ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 20 พฤษภาคม 2567:: อ่านผญา 
ความตายนี้แขวนคอทุกบาดย่าง ไผก็แขวนอ้อนต้อน เสมอด้ามดังเดียว แปลว่า ความตาย แขวนคอเราอยู่ทุกย่างก้าว ไม่ว่าใครก็ตาม เหมือนกันไม่เว้น หมายถึง ทุกคน มีโอกาสตายได้ทุกเมื่อ อย่าประมาท


  ล็อกอินเข้าระบบ  
ชื่อ ::
รหัสผ่าน::
*จำสถานะ
 
  นิทานพื้นบ้านอีสาน  
       นิทานพื้นบ้าน ในที่นี้ หมายถึงนิทานขนาดยาว อันเป็นเรื่องราวทางจินตนาการ ซึ่งเป็นเรื่องเล่าเพื่อความบันเทิง เพื่อเป็นคติคำสอน เป็นต้น เช่น ผาแดงนางไอ่ ขูลูนางอั้ว นางผมหอม ฯลฯ

     นิทานพื้นบ้านนี้ ความจริง มีเนื้อหาค่อนข้างยาว หรือบางเรื่องก็ยาวมาก ขนาดหมอลำ ลำทั้งคืนยันสว่าง ยังไม่จบ นั่นแหละ หากเล่าให้ละเอียดได้ ก็เป็นการดีทีเดียว แต่หากละเอียดไม่ได้ ก็คงเป็นเพียงเรื่องย่อ เพื่อให้รู้ว่า นิทานเื่รื่องนั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องอะไร

    เชิญทุกๆท่าน ร่วมเล่านิทานพื้นบ้าน ได้แล้วครับ...



กระทู้ธรรมดา... มีข้อความโพสต์ใหม่

  หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 ตอบกระทู้  
  โพสต์โดย  
นิทานเรื่อง : เซิญแต่งนิทาน เรื่อง กุดจี่เบ้า โดยการเขียนกลอนแบบ เทียมแอก (คลิกอ่านบทความต่อเนื่อง)
 
  อ๊อดโนนสูง    คห.ที่101)  
  จอมยุทธน้อย

ภูมิลำเนา : นครราชสีมา
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 22 ธ.ค. 2552
รวมโพสต์ : 224
ให้สาธุการ : 170
รับสาธุการ : 183,320
รวม: 183,490 สาธุการ

 
นิทานพักยก นานจัง รออ่านต่อเน้อ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  07 พ.ค. 2553 เวลา 22:16:05  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ต้องแล่ง    คห.ที่103)  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1,587,510
รวม: 1,587,555 สาธุการ

 
ทวยราษฎร์ม้วยตายเกลื่อนหนองแสง       ย้อนขี้แห้งเป็นพิษจั่งไฟอาบไว้
บางพ่องหงายขาซี้ตายเสียเดียรดาษ         เต็มตลาดอูดเอ้าเหม็นไส้เน่าใน
กุดจี่แดงแจ้งให้มวลหมู่แมงวัน                ให้มันบินมาไวจ๋อกินหนังซิ้น
ยินข่าวแล้วแมงวันเขียวหมู่ใหญ่               กายเลาะก้ำบาค้ำเบ้าคำ
ท้าวถามโตนำหน้าสิฟ้าวฟั่งไปไส             ใจประสงค์หยังน้อจั่งด่วนหนีทางนี้
มีเหตุฮ้อนแนวได๋บอกแหน่                     ตางพักแวกินน้ำเซายั้งเรียกพลัง
ฟังคำเว้าบาคำถามไถ่                      หัวหน้าใหญ่หมู่นั้นเลยแจ้งตอบแถลง
ผมสิแงงไปหน้าหนองแสงเมืองใหญ่        สิฟ้าวไปกินซิ้นทางนั้นย้านบ่ทัน   ขะน้อย
ทางเมืองนั้นเป็นหยังท้าวว่า                      ฮือว่าห่าปอบเป้าเนาค่ายด่วนตาย  หือได๋
แมงวันเขียวบอกท้าวมีซากตายหลาย       ย้อนอุบายแมงกุดป่าแดงดอนแล้ง
ตอนนี้หนองแสงเศร้าแมงเขลายาดแย่ง    กุดจี่แดงหมู่ฮ้ายยายฮ้อนทั่วนคร
ตอนนี้นั้นต่างเก่าบ่คือหลัง                      หนองแสงพังวอดวายเหลือฮ้าย
ตายเกลื่อนบ้านแมงกุดถืกยาเบื่อ             บ่เว้นเขือผู้เฒ่าเนาบ้านเนื้อยาน
ส่วนว่าท่านองค์เอกภูบาล                     บ่อาจทานหมู่แมงป่าแดงซุมแฮ้ง
กุดจี่แดงประหารท่านหลายวันพ้นผ่าน      มันทะยานล่วงขึ้นครองพื้นทั่วผืน
ผมสิบืนบินข้ามทางไกลพร้อมไพร่             สิให้ไวกว่าแฮ้งยามแ้จ้งยาดแมง
จึงได้แยงกายก้ำเคียมเลาเลาะเหล่า        ขอแต่ภูบาลเจ้าปล่อยให้ผ่านไป  แน่ถ่อน .. (ปิ่นลม , ต้องแล่ง)  

