ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 20 พฤษภาคม 2567:: อ่านผญา 
บุญมีได้เป็นนายใช้เพิ่น คันว่าบุญบ่ให้เขาสิใช้ตั้งแต่เฮา แปลว่า บุญมี จึงได้เป็นเจ้านายเรียกใช้คนอื่น หากบุญไม่หนุนค้ำ ก็จะเป็นบ่าวให้เขาใช้ หมายถึง บุญย่อมอำนวยผลอันดีให้แก่ผู้มีบุญ พึงสั่งสมบุญอยู่เนืองๆ


  ล็อกอินเข้าระบบ  
ชื่อ ::
รหัสผ่าน::
*จำสถานะ
 
  วิถีชีวิตชาวอีสาน  
       ดินแดนอีสาน มีวัฒนธรรม ประเพณี เฉพาะตน มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ที่เรียบง่าย ท่ามกลางความแร้นแค้น ชาวอีสาน มีความเป็นอยู่เช่นไร ใช้ชีวิตอยู่เช่นไร สร้างศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีเช่นไรขึ้นมา

     แต่ละจังหวัด แต่ละสถานที่ อาจมีวิถีชิวิต ความเป็นอยู่ ที่แตกต่าง ตามลักษณะพื้นที่ หรือธรรมชาิติที่มีอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมด ล้วนคือวิถีชิวิตแห่งชาวอีสาน

     เชิญทุกๆท่าน ร่วมเขียนบทความ เรื่องสั้น เล่าวิถีชิวิต ความเป็นอยู่แห่งชาวอีสาน ได้แล้วครับ...



กระทู้ธรรมดา... มีข้อความโพสต์ใหม่

  หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ตอบกระทู้  
  โพสต์โดย   รวมเรื่องเขียนของ อีเกียแดง  
  อีเกียแดง {แห่งรัตติกาล}    คห.ที่117)  
  อนุเซียนผู้อมตะ

ภูมิลำเนา : บุรีรัมย์ @ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 07 เม.ย. 2552
รวมโพสต์ : 5,431
ให้สาธุการ : 4,145
รับสาธุการ : 11,376,240
รวม: 11,380,385 สาธุการ

 
คุณป้าหน่อย:
คุณอีเกียแดง {แห่งรัตติกาล}:
คุณลุ่มดอนไข่:


ย้อนเอิกเหลิ่นเนาะเพิ่นจั่งโงต่าวบ้าน
ว่าแต่...เขาและเธอเพิ่นฮู้อีหลิติทิด
บ่แหม่น...สิฮู้แต่คนเขียนผู่เดียวเบาะน้อ
    



ฮู้อีหลีคับ ฮู้คักฮู้แนฮู้กะเดี้ยฮู้กะด้อ    เพินสองคนถ่ายทอดเรื่องราวให้ผมฟังกะเลยได้นำมาเขียน แห่ะๆ


เว้านำผู้อ่าน กะหลงว่าแหม่น เรื่องของผู้เขียน พู้นล่ะแมะ กิ้วๆๆๆ



อูยยยย เนาะ  เป็นเรื่องของเขาสองคน บ่เกี่ยวกับผู้เขียนเด้หล่ะครับ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 302 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  05 ก.ย. 2557 เวลา 05:34:13  
    MySite  offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  อีเกียแดง {แห่งรัตติกาล}    คห.ที่118)  
  อนุเซียนผู้อมตะ

ภูมิลำเนา : บุรีรัมย์ @ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 07 เม.ย. 2552
รวมโพสต์ : 5,431
ให้สาธุการ : 4,145
รับสาธุการ : 11,376,240
รวม: 11,380,385 สาธุการ

 


ดอกหญ้าในป่าฝัน หนึ่ง




ดวงอาทิตย์ยามบ่ายคล้อยเปล่งประกายสีทองเจิดจ้ากระทบผืนป่าใหญ่ที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย

“ อุทยานแห่งชาติภูพาน “

ผืนป่าใหญ่ที่มีเนื้อทีสี่แสนกว่าไร่หรือประมาณหกร้อยห้าสิบตารางกิโลเมตร ภูพานนับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่เจ็ดของประเทศไทย มีพื้นครอบคลุมสองจังหวัดของภาคอีสานคือสกลนครและกาฬสินธุ์  ถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์อีกแห่งหนึ่ง เนื่องด้วยเป็นแนวเขาที่มีความสลับซับซ้อนบวกกับผืนป่าที่หนาแน่นเลยทำให้มีสัตว์ป่าและนกนาๆชนิดเข้ามาอาศัยในผืนป่าแห่งนี้อยู่เป็นจำนวนมาก และสิ่งเหล่านี้มันก็คือวัฐจักรที่สร้างความสมดุลให้กับผืนป่า ทำให้เพิ่มเสน่ห์แห่งความตราตึงเพิ่มมนต์ขลังดึงดูดให้ผู้คนที่ห่างไกลจากธรรมชาติต้องลุ่มหลง เฝ้าฝันที่จะได้มาเยี่ยมชมสัมผัสกับกลิ่นไอของความร่มรื่นที่ธรรมชาติเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมา และเมื่อได้มาสัมผัสแล้วก็ทำให้ต้องมนต์เสน่ห์จากธรรมชาติของผืนป่าแห่งนี้จนต้องแวะเวียนกลับมาสำผัสอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า
    





... แสงสุรีย์ลาลับขอบฟ้ามองเห็นแสงสีทองอร่ามวางขนานนาบกับขอบพื้นพสุธาอยู่ลิบลับ รูปทรงกลมโตของมันถูกกลืนหายไปในพื้นแผ่นดินแล้วมากกว่าครึ่ง กระนั้นยังมีแสงสีส้มอมแดงฉายสาดส่องไปทั่วท้องฟ้า ราวกับเป็นสัญญาณบอกลา ฟ้ากว้างที่เคยเป็นฟ้าใส บัดนี้ราวถูกสาดใส่ด้วยสีส้มอมแดง

     เหล่าฝูงสกุณากลุ่มใหญ่ร่อนถลาโล้โลมเล่นสายลมขณะบินกลับรังของมันคล้ายกับว่าจะพิสูจน์ความแกร่งของปีกเสมือนกับว่าชายหนุ่มกำลังเเกร่งแสดงความมาดแมนกำยำของสรีระร่างกายอันผึ่งผายเปล่งประกายชวนให้ดรุณีนางต้องชะม้ายชายตามองแบบไม่กระพริบ สายลมหนาวถูกพัดผ่านสลับปรับเปลี่ยน คลื่นกระแสลมจากทางทะเลจีนใต้เคลื่อนเข้ามาแทนที่ปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน กลุ่มเมฆเริ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ดำทะมึน อีกไม่นานนักหยาดพิรุณจากห้วงสวรรค์คงจะพรมพื้นปฐพีปลุกชีวิตให้ผืนโลกหล้าได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง


...วิ๊ววว...วิ๊ววว..วิ๊ววว..


เสียงสายลมพัดปะทะเข้ากับกิ่งไม้กลุ่มใหญ่ที่ยืนต้นเรียงรายกันอยู่เป็นกลุ่ม จนเกิดเป็นเสียงดังชวนให้ขนลุก แม้ว่าใบของมันจะร่วงหล่นลงไปกองอยู่กับพื้นดินข้างล่างเสียส่วนมากแล้วก็ตามแต่เนื่องด้วยสายลมที่พัดด้วยความรุนแรงเข้าปะทะกับกิ่งที่ตั้งตัวตรงที่แผ่ขยายอยู่ทั่วลำต้นแบบเต็มๆก็จึงบังเกิดเสียงดังขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ในไพรกว้างเพลาที่ราตรีกาลกำลังย่ำเข้ามาใกล้ มองเห็นต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นกันเบียดเสียด ความมืดสลัวยิ่งทำให้มองเห็นต้นไม้เหล่านั้นได้ไม่ชัดเจนนัก สัตว์ในไพรกว้างร้องเสียงเล็กแหลมอยู่ในที่ไกลๆ มองไม่เห็นต้นกำเนิดเสมือนกู่เรียกพวกพ้องคืนถิ่นเพื่อซ่อนตัวจากเม็ดน้ำฝนที่กำลังจะร่วงหล่นลงมาในไม่กี่อึดใจข้างหน้า







