ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 26 เมษายน 2568:: อ่านผญา 
อย่าได้หวังสุขย้อนบุญเขามาเพิ่ง สุขกะสุขเพิ่นพุ้นบ่มากุ้มฮอดเฮา แปลว่า อย่าได้เฝ้าหวังความสุขจากบุญของคนอื่น หมายถึง ไม่ควรรอคอยพึ่งแต่ใบบุญของคนอื่น พึงสร้างสมบุญกุศลเอาเอง


  ค้นหาสาธุการ ปลาร้านอกไห  

หน้า: 1 2  
  โพสต์โดย   63) นิทานดอกลันทม  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่0) นิทานดอกลันทม      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
นิทานดอกลันทม...เดิมดอกลันทมเป็นไม้หอมไปสามภพ คือ สวรรค์   มนุษย์  บาดาล แต่ดอกลันทมจะบานเฉพาะกลางคืนเท่านั้น เทพทั้งหลายต่างหมายปองเป็นเจ้าของ แต่ก็สู้เทพแสงจันทร์ผู้มีความพยายามไม่ได้  สุดท้ายความรักเลยทำให้ดอกลัมทมสลดหดหู่ และเศร้าโศกมาถึงปัจจุบันนี้  ผมจะเล่าให้ท่านฟังโดยเขียนเป็นบทกลอนเพื่อเพิ่มอรรถรสในการเข้าถึงอารมณ์ของเรื่อง อารมณ์ของความสลดหดหู่เมื่อรักไม่สมหวัง..ผมอยากจะฝากพี่น้องอีสานทุกคนว่า ขอให้เรื่องนี้เป็นสมบัติของคนอีสานบ้านเราตลอดไป...พ่อใหญ่หนูเคยแพร่นิทานบทนี้ใน hi5 แล้วครับผมแต่คนละนามปากกา

นิทาน ”ดอกลั่นทม”

กาลครั้งหนึ่งนามมาแล้วจำไม่ได้
เทพแห่งไท้แสงจันทร์ได้ส่องหล้า
เป็นตำนานเล่าขานเรื่องนานมา
เทพจันทราส่องแสงต้องลั่นทม

ลั่นทมขาวเจือสมความบริสุทธิ์
เปรียบประดุจน้ำค้างในกลางหาว
ความขาวของลั่นทมดูแพรวพราว
เหมือนดวงดาวเต็มท้องฟ้าอิจฉาจริง

เทพแสงจันทร์วิ่งไปด้วยฤทธิ์กล้า
ชั่วพริบตาถึงลั่นทมบนโลกใหญ่
เทพแสงจันทร์บอกรักยังเอาใจ
บอกความในให้ลั่นทมบานทั้งคืน

ลั่นทมขาวชื่นอุราเทวาสั่ง
จึงหันหลังบานสพรั่งเสน่หา
เทพแสงจันทร์ได้ชุ่มฉ่ำเต็มอุรา
ตลอดเวลาทั้งคืนชื่นฤดี

เมื่อราตรีใกล้จะสางสว่างแล้ว
เสียงไก่แจ้ว “อีเอ๊ก” เปกเสียงขรม
ได้เวลาใกล้จะสางบอกลั่นทม
เทพแสงจันทร์ต้องข่มจำใจลา

พอแดดมาลั่นทมก็หุบดอก
แดดก็บอกบานให้เราได้เห็น
ลั่นทมขาวไม่ยอมบานจึงเบี่ยงเบน
ขอแดดเห็นใจเราโปรดเข้าใจ

เทพแดดใหญ่คิดกาลไกลลั่นทมอ่อน
กลัวจะงอนไม่บานให้แดดเห็น
แม้ชาตินี้ไม่เห็นขอกรรมเวร
โปรดเห็นใจแดดบ้างก็ยังดี

พอราตรีเริ่มเข้าเป็นเงามืด
แสงจันทร์ยืดทรงตัวเตรียมส่องแสง
เทพแสงจันทร์สาดส่องไม่อ่อนแรง
ลั่นทมแจ้งได้กล่าวถามกับแสงจันทร์

ถ้าลั่นทมจะไปยังดาวท่าน
ต้องให้ฉันทำตัวเป็นไฉน
เทพแสงจันทร์บอกว่าต้องแปลงกาย
ให้เป็นไม้สีเหลืองทองผ่องอำพัน

เพราะที่นั้นสีอำพันเขาเป็นใหญ่
ใครจะไปต้องสีเดียวกับพวกฉัน
ถ้าจะไปต้องสีเหลืองผ่องอำพัน
เทพที่นั้นสีเดียวกันกับฉันเอง

ลั่นทมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้
จึงร้องไห้ใจฉันมันหดหาย
เทพแสงจันทร์หาทางหาอุบาย
ขาวจะกลายเป็นเหลืองทองผ่องอำพัน

เทพแสงจันทร์หาดอกไม้ดอกใหญ่ใหญ่
กระโดดไปดวงจันทร์ด้วยฤทธิ์กล้า
ไปรับน้ำค้างกลางหาวที่ล่นมา
ด้วยฤทธิ์ธาจึงกลับมาหาลั่นทม

ระบายต้นด้วยน้ำค้างกลางหาว
ระบายยาวกิ่งก้านใบทั้งสาขา
มาถึงดอกลั่นทมปวดอุรา
เทพจันทราจะระบายหายหมดกัน

ตะวันก็ใกล้จะขึ้นจะเห็นแดด
น้ำค้างแหลกหมดแล้วไม่มีเหลือ
เทพแสงจันทร์ทรุดกายด้วยอ่อนเพลีย
ลั่นทมเสียใจยิ่งปริ่มจะตาย

กายก็หนาวเหน็บในใจก็เศร้า
อกปวดร้าวลั่นทมข่มใจไหว
เจ็บปวดช้ำลึกลึกถึงเนื้อใน
แต่อีกใจสงสารเทพแสงจันทร์