บัดนี้ ขอกล่าวย้อนเบ้าคำบาบ่าว        นับแต่คำเบ้าท้าวไกลหน้าพ่อตา
ท้าวก็พานางน้องเมียแพงกลับแหล่ง    เมืออยู่หอแห่งห้องเทียมน้องอยู่สอง
พากันครองเมืองสร้างสำราญพ้นผ่าน    ยังบ่ฮู้ว่าบ้านเมืองสิเศร้าหง่วมเหงา
สองคนเจ้าบ่ฮู้ภัยพาลเมืองพ่อ            ปานนี้นอเผิ่นจากแล้วลาได้ห่างไล

อันว่าในคราวนั้นกรรมทันนำไล่         จักได้บังเกิดให้สองสิฮ้างห่างทาง
สองสิป๋าวางเว้นไกลเสียหนีจาก       สองสิพลัดพรากเว้นคราวนี้ห่างหนี
ตกทีเสียสูญเศร้าพงษ์พันธ์บั้นบ่อน     ตกถึงตอนบ่อนบั้นคราวสิไห้ฮ่ำไฮ
คอยฟังไปนิทานเรื่องเบ้าคำบาบ่าว   อย่าฟ้าวหน่ายเด้อพี่น้องผู้ฟังข้ากล่าวจา …..(จารย์ใหญ่)

ในเวลาตอนนั้นท้าวเบ้าคำได้ฮู้ข่าว         ทราบเรื่องราวเหตุฮ้ายแมงวันแจ้งกล่าวแจง
จึงได้แจ้งประชุมหมู่เสนา                     มีวาจาให้กรีธาทัพท้า
รบซึ่งหน้ากับแมงแดงกำแหงชั่ว            บ่มีกลัวเกรงย้านมารฮ้ายจังไฮ
ท้าวจึงได้ลาสั่งภรรยา                         แพงตาคำให้หล่ำคองพี่เด้อน้อง
ให้เจ้าปองเป็นเจ้าปกเมืองแทนพี่           พี่ไปรบเทื่อนี้บ่ดนซ้าสิต่าวมา
สั่งลาแล้วจึงกรีธาทัพใหญ่                   หวังสิไปขยี้กุดจี่ฮ้ายให้มลาย
โยธาย้ายบินสู่หนองแสง                      ตอนตะเว็นพวมแดงสาดแสงพวมแจ้ง
แงงไปหน้าโยธาพร้อมพร่ำ                   นำขบวนโดยท้าวคำเบ้าแห่งดงเลา

กล่าวถึงเจ้าแมงแดงกุดจี่ใหญ่               คิดแผนการณ์โฉดฮ้ายมายม้างทุกทาง
หลังจากตั้งตนนั่งครองเมือง                 เป็นราชาโฉดมัวเมามั่ว
ตัวก็เฒ่าชราปูนปานปู่                         เฒ่าหัวงูคักแท้แวห้าวหาแต่สาว
กุดจี่เบ้าสาวงามแฮกฮุ่น                      สั่งสมุนหาหิ้วมาซิมส้มซื่นซม
เขาว่าโฉมเฉลาหล้าแพงตางามค่อง        คิดหวังปองเป็นซู้ซูซ้อนฮ่วมซอน
วางอุบายฮ่วมซ้อนนอนฮ่วมแพงตา         ได้เวลาจวบเหมาะพอดีคราวนี้

คือว่ากุดจี่ท้าวเบ้าคำออกจากเหล่า    ให้แพงตาสนมท่าว เด็กน้อยและฝูงเฒ่า อยู่เฝ้าดงเลา
เฒ่าให้กรีธาย้ายยายโยธาตั้งหน้าต่อ       ประจันหน้าพ้อว้อต่อทัพเบ้าแห่งดงเลา
แลงซอดเซ้าเซ้าซอดแลงแสร้งตรึงต่อ     เขาท้ารบกะบ่ง้อรอซ้นบ่มีสน
อีกทางหนึ่ง เฒ่าให้ลี้หลีกซ้นลอบเข้าไปถึงในเหล่า  ในดงเลาแดนด้าวลงโผ่งฮอดโพรง
อันดงเลาตอนนั้นทหารหาญมีนิดหน่อย     เหลือตั้งแต่เด็กน้อยฝูงเฒ่าและสาว    
โฉมเฉลาหล้าแพงตาสนมท่าว               สู้แฮงเขาบ่ได้จึงโหยไห้ฮ่ำไฮ
เขาก็จับเอาได้แพงตาน้อยอ่อน              แล้วพาจรจากห้องฮูโผ่งป่องโพรง
ออกจากโผ่งสิโค้งอ่วยหนองแสง            พอตะเว็นค่ำแลงจึงพักเซาพวมเซ้า ... ( มังกรดียวดาย )

เขาก็พานางเข้าพักเซาให้หายเซ่า       ฮอดมื้อเซ้าสิพาย้ายทอดถวาย
ขังนาถไว้บ่อนเก่าเคยเนาหลัง           หนองแสงวังโผ่งหลวงโฮงก้วง
หลวงหลายแท้ทาสามันแต่ง             แยงนาถน้อยคอยแจ้งค่ำแลง
แมงแดงกล้าหทารหลวงตนอาจ         ปานซาติแฮ้งโตฮ้ายอยู่ภาย

นางกะบายแขนหล่าทาสาสนมท่าว      เซื้อชาติเจ้าแนวเบ้าดั่งเฮา
เขาสิเอาเอื้อยเข้าถวายหลวงตนใหญ่    ซ่อยเอื้อยไว้พาลี้จากหนี  แน่ถ่อน
แล้วเฮาพากันลี้หนีจากหนองแสง       แยงป่าเลาเขตเขาดงข้าว
ไปหาเจ้าเบ้าคำเขยใหญ่               อย่าสิอยู่เป็นข่อยแนวแฮ้งป่าแดง

