ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 26 เมษายน 2568:: อ่านผญา 
ติแต่คนเขาพุ้นภายโตบ่เตื้องต่อ ติแต่คออึ่งเพ้าคอเจ้าผัดแฮ่งจน แปลว่า ติแต่คนอื่น ไม่ดูตัวเอง ติแต่คออึ่ง แต่ไม่ดูคอตัวเอง หมายถึง ก่อนจะบอกสอนคนอื่น พึงบอกสอนตัวเองก่อน

สารานุกรมอาหารแห่งอีสาน  

แกงขี้เหล็ก ใส่ภาพยนตร์โค...สารานุกรมอาหารแห่งอีสาน --- โดยอีสานจุฬาฯ
แกงขี้เหล็ก ใส่ภาพยนตร์โค





ชื่อพื้นบ้าน แกงขี้เหล็กใส่ภาพยนตร์โค
ชื่อภาษาไทย แกงเหล็กไหล
ชื่อภาษาอังกฤษ   IRON MAN


พี่น้องเอ๋ย..ในภาพคืออะไร เกาะ  
คุณป้าหน่อย ตอบมาทันที "สากผูกโบว์" พะนะ
ส่วนญาคูต้องแล่ง ตอบตามแบบฉบับว่า " เสียกะบาก"  
อีเกียแดง ตอบว่า "ค้อนมูดหัวลงยันต์ "
นานาจิตตัง ลังคนว่า "ปลัดขิก"   ซอดปุ๊ด.....ออกป่องขาด

ในวิถีไทยแล้ว สากกะเบือ หรือ ไม้ตีพริก ผูกพันกันแน่นแฟ้น ไม่ว่าภาคใด
เป็นของขวัญอยู่คู่ครัว ให้เรามีเมนูอาหารอร่อยๆ กิน ออกลูกจูงหลาน สืบสานวัฒนธรรม
เมนูอาหารไทย จำต้องมี สากกะเบือนำหน้าเสมอ หากไม่มีแล้วไซร้
คาดเดาได้ว่า "มันจากต่างต่างแดน  ทั้งทันสมัย  มาจากแม็กกาซีน"
เขาไม่ได้หลอกเรากิน  แต่ออกทีวี ปล้นเรา..เอ้ย.....อิง เอยยย....."



มื้อนี้ บ่าวปิ่นลม ศิษย์มังกรเดียวดาย ( ปานชื่อนักมวยเนาะ)  มีอาหารวิเศษเสนอ
เป็นอาหารละยาสมุนไพร ยาเจริญอาหาร กินข้าวแซบนอนหลับ อาหารตามวิถี
แกงอุจาระเหล็กใส่ภาพยนตร์โค  หรือ  แกงผักขี้เหล็กใส่หนังเค็ม บ้านเฮานี่เอง



ต้นขี้เหล็ก
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Senna siamea
ชื่อสามัญ : Cassod tree, Thai copper pod

เป็นไม้ยืนต้น พบได้ทุกภาคในประเทศไทย ตามข้างทาง หรือป่าละเมาะ ป่าใหญ่
เป็นพืชที่ ทนแล้งได้ดี สูงประมาณ  5 - 15 เมตร มีดอกสีเหลืองเป็นช่องดงาม
เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดชัยภูมิ

สามารถสกัดสารจากใบขี้เหล็กได้  มีชื่อว่าบาราคอล (barakol) นำมาทำเป็นยา
ทำให้กินข้าวแซบ นอนหลับ เจริญอาหาร  แก้โรควิตกจริต  ในสังคมเมืองใหญ่



สำหรับชาวอีสานแล้ว รู้ซึ้งในประโยชน์ของมันมาตั้งแต่โบราณ
นำมาทำเป็นยา แก้เบื่ออาหาร แก้ท้องผูก นอนไม่หลับ และใช้เป็นยาฆ่าพยาธิ
แถมยังคิดค้น นำมันมาประกอบอาหาร เป็นทั้งยาวิเศษและอาหารเลิศรส
นั่นคือภูมิปัญญา ที่เรามิอาจดูแคลน ว่าเป็นแค่อาหารชนบท "โลโซไซตี้"



อนึ่งสังเกตบ้างไหม ที่รัก  ยอดผักขี้เหล็ก ยอดบางต้นมีสีเขียวอ่อน บางต้นมีสีแดงเพลิง
สีเขียวอ่อน คือขี้เหล็กบ้าน รสขมไม่มาก  ส่วนยอดสีแดงอ่อน คือขี้เหล็ก ที่อาบทาไปด้วย
"เพลิงแห่งรักชายสามัญติดดิน"
"ร้อนแรง ซื่อตรงและตั้งมั่น "  ไม่หวั่นแม้วันมามาก




ความจริงแล้ว ต้นผักขี้เหล็ก  ดูซึมธาตุเหล็กได้ดี ตอบสนองต่อดินที่มีธาตุเหล็กสูง
เช่นดินในทางภาคอีสาน ( ดินโคก  ดินโนน )
ซึ่งมีสารประกอบธาตุเหล็ก ferric oxide ดินจะมีสีส้ม
แต่ถ้าธาตุเหล็กจับตัวกับน้ำก็จะเป็นสารประกอบในรูป Hydrated ferric oxide
ดินจะมีสีเหลืองแดง  โคกหินแห่ บ้านเรานี้เองครับ

มันดูดซึมธาตุเหล็กไปไว้ในใบสูง เห็นได้จาก ผักขี้เหล็กคือผักอันดับต้นๆ
ที่มีมีธาตุเหล็กสูง เมื่อดินแล้งขาดน้ำ ใบมันจึงทำปฏิกิริยา ผลิตยอดสีแดงอ่อน
เพื่อลดการสูญเสียน้ำ ให้อยู่รอดในดินที่มีธาตุเหล็กและแห้งแล้ง  พี่น้อง..


