย
“ ว่าสิ จี่ข้าวจี่ กินอุ่นท้อง ซั่นดอก “  แกตอบพลางก้มลงเป่าไฟต่อ
“ ลมแฮงปานนี้  ไฟสิไหม้เถียงเด้อ “  ผู้เป็นเมียร้องเตือน
“ ฮ้วย..ข่อยเกิดก่อนเจ้า..ซั้นเด..   เฒ่าอันนี้ “   ตาวาดโพล่งขึ้น เสียงดัง

ลมซุกตัว นอนเงี่ยหูฟังฟ้าฮ้อง ในผ้าห่ม เสียงครืน ๆ ดังไล่มาจากเบื้องบนไกลๆ แล้วค่อยๆ ใกล้เข้ามา
บางครั้งคราวก็มี เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยง สนั่นหวั่นไหว ดังมาจากป่าดอนหัวเถียง แม่กับน้อง สะดุ้งโหยง
กอดกันกลม  หมาบักแดง วิ่งแจ้นเข้าไปนั่งผิงไฟใน ” คิงไฟ”  นั่งย่องย่อ อ้าปากหาว ไล่ความเมื่อยขบ
พ่อจกเอาข้าวเหนียวจากกระติบข้าว มาปั้นให้แน่นๆ  เอาเกลือโรยบางๆ  พอให้มีรสเค็ม  แล้วก็ใช้มือกด
ให้ก้อนข้าวเหนียว ราบแบน เป็นแผ่น   เอื้อมมืออ้อมไปหยิบเอาไข่ไก่ ในฮังไก่ ที่ทำจาก กระทอฮ้าง
เอาฟางทำเป็นขดๆ ซุกไว้ข้างใน ฮังไก่ไข่ นี้ พ่อเพิ่นเฮ็ดไว้ให้ ไก่แม่ไข่ มาไข่ ใส่  โดยเอาตอกมัดไว้ติดกับ”กระเทิบ” ทาง “ คิงไฟ “   ป้องกัน จอนฟอน ,งู  และสัตว์อย่างอื่นมาขโมยกินไข่
แกหยิบไข่มาสองลูก ตอกใส่ถ้วยตราไก่ ( ชามเปล )  ตีคนให้เข้ากัน  
“ พ่อ ข่อยเฮ็ดซ่อย.เด้อ..ข้าวจี่ “  กุ้นลูกชายหล่า เขยิบเข้ามาผิงไผ ไล่ความหนาวเย็นที่มากับไอฝน
“ นั่งเบิ่งซือ ๆ หล่า  พ่อสิเฮ็ดให้กิน “ ผู้เป็นพ่อ บอก  
กุ้นเด็กชายน้อย นั่งลงผิงไฟ ข้างๆ หมาบักแดง ที่นั่งสองขา แลบลิ้นยาว ระบายความร้อนอยู่
“ เส่.!.หยับไป บักแดง “  กุ้นเอามือผลักหมาบักแดง เพื่อหาช่องว่างแทรกตัว
หมาบักแดง ขยับตัวเล็กน้อย ให้เจ้านายนั่ง พร้อมกับครางหงิงๆ  แสดงอาการ ค่อนขอด ไม่เต็มใจ
พอตาวาดปั้นข้าวเหนียวให้แน่น พร้อมขึ้นรูปแบนๆ แล้ว ก็เอา “ไม้กระด้าม” ( ไม้สำหรับคดข้าวเหนียว)
เสียบตรงกลาง ย่างถ่านไฟจากฟืน ที่กำลังแดงได้ที่
กลิ่นข้าวเหนียวย่างไฟ หอมฉุยโชยมา  ลมเปิดผ้าห่มชะโงกหน้ามามอง ตามกลิ่น
พอข้าวเหนียวถูกย่าง ได้พอดีแล้ว  ตาวาดก็เอาข้าวเหนียว ลง  “ ตุ้ย ” ใส่ไข่ไก่ที่ตีไว้ หมุน “ ไม้กระด้าม “
ให้ข้าวจี่คลุกไข่จนทั่ว แล้วก็เอามาย่างไฟต่อ คราวนี้กลิ่นข้าวเหนียวไหม้ ระคน กลิ่นไข่ถูกไฟย่าง หอมหวลหนักเข้าไปอีก เท่าทวี
“ ข่อยกินนำแน..”  ลมทิ้งผ้าห่มวิ่งแจ้นมาทาง “ คิงไฟ”  ด้วยกลิ่นโอชะที่แซกซอน นาสิก
เมื่อสุกได้ที่แล้ว พ่อก็ แบ่งข้าวจี่ออกออก เป็นส่วน ๆ  ไอร้อนจากข้างในข้าวจี่ตอน พ่อ “ บิ “ ข้าวจี่ออก
เห็น`เป็นไอ ฉุยๆ ลอยออกจากข้างใน  รอบนอกข้าวจี่ เป็นไข่ สีเหลืองอร่าม  กรอบๆ  บางจุดโดนไฟแรง
มีร่องรอยไหม้นิดหนึ่ง  ดังนั้นข้าวจี่จึงมีสีเหลือง สีดำ เป็นจุด และ สีขาวๆ ของไข่ขาว ปนกัน
ตาวาดแบ่งปั้นข้าวจี่  ออกเป็นสี่ส่วน แบ่งให้แม่ ส่วนหนึ่ง ลมส่วนหนึ่ง  บักกุ้นลูกชายหล่าปั้นหนึ่ง
และสุดท้ายก็ของแกเอง   ส่วนแบ่งของหมาบักแดง แล้วแต่สมาชิกคนไหนจะเมตตา ให้แบ่งปันให้กิน
“ อีพ่อ.เจ้าแบ่ง บ่ ถ่อกัน  บักกุ้นได้ปั้นใหญ่กว่าข่อย.” บักลมพิจารณาปั้นข้าวจี่แล้ว โอดครวญ
"น้องเป็นผู้น้อย ต้องได้หลายกว่า  โตเป็นอ้ายต้องเสียสละ “ พ่อกล่าวสอนลม
“ เอาโลด คันซั่น พ่อใหญ่พัน เลาว่า ไผแบ่งบ่เกิ่ง  หัมโปง..  “   ยังหาทางค่อนแคะ จนได้
ตาวาดแกล้งไม่ได้ยิน เดินถือปั้นข้าวไปให้เมีย แล้วก็นั่งกินข้าวจี่อย่างเอร็ดอร่อย  ลูกชายคนเล็ก เดินตามไป
เอาผ้าห่มมาตุ้ม นั่งกินอย่าถูกปาก ตามองลอยออกไปทางท่งนา ที่ฝนกำลังตก จนทัศนวิสัยย่ำแย่
หมาบักแดง ลุกขึ้น ส่ายหางดิก ๆ ข้างๆ ลม  ทำท่าทางเหมือนจะขอส่วนแบ่ง
“ ไป..ขอกินนำบักกุ้นพู้น มันได้ปั้นใหญ่กว่าหมู่ “  ลมตวาดหมาบักแดง
“ เอ้า มึงกะแบ่งให้มันกินแน  คิดฮอดยามพาไป หาหนู หากบ หางู นำโคกแน ได้กิน ย้อนมันนั่นหละ “
ผู้เป็นแม่ออกคำสั่งปนบังคับ ลมไม่กล้าขัด รีบ แบ่งให้มันกินก้อนนิดหนึ่ง
“ เอ้า กินซำนี้หละ  เฮ็ดนาบ่เป็น มึงหนะ “   ว่าพลางยักคิ้วใส่สัตว์เลี้ยงตัวโปรด
“  ฮืมมม.....แบ่งบ่ เกิ่ง  หัมโปง เด้.......”   ตาวาดทำเสียงเลียนแบบลูกชาย
เสียงหัวเราะร่วน ดังก้องเถียงนา ระคนกับสายฝน  ปนไอเย็น แห่งวสันตฤดู