สาวสนมแจ้งแถลงตอบแพงตา          แม่นว่าเป็นทาสากุดแดงซุมแฮ้ง
บ่ว่าแลงหรือเซ้าเนาโฮงกลางท่ง       บ่อาจหลงซาติเซื้อแนวเบ้าหมู่เฮา
แลงหรือเซ้าเขาแนมคักแน่              แม่นว่าแวไปหม่นนำก้นสู่คน
ขอให้พระแม่เจ้าทนเอาสาก่อน         ตอนหน้านี้เชิญเจ้าพักเซา  ก่อนถ่อน    ........ (ต้องแล่ง)

 
 
สาธุการบทความนี้ : 268 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  08 พ.ค. 2553 เวลา 05:54:27  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ปิ่นลม    คห.ที่104)  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
สมาชิกภาพ : สมาชิกชมรมฯ
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2,213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4,935,460
รวม: 4,935,640 สาธุการ

 

บ่าวคำเบ้ามาฮอดหนองแสง               ตะเว็นพวมแลง บ่เห็นเสนา ทั่วหล้า
เห็นแต่จุ้มแมงแดง เซินมาวน             แนมบ่เห็นพอคนพวกกุดจี่ไปลี้
:ซางมาเป็นแนวนี้เมืองเก่าพระบิดา      สุดสิ กลั้นน้ำตาหลูโตนเลาแต่เค้า
แล้วสิหาทางเข้าเวียงนครแนวได๋นอ    พวกแมงแดงจั๋งบ่พ้อเห็นหน้าและตา
ฟังเสียงส่าโจ้นโจ่นจับแพงตามาถวาย    ผู้เพิ่นเป็นเจ้านาย แมงแดงพลเหลือล้น
มันก็พาพลเต้น ทั้งหมู่ หมดฝูง                ทั้งอีลุงตุงนัง ทั้งแยงขาขึ้นฟ้า
ซ่างมาเป็นตาฆ่าให้มันตายเบิ๊ดเหล่า      ท้าวกะอดสาเอา พวม เซาหนีตางลี้
หาวิธีซ่อยหล่าแพงตา ได้สาก่อน         แล้วสิมอดมาดเมี้ยนตีฆ่าซำหมา
อันสิบุกลุกล้ำเมืองคำหนองแสงใหญ่     ฮ่อนเฮ็ดได้ตอนนี้ แมงแดงล้นเหลือพล
กลับเมือบ้านคืนนครตั้งหลักก่อน          บ่อนหม่องฮอดสิได้ อย่าใจไหม้ดั่งไฟ ( ถ่อนแลว.)

ท้าวจึงตกแต่งตั้งทั้งเสนาอำมาตย์      อ่านแผนขาดเลิศล้ำ นำเบ้าออกเนา
พวกเจ้าอยู่ในนั้นในคำเบ้าใหญ่        ใส่อาวุธเตรียมไว้ในเบ้าอย่าเขลา
นับแม่นว่าฮอดร้อยนับพันประสาหมื่น    เสนาเข้าอยู่ได้ในเบ้าอยู่เซา
แล้วก็ให้แมงหวี่ไปส่งสาร                 บอกว่าท้าวบาคาน  เพิ่นหนีไปลี้
ปะเมืองถิ่มพร้อมเบ้าคำหลวง          ลวงพวกมันว่าเฮาไปเมืองแกวหมดแล้ว
แนวแมงแดงหมู่นั้นโลภมากโลภา   คงต้องยกพลมาขนเบ้าไหเก็บไว้
แล้วสิให้สัญญาณออกมาท่าน       กล่าวถ่อนั้นจึงได้ ตั้งค่ายแต่งอุบาย..(แหลว)...

ปล.ผิดหม่องได๋ แก้ให้แนเด้อ...

 
 
สาธุการบทความนี้ : 301 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  08 พ.ค. 2553 เวลา 15:58:26  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ต้องแล่ง    คห.ที่105)  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1,587,510
รวม: 1,587,555 สาธุการ

 
ผมว่าปิ่นลมอาจสิแต่งบ่เข้าสถานการณ์ปานได๋    
อย่าลืมว่าของวิเศษคือ   เบ้าคำ  ท้าวเบ้าคำกะบ่ได้เอากลับดอนเลาเพราะว่าเป็นทองหมั้น   ตอนนี้เบ้าคำจึงอยู่ในกำมือของกุดจี่แดงเพียงแต่ว่าพวกมันใช้ไม่เป็นเท่านั้น
    

ลองอ่านเบิ่งตอนที่บอกว่าเบ้าคำอยู่ที่หนองแสง .....

หลังจากส่งลูกแหล่งปกทั่วหนองแสง          มันหากแงงแนมเห็นเหตุการณ์ในย่าน
ฮู้ว่าภูบาลไท้เจ็บไอได้หายส่วง                 ย้อนเขยหลวงผู้กล้าบาค้ำเบ้าคำ
เขาได้นำทองหมั้นพันตันเบ้าใหญ่              เวนมอบให้หนองแสงพื้นแล้วต่าวคืน
คนส่าคืนแลงเซ้าแสงเงาระยับยิ่ง               มันแฮ่งลิงโลดเต้นอยากเห็นเบ้าบ่เซา   ...    

