ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 20 พฤษภาคม 2567:: อ่านผญา 
นกกะแดดเด้าหากินไกลเขต เขตเพิ่นอย่าสิเข้าให้มาเด้าอยู่เขตโต แปลว่า นกแดดเด้าเอย อย่าได้หากินในเขตของผู้อื่น ให้หากินเฉพาะในเขตตน หมายถึง พึงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ อย่าได้รุกราน รุกล้ำในสิทธิของผู้อื่น


  ล็อกอินเข้าระบบ  
ชื่อ ::
รหัสผ่าน::
*จำสถานะ
 
  รวมมิตรปลาร้านอกไห  
  สวัสดีครับ

     แทบจะไม่มีใครล่วงรู้อย่างลึกซึ้งเลยว่า มีเรื่องราวที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ในภาคอีสานของประเทศไทยนั้น หลายอย่างมีความเป็นมาอย่างไร หลายอย่างได้เกิดขึ้นแล้วและยังคงอยู่ หลายอย่างเกิดขึ้นแล้ว และได้เลือนลางหายไปแล้วในอดีต เราและทีมงานปลาร้านอกไห จะนำพาคุณผู้ชม จูงมือเดินไปเรียนรู้วิถีชีวิตพื้นบ้านอีสานในแง่มุมต่างๆ เพื่อเปิดโลกทัศน์และมุมมองว่า ทำไมคนภาคอีสานจึงเป็นอย่างนี้ ทำไมต้องใช้ชีวิตกันอย่างนี้ และสิ่งหนึ่งที่จะลืมเสียไม่ได้ก็คือ การสร้างความเป็นไทยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม หลากหลายทางเชื้อชาติ หลากหลายประเพณี เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้และอยู่ได้กันอย่างสันติ อย่างสงบ ไม่มีความดูถูกเหยียดหยามคนไทยด้วยกันเอง

     ทีมงานปลาร้านอกไห ขอขอบคุณทุกเสียงทุกแรงใจที่มอบให้เรา เราสัญญาว่า เราจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างสรรค์สังคมให้จรรโลงใจ
พร้อมเสมอ
ทีมงานปลาร้านอกไห

กระทู้ธรรมดา... มีข้อความโพสต์ใหม่

  หน้า: 1 ตอบกระทู้  
  โพสต์โดย   กระบี่หยันยุทธภพ  
  ปิ่นลม  
  อ้างอิงจังหวัด : -
 
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
สมาชิกภาพ : สมาชิกชมรมฯ
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2,213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4,935,210
รวม: 4,935,390 สาธุการ

 


เรื่องราวในนิยายต่อไปนี้  ผู้แต่ง แต่งไว้ เพื่อความบันเทิง
มิได้มีจุดประสงค์พาดพิง หรือ ละเมิดบุคคคล สถานที่ หรือองค์กรใด
ทั้งตัวละคร บุคคล สถานที่ สำนัก มิได้มีอยู่จริง
เป็นแต่เพียงสมมุติขึ้น เพื่อความ สนุกสนานเท่านั้น
......กราบคาราวะ....( ผู้แต่ง)



ภาพจาก google


หุบเขา หลุนเจิ้น ตั้งตระหง่านเสียดฟ้า  ธารน้ำตกจาก หุบเหว ไส้ขาด ยังหลั่งล้นประดุจ น้ำนมมารดาแห่งสวรรค์
หมอกยามใกล้อรุณโรยสายปกคลุม สิงขร กิ่งสนสะบัดร่า สลัดหยดน้ำค้างให้พร่างพรมพฤกษาเบื้องล่างให้แช่มชื้น
วิหกทะยานฟ้า บินโบย ประดุจดรุณีในชุดขาว ร่ายรำในนภาศ  ทัศนียภาพยามย่ำรุ่ง ช่างเหมือนภาพจากปลายพู่กัน
อันบรรจงวิจิตร

ในลำน้ำที่ทอทอดผ่านขุนคีรี ปรากฏไอกรุ่น ของละอองน้ำ ลอยอยู่เหนือนที  ระลอกน้ำลูกแล้วลูกเล่า ระบำเป็นริ้วสาย
ควันหมอกแห่งอรุณรุ่ง ระคนกับไอพุ่งพวยจากแม่น้ำที่ไหลเอื่อย  เสมือนม่านแห่งสรวงสวรรค์ ที่ฉาบทาทั่วสารทิศ
ท่ามกลางบรรยากาศงดงาม และสงบเงียบ  นาวาลำเล็กล่องผ่านสายน้ำอย่างเงียบเชียบ  มีบุรุษหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำ
สวมหมวกฟางปกคลุมใบหน้า บุคลิกเยือกเย็น ยิ่งยวดกว่าสายน้ำเบื้องล่าง  มิผิดกับภูตพราย ในสายหมอก

บุรุษนั้นยืนจับไม้พายเรือแน่น นิ่งงัน ปล่อยให้หัวเรือแล่นผ่านน่านน้ำไปตามแรง  นานๆ ครั้งถึงจะไอ
ลมหายใจพวยพุ่งจากปากและจมูก ด้วยอากาศที่เย็นเยือก ในกาลแห่งอาทิตย์ใกล้อุเทน
บุรุษนิรนาม แท้จริงแล้ว คือ  มังกรเดียวดาย  เจ้าของ เพลงกระบี่  5 เวิ้งว้าง  ที่โด่งดังไปทั่วยุทธภพ  ด้วยนิสัยสันโดษ
จึงแสวงหาความสงบแห่งธรรมชาติ หลีกเว้นจากความวุ่นวายในยุทธจักร   เพลานี้ ด้นด้นมาถึงหุบเขา หลุนเจิ้น
เพียงชั่วอึดใจบุรุษผู้เยือกเย็น ก็หันหัวเรือเข้าฝั่ง


  บนฝั่งนั้นมีผู้ลึกลับนั่งตกปลาอยู่ ท่าทางลึกลับเหลือคณามาตรแม้นว่า ไม่เป็นชาวประมงเยี่ยงสามัญชน
คงเป็นจอมยุทธผู้เจนจบ เพราะท่าทีที่นั่งก้มหน้าตกปลาดูลึกลับมีเลศนัย  
เพียงแค่ มังกรเดียวดาย ก้าวเท้าลงเหยียบพื้นดิน  พลันเสียงทุ้มลึก จากชาวประมงลึกลับ ก็ดังขึ้นประจวบเหมาะ
“ วิหกยังร่อนเป็นฝูงโบยบิน  มังกรใยผกผินไร้หงส์คู่ “
บุรุษฉายา มังกรเดียวดาย ชงักผ่าเท้า เหลือแลไปยัง ชาวประมงนิรนาม พลางตอบ
“  ฟ้าเวิ้งว้าง ดินไร้ไมตรี ปณิธานยากบรรลุ รักยากคลาย สะพายกระบี่เดียวดาย กายโดดเดี่ยว
ชีวิตหนึ่งเดียว ไร้ซึ่งใยดี.. ไม่ทราบว่าสหายท่าน มีนามกรเช่นไร”

“ ฮ่า ๆๆ...คิดมิถึง  นอกจากวรยุทธเยี่ยมแล้ว  ปณิธาน มังกรเดียวดาย ช่างสูงส่ง “
ชาวประมงลุกขึ้นยืนหันหน้ามาทางคู่เจรจาพลาง ประสานมือคำนับ
“ ปณิธานของข้าคือ คือกระบี่ “  


ชาวประมงเลิกเสื้อคลุมทิ้ง เผยให้เห็นกระบี่ยาวร่วม 8 แปดเซี๊ยะ ด้วยท่าทางที่ว่องไวเกินกว่า จะเป็นสามัญชน
“ รับมือ ! “
เสียงตวาดก้องขุนเขา พลันจอมยุทธลึกลับก็ พลิกกระบี่ รัสมีวูบวาบเข้าจูโจม มังกรเดียวดาย
หากเป็นผู้เพิ่งท่องยุทธภพมามินาน คงประหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อย แต่กับจอมยุทธผู้เจนจบในวงการมานานนับ 10 ปี
กลับไม่รุ้สึกสะทกสะท้าน  เพียงแค่เกร็งลมปราณ เบี่ยงกายหลบ  ถีบผ่าเท้าด้วยวิชาตัวเบากระบวนท่า “ มังกรร่อนลม”
จอมยุทธชื่อก้อง ก็ ลอยตัวออกห่างรัศมีกระบี่ของคู่ต่อสู้ไปหลายวา

ไม่ทันที่จอมยุทธชื่อก้องจะ โครจรลมปราณเพื่อปรับกระบวนท่า ผู้จู่โจมก็พลิกกระบี่ ด้วยท่วงท่าอันเหี้ยมเกรียม
เข้าปะทะหมายมั่น เผด็จศึกในกระบวนเดียว  จอมยุทธผู้เย็นเยือก สะบัดกระบี่ป้องปราม เข้าปัดป้อง เสียงศาสตรา
กระทบกันอลอึงมิอาจจำแนก  เวลาชั่วลัดนิ้ว มังกรเดียวดาย ทะยานกายขึ้น 5 เซี๊ยะ ม้วนตัวฟาดกระบี่ด้วยกระบวนท่า
โจมตีด้านบน พุ่งพลังที่ปลายกระบี่ ทำลายกระบวนท่าของฝ่ายตรงข้าม  ทำเอาชาวประมงลึกลับ กระดอนถอยหลัง
โครจรปรับลมปราณแทบไม่ทัน สุมทุมพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ ใบปลิดปลิว เพราะอาณุภาพ กระบวนยุทธ “ มังกรทะยาน”
“ คาดไม่ถึง วรยุทธกระบวนนี้จะลึกล้ำนัก “
ชายชาวประมง ทิ้งกระบี่ลง  รีบเอามือ หอบกางเกง เพราะกลัวจะหลุดกองกับพื้น ด้วยท่าฟาดกระบี่เมื่อกี้
มิได้มุ่งหมายจุดสำคัญในร่างกาย หากแต่เป็น หูรูดกางเกงอาภรณ์ของคู่ต่อสู้

“ ไม่ทราบว่า สหายจะยอมเอ่ยนามให้ข้าทราบได้หรือไม่ “
มังกรเดียวดายลดกระบี่ลง เจรจา เมื่อเห็นคู่ต่อสู่หมดท่าห่วงแต่กางเกง   ชาวประมงยิ้มร่า หน้าซีดเป็นไก่ไหว้เจ้า
“ ข้ามีนามว่า เสี่ยวเล่อ อาภรณ์แดง   ข้ามาตามทวงหนี้ ตามคำสั่งของสำนักใหญ่ “
“ ฮืมม..หนี้อะไร  ถึงได้ตามทวงนัก แม้ยามข้ามาปลีกวิเวก “
จอมยุทธใหญ่ชักกระบี่เข้าฝักช้าๆ  เพื่อฟังคำตอบ
“ หนี้ ธ.ก.ส. ! “
“ !....!..!..!!!! “    


(ทู บี  คอนตินิว)

 
 
สาธุการบทความนี้ : 654 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  07 ก.ค. 2554 เวลา 17:09:29  
        offline  ติดต่อหลังเวที  ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ปิ่นลม    คห.ที่8)  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
สมาชิกภาพ : สมาชิกชมรมฯ
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2,213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4,935,210
รวม: 4,935,390 สาธุการ

 



ภาพจาก google

“ ธ.ก.ส.  ธนาคาร กองก้นสู้   รึ “
มังกรเดียวดาย เอามือลูบเครา ทั้งที่ไม่มีเครา  พืมพำในลำคอ
“ อืม..บอกสำนักใหญ่ของเจ้า ให้ไปเก็บดอกกับ” กรุศรี คาแต่แรด”   ตอนนี้ข้าไม่พกติดตัวสักอีแปะ”
จอมยุทธใหญ่กล่าวด้วยวาจาชัดแจ้ง
“ ท่านหมายความว่ากระไร  กรุศรี  คาแต่แรด “  
เสี่ยวเล่อ อาภรณ์แดงทำหน้ามึนงง  
“ ก็ ภรรยาเก่าข้าไงเล่า  กรุศรี “
“งั้นตัวข้าจะรีบไป คาราวะท่านจอมยุทธ”
ว่าแล้ว เสี่ยวเล่อ อาภรณ์แดง ก็ พุ่งกายผ่านผิวน้ำข้ามหายไปอีกฝั่งในทันใด   มังกรเดียวดายถอนหายใจเฮือกโล่งอก
“ เสียเวลาเดินทางไปงานชุมนุมจอมยุทธ ที่เมือง เสียวซ่าน ยิ่งแล้ว  ต้องรีบไป “
จอมยุทธลือนาม ปรับโคจรพลังวัตร ก่อนทะยานกาย พลิ้วไหวข้ามเหยียบยอดต้นอ้อ  
ลอยละลิ่วด้วยสุดยอดวิชาตัวเบา
............................................................................
ริมเชิงเขา ทางเข้า”เมืองเสียวซ่าน “ซึ่งเป็นเมืองย่านการค้าที่คับคั่ง ของมณฑล ลี้เฮง  เงาป่าสนสูงชะลูด  ณ บัดนี้
บดบังแสงสุรีย์ย่ำค่ำสิ้นแล้ว  แต่ยังคงพอเพียงสำหรับการเดินทางสู่ตัวเมือง   ผู้เยี่ยมยุทธนามกระฉ่อน “ กระบี่โลหิต”
ผู้เคร่งขรึม หากแต่อุปนิสัยยุกยิก มิอยู่สุข  เดินทางมากับ “ กูเทียนเหรอ”  เพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมจอมยุทธ
“ สหาย กระบี่โลหิต  ใยท่าน ทำท่าทางยุกยิก มิเป็นสุขนัก นับตั้งแต่ร่วมทางมา “
กูเทียนเหรอ เอ่ยถามเมื่ออดรนทนสงสัยไม่ได้
“ มิได้ มิได้ สหาย กูเทียนเหรอ  อันตัวข้ามีโรคประจำตัว  จึงเป็นเช่นนี้  หากได้เกิดจากความร้อนรุ่มไม่ “

ผู้เยี่ยมยุทธกล่าวไปด้วย  ยิ้มกริ่มไปด้วย จนกูเทียนเหรอ ชักจะระแวงแครงใจ
“ ตัวท่านมีโรคประจำตัวอันใดเล่า ...”
“ โรคหิด ! “
“ มิน่า ท่านถึงได้มีฉายาว่า กระบี่โลหิด “
“ 55555   กล่าวได้ถูกต้อง “
กระบี่โลหิดหัวเราะก้อง ถูกอกถูกใจ พร้อมล้วงมือเกาหลัง ระบายความคัน นามกรที่แท้จริง ของผู้เยี่ยมยุทธผู้นี้
ที่แท้ ก็คือ “กระบี่โรคหิด “ น้อยคนนักที่จะได้รู้ หากไม่ใช่สหายที่คุ้นกัน  
“ แล้วตัวท่าน ทำไมถึงชื่อ กูเทียนเหรอ “
ครานี้กระบี่โลหิด ถามกลับไปบ้างเพื่อทราบที่มาของแซ่
“ ตัวข้า มีท่าไม้ตาย ที่ใช้ได้ทุกสถานการณ์  นั่นคือ “ ท่านั่งเทียน “  สหายร่วมทางยิ้มเล็กน้อย
“ อืมม...ท่านี่ลึกล้ำนัก  แม้ทางราชสำนัก ผู้บริหารบ้านเมือง   ยังใช้แก้ปัญหาเป็นประจำ เพียงเพื่อ เบี้ยอัฐ “
กระบี่โลหิต ไม่เพียงแต่มีวรยุทธยอดเยี่ยม ยังมีวิสัยทัศน์กว้างขวางยิ่ง  ทั้งสองสนทนากันอย่างถูกคอตลอดทาง
จนมาถึงเนินก่อนทางเข้าประตูเมือง ซึ่งเป็นป่าไผ่  รอบด้านมิน่าไว้วางใจนัก
“ หยุดก่อนสหาย “
กระบี่โลหิด ยั้งมือไว้ที่หน้าอกของ กูเทียนเหรอ เพื่อปรามมิให้สหายวู่วาม ก้าวเดินไปข้างหน้า
“ มีอันไดรึ “  กูเทียนเหรอสงสัย
พลัน กระบี่โลหิดก็ ตวาดก้อง ด้วยน้ำเสียงอันดัง  นกกาที่อาศัยป่าไผ่เป็นที่หลับนอน บินแตกฮือ
“ หลบเร้นไปใย  รีบไสหัวออกมา อย่าช้า !“
สายตาของกระบี่โลหิด จ้องไปยังพุ่มไม้ไผ่หนาด้านหน้า ที่ห่างออกไปร่วม 10 วา เหมือนรู้ว่ามีผู้ใดแอบซุ่มอยู่
ไม่นาน ร่างหนึ่งก็โผล่มาจากหลังพุ่มไม้ไผ่  ที่แท้ เป็น “ ตอฟางปุ้ยป้าย “  ผู้ถูกขนานนามว่า มีวิชาตัวเบาเป็นที่ 1
ในยุทธภพ ที่น่าแปลกใจกว่านั้น กระบี่โลหิต รับรู้ถึงการมาของนางได้ยังไง  ด้วยรูปร่างที่บอบบาง ประกอบกับวิชา
ตัวเบาเป็นเลิศกว่าใครในยุทธภพ แม้วูบวาบผ่านหน้าสุนัข หรือค้างคาว ผู้มีหูตาดี ยังมิอาจจับทิศทางได้

“ อิอิอิ....นี่ถ้าหากข้าไม่ไปยืนแอบบน ขวยมดแดงทราย  หล่ะก็ เจ้ามิมีทางรู้ได้หรอก ว่าข้ามา “
น้ำเสียงแหลมเล็กดังออกมาจาก ผู้มาเยือน  ว่าพลางเกาขา พัลวัน เพราะมดกัด

 
 
สาธุการบทความนี้ : 614 ครั้ง
ให้สาธุการบทความนี้
 
 
  08 ก.ค. 2554 เวลา 17:30:09  
        offline  ติดต่อหลังเวที  ติดต่อโดยเมล์ ตอบอ้างอิง  
 
  ปลาร้านอกไห   ตอบเต็มรูปแบบ || Quick Reply  
  หน้า: 1

  Quick Reply  
       
  เรื่อง:   
 
รายละเอียด*: 

ใช้ html ได้ 
(เฉพาะที่กำหนดให้) 

ใช้ bbcode ได้  
ใช้ space bar ได้  
(เฉพาะรายละเอียด) 



โดยคุณ*:
อีเมล์:

คุณต้องสมัครสมาชิก
และล็อกอินเข้าระบบ
จึงจะโพสต์ได้ครับ

   
 
     กฏกติกา มารยาท
 1. ขอความกรุณา ไม่โพสต์ข้อความประกาศโฆษณาขายของ หรือชักนำในเชิงธุรกิจ
 2. ขอความกรุณา ไม่โพสต์ข้อความหรือรูปภาพที่ขัดแย้งต่อศีลธรรมอันดี หรือนำไปสู่การทะเลาะวิวาท
 3. ขอความกรุณาไม่โพสต์ข้อความหรือรูปภาพที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงบุคคลอื่น หรือหมิ่นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
 4. การคัดลอกบทความของบุคคลอื่นมาโพสต์ กรุณาอ้างอิงที่มา เพื่อเป็นการให้เกีียรติ และเคารพในภูมิปัญญาของเจ้าของบทความ

 
       
   

Creative Commons License
กระบี่หยันยุทธภพ --- ปลาร้านอกไห (ปลาร้านอกไห --- อีสานจุฬาฯ)