นี้หรือเทพแสนดีมีฤทธิ์เดช
น่าสมเพทไม่รู้การงานจึงเสีย
แม้ได้เราเอาไปเป็นผัวเมีย
เราคงเสียใจตายเข้าสักวัน

ลั่นทมกลั้นน้ำตาจนเหือดแห้ง
จนอ่อนแรงเหมื่อยหล้าน้ำตาไหล
ต่อแต่นี้คงไม่เห็นจำจากไกล
ขออย่าได้พบพานเทพแสงจันทร์

เทพแสงจันทร์ทรงกายอธิบายเหตุ
เกิดอาเพทกับน้ำค้างบนกลางหาว
เหตุเพราะพวกหมู่เพื่อนกลุ่มดวงดาว
กินน้ำค้างกลางหาวจนหมดไป

ใจแสงจันทร์สุดตรมทั้งขมขื่น
ขาจะยืนทรงกายแทบไม่ไหว
เหตุเพราะรักลั่นทมสุดหัวใจ
เหม่อมองไกลน้ำตาล้นจนปัญญา

แม้ฤทธิ์ธาจะกล้าสักเพียงไหน
แต่เมื่อขาดกำลังใจไม่ใคร่หา
ใจเด็ดเดี่ยวขอรักเดียวแม้มรณา
ขอสักคราลั่นทมโปรดข่มใจ

ตะวันขึ้นยามเช้าดูเงียบเหงา
แสงแดดเราคอยหาลั่นทมหาย
หรือว่าน้องลั่นทมไม่สบาย
ตัวพี่ชายจะส่องแดดให้อ่อนลง

ใจประสงค์หาคู่จึงพันผูก
อยากจะปลูกรักไว้ลั่นทมเห็น
แต่แดดส่องวันนี้กลับมีเวร
จึงเทียวเข็นเทียวส่องท้องฟ้าไป

ลั่นทมขาวใจสลดทั้งหดหู่
เคยมีคู่สุขสมภิรมย์หมาย
มาคืนนี้กลับเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
มองรอบกายไม่เห็นเทพแสงจันทร์

จึงลำพันตัวฉันชั่งตกอับ
มีความรักกับเขายังเศร้าหมอง
หรือว่าเวรที่ทำคอยตามจอง
จึงมองไปบนฟ้าไม่เห็นจันทร์

ทั้งรำพรรณร้องไห้อาลัยรัก
บ้างหยุดพักบ้างสะอื้นกลื่นความขม
ยิ่งคิดไปในหัวใจยิ่งตรอมตรม
ดอกลั่นทมไม่ออกดอกสามพันปี

ทั้งราตรีกลางวันไม่ออกดอก
ความช้ำชอกในใจใครจะเห็น
ต้องกล้ำกลื่นฝืนใจใครอยากเป็น
ทนลำเค็ญตลอดมาสามพันปี

แสงแดดดีตอนเช้าส่องสว่าง
แดดบอกนางลั่นทมเห็นใจบ้าง
สามพันปีพี่งอนง้อไม่ละวาง
ขอเจ้าฟังพี่บ้างช่างกระไร

จะอย่างไรยังมีชีวิตอยู่
จะมีคู่หรือไม่อย่าหวั่นไหว
แม้ไม่มีก็ไม่เห็นจะเป็นไร
ให้ใส่ใจพี่บ้างก็ยังดี

แม้ดอกช้ำกลีบช้ำหรือหดหาย
ผ่านมือชายร้อยพันฉันไม่หวง
เพียงเสี้ยวเดียวของดอกหรือเต็มดวง
พี่จะหวงแหนไว้ถ้าได้ชม

ลั่นทมตรมตรอมใจมาหลายกัปล์
ถ้าจะนับสามพันปีที่หดหาย
แม้แสงแดดออดอ้อนอยู่ข้างกาย
ยังไม่หายตรอมตรมต้องข่มใจ

จึงออกดอกให้แดดดูยามเช้าเช้า
แดดเห็นขาวแต่กลีบใบข้างในเหลือง
แดดไม่รู้ความในจึงไม่เคือง
เห็นเหลืองขาวผุดผ่องบอกงามตา

ด้วยฤทธิ์ธาแดดจ้าอธิฐาน
ขอจงดลบันดานกิ่งก้านใหม่
ให้เขียวสดงดงามพร้อมทั้งใบ
ดอกขาวใหญ่เหลืองในให้งามตา

แม้ใครมาเห็นดอกให้หลงเจ้า
ใครพบเข้าให้เขาหลงเสน่หา
ตรงกลีบดอกให้หอมทั่วพารา
ใครได้มาให้ถนอมไว้ยาวนาน

ให้เจ้าบานยามพบแดดจรดค่ำ
ให้เจ้าคว่ำหุบดอกกลางคืนหาย
ให้เจ้าบานยามเช้าตลอดไป
ให้เจ้าได้พรนี้ชั่วนิรันดร์    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 975 ครั้ง
จากสมาชิก : 4 ครั้ง
จากขาจร : 971 ครั้ง
 
 
  15 ม.ค. 2553 เวลา 13:19:41  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่511)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
สุขเลิศล้ำมาสิสำน้อเมืองคนพี่น้องเอ้ย
สุขเอาบุญเอาทานสุขกับงานเฮ็ดนาพร้อม
สุขกับออมเขียดน้อยกินนัวแล้วหัวม่วน
สุขกับสวนหมากไม้กำไรพร้อมสิมังมี
สุขนำชีได้ลอยน้ำหาหอยทามหาหอยกาบ
สุขอีหลีได้กราบไหว้พุทโธเจ้าแห่งซุมเย็น
สุขกลางเวนได้นอนห่างเถิงเถียงนาเย็นอากาศ
สุขบ่เคยขาดช่วงงานหลวงนั้นแม่นบ่คือ
สุขชาวนาคือข้าวราคาแพงสูงส่ง
สุขของสงฆ์ที่เลิศพุ้นสงบแท้แห่งคักหลาย....พี่น้องเอ้ย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 772 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 770 ครั้ง
 