จึงเป็นไปบ่ได้ที่ท้าวเบ้าคำสิวางแผนเอากองกำลังเข้าไปเสี่ยงในเบ้าคำ   แล้วปล่อยข่าวลือว่าทิ้งเมืองเพื่อหลอกให้กุดจี่แดงมาติดกับ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 317 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  08 พ.ค. 2553 เวลา 19:20:53  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ต้องแล่ง    คห.ที่106) เนื้อเรื่องถอดความร้อยแก้วล่าสุด  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1,587,510
รวม: 1,587,555 สาธุการ

 
มีกุดจี่เบ้าตัวหนึ่งกำลังอยู่ในวัยหนุ่มน้อยเป็นลูกกำพร้าทั้งพ่อและแม่    ส่วนปู่ที่เคยเลี้ยงดูก็มาตายจากไป  จึงต้องอยู่ตัวคนเดียวในรังเล็ก ๆ บนผืนดินอันแห้งแล้งกลางเดือนสาม   ซึ่งการหากินก็ลำบากยากเข็ญเนื่องจากวัวควายได้หายไปจากท้องไร่ท้องนาจนหมดสิ้นแล้ว   ทำให้นึกถึงคำพยากรณ์และคำสั่งสอนของปู่เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่  หลายครั้งที่เขาต้องกลับมานอนที่รังในสภาพที่อ่อนหล้าเนื่องจากขาดแคลนอาหาร    กระนั้นก็ตามความทุกข์ทางกายก็ไม่เท่ากับความทุกข์ภายในที่คอยเผาผลาญจิตใจให้ร้อนรุ่มด้วยไฟแห่งสัญชาติญาณอันเป็นธรรมดาของสรรพสัตว์

เขาได้ตัดสินใจละทิ้งรังที่เคยซุกหัวนอนมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย   ออกไปเผชิญโลกกว้างเพื่อหาโอกาสและทางเลือกใหม่ของชีวิต    เขาต้องบินผ่านท้องทุ่ง  ภูผาและป่าเขา  ซัดเซพเนจรเป็นเวลาหลายวัน  และแล้วโชคก็เข้าข้างเมื่อเขาเดินทางมาถึงท้องทุ่งกว้างใหญ่ที่เขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์   มองไปข้างหน้าเห็นฝูงวัวควายเต็มท้องทุ่ง   ได้ยินเสียงกระดิ่งกระดึงดังก้องไปทั้งท้องทุ่ง   ทำให้หัวใจของเขาพองโตและเขาก็ไม่รอช้าที่จะชอนไชกองอาหารที่เขาแสวงหามาตลอดหลายวันที่ผ่านมา   ความอิ่มสบายทำให้เขาวาดฝันถึงชีวิตคู่ในอนาคตที่แสวงหามาตลอดทั้งชีวิต  

กล่าวถึงท้องทุ่งกว้างใหญ่ชื่อ  หนองแสง มีกุดจี่เบ้าพ่อหม้ายเป็นผู้ปกครอง  มีบริวารมากมายและอาณาเขตปกครองกว้างใหญ่   แต่ทุกข์ในใจก็คือบุตรสาวที่กำลังเติบใหญ่ยังขาดคู่ครอง  และอาณาเขตบ้านเมืองที่ไม่รู้จะมีใครเป็นคนสืบทอดต่อไป   ด้านบุตรสาว  ชื่อ แพงตา  แม้จะขาดแม่ตั้งแต่ยังเล็กแต่ก็ได้รับการเลี้ยงดูอบรมอย่างดีจนโตเป็นสาวสวย

อยู่มาวันหนึ่งนึกอยากออกไปเที่ยวในอุทยานจึงมาขออนุญาตพ่อ    ส่วนพ่อก็ไม่อยากให้ไปด้วยความเป็นห่วงแต่ก็ไม่อาจห้ามได้   จึงกำชับให้เที่ยวอยู่แต่ภายเขตอุทยานและเขตปกครองของพ่อ   เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว  แพงตาพร้อมด้วยสนมและบ่าวไพรก็ออกเดินทางไปท่องเทียวในเขตอุทยานด้วยความเบิกบานใจ   ความเพลิดเพลินทำให้พลัดหลงกับบ่าวไพร่เข้าไปในเขตอิทธิพลของจอมอันธพาล    จอมอันธพาลจึงจับตัวนางไว้หวังขืนใจเอาเป็นภรรยา   ดีที่กุดจี่หนุ่มน้อยพระเอกของเราช่วยไว้ได้ทัน    

หลังจากที่ได้ต่อสู้กับจอมอันธพาลจนพ่ายแพ้ไปกุดจี่หนุ่มก็ยังปราณีไว้ชีวิต   แต่แทนที่มันจะสำนึกในบุญคุณกลับผูกพยาบาทอาฆาตเป็นอย่างมาก  เมื่อจอมอันธพาลจากไป  ทันทีที่ได้สบตาเหมือนบุปเพสันนิวาสที่มีมาแต่ชาติปางก่อน กุดจี่หนุ่มก็หลงรัก  แพงตาจนโงหัวไม่ขึ้น   หลังจากนั้นก็ได้เดินทางไปส่งแพงตาที่เมืองหนองแสง   และขอแพงตาแต่งงาน   ซึ่งพ่อของแพงตาก็มีความยินดีไม่ขัดข้องแต่ประการใด   แต่มีข้อแม้ว่าต้องนำทองคำมาเป็นสินสอดทองหมั้น   หลังจากนั้นกุดจี่เบ้าหนุ่มก็เดินทางกลับที่พักมานอนเอามือก่ายหน้า   เพราะจนใจและมองไม่เห็นหนทางที่จะหาสินสอดทองหมั้นตามจำนวนที่ได้รับปากไว้กับพ่อของแพงตา