บ้านสมสนุก ตำบลนาซอ อำเภอวานรนิวาส สกลนคร


" อีนางเอ๊ย ฟ้าวขึ้นเฮือนถะแหม้ ฝนมันกำลังสิลงเม็ดแล้วเด้นั่น "


เสียงน้านวลร้องเรียกลูกสาวคนเดียวของแกให้ขึ้นบ้าน สายลมเริ่มโหมกระหน่ำ กิ่งไม้ไหวโยกตามแรง เสียงแผ่นสังกะสีหลังคาบ้านหลังน้อยดังครืนๆประหนึ่งจะหลุดปลิวตามแรงโน้ม ตุ๊กแกขยับตัวซ่อนเข้ามุมอับข้างเสาเพื่อหลบเร้นสายลม เด็กน้อยวัยห้าขวบวิ่งขวัญกระเจิงขึ้นบนกระท่อมหลังน้อยแต่ในความเป็นจริงแล้วมันคือบ้าน บ้านที่สร้างความอบอุ่นให้ครอบครับเล็กๆทั้งสามชีวิต

" โอ๊ยเนาะ ลมพัดหัวฟูเลยเนาะอีนางเอ๊ย คันแม่บ่เอิ้นกะสิบ่ฟ้าวขึ้นมาเนาะ ฝนใหม่ฟ้าใหม่มันแฮ่งห่าว คาต๊ะเบิ่งพ่อเพินเอาควายเข้าคอกอยู่หั่นหล่ะ มาไต้ตะเกียงให้แม่แนนั่นเร็ว "

เสียงแม่ยังดังต่อเนื่องชำเลืองตามองพลางนึกขำกับสภาพของลูกสาวตัวน้อยส่วนตัวแกกำลังวุ่นอยู่กับการก่อเตาไฟ แสงตะเกียงภายในบ้านถูกจุดขึ้น สายลมยังโหมพัดไม่หยุดหย่อน มีบางครั้งที่ไฟจากตะเกียงดับมอดเพราะโดนสายลมที่โหมเข้ามาจากช่องรูแผ่นตองที่ใช้ปิดแอ้มฝาบ้านแต่ก็ถูกจุดขึ้นโดยเด็กหญิงตัวน้อย








ไม่นานนักสายฝนก็ตกกระหน่ำลงสู่ผืนหล้าพร้อมกับสายลมที่โถมพัด กระท่อมหลังน้อยเหมือนกำลังโดนมรสุมรุมเร้าเล่นงานอยากหนักหน่วงในห้วงรัตติกาล กระแสลมอุ้มเอาเม็ดน้ำสาดเข้ากระทบข้างแผ่นฝาผ่านช่องรอยแตกจนข้างในเจิ่งนองไปด้วยน้ำ เสื่อหมอนมุ้งถูกขนย้ายไปไว้ในส่วนที่สายฝนสาดกระทบไม่ถึง สองชั่วโมงเต็มๆที่สามชีวิตที่ต้องเผชิญกับสายฝนแรกในรอบปีเสมือนเรือน้อยล่อยลอยฝ่ามรสุมที่รุมเร้า กว่าจะหยุดสงบนิ่งก็เล่นเอาเปียกปอนด์ไปตามๆกัน


     ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเป็นแน่แท้ แต่การไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาจะนำพาพวกเขาให้เดินก้าวผ่านจากจุดนี้ได้ เด็กหญิงตัวน้อยนอนหลับไหลในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ผ่านค่ำคืนที่ถูกโอบอุ้มไปด้วยกระแสแห่งความชุ่มฉ่ำจากสายฝน และเชื่อว่าสรรพสิ่งโดยรอบคงสุขสมอารมณ์ปองกับผองน้ำทิพย์ที่เบื้องบนประทานลงมาให้เป็นแน่แท้