 
  28 พ.ค. 2551 เวลา 11:27:42  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่514) ฮักอีสาน      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
ฮักหลายเด้ออีสานข่อยฮักนำฮอยฮีตครองเก่า
ฮักอีสานยามมื้อเช้ามีคนเว้าเอิ้นใส่กัน
ฮักทีหลายกว่านั้นฮักฮีตป่องแม่นครองธรรม
ฮักหมอลำเสียงแคนอยู่ดินแดนอีสานพุ้น
ฮักเอาบุญเดือนห้ายามลงนาได้ม่วนต่อ
ฮักกระท่อกระท้างนำทางพุ้นจังแม่นหลาย
ฮักดินทรายดินแห้งถึงยามแลงผัดแห่งม่วน
ฮักฮอดสวนหมากไม้อีสานได้ปลูกกิน
ฮักตำนินในฮั้วในครัวแม่นปลาแดก
ฮักให้แตกเป็นอื่นนั้นอีสานฮั่นแม่นบ่เคย....ซันแล่ว

กลอนสดพ่อใหญ่หนู....ค้นอยากเห็นคนรูปหล่อเข้าไป hi5 เด้อพี่น้อง...kontamna4477@hotmail.com  ขอรับกระผม

 
 
สาธุการบทความนี้ : 715 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 713 ครั้ง
 
 
  06 มิ.ย. 2551 เวลา 15:38:45  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   79) ไหว้ขี้หมา  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่12)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
เวลากลับบ้าน  ผ่านพุทไธสง  เสียดายว่า  ไปกลางคืน  ถ้ามีโอกาส  สิแวไปหาอยู่  แถวๆบ้านจานเด้อ  เสี่ยวผมอยู่บ้านบุ่งเบา .......ชีวิตลูกอีสานมันลำบาก    ฮักกันแพงกันไว้

 
 
สาธุการบทความนี้ : 679 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 678 ครั้ง
 
 
  23 ม.ค. 2555 เวลา 22:15:12  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   15) ดักปลาไหลด้วยอีจู้  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่0) ดักปลาไหลด้วยอีจู้      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
วิถีชีวิตอีสาน...คนอีสานน่าสงสารหลายแท้ๆ ... ธรรมชาติกะลงโทษ..แล้งกะแล้งหลาย...ฝนตกกะเป็นตาชัง...ตกสี่ห้าครั้งน้ำท่วม...ฉะนั้น  จึงเฮ็ดให้คนอีสาน..เป็นคนมีความอดทนโดยธรรมชาติ...หากินเก่งตามธรรมชาติ...วันนี้ของเสนอวิธีการหาปลาไหลด้วยการดักอีจู้เด้อ.....ขอรับ.....

ตัวอีจู้
อีจู้เป็นเครื่องมือดักปลาไหลชนิดหนึ่งนอกจากปั้งลันหรือเบ็ด...ลักษณ์ของอีจู้รูปร่างเหมือตะข้องสำหรับใส่ปลาของคนอีสาน...แต่จะมีคอยาวๆ..จะทำด้วยไม้ไผ่....มีงาอยู่ข้างๆ (งาในที่นี่หมายความว่าไม้ไผ่ที่สานมีลักษณะกลมเรียวๆ...เป็นคล้ายๆกรวย....เวลาปลาไหลเข้าไปแล้วจะออกไม่ได้) ฝาข้างบนอีจู้...จะเป็นผารูปทรงกระบอกยาว...สำหรับใส่เยื่อ....

เยื่อล่อปลาไหล
เยื่อสำหรับใส่อีจู้...หอย...ปู..ปลาซิว..ก็ได้...ตำทั้งเปลือก...ให้แตก...หมักใส่ดินเหนียวไว้....จนให้มีกลิ่นออกเหม็นนิดๆ...ถือว่าใช้ได้...ปั้นให้กลมๆ...แล้วนำไปใส่ไว้ในฝาบนอีจู้...ซึ่งเป็นเยื่อล่อ...

วิธีดักหรือใส่อีจู้
ต้องใส่ในหนองน้ำที่มีน้ำขังทังปี..ดูทำเลให้ดีๆ..ดูว่ามันพอจะมีปลาไหลรึเปล่า..หรือใส่ในทางน้ำที่มีดินหล่ม..คือดินเหนียว..ปลาไหลจะชุม...คือ  ที่มีปลาไหลมาก...ขั้นแรกต้องเหยียบดินให้เป็นหลุม...พอก้นของอีจู้ลงพอดี..ปักไม้หลักให้แน่นหมัดอีจู้ติดกับหลัก....เสร็จแล้วใช้ดินเหนียวกลบ....ไว้รอบอีจู้...ไม่ให้กลิ่นเยื่อกระจายออกข้างๆ...เยื่อจะออกทางที่เราทำไว้เป็นร่อง....คือ  ตรงงาเท่านั้น.เพราะตรงนี้แหละเป็นทางปลาไหนเข้า......ให้ทำร่องยาวๆ...แล้ววางเยื่อล่อนิดๆ...เพราะเยื่อส่วนมากในอีจู้กลิ่นมันแรงอยู่แล้ว.....รับรองได้...เคยดักได้เต็มอีจู้ก็มีนะ.....เพราะเคยทำมาแล้ว....ขอให้โชคดีเด้อ..