บางคนอ่านมาถึงตรงนี้ " ถึงบางอ้อ" พอดีพะนะ  ทำไมคนโบราณจึงเรียกมันว่า
" ผักขี้เหล็ก"  เพราะรู้อย่างที่กระผมชี้แจงมา แต่อธิบายให้เป็นภาษาวิทยาศาสตร์ บ่เป็น
รู้ถึงความสำพันธ์ตามธรรมชาติ  จึงตั้งชื่อให้มันสอดคล้องตามที่เป็น
ไม่ได้หมายความว่า Iron Man  บินมาขี้ใส่เมืองไทย แล้วเกิดเป็นต้นไม้ให้เราได้รับประทาน



การหาวัตถุดิบ
ผักขี้เหล็ก อาจหาเก็บกินได้ตลอดปี  หากเป็นทางภาคอีสาน นิยมกินกันในหน้าแล้งครับ
ช่วงเดือน มีนา - เมษา  ซึ่งตรงกับช่วงที่ต้นไม้ชนิดนี้ ผลิใบอ่อน เพื่อรับฝนที่กำลังมาเยือน
หาเก็บเอาตามหัวไร่ปลายนา  หรือที่ "ฮิต" ที่สุดคือ "แคมทาง"
เราสามารถนำมันมาปลูกตามข้างทางตามไร่นาของเรา  ขยันตัดกิ่ง สามารถเก็บขาย
เป็นรายได้เสริม พอเพียงในวิถีตนได้ เพราะเป็นไม้ที่มีประโยชน์



วัตถุดิบอีกอย่างคือ หนังเค็ม   อันนี้ก็พอหาได้ตามท้องตลาด หรือตาม กะด้งข้างยุ้งข้าว


ภาพ ภาพยนตร์โค

ส่วนประกอบ
ยอดขี้เหล็กอ่อน เก็บมาใหม่ๆ ( ห้ามหลงเอาใบขี้กากมานำ)
น้ำย่านางคั้น  2 ถ้วย
หัวสิไค หั่น 2 ต้น  ( ซิดปาย กับ ฮากมันถิ่ม )
ต้นหอม 1 กำแตก
ผักชีลาว 1 กำมือ
น้ำปลาแดก  2 จอง
น้ำปลา 2 บ่วง
เกลือสินเธาว์ อีสาน  1 หยุบ
ข้าวเบือ ตำผสมกับพริก 9 เม็ด หัวสิงไค  2 ข้อมือ
หัวผักบั่ว(หัวหอม )   9 หัว  ( ค้อนทุบให้แบ๋)



วิธีทำ
1. หม่าข้าวเบือ ( เอาข้าวสารข้าวเหนียวแช่น้ำ) 1 ถ้วย
2. ล้างยอดขี้เหล็กให้สะอาด นำไปต้มประมาณ 30 นาที
3. รินน้ำออกเปลี่ยนน้ำใหม่ 2 - 3 ครั้ง  น้ำให้หายขม บีบน้ำออก
    ( บางคนชอบขมๆ ต้มแค่น้ำเดียวพอ  ตามใจชอบ )
4. จี่หนังเค็มให้สุกไหม้  แล้วเอาค้อนทุบ ให้นิ่มนุ่ม ( บางคนเอาแช่น้ำ)
5. ตำใบขี้เหล็กที่ต้มไว้ลงไปให้ละเอียด นำไปต้มในหม้อเคี่ยวพอประมาณ
6.คั้นน้ำยานาง ให้ได้น้ำย่านางเข้มข้น
7.ตำข้าวเบือ ใส่พริก ใส่หัวซิงไค ให้ละเอียด เตรียมไว้



8.เอาน้ำยานางคลุกในครกข้าวเบือเครื่องแกง คนให้เข้ากัน เทลงหม้อ
9. เอาภาพยนตร์โค ลงไปฉายในหม้อ รอ 5 นาที
10. ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา ชิมรสตามชอบ ใส่ผักที่หั่นเตรียมไว้
ตักใส่ถ้วยลงมาล้อมวงกัน  แซบอีหลีพี่น้อง เป็นทั้งยา เป็นทั้งอาหาร

อนึ่ง ผักขี้เหล็ก เป็นยาร้อน ธาตุไฟ ต้องแก้พิษด้วยการใส่ "ใบยานาง"
ซึ่งเป็นยาเย็น ธาตุน้ำ ทั้งนี้แกงขี้เหล็ก สามารถ.ใส่หอย ใส่หมู ฯลฯ
ตามแต่จะหาได้  เป็นเมนูที่ปรับปรุงได้หลายหลาก
สามารถนำมาเป็น "ซอส สอดใส่ขนมปัง  หรือแยมโร ก็ได้


-ขอบคุณภาพจาก

http://www.baanmaha.com/community/thread29840.html
http://www.bansuanporpeang.com/taxonomy/term/3328
http://bankokpromcity.blogspot.com/2010/06/blog-post_6649.html


 
Creative Commons License

ชมรมอีสานจุฬาฯ... สารานุกรมอาหารแห่งอีสาน