.แสงอรุณยามเช้าปลุกสรรพสิ่งให้ตื่นจากความหลับไหลจากความฝัน ยามเช้าคือเสรีภาพแห่งมวลชีวิตของมนุษย์ เหล่านกกาโผผินบินออกจากรังทำหน้าที่ของมัน นี่คือวัฏจักรของสิ่งมีชีวิตที่ดำเนินมา และจะเป็นอย่างนี้ต่อไปตราบนานเท่านาน วีถีครอบครัวชาวนาตั้งแต่บรรพบุรุษรากเหง้าที่ดำรงชีวิตเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ทำให้เกิดภาพความงดงามในมโนคติของผู้ที่ได้พบเห็น และเมื่อได้เข้าไปสัมผัสคลุกคลีอย่างลึกซึ้งแล้วก็จะรู้ว่า นี่แหล่ะความสุขของชีวิตที่แท้จริง การใช้ชีวิตความเป็นอยู่แบบเรียบง่ายและพอเพียง จะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความสุขทั้งร่างกายและจิตใจ และสิ่งที่เราต้องปรับใจเปิดกว้างให้ได้เพื่อให้ใจเกิดสุขนั่นก็คือความเพียงพอ



ชีวิตของคนเราเริ่มต้นใหม่ได้ในทุกๆวันดั่งเช่นแสงอรุณ ค่ำคืนที่เลวร้ายผ่านเข้ามาและก็ต้องผ่านพ้นไป ยังมีเช้าวันที่สดใสรอเราอยู่ข้างหน้า ล้มวันนี้เพื่อลุกตื่นในวันข้างหน้า อุปสรรคคือสิ่งที่ต้องทะลวงฟันฝ่า เป็นบททดสอบของจิตใจ ฝึกให้เป็นคนที่สู้ชีวิตที่มีคุณค่า ก้าวย่างต่อไปข้างหน้าด้วยความทรนง ช่วงชีวิตของคนเราอาจจะมีทั้งช่วงที่มืดมนและสดใส ค่ำคืนของชีวิตอาจไม่ใช่ความมืดและถึงอย่างไรแม้ในความมืดก็ใช่ว่าเราจะมองไม่เห็นอะไรเลย เมื่อชีวิตเราต้องเผชิญกับความมืด ไม่ว่าจะสั้นหรือยาวเพียงไรจงอย่าหวั่นหรือสิ้นหวังกับการมองเห็นทางออก เพราะเมื่อเราปรับสายตาให้คุ้นชินเราก็อาจจะมองเห็นได้แม้ภาพอาจจะไม่ชัดก็ตามที.



      .... สายฝนโปรยปรายลงมาเกือบสองชั่วโมงในช่วงกลางคืนนั้น ยังความชุ่มชื้นให้กับสรรพสิ่งรอบข้าง ผืนป่าต้นไม้ใบหญ้าหรือแม้กระทั่ง ท้องทุ่งนาหน้าดินถูกชะโลมไปด้วยน้ำทิพย์แห่งสรวงสวรรค์ ที่ประทานลงมาด้วยจิตอันเกษมยังความอิ่มเอมเกษมเปรมปรีบังเกิดรอยยิ้มพิมพ์ใจให้กับเหล่าสรรพสิ่งในผืนโลกหล้า

    เม็ดน้ำใสๆจับตัวเป็นก้อนกลมเล็กๆเกาะติดอยู่ตามใบไม้สีหม่น บ้างก็หยดลงกระทบผืนดินเบื้องล่างจนเกิดเป็นร่องรอยของการกัดซึม บ้างก็วิ่งกลับกลอกกลิ้งไปกลิ้งมาในยามที่ใบไม้เกิดอาการไหวติงเมื่อถูกสายลมอันแผ่วเบาโชยพัดผ่านกระทบอยู่เป็นระยะๆ เสียงนกน้อยร้องเซ็งแซ่ขับขานก้องไพร แสดงความดีใจกับเช้าที่แสนสดชื่นพร้อมกับกระโดดเต้นเตาะแตะมองหาแมลงเพื่อการดำรงชีพของตัวเองสืบต่อไป


       เด็กหญิงตัวน้อยเดินลงบันไดด้วยหัวใจที่แช่มชื้น สายตามองผืนดินลานหน้าบ้านที่ถูกเม็ดฝนพรมด้วยรอยยิ้ม นกน้อยสีสันสวยงามสองตัวกระโดดโล้ดเต้นไปมาบนกิ่งฝรั่งทำให้เด็กน้อยต้องเผลอมองตาม สายลมเย็นพัดหวิวหอบเอากลิ่นไอจากผืนดินหอมเข้าจมูก ผืนนาหน้าดินชุ่ม อีกไม่นานผืนหญ้าคงได้ก่อเกิด วัวควายคงจะได้มีอาหารนุ่มปากได้เคี้ยวกินตามวิถีแห่งความสมดุลอยู่รำไร


อีเกียแดง แห่งรัตติกาล/




 
 
สาธุการบทความนี้ : 305 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  28 ก.ย. 2557 เวลา 19:26:33  
    MySite  offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  อีสานร้อยแปด    คห.ที่119)  
  ศิษย์น้องเล็ก

ภูมิลำเนา : สกลนคร
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 21 เม.ย. 2559
รวมโพสต์ : 22
ให้สาธุการ : 10
รับสาธุการ : 7,640
รวม: 7,650 สาธุการ

 
ถืกใจหลายเด้อ ติดตาม ๆ ครับ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  21 เม.ย. 2559 เวลา 16:19:20  
  www  MySite  offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  อีเกียแดง {แห่งรัตติกาล}    คห.ที่120)  
  อนุเซียนผู้อมตะ

ภูมิลำเนา : บุรีรัมย์ @ขอนแก่น
สมาชิกภาพ : สมาชิกทั่วไป
เข้าร่วม : 07 เม.ย. 2552
รวมโพสต์ : 5,431
ให้สาธุการ : 4,145
รับสาธุการ : 11,376,240
รวม: 11,380,385 สาธุการ

 
คุณอีสานร้อยแปด:
ถืกใจหลายเด้อ ติดตาม ๆ ครับ


ขอบคุณครับผมที่นำอ่านน้อ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  27 เม.ย. 2559 เวลา 16:05:25  
    MySite  offline ติดต่อหลังเวที ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ปราร้านอกไห   ตอบเต็มรูปแบบ || Quick Reply  
  หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12

  Quick Reply  
       
  เรื่อง:   
 
รายละเอียด*: 

ใช้ html ได้ 
(เฉพาะที่กำหนดให้) 

ใช้ bbcode ได้  
ใช้ space bar ได้  
(เฉพาะรายละเอียด) 



โดยคุณ*:
อีเมล์:

คุณต้องสมัครสมาชิก
และล็อกอินเข้าระบบ
จึงจะโพสต์ได้ครับ

   
 
     กฏกติกา มารยาท
 1. ขอความกรุณา ไม่โพสต์ข้อความประกาศโฆษณาขายของ หรือชักนำในเชิงธุรกิจ
 2. ขอความกรุณา ไม่โพสต์ข้อความหรือรูปภาพที่ขัดแย้งต่อศีลธรรมอันดี หรือนำไปสู่การทะเลาะวิวาท
 3. ขอความกรุณาไม่โพสต์ข้อความหรือรูปภาพที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงบุคคลอื่น หรือหมิ่นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
 4. การคัดลอกบทความของบุคคลอื่นมาโพสต์ กรุณาอ้างอิงที่มา เพื่อเป็นการให้เกีียรติ และเคารพในภูมิปัญญาของเจ้าของบทความ

 
       
   

Creative Commons License
รวมเรื่องเขียนของ อีเกียแดง --- วิถีชีวิตชาวอีสาน (ปลาร้านอกไห --- อีสานจุฬาฯ)