เมื่อดักอีจู้เสร็จให้ล้างมือด้วยใบตะไคร้..จะดับคาวได้...พ่อใหญ่หนู  แม่ใหญ่เหรียญ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 647 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 645 ครั้ง
 
 
  04 ต.ค. 2550 เวลา 13:35:55  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   18) ชายพิการ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่0) ชายพิการ      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
นิทานพื้นบ้าน....บ้านหนองรังกา  ต.กระเบื้อง  อ.ชุมพลบุรี  จ.สุรินทร์  45192

กิระ...ดังได้ยินมา.....โดนเติบ...แล้ว.....มีชายพิการคนหนึ่ง...เป็นคนขาพิการ..ทำมาหากิน...และเลี้ยงพ่อแม่ด้วย...ด้วยการใช้นิ้วดีดก้อนหินเล็กๆใส่ใบไม้เป็นรูปร่างสัตว์ต่างๆให้คนดู..ผู้คนทั้งหลายได้ดูแล้วก็เกิดความพอใจ...จึงให้เงินและอาหารเป็นรางวัล...แก่ชายพิการ....ผู้คนในเมืองนั้นชื่นชอบชายพิการมากๆ...ชายพิการจึงเป็นขวัญใจของคนทั้งเมือง...วันหนึ่งพระราชาเสร็จออกเที่ยวไปทั่วเมือง...ได้ทอดพระเนตรต้นไม้...เห็นมีรูป...ลิง....ช้าง...บ่าง....ชะนี......เสือ....เป็นต้น...จึงถามอำมาตย์ว่า

พระราชา....ใครเป็นคนทำ
อำมาตย์.....เป็นชายพิการคนหนึ่ง  พระเจ้าข้า
พระราชาคิดว่า "ถ้าเรานำชายพิการไปชุบเลี้ยง  เสี้ยนหนามในหัวใจของเราคงได้รับการแก้ไขและหมดไปในที่สุด"  จึงตรัสกำอำมาตย์ว่า

พระราชา....ขอท่านได้โปรดไปตามชายพิการให้มาพบเรา
อำมาตย์....ข้าแต่พระองค์จะมีประโยชน์อันใดที่มหาบพิตรจะสนธนาด้วย พระเจ้าข้า
พระราชา...ขอเพียงเราสนธนาสักสองสามคำ
อำมาตย์...เมื่อเป็นพระประสงค์...ข้าพระพุทธเจ้าจะไปตามให้..จนพบชายพิการ

พระราชา...เป็นเจ้าทำให้ใบไม้นี้สวยงามยิ่งนัก
ชายพิการ...พระเจ้าข้า
พระราชา....เจ้าประสงค์จะไปอยู่ในวงกับเราหรือไม่
ชายพิการ...ข้าพระพุทธเจ้าไม่ขัดข้อง...แต่ติดอยู่ที่พ่อกับแม่แก่ชราต้องเลี้ยงดู
พระราชา....ชายพิการนี้..มีความสามารถและยังกตัญญูยิ่งนัก.จึงตรัสกับชายพิการว่า  "เราอนุญาตให้พ่อกับแม่ของเจ้าไปอยู่ด้วย"..เจ้าจะไปหรือไม่
ชายพิการ....เป็นพระกรุณายิ่ง

ตั้งแต่วันนั้น...ชายพิการก็มีชีวิตเปลี่ยนไป..เขาอยู่กับพ่อแม่อย่างมีความสุข..แต่ตัวเขาไม่เข้าใจว่าพระราชาให้เขามาอยู่เพื่ออะไร....หลายวันต่อมา..พระราชาก็ได้เรียกชายพิการเข้าเฝ้า...

พระราชา....นี่เป็นท้องพระโรงของเรา..  เราจะประชุมอำมาตย์และขุนนางทั้งหลายทุกๆเจ็ดวัน....ที่เรียกเจ้ามาที่นี่..เพราะว่าเรามีเรื่องหนักอกหนักใจเรามานานแล้ว..เหมือนมีหอกทิ่มเข้าไปในใจเรา...มีมหาอำมาตย์ที่พูดมากท่านหนึ่ง...มีอิทธพลมากหนัก..พูดมาก....แถมยังมีคนเชื่อถือมากกว่าเราอีก...บางครั้งเราพูดยังสู้เขาไม่ได้..เราจะบริหารบ้านเมืองอย่างไร...มหาอำมาตย์นี่ก็ค้านอยู่เรือย...จำเราจะต้องใช้วิธีนี่

ตรัสแล้ว...พระราชาก็ให้ชายพิการนั่งในที่อันควร...แล้วใช้ม่านบังชายพิการไว้...โดยให้อยู่ด้านหลังของพระราชา...พร้อมกับตรัสว่า

พระราชา...นี่เป็นขี้แพะหนึ่งทะนาน..เมื่อมหาอำมาตย์อ้าปากจะพูดขอเจ้าดีดขขี้แพะเข้าในปาก..เพื่อไม่ให้..มหาอำมาต์พูดได้...แล้วเราจะได้ตรัสเรื่องราชการของเรา

ชายพิการ....คิดแล้วถึงเข้าใจความในทั้งหมดที่พระราชาเลี้ยงดูเขา...จึงรับว่า  พระเจ้าข้า

เมื่อถึงเวลาประชุม..พระราชาก็ตรัสเรื่องราชการสำคัญ...

พระราชา....เรามีราชการสำคัญ..ฟ้าฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล..เราจะไม่เก็บภาษีประชาชน  เป็นเวลา  3  ปี  

มหาอำมาตย์.....อ้าปากจะพูด....ก็ต้อง...."อ้า....อับ"  แล้วก็กลืนลงคอ

เพราะในระหว่างอ้าปากจะพูดชายพิการได้ดีดขี้แพะเข้าปากเขาจึงพูดไม่ได้..พระราชาได้ที...ก็ตรัสว่า...มหาอำมาตย์มีอะไรจะคัดค้านหรือไม่

มหาอำมาตย์....อ้า....อับ..แล้วก็กลืนลงคอ
มหาอำมาตย์....อ้า....อับ..แล้วก็กลืนลงคอ
มหาอำมาตย์....อ้า....อับ..แล้วก็กลืนลงคอ
มหาอำมาตย์...พยายามอยู่นาน...จึงรู้ว่าพลาดเข้าแล้ว...จนกินขี้แพะไปเป็นทะนาน


ตั้งแต่นั้นมา...พระราชาก็ตรัสราชการอันใด..ก็ไม่มีใครคอยค้าน...