ร้อนถึงพระอินทร์เมื่อได้ตรวจตราดูโลกมนุษย์ก็ได้เห็นเทวบุตรที่ลงมาชดใช้กรรมในร่างของกุดจี่เบ้า   พระองค์รู้ว่าถึงเวลาที่เทวบุตรกำลังจะหมดเวรหมดกรรม   จึงแปลงกายลงมาเป็นกุดจี่เฒ่าและกำลังเข็ญเบ้าเพื่อลองใจกุดจี่หนุ่มว่าจะดำรงตนอยู่ในคุณธรรมหรือไม่   เมื่อกุดจี่หนุ่มมาพบเข้าจึงอาสาเข็ญเบ้าช่วยกุดจี่เฒ่า  แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์เพราะเบ้าอันเล็ก ๆ กลับไม่สามารถเข็นให้กลิ้งไปได้   กุดจี่เฒ่าก็ร้องไห้โฮและบอกว่ายายแก่กำลังรอคอยอาหารอยู่ที่บ้าน   กุดจี่หนุ่มจึงอาสานำอาหารไปส่งให้ยายตามเส้นทางที่กุดจี่เฒ่าบอกไว้   หลังจากนั้นกุดจี่หนุ่มก็กลับมาเพื่อหวังจะช่วยกุดจี่เฒ่าเข็นเบ้าอันเดิมต่อไป    แต่ปรากฏว่าเบ้าอันเล็ก ๆ กลับขยายขนาดกลายเป็นเบ้าใหญ่  แต่เมื่อเอามือผลักกลับสามารถกลิ้งได้อย่างง่ายดาย
กุดจี่หนุ่มกำลังจะถามกุดจี่เฒ่าถึงสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า   แต่เหตุการณ์กลับน่าอัศจรรย์ยิ่งขึ้นเมื่อกุดจี่เฒ่าได้กลับร่างเป็นพระอินทร์และเบ้าอันใหญ่กลับกลายเป็นเบ้าทองคำ   หลังจากนั้นพระอินทร์ก็มอบเบ้าทองคำอันใหญ่ให้และบอกว่าเป็นเพราะคุณงามความดีของกุดจี่หนุ่มจึงได้มอบเบ้าทองคำอันนี้ให้

เมื่อได้ข่าวว่ากุดจี่หนุ่มคู่อริกลายเป็นเศรษฐีเพราะมีเบ้าทองคำอันใหญ่   ไฟพยาบาทก็โหมลุกโชนขึ้นในใจของกุดกจี่หนุ่มจอมอันธพาลที่รอดชีวิตมาได้จากความปราณีของกุดจี่เบ้า   มันได้ปลุกระดมบรรดาสมุนและวางแผนการปล้นเบ้าทองคำ   เมื่อเตรียมการณ์พร้อมมันก็นำลูกสมุนมุ่งหน้าสู่บ้านของกุดจี่หนุ่ม   ฉวยโอกาสที่กุดจี่หนุ่มนอนหลับพาสมุนเข้าไปกลิ้งเอาเบ้าทองคำ   แต่ไม่ว่าจะใช้ความพยายามเท่าใดเบ้าทองคำก็ไม่ขยับเขยื้อน   เสียงอึกกระทึกครึกโครมทำให้เจ้าของเบ้าทองคำตื่นขึ้นมา   กุดจี่หนุ่มได้กระโดดขึ้นยืนบนเบ้าทองคำ
ประกาศความเป็นเจ้าของแล้วสำแดงอิทธิฤทธิ์เพื่อหวังสั่งสอนเหล่าอันธพาล   โดยกระโดดลงมาใช้เพียงมือข้างเดียวก็สามารถเกลี้ยงเบ้าทองคำอันใหญ่ได้อย่างง่ายดาย   เมื่อได้ประจักษ์แก่ตาถึงอิทธิฤทธิ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้า  บรรดาอันธพาลทั้งหลายก็ยอมศิโรราบและยอมเป็นบริวารของกุดจี่หนุ่มตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา  

เมื่อกุดจี่หนุ่มได้บริเวารมากขึ้นก็เริ่มก่อร่างสร้างตัวจนมีเขตปกครองเป็นของตัวเอง  เป็นเขตป่าเชิงเขาใกล้กับนาทามหนองแสง    เข้าได้สร้างบ้านแปงเมืองจนเจริญรุ่งเรืองเป็นที่รักใคร่ของเหล่าประชาราษฎรทุกคนจนล่วงเข้าเหมันต์ฤดูเขาจึงยกขันหมากมุ่งหน้าสู่หนองแสงตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้

พิธีอภิเษกสมรสได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และมีงานเฉลิมฉลองถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน  ยังความปลาบปลื้มยินดีมาสู่ทวยราษร์ทุกหย่อมหญ้า   ผู้ที่มีความสุขเป็นพิเศษก็คือพ่อของแพงตา  ความทุกข์ในใจที่มีมาหลายปีก็มลายหายสิ้น   แต่ก็นึกประหวั่นใจใจขึ้นมาอีกเพราะลูกสาวที่เพิ่งแต่งงานใหม่ต้องติดตามท้าวเบ้าคำไปอยู่ที่เมืองของฝ่ายชาย   จึงได้แต่คิดหาวิธีที่จะเหนี่ยวรั้งบุตรสาวและบุตรเขยให้อยู่ปกครองเมืองหนองแสงแทนตน   แต่เมื่อถึงวันที่ต้องจากพระองค์ก็ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งทั้งคู่เอาไว้ได้  