 
 
สาธุการบทความนี้ : 224 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  05 พ.ค. 2553 เวลา 07:45:19  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  สาวส่า เมืองยโส    คห.ที่193)  
  เจ้ายุทธภพน้อยจ้า
ภูมิลำเนา : ยโสธร
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 01 ก.ย. 2552
รวมโพสต์ : 1,784
ให้สาธุการ : 155
รับสาธุการ : 3,020,140
รวม: 3,020,295 สาธุการ

 
"หมาบักแดง วิ่งแจ้นเข้าไปนั่งผิงไฟใน ” คิงไฟ”  นั่งย่องย่อ อ้าปากหาว ไล่ความเมื่อยขบ"

เว้าซะน้องเห็นภาพ คิดฮอดมาบักมังรายโตอยู่บ้านเลย
เก็บทุกรายละเอียดฮ้ายดอกกะดาย 55

เออ ถามอันนึงนำแน่
โตละครนี่ มันมีจักครอบครัวจ้า
น้องสับสนไปเมิดล่ะ จำบ่ได้แหมะ
สรุป ๆ ให้เบิ่งจักอันแน่เด้อ
แต่ละตอนมีโตเด่นบ่กี่โตถืกตามหลักเรื่องสั้นอยู่
แต่รวมทั้งเรื่องแล้วตอนนี้เป็นซาวแล้ว

 
 
สาธุการบทความนี้ : 198 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  05 พ.ค. 2553 เวลา 08:57:50  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ปลาร้านอกไห   ตอบเต็มรูปแบบ || Quick Reply  
  หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 70 71 72 73 74 75 76 77 78 79 80 81 82 83 84 85 86 87 88 89 90 91 92 93 94 95 96 97 98 99 100 101 102 103 104 105 106 107 108 109 110 111 112 113 114 115 116 117 118 119 120 121 122 123 124 125 126 127 128 129 130 131 132 133 134 135 136 137 138 139 140 141 142 143 144 145 146 147 148 149 150 151 152 153 154 155 156 157 158 159 160 161 162 163 164 165 166 167

   

Creative Commons License
นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ ) --- ปลาร้านอกไห (ปลาร้านอกไห --- อีสานจุฬาฯ)