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...คนพูดมากจนเกินงาม   อาจทำให้คนอื่นไม่สบายใจเพราะคำพูดของเราได้...คนพูดจะไม่คิด...แต่คนฟังแทบอกแตก..

ความรู้อย่างเดียว...ถ้ากระจางเหมือนชายพิการ...ย่อมมีประโยชน์กับตนและผู้อื่น

การใช้อำนาจ...ถ้ามีคนคอยขัด...ก็ต้องคิดก่อน...เขาแย้งเราเพื่อประโยชน์อันใด..เพื่อตัวเขา..หรือ...เพื่อส่วนรวม

ให้คิด....พ่อใหญ่หนู  แม่ใหญ่เหรียญ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 584 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 583 ครั้ง
 
 
  10 ต.ค. 2550 เวลา 14:53:09  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   1) นางผมหอม  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่5) ดีหลายครับ      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
อีสานบ้านเฮามีดีหลายอย่าง..แต่ว่าของดีบ่ได้รวมกันเป็นรูปเล่ม..ผมว่าหากคุณมังกรเดียวดาย บ่าวหน่อ กับซุมพี่ซุมน้องเฮาช่วยกันเฮ็ดเป็นรูปเล่ม...ลูกหลานซุมเฮาจะได้สืบ...ต่อๆ...กันไปขอรับ....

 
 
สาธุการบทความนี้ : 543 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 543 ครั้ง
 
 
  27 มิ.ย. 2551 เวลา 17:20:17  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่190)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
ดินอาศัยฟ้านาดีดินสิหลม..เป็นโยมอย่าไปขึ้นธะมาส..แนวนั้นแม่นบ่ดี
ฤาษีขับจูนเนอร์ในโลกาภิวัฒน์..เป็นศิษญ์วัดบ่ปฏิบัติพระเจ้า...เขาเอิ้นบ่ขะลำ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 517 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 517 ครั้ง
 
 
  28 ก.ย. 2550 เวลา 10:39:27  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่194) แก้ไขให้สมบูรณ์      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
พี่น้องเอ้ย..ข่อยเฮ็ดนาไกลบ้านนาหนองไฮม่องเคยอยู่
มีแต่ควายบักตู้คู่ไถพร้อมฮอมเป็น
ยามกลางเว่นได้ซ้นโพธิไฮต้นใหญ่
เหลียวเบิ่งบนต้นไม้ซอมแล้วคอยเซา
เห็นนกเค้าเพิ่นเหงานอนอยู่ก่นๆ
มีโกนใหญ่กะด้อคือบ่เข้าบอนนอน
สะออนนำนกเอี้ยงที่กินหมากไฮสุก
ทั้งสนุกทั้งคุยกันสู่วันบ่มีฮ้อน

หลอนว่าคิดเห็นข่อยซาตาพลอยบ่คือหมู่....แท้หน้อ
มีแต่ควายบักตู้เป็นหมู่พุ้นได้อุ่นใจ
ฮักสาวใดได้แต่ฮ้างสตางค์แม่นบ่เคยมี
ศักดิ์ศรีเป็นชาวนาค่าบ่มีพอน้อย
ได้อาศัยรอยท่านพระโคดมผู้เป็นใหญ่...แท้แล้ว
พอได้ยึกกราบไหว้ให้ใจนั้นได้ชุมเย็น....พี่น้องเอ้ย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 514 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 514 ครั้ง
 
 
  28 ก.ย. 2550 เวลา 17:25:14  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   37) น้ำยาขนมจีนปลาไหล  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่0) น้ำยาขนมจีนปลาไหล      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
ขนมจีน...อีสานเอิ้นว่า...ข้าวปุ้น...น้ำยา..ก็ต้องเรียกว่า...น้ำยาข้าวปุ้น...วันนี้พ่อใหญ่หนู่จะบอกวิธีทำน้ำยาขนมจีนซึ่งทำด้วยปลาไหล....รสแซป....สูตรเก่าแก่โบราณของ   อ.ชุมพลบุรี  จ.สุรินทร์   (อ.ชุมพลบุรี  จ.สุรินทร์  ทุกๆปี..จะมีเทศกาลกินปลาไหล  ซึ่งปฏิบัติกันมาตามหมู่บ้านแต่ละชุมชน....หลายร้อยปีแล้ว...แต่เป็นทางการพึ่งจะมีไม่กี่สิบปีนี้แหละ)  

การทำน้ำยาขนมจีนด้วยปลาไหล

เตรียมเครื่องก่อน

1.ปลาไหล  
2.กระชาย,ข่าอ่อน,ตะไคร้
3.หอม,กระเทียม,ใบมะกรูด,พริกใหญแห้ง
4.เกลือปีน,น้ำปลา,ปลาร้า,ชูรส,มะขามเปียกออกหวานนิดๆ

วิธีทำ

ต้มน้ำให้เดือด...ล้างปลาไหลให้สะอาด...น้ำเดือดจัดๆ...ค่อยใส่ปลาไหล...น้ำเดือดอีกครั้ง...ทุบ  กระชาย (กระชายตัดคาวฉมังนัก)  ข่าอ่อน (ข่าอ่อนตัดคาวฉมังนัก) ตะไคร้  ใส่...ตามด้วยหอม  กระเทียม  ใบมะกรูด  พริกใหญ่แห้ง (หากต้องการให้เผ็ดมากๆ ก็ใส่พริกชี้ฟ้าแห้งลงไปอีกพอควร) ...ตามด้วยเกลือป่น...น้ำปลา....เติมชูรส....มะขามเปียกใส่ถ้วย...ตักน้ำร้อนๆ..ขยี้ให้แตกใส่ให้พอเหมาะๆ...ที่ขาดไม่ได้เลยคือ...ปลาร้า...เติมพอควร..(แต่คนอีสานจะเติมปลาร้าจน....นัว...นัวของอีสานคือพอดีกลมกล่อม..เป็นรสอร่อยคงที่..ถ้ามีปลาร้า)...เสร็จแล้วชิมน้ำยาดูว่า..อร่อยถูกใจคนทำ...รึ..เปล่า....เมื่ออร่อยได้ที่แล้ว