เมื่อท้าวเบ้าคำกลับไปยังเมืองของตนเองภัยคุกคามใหม่ก็ได้ย่างกลายมาเยือนเมืองหนองแสง  
เมื่อกุดจี่แดงจอมอันธพาลซึ่งเคยปกครองหนองแสงเมื่อหลายปีก่อนได้หวนกลับมาทวงคืนบัลลังก์   มันเคยเป็นผู้ปกครองของที่นี่   แต่เพราะการใช้อำนาจบาตรใหญ่ทำให้หนองแสงในยุคนั้นกลายเป็นกลียุค   กุดจี่หนุ่มตัวหนึ่งในสมัยนั้นรวบรวมกำลังโค่นมันลงจากอำนาจ   แล้วสถาปนาหนองแสงขึ้นมาใหม่และปกครองจนบ้านเมืองร่มเย็นมาจนถึงทุกวันนี้   กุดจี่หนุ่มตัวนั้นก็คือพ่อของแพงตาในวันนี้นั่นเอง

        กุดจี่แดงจอมอันธพาลที่ถูกโค่นจากบัลลังก์หลายปีก่อน   ได้ถูกเนรเทศไปอยู่ที่ป่าแดง   แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามันได้ส่งใส้ศึกมาแฝงตัวอยู่ในหนองแสงเป็นจำนวนมาก   มันจึงรู้ความเป็นไปของหนองแสงเป็นอย่างดีเมื่อท้าวคำเบ้าและแพงตาออกจากหนองแสงไปอยู่ที่ดอนเลา   มันรู้ว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะก่อการมันจึงให้ลูกสมุนปล่อยข่าวลือและสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายขึ้นทั่วหนองแสง   ในขณะเดียวกันก็ปล่อยข่าวลือว่าองค์กุดจี่หลวง
มีอาหารอันดุดมสมบูรณ์ที่จะเลี้ยงชาวเมือง    คนที่หลงเชื่อก็เดินทางออกจากบ้านปล่อยให้คนแก่และเด็ก ๆ อยู่กับบ้าน   บรรดาสมุนกุดจี่แดงจึงเข้ารื้อทำลายบ้านเรือนของกุดจี่เบ้าอย่างง่ายดาย   ส่วนพวกที่ไปกินอาหารที่พวกมันเตรียมไว้ก็ถูกยาเบื่อตายเสียเป็นจำนวนมาก   การก่อการจลาจลและความวุ่นวายในครั้งนี้กุดจี่แดงสามารถโค่นล้มอำนาจของกุดจี่หลวงไว้ได้   มันจึงทำการปลดอาวุธกุดจี่เบ้าทั้งหมดแล้วเนรเทศจากหนองแสง   ส่วนพวกเสนาอำมาตย์ก็ถูกประหารจนหมดสิ้น   ส่วนองค์เหนือหัวมันก็จับไปสำเร็จโทษเสีย  แล้วก็สถาปนา
การปกครองของมันขึ้นมาใหม่   กุดจี่เบ้าที่เหลือรอดชีวิตก็ต้องถูกเปลี่ยนสถานะกลายเป็นทาสของกุดจี่แดง

ข่าวการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน   การเข่นฆ่าและความตายได้ยินไปถึงบรรดาแมลงวัน   แต่สำหรับพวกมันแล้วถือเป็นข่าวดีเพราะมันหมายถึงอาหารจำนวนมากที่จำทำให้พวกมันอิ่มไปอีกหลายวัน   พวกมันจึงมุ่งเดินทางไปยังหนองแสงมาจากทุกสารทิศ   มีอยู่กลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นแมงวันเขียวได้เดินทางผ่านมายังดอนเลาซึ่งเป็นเขตปกครองของท้าวคำเบ้า   พระองค์จึงเชื้อเชิญให้พวกมันหยุดพักและถามข่าวคราว   จึงได้รู้ความจริงว่าเมืองหนองแสงได้ถูกกุดจี่แดงปฏิวัติเปลี่ยนอำนาจเสียแล้ว   ท้าวคำเบ้าจึงจัดทัพใหญ่เพื่อหวังจะบดขยี้หนองแสงเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับพ่อตา  

     การจัดทัพใหญ่ทำให้กองกำลังที่อยู่รักษาเมืองมีจำนวนน้อย   ส่วนใหญ่จึงเหลือเพียงผู้หญิง  คนแก่และเด็ก ๆ    ข่าวการยกทัพมาของท้าวคำเบ้าไม่อาจรอดพ้นการสอดแนมของกุดจี่แดงได้   มันจึงวางแผนตลบหลังโดยยกกองทัพส่วนหนึ่งไปยันทัพไว้ที่หน้าด่านแต่ไม่สนใจที่จะออกรบ   ซึ่งท้าวคำเบ้าก็ไม่สามารถหักด่านได้    ส่วนกองทัพอีกกองหนึ่งของกุดจี่แดงจากหนองแสงก็ตลบหลังไปยึดเมืองดอนเลาได้อย่างง่ายดาย   และได้พาเอาแพงตามาไว้ที่หนองแสงด้วยเพื่อรอที่จะถวายหัวหน้าของมัน   โดยจัดเวรยามไว้อย่างแน่นหนาแต่ก็ให้บรรดาสาวสนมที่เป็นกุดจี่เบ้าคอบปรนนิบัติแพงดามิให้ขาดตกบกพร่อง

เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป   โปรดติดตามพะยะค่ะ ....    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 223 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  08 พ.ค. 2553 เวลา 19:22:22  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ป้าหน่อย    คห.ที่107)  
  เซียน

ภูมิลำเนา : อุบลราชธานี
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 05 ธ.ค. 2552
รวมโพสต์ : 2,169
ให้สาธุการ : 3,415
รับสาธุการ : 4,649,810
รวม: 4,653,225 สาธุการ

 
เอ๊า เป็นจั่งได๋ กะเป็น
ลู้นเอาใจซอยแต่ท้าว
เบ้าทองคำ นี่ล่ะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  08 พ.ค. 2553 เวลา 19:35:00  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ปิ่นลม    คห.ที่108)  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
สมาชิกภาพ : สมาชิกชมรมฯ
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2,213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4,935,460
รวม: 4,935,640 สาธุการ

 
  ฮ้วย...เบ้าคำ อยู่ในมือ แมงแดง ติ    โอย ตำตอ  บ่าวปิ่น
               เด่ว สิไป แต่งไหม่  คิดแผนไหม่ดอก สั้น  ขอบคุฯอ้าย ต้องแล่ง

 
 
สาธุการบทความนี้ : 308 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  09 พ.ค. 2553 เวลา 09:58:08  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ต้องแล่ง    คห.ที่109)  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1,587,510
รวม: 1,587,555 สาธุการ

 
คุณปิ่นลม:
  ฮ้วย...เบ้าคำ อยู่ในมือ แมงแดง ติ    โอย ตำตอ  บ่าวปิ่น
               เด่ว สิไป แต่งไหม่  คิดแผนไหม่ดอก สั้น  ขอบคุฯอ้าย ต้องแล่ง



บ่เป็นหยังดอก  เพิ่นจินตนาการหลายอยู่   แก้ไขใหม่กะบ่เป็นหยัง   แม่นบ่ป้าหน่อย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 276 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  09 พ.ค. 2553 เวลา 16:19:25  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ป้าหน่อย    คห.ที่110)  
  เซียน

ภูมิลำเนา : อุบลราชธานี
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 05 ธ.ค. 2552
รวมโพสต์ : 2,169
ให้สาธุการ : 3,415
รับสาธุการ : 4,649,810
รวม: 4,653,225 สาธุการ

 
แม่นแล้ว บาดได๋สิมาต่อล่ะฮึ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  09 พ.ค. 2553 เวลา 16:21:25  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ต้องแล่ง    คห.ที่111)  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1,587,510
รวม: 1,587,555 สาธุการ

 
ในเวลาตอนนั้นท้าวเบ้าคำได้ฮู้ข่าว         ทราบเรื่องราวเหตุฮ้ายแมงวันแจ้งกล่าวแจง
จึงได้แจ้งประชุมหมู่เสนา                     มีวาจาให้กรีธาทัพท้า
รบซึ่งหน้ากับแมงแดงกำแหงชั่ว            บ่มีกลัวเกรงย้านมารฮ้ายจังไฮ
ท้าวจึงได้ลาสั่งภรรยา                         แพงตาคำให้หล่ำคองพี่เด้อน้อง
ให้เจ้าปองเป็นเจ้าปกเมืองแทนพี่           พี่ไปรบเทื่อนี้บ่ดนซ้าสิต่าวมา
สั่งลาแล้วจึงกรีธาทัพใหญ่                   หวังสิไปขยี้กุดจี่ฮ้ายให้มลาย
โยธาย้ายบินสู่หนองแสง                      ตอนตะเว็นพวมแดงสาดแสงพวมแจ้ง
แงงไปหน้าโยธาพร้อมพร่ำ                   นำขบวนโดยท้าวคำเบ้าแห่งดงเลา

กล่าวถึงเจ้าแมงแดงกุดจี่ใหญ่               คิดแผนการณ์โฉดฮ้ายมายม้างทุกทาง
หลังจากตั้งตนนั่งครองเมือง                 เป็นราชาโฉดมัวเมามั่ว
ตัวก็เฒ่าชราปูนปานปู่                         เฒ่าหัวงูคักแท้แวห้าวหาแต่สาว
กุดจี่เบ้าสาวงามแฮกฮุ่น                      สั่งสมุนหาหิ้วมาซิมส้มซื่นซม
เขาว่าโฉมเฉลาหล้าแพงตางามค่อง        คิดหวังปองเป็นซู้ซูซ้อนฮ่วมซอน
วางอุบายฮ่วมซ้อนนอนฮ่วมแพงตา         ได้เวลาจวบเหมาะพอดีคราวนี้

คือว่ากุดจี่ท้าวเบ้าคำออกจากเหล่า    ให้แพงตาสนมท่าว เด็กน้อยและฝูงเฒ่า อยู่เฝ้าดงเลา
เฒ่าให้กรีธาย้ายยายโยธาตั้งหน้าต่อ       ประจันหน้าพ้อว้อต่อทัพเบ้าแห่งดงเลา
แลงซอดเซ้าเซ้าซอดแลงแสร้งตรึงต่อ     เขาท้ารบกะบ่ง้อรอซ้นบ่มีสน
อีกทางหนึ่ง เฒ่าให้ลี้หลีกซ้นลอบเข้าไปถึงในเหล่า  ในดงเลาแดนด้าวลงโผ่งฮอดโพรง
อันดงเลาตอนนั้นทหารหาญมีนิดหน่อย     เหลือตั้งแต่เด็กน้อยฝูงเฒ่าและสาว    
โฉมเฉลาหล้าแพงตาสนมท่าว               สู้แฮงเขาบ่ได้จึงโหยไห้ฮ่ำไฮ
เขาก็จับเอาได้แพงตาน้อยอ่อน              แล้วพาจรจากห้องฮูโผ่งป่องโพรง
ออกจากโผ่งสิโค้งอ่วยหนองแสง            พอตะเว็นค่ำแลงจึงพักเซาพวมเซ้า ... ( มังกรดียวดาย )

เขาก็พานางเข้าพักเซาให้หายเซ่า       ฮอดมื้อเซ้าสิพาย้ายทอดถวาย
ขังนาถไว้บ่อนเก่าเคยเนาหลัง            หนองแสงวังโผ่งหลวงโฮงก้วง
หลวงหลายแท้ทาสามันแต่ง               แยงนาถน้อยคอยแจ้งค่ำแลง
แมงแดงกล้าหทารหลวงตนอาจ          ปานซาติแฮ้งโตฮ้ายอยู่ภาย

นางกะบายแขนหล่าทาสาสนมท่าว       เซื้อชาติเจ้าแนวเบ้าดั่งเฮา
เขาสิเอาเอื้อยเข้าถวายหลวงตนใหญ่    ซ่อยเอื้อยไว้พาลี้ลักหนี  แน่ถ่อน
แล้วเฮาพากันลี้หนีจากหนองแสง         แยงป่าเลาเขตเขาดงข้าว
ไปหาเจ้าเบ้าคำเขยใหญ่                    อย่าสิอยู่เป็นข่อยแนวแฮ้งป่าแดง

สาวสนมแจ้งแถลงตอบแพงตา         แม่นว่าเป็นทาสากุดแดงซุมแฮ้ง
บ่ว่าแลงหรือเซ้าเนาโฮงกลางท่ง      บ่อาจหลงซาติเซื้อแนวเบ้าหมู่เฮา
แลงหรือเซ้าเขาแนมคักแน่              แม่นว่าแวไปหม่นนำก้นสู่คน
ขอให้พระแม่เจ้าทนเอาสาก่อน         ตอนนี้นั้นเสด็จเข้าพักเซา  ก่อนถ่อน    

เงาจันทร์แจ้งนวลแสงแงงทั่ว        แต่ในหัวอีน้องมัวเศร้านั่งเหงา
แสงจันทร์เจ้าเย็นละเมียดโลมใจ   แต่ทางในพนางคิดฮ่ำฮอนเทิงฮ้อน
ดึกสงัดข่อนเสียงวอนวอนเอิ้นกู่     ยินเสียงกู๊กกี่กู๊พรายฝั่นเอิ้นขวัญ
จิตกระสันฮ้อนใจวอนวีว่อน           ดึกออนซอนฮ้องจั้นใจฝั่นเบิ่งจันทร์

มื้ออื่นนั้นมวลหมู่แมงแดง                 สิใช้แฮงแก่ดึงลากถวายเทิงค่าย
คงสิตายคราวนี้เฮียมเอ้ยฮู้บ่             นางสิขออยู่ซ้อนนอนเกี้ยวแต่ผู้เดียว
เทียวภพหน้าขอเกิดฮ่วมบา              บาทจาริกาของซายผู้เดียวนอนเกี้ยว
ขาตินี้เทียวสุดเส้นทางฝันย่างฮ่วม    พวมสิสุดท่อนี้พ้อหน้าชาติสิมา   อ้ายเอ้ย  

น้องนี้ลูกกำพร้าพรากแม่มารดา          พ่อกะมาตายเสียจากหนีไกลลี้
มีแต่อวนองค์อ้ายซายเดียวเทียวเบิ่ง   คือดังเทิงฟากฟ้าฝนแล้งหยาดแลง
สรรพแมงทั่วค่ายซายหยาดฝนทิพย์   สิบสมุทรซาวนทีเปรียบซายคืออ้าย
มื้อนี้สายใจข่อยกำพลอยใจผ่อย         สิขอถอยสืบยั้งนอนฝั่นคู่จันทร์   ก่อนแหล่ว

ว่าท่อนั้นแพงนาถบายเอา                แพรไหมคำห่มคิงสไบอิ้ง
หลิงดูผ้าแพรงามผืนเก่า                  บาคานท้าวประทานให้ห่มใจ
น้องสิใช้แพรผูกพันศอ                    ระหงงามผูกเคียนให้ตายเมี้ยน
เคียนตางอ้ายซายงามแขนโอบ       โลมลูปน้องเคียนฝั่นจ่องสวรรค์ ........ (ต้องแล่ง)    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 292 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  10 พ.ค. 2553 เวลา 05:07:43  
      offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ปราร้านอกไห   ตอบเต็มรูปแบบ || Quick Reply  
  หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44

   

Creative Commons License
เซิญแต่งนิทาน เรื่อง กุดจี่เบ้า โดยการเขียนกลอนแบบ เทียมแอก --- นิทาน (ปลาร้านอกไห --- อีสานจุฬาฯ)