|
หน้าบ้าน
|
อีสานจุฬาฯ
|
มูนมังอีสาน
|
ม่วนซื่นโฮแซว
|
ปลาร้านอกไห
|
กระดานข่าว
|
แมลงแห่งอีสาน
|
อาหารแห่งอีสาน
|
สมุดเยี่ยม
|
ประวัติชมรม
ตราชมรม
วัตถุประสงค์ชมรม
วิสัยทัศน์ชมรม
ทำเนียบประธานชมรม
โครงสร้างการบริหาร
คณะกรรมการชมรม
กิจกรรมชมรม
ปฏิทินกิจกรรม
ข่าวสารจากชมรมฯ
Hot Short News
คลังภาพกิจกรรมชมรม
แผนที่ชมรมฯ
ชมรมอีสาน เพื่อนบ้าน
ฮีตสิบสองคองสิบสี่
เรือนสามน้ำสี่
ผญาอีสาน
ดนตรีอีสาน
ฟ้อนรำพื้นบ้านอีสาน
นิทาน
การละเล่น
คำทวย
กลอนอีสาน-ผญา
ประเพณีอีสาน
ฟังเพลงโปงลาง
ดูวีดีโอม่วนๆ
ฟังลายเแคนเฒ่าเก่า
ร้องคาราโอเกะ
ขอเพลงคาราโอเกะ
ภาษาอีสาน
จังหวัดในอีสาน
ของแซบอีสาน
วิถีอีสาน
นิทานพื้นบ้าน
นิทานก้อม
ห้องอักษรไทน้อย
ห้องอักษรธรรมอีสาน
โสเหล่สภาไนบักขามคั่ว
ห้องโสกันฉันพี่น้อง
ห้องลายเพลงพื้นบ้านอีสาน
ห้องอักษรไทน้อย
ห้องอักษรธรรมอีสาน
ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 20 พฤษภาคม 2567
::
อ่านผญา
ชาติที่หมาเห็นข้าวในมือชิงสวบ ยามเมื่อกินอิ่มแล้วแสนสิเอิ้นกะแล่นหนี
แปลว่า
ธรรมดาหมาเห็นข้าวในมือคน จะรีบวิ่งมาหา แต่เมื่อกินอิ่มแล้ว จะเรียกให้มาก็ไม่มา
หมายถึง
ควรช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่เสมอ ไม่ใช่ช่วยเหลือเพียงเพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทน
ล็อกอินเข้าระบบ
ชื่อ ::
รหัสผ่าน::
*จำสถานะ
ลืม password
Login ไม่ได้
สมัครสมาชิก Website
ทำไมต้องเป็นสมาชิก
Board Style: โฮม๕๑(น้ำเงิน)
set board style
สมาชิกทั้งหมด
: 4,462 คน
ล่าสุด:
โอปอ
เมื่อ: 05 พ.ค. 2567
รวมมิตรปลาร้านอกไห
สวัสดีครับ
แทบจะไม่มีใครล่วงรู้อย่างลึกซึ้งเลยว่า มีเรื่องราวที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ในภาคอีสานของประเทศไทยนั้น หลายอย่างมีความเป็นมาอย่างไร หลายอย่างได้เกิดขึ้นแล้วและยังคงอยู่ หลายอย่างเกิดขึ้นแล้ว และได้เลือนลางหายไปแล้วในอดีต เราและทีมงานปลาร้านอกไห จะนำพาคุณผู้ชม จูงมือเดินไปเรียนรู้วิถีชีวิตพื้นบ้านอีสานในแง่มุมต่างๆ เพื่อเปิดโลกทัศน์และมุมมองว่า ทำไมคนภาคอีสานจึงเป็นอย่างนี้ ทำไมต้องใช้ชีวิตกันอย่างนี้ และสิ่งหนึ่งที่จะลืมเสียไม่ได้ก็คือ การสร้างความเป็นไทยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม หลากหลายทางเชื้อชาติ หลากหลายประเพณี เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้และอยู่ได้กันอย่างสันติ อย่างสงบ ไม่มีความดูถูกเหยียดหยามคนไทยด้วยกันเอง
ทีมงานปลาร้านอกไห ขอขอบคุณทุกเสียงทุกแรงใจที่มอบให้เรา เราสัญญาว่า เราจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างสรรค์สังคมให้จรรโลงใจ
พร้อมเสมอ
ทีมงานปลาร้านอกไห
กระทู้ธรรมดา... มีข้อความโพสต์ใหม่
กระทู้ธรรมดา... ไม่มีข้อความโพสต์ใหม่
กระทู้มีรูปภาพประกอบ
แสดงความคิดเห็น
กฏกติกา มารยาท
1. ขอความกรุณา ไม่โพสต์ข้อความประกาศโฆษณาขายของ หรือชักนำในเชิงธุรกิจ
2. ขอความกรุณา ไม่โพสต์ข้อความหรือรูปภาพที่ขัดแย้งต่อศีลธรรมอันดี หรือนำไปสู่การทะเลาะวิวาท
3. ขอความกรุณาไม่โพสต์ข้อความหรือรูปภาพที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงบุคคลอื่น หรือหมิ่นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
4. การคัดลอกบทความของบุคคลอื่นมาโพสต์ กรุณาอ้างอิงที่มา เพื่อเป็นการให้เกีียรติ และเคารพในภูมิปัญญาของเจ้าของบทความ
เรื่อง:
สีตัวอักษร:
มาตรฐาน
แดงเข้ม
แดง
ส้ม
ส้มเข้ม
น้ำตาล
เหลือง
เขียว
เขียวเข้ม
มะกอก
ฟ้า
น้ำเงิน
น้ำเงินเข้ม
คราม
ม่วง
ชมพู
ดำ
ขนาดตัวอักษร:
เล็กมาก(9)
เล็ก(11)
ปกติ(14)
กลาง(16)
ใหญ่(18)
ใหญ่มาก(24)
*ไม่เกิน24
ปิดท้ายคำสั่ง
วิธีนำเข้าimeem
วิธีนำเข้าYouTube
รายละเอียด*:
ใช้ html ได้
(เฉพาะที่กำหนดให้)
ใช้ bbcode ได้
ใช้ space bar ได้
(เฉพาะรายละเอียด)
ย้อนกลับ
[qt=คุณภาส:][center][b]ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่[/b][/center] [center]ตำนานมาตุฆาตอันน่าเศร้าสะเทือนแห่งเมืองอีสาน[/center] ฤดูปักกล้าดำนา ท้องฟ้ายามเที่ยงคล้อยบ่าย แดดแรงแสงจ้า เหล่าชาวนาที่ทำงานเกี่ยวกับไร่นาคงจะรู้ว่ามันลำบากและเหนื่อยมาก บ้างก็พักใต้ต้นไม้ข้างเถียงนา เอาหมวกมาพัดวี ไล่ความร้อนอบอ้าวให้หายเหนื่อย จะมีมีก็แต่นายทอง ก้ไถนามาตั้งแต่ยามสาย จนไม่ยอมหยุด เพราะอีกไม่กี่ไร่ จะได้แล้วเสร็จไปเสียที วันนี้เขาจึงอ่อนเพลีย และหิวโหยเป็นพิเศษ แต่ก็ไถนาไปเรื่อยๆต่างรอแม่มาส่งข้าว แดดสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความหิวกระหาย ทองทิ้งควายทิ้งไถ ไปนั่งใต้ต้นไม้อย่างโมโห รอแล้วรอเล่า ผู้เป้นมารดาก็ไม่มีวี่แววว่าจะมา แม่ของทองนั้นหลังเสร็จจากการทำคลอดให้เพื่อนบ้านก้วิงอย่างกระเสือกกระสน คว้าเอาก่องข้าวน้อยและถุงใส่กับข้าวปรี่ไปที่นา ทันใดที่นายทองเห็นแม่เดินมาใกล้จะถึง ตาก็เหลือบมองเห็นก่องข้าวน้อยที่แม่คอนน้อยต่องแต่งใบเล็กนิดเดียว ก้ยิ่งโมโหหิวเป็นทวีคูณ พอแม่มาถึงก็ตวาดแม่เสียงดังว่า [color=red]"อีเฒ่า มึงไปทำอะไรอยู่จึงมาส่งข้าวให้กูกินช้านัก ก่องข้าวก็เอามาแต่ก่องน้อยๆ กูจะกินอิ่มหรือ"[/color] แม่นั้นก็ตอบไปทันใดว่า [color=red]"ถึงก่องข้าวจะน้อยก็น้อยต้อนแต้นแน่นในดอกลูกเอ๋ย เจ้าอย่าวาจาแข็งลองกินกินดูก่อน"[/color] ด้วยความโมโหหิว เหนื่อย โมโห หูอื้อ ตาลาย ไม่ฟังเสียงใดๆ เกิดบันดาลโทสะอย่างแรงกล้า คว้าได้ไม้แอกเข้าตีแม่ล้มลงแล้วก็เดินไปกินข้าว กินข้าวจนอิ่มแล้วแต่ข้าวยังไม่หมดก่อง จึงรู้สึกผิดชอบชั่วดี รีบวิ่งไปดูอาการของแม่และเข้าสวมกอดแม่ ร้องไห้โฮ...ด้วยความสำนึกผิด อนิจจา แม่ก็ได้จากโลกนี้ไปเสียแล้ว.. [color=darkblue] นายทองร้องไห้โฮ สำนึกผิดที่ฆ่าแม่ของตนเองด้วยอารมณ์ชั่ววูบ จึงไม่รู้จะทำประการใดดี จึงเข้ากราบ นมัสการสมภารวัดเล่าเรื่องให้ท่านฟัง สมภารท่านได้สอนว่า "การฆ่าบิดามารดาผู้บังเกิดเกล้าของตนเองนั้นเป็นบาปหนัก เป็นมาตุฆาต ต้องตกนรกอเวจีตายแล้วไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเป็นคนอีก มีทางเดียวจะให้บาปเบาลงได้ก็ด้วยการสร้างธาตุก่อกวมกระดูกแม่ไว้ ให้สูงเท่านกเขาเหิน จะได้เป็นการไถ่บาปหนักให้เป็นเบาลงได้บ้าง" เมื่อชายหนุ่มปลงศพแม่แล้ว ขอร้องชักชวนญาติมิตรชาวบ้านช่วยกันปั้นอิฐก่อเป็นธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิแม่ไว้ จึงให้ชื่อว่า "ธาตุก่องข้าวน้อยฆ่าแม่" จนตราบทุกวันนี้ ที่จังหวัดยโสธร[/color] [color=#006666][b]ภาส ศิษย์พี่[/b] อนุรักษ์วัฒนธรรมความเป็นอีสานสืบไป ชั่วลูกชั่วหลาน [/color] ติชมกระทู้ด้านล่าง หรือที่ [color=brown]http://twitter.com/Pai_KKU[/color][/qt]
คลิกดูรูปแสดงอารมณ์
โดยคุณ*:
คุณต้องสมัครสมาชิก
และล็อกอินเข้าระบบ
จึงจะโพสต์ได้ครับ
อีเมล์:
ชมรมศิลปวัฒนธรรมอีสาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใต้อัฒจันทร์สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปทุมวัน กรุงเทพฯ :
ติดต่อชมรม
เนื้อหาใน
เว็บบอร์ด
และ
ปลาร้านอกไห
ในเว็บไซต์
www.isan.clubs.chula.ac.th
ใช้
สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน 3.0 ประเทศไทย
ห้ามนำเนื้อหาไปใช้เพื่อการค้า การนำไปเผยแพร่ต่อ ต้องอ้างอิงถึงที่มา
<
อ่านเงื่อนไข
>
รวมมิตรปลาร้านอกไห ---