ให้ตกเฉพาะตัวปลาไหล....นำมาแกะเนื้อปลาออก....ตักพริก...หอม...กระเทียม..กระชาย...ข่าอ่อน...มาตำให้ละเอียด...ให้ตำผสมกับเนื้อปลาไหล....ตำให้ละเอียดเลยนะ...ขอเน้น....ยิ่งตำละเอียดมากยิ่งดี....เสร็จแล้ว..นำน้ำแกงที่ต้มเทใส่..โดยใช้กระชอนกรอง...ก้างปลาร้าจะได้ไม่ทิ่มเหงือก...แล้วคนให้เข้ากัน......เนื้อปลาไหลที่ตำอย่างละเอียด....เมื่อถูกน้ำแกงละลายยิ่งฟูมาก..เข้มข้นมาก...เพิ่มความเข้มข้นขึ้น...เนื้อปลาไหลจะทำให้อร่อยโดยธรรมชาติ...กระชาย,หอม,กระเทียม,พริก..จะหอม..ชวนให้รับประทาน...กลิ่นปลาร้ามันบ่งบอกถึงอรรถรสของคนอีสาน...(พิมพ์ไปน้ำลายสอไป...พิมพ์ไปน้ำลายหกไป...นึกอร่อยขึ้นมาแล้วแหละ).....คนท่าแร่อีสานบอกว่า  "สุดยอดของเนื้อคือหมา...สุดยอดของปลาคือเอี่ยน"....ใครยังไม่เคยกินน้ำยาขนมจีนที่ทำจากปลาไหล...อย่าฟ่าวไปหนีจากกันเด้อ...เกิดเป็นคน...เกิดได้ครั้งเดียว..ตายได้ครั้งเดียวเหมือนกัน..อย่าให้ใครหลอกได้...ควรจะทำกินบ้างนะ....ไม่มีใครกินเป็นเพื่อน...เรียกพ่อใหญ่หนู่   แม่ใหญ่เหรียญ...ไปกินนำแน่เด้อ.....ครับผม

 
 
สาธุการบทความนี้ : 508 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 507 ครั้ง
 
 
  07 ต.ค. 2550 เวลา 10:37:00  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่197)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
ไม่เห็นไผมาเว้านำจักคน.....

ฯลฯ
เว้าให้แจวมันจูงม้าจูงลาให้เฮาขี่
เว้าแต่คำดีๆอย่าสิมาคำฮ้ายสำพี่อ้ายกล่อมน้องเมีย

ฯลฯ


เว้าหลาย....ลางเทื่อ..กะอยากอ้ายเว้า...พะนะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 499 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 499 ครั้ง
 
 
  13 ต.ค. 2550 เวลา 14:34:45  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   79) ไหว้ขี้หมา  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่2)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
คิดฮอดคือกันเด้ออีเกียแดง   สิพากันไปยามบ้าน  แวกินน้ำแถวโคราช  แน่เด้อ  บ่าวหนอเพิ้นมีเบอร์โทรผมอยู่  บ้านบ่ไกลทางปานใดดอก  ห่างถนนมิตรภาพขับรถ  ๒  นาที  กะฮอด

 
 
สาธุการบทความนี้ : 489 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 489 ครั้ง
 
 
  01 ธ.ค. 2554 เวลา 07:42:30  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   79) ไหว้ขี้หมา  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่7)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
หวัดดี   มังกรเดียวดาย  ปีใหม่  สิไปเที่ยวไส?    คิดฮอดเด้อ   ...ผมสิไปแถวๆ  อ.ชุมพลบุรี  แหละ พี่น้องเพิ้น สะส่างปลา  ผมสิเป็นเหล้าให้เพิ้น 20 ลิตร (เป็นเหล้าป่าต้มเอง)

 
 
สาธุการบทความนี้ : 471 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 471 ครั้ง
 
 
  06 ธ.ค. 2554 เวลา 15:29:57  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   64) นิทานบทกลอนเรื่อง "เณรลองของ"  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่1)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
หากเนื้อหายาวไป  ต้องขออภัยไว้ด้วย  จริงๆแล้ว เรื่องนี้ยาวมาก เพราะคนอีสานจะสอนลูกๆก่อนเข้านอน..และจะเล่านิทานให้ลูกๆฟังในช่วงก่อนนอนเด็กๆจะมีความสุขที่สุด... แต่ผมเขียนให้สั้นๆ พอได้ข้อคิดและคติธรรม ครับผม

 
 
สาธุการบทความนี้ : 464 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 464 ครั้ง
 
 
  14 ก.พ. 2553 เวลา 09:39:33  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   32) มณีพิชัย / ยอพระกลิ่น  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่5)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
ขอบคุณหลายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

พ่อใหญ่หนู  สิไปตัดไม้  มาเฮ็ดคันเบ็ด....หาไม้ไผ่ลำงามๆๆๆๆๆๆๆๆ

ล่างเทื่อ ฟลุก..............ได้จักคนฮั่นน่า..........

 
 
สาธุการบทความนี้ : 460 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 459 ครั้ง
 
 
  15 ม.ค. 2553 เวลา 16:37:57  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่196) ให้เป็นวิทยาทาน      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
เช็คเปียนั่งฮ้องไห้เพิ้นเหลืออกเหลือใจบ่ได้ฟังผะหย่าหย่อย
ซิกมันฟรอยด์หมู่นั้น......กระสันดิ้นแห่งอยากฟัง
เป็นจั้งงั่งคือฮิตเลอร์เจอคำผะหย่า..แต่บ่ได้อ่านเปิดอ่าน
อุดมการณ์หมู่นั้น...เลยพาให้ชีวิตเพ


เสธที่อยู่รอบข้างกะบ่ได้อ่านคำผะหย่า
เพิ้นครูบา....คานธีเลยเอาหนีไปนำจ้อย
เอาไปใช้..เป็นแพทย์ใหญ่คนผิวดำ
เพิ้นกลับเอามานำอยู่ในเมืองบ้าน

อังกฤษมันจึงยาน..คานธีผู้สูงส่ง
จึงตกลงยกให้อินเดียนั้นได้ส่งคืน
ปืนผาไม้...คำผะหย่าบ่เคยว่า
อหิงสาล้วนๆในฮั่นแหงหลาย

คาลเนกี้มีไว้คำภีร์ใหญ่คือผะหย่า
เป็นครูบาในการเขียนนั่งเรียบเรียงถึงการเว้า
เพิ้นว่าหลักการเว้าคนเฮาให้คิดก่อน
จั่งสิบ่เดือดร้อนย้อนคำเว้ามื้อหน้ามี

เว้าให้ดีให้สูงล้ำได้เงินคำย้อนปาก
เว้าถากถางผู้อื่นพร้อมกรรมสิต้องมื้อลุน
เว้าเอาบุญคุณสร้างบารมีให้สูงส่ง
เว้าให้หลงลมปากพร้อมสิยอมได้สู่แนว....ฯลฯ

คำที่เขียน  เป็นการแสดงให้เห็นว่าคำผะหย่ามีความสำคัญกับคนอีสานมาก..แต่งสด..ไม่มีเจตนาซ่อนเล้น..เพื่อจะก่อให้เกิดความเสียหายกับบุคคลหนึ่งบุคคลใด....แต่อย่างใด....จุดประสงค์เพียงให้เป็นข้อคิดและบันเทิง.......ขอรับกระผม
..........พ่อใหญ่หนู  แม่ใหญ่เหรียญ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 456 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 455 ครั้ง
 
 
  01 ต.ค. 2550 เวลา 13:59:53  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่185) ฝากให้แม่ใหญ่เหรียญ      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
คำปากพ่อแม่นี้หนักเกิ่งธรณี
ไผผู้ยำเกรงนพสิฮุ่งเฮืองไปหน้า
เงินคำแก้วหามาทางบ่แม่น
แสนสิก่อธาตุหุมกุมกวมไว้กะบ่ยัง

เพิ้นว่าเชื้อหมากต้องบ่ฮอนล่นไกลกก
แนวผมดกบ่ฮอนเป็นหัวล้าน
เป็นพรานต้องอาศัยหน้าไม้
เป็นหัวสิงไคต้องอาศัยข่าอ่อน
พอได้อุออมเพลี้ยเลียมือพร้อมคักอีหลี

สิบปีอาบน้ำบ่หนาว
ยี่สิบปีเกี้ยวสาวบ่เบื่อ
สามสิบปีตืนก่อนไก่
สี่สิบปีไปไฮกลับมาเหยียดขา
ห้าสิบปีไปนากลับทอดหนุ่ย
หกสิบปีเปาขลุ่ยบ่ดัง
เจ้ดสิบปีตีระฆังบ่มวน
แปดสิบปีหนวกด่วนก่อนหู
เก้าสิบปีหมู่ไปยามฮ้องไฮ
ร้อยปีเฒ่ากะตายบ่เฒ่ากะตาย...

เป็นสัจธรรมเด้อพี่น้อง..ฉะนั้น..เฮ็ดบุญเฮ็ดทานไว้หลายๆ ... ให้ฮู้จักคำว่าพอดี..แน่  คำผะหย่าของ..พ่อใหญ่หนู..ส่วนมากบ่มีในตำราเด้อ...แต่งเอง....ไผมีอีหยังกะแลกเปลี่ยนกันเด้อ....คนเก่งมีหลาย...แต่เก่งแล้วมีคุณธรรมพร้อม..มันหายากเด้อ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 447 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 447 ครั้ง
 
 
  25 ก.ย. 2550 เวลา 09:38:54  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   9) นิทาน เรื่องเสียเคราะห์ ต่ำกว่า 18 ห้ามเข้า  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่7)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
บักต๊อก    นิทานเจ้า  มวนดีเนาะ    แต่สาวนักเรียนนักศึกษาตดในรถ  ไล่ลงกลางทางโลดเด้อ  คันบ่เฮ็ดจังซั่น  แอร์รถสิเสีย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 444 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 444 ครั้ง
 
 
  18 ก.ค. 2551 เวลา 14:25:01  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   79) ไหว้ขี้หมา  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่5)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
พุทไธสง ทางผ่านไปบ้านเด้อ  มีเสี่ยวอยู่ บ้านบุ่งเบา หลายคน  สมัยเป็นนักเรียน  อาทิ  คุณคำพอง  ไกรอภัยวงศ์  และ ตระกูล  "ฉาไธสง" หลายปีแล้ว บ่ได้ไปยามเพิ้น  บ้านผมอยู่เลยพุทไธสงไปเด้อ  ผ่านบ้าน สระขุด  เมืองบัว ครับผม

 
 
สาธุการบทความนี้ : 441 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 441 ครั้ง
 
 
  06 ธ.ค. 2554 เวลา 15:20:33  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   79) ไหว้ขี้หมา  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่0) ไหว้ขี้หมา      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
ไหว้ขี้หมา

ไม่ควรไหว้แต่ได้ไหว้ไปแล้ว

จะเรียกแห้วเรียกห่าตามวิสัย

ด้วยเคยไหว้คนเลวซ้ำจัญไร

มโนในส่วนลึกไม่มีธรรม



เป็นการกระทำของสัตว์ในโลกนี้

อะไรดีอะไรชั่วมันรู้ไปหมด

แต่ไม่เป็นตัวอย่างอนาคต

สุดสลดรุ่นหลานจะด่าทอ



อะไรหนอทำให้คนเป็นเช่นนี้

ประชาชีส่วนใหญ่มีเหตุผล

มีบางกลุ่มบางพวกที่สัปดน

สารวนกับการกราบไหว้บูชา



โบราณว่าเอาไว้เป็นตัวอย่าง

คนเดินทางจิตใจจะโหยหา

ขาดที่พึงทางใจเมื่อศรัทธา

เห็นขี้หมายังไหว้เรื่องมันมี



มีเศรษฐีทรัพย์มากมหาศาล

เมื่อจัดงานในบ้านเชิญแขมาก

ดอกไม้งามตกแต่งมีสีหลาก

สวยงามมากมองเห็นแล้วเย็นใจ



เศรษฐีใหญ่เดินดูถึงสี่แยก

ใช่เรื่องแปลกไปเห็นกองขี้หมา

ทางเข้าบ้านเศรษฐีไม่ธรรมดา

จะเรียกหาคนเก็บให้ไม่ทันการ



ด้วยว่าบ้านเศรษฐีเป็นคนสะอาด

จะมาพลาดเรื่องนี้ต้องเสียหน้า

จึงถอดเสื้อคลุมทับไว้เดินไปมา

เพื่อนผ่านมาเข้าไปทักว่าอะไร



เศรษฐีใหญ่ตอบว่าเป็นจอมปลวก

มีพรรคพวกมาขอหวยเลยกราบไหว้

เศรษฐีนั่งลงกราบในทันใด

เพื่อนก็ไหว้ตามเศรษฐีไม่ขุ่นเคือง



ท่านเจ้าเมืองผ่านมาเห็นก่อนเข้าบ้าน

เมื่อวันวานเราผ่านมายังไม่เห็น

คงเป็นปลวกเทวดาฟ้าประเคน

จึงให้เกณฑ์คนมา “ให้หาเรา”



ได้สั่งเอามณฑปนั้นมาครอบ

แล้วหอบเอาเครื่องไหว้ทั้งคาวหวาน

เชิญชาวเมืองทั้งหลายมากราบกราน

ซ้ำจัดงานฉลองให้เลยใหญ่โต



ปัดโธ่เอ๋ยเศรษฐีเสียใจยิ่ง

หากพูดจริงจะถูกจับไปประหาร

คิดสงสารชาวเมืองที่กราบกราน

อยู่ไม่นานเลยล้มป่วยด้วยตรอมใจ



เพราะในใจเศรษฐีนั้นกลัวบาป

ด้วยว่าทราบที่กราบไหว้คือขี้หมา

จะพูดจริงก็กลัวลงอาญา

คิดไปมาจนล้มเจ็บถึงขั้นตาย



ชนทั้งหลายจะไหว้อะไรนั้น

ให้คิดพลันถึงเหตุที่ต้องไหว้

เชื่อแบบหัวชนกำแพงตัวอาจตาย

ขอสหายทั้งหลายคิดกันเอง



พ่อใหญ่หนู

 
 
สาธุการบทความนี้ : 439 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 437 ครั้ง
 
 
  01 ธ.ค. 2554 เวลา 03:14:56  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   50) สูตรทำเหล้าไม้มะเกลือ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่0) สูตรทำเหล้าไม้มะเกลือ      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 

สูตรทำเหล้าไม้มะเกลือ

อุปกรณ์ในการทำ  คือ  
1. ไหซอง  หรือ  ไหเหล้าสาโทบ้านเราก็ได้   จะเป็นโหล-ยาดองก็ได้  ความจุแล้วแต่ผู้ทำ
2.  กิ่งไม้มะเกลือ-ถ้าได้รากมะเกลือยิ่งดี  ผ่าซีกเล็กๆเท่านิ้วมือ ยาวประมาณคืบ  แล้วนำไปย่างไฟให้เกรียมและต้องได้กลิ่นหอมของเนื้อไม้   3-4  กำมือ
3.  น้ำตาล  2  กิโล
4.   น้ำ   2  ลิตรครึ่ง ถึง  3  ลิตร
วิธีทำ
ต้องล้างภาชนะให้สะอาด  นำไม้มะเกลือที่ย่างไว้แล้ววางลงไปในภาชนะก่อน  แล้วต้มน้ำให้เดือดได้ที่  ใส่น้ำตาลลงไปทั้งหมด  เมื่อน้ำตาลละลายแล้วก็ยกลง   ปล่อยทั้งไว้ให้น้ำตาลเย็น  ต้องให้เย็นจริงๆ  เมื่อเย็นแล้วก็เทลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้  เทลงไปจนท่วมไม้มะเกลือในภาชนะที่เราใส่นั้นแหละ.....ใช้ไม้ปิดให้แน่น  หรือจะใช่ถุงพาสติกปิด แล้วใช้หนังสติ๊กรัดก็ได้   เสร็จแล้วทิ้งไว้ประมาณ  6-7 วัน  ปิดดูแล้วถ้าเหล้าหมักได้ที่จะเป็นฟองเหมือนเบียร์  ซิมดูว่ารสชาติจะใช้ได้หรือเปล่า    รสชาดจะหวานหอมกลิ่นไม้มะเกลือย่างไฟ   จะไม่หวานมาก  ดื่มสัก  2-3  แก้ว  จะรู้สึกได้ว่า  หน้าจะตึงๆ นิด  เหมาะกับการสังสรรค์เป็นพิเศษ มีเนื้อแดดเดียวสักจาน   ปลาทอดกรอบด้วยก็จะดียิ่ง  เวลาดื่มเหล้าไม้มะเกลือ ... สำหรับผมชอบขมนิดๆ เพราะแก่แล้ว  จึงต้องใช้ไม้มะเกลือมากหน่อย   ไม่เติมหวานมาก  ลองทำดื่มกันดู   บ่าวหน่อ  มังกรเดียวดาย   บักต๊อก  หนุ่มลำน้ำมูล  แป้นปีก  กระบี่โลหิต   กระบี่เจ้าสำราญ  บ่าวเฮิม หรือใครก็ได้ในชมรมเราลองทำดูนะ....ดื่มดีกินดีบอกกันต่อๆไปด้วย  เทคนิคในการทำให้หอมน่าดื่ม  ให้ย่างก้านตาล  หรือ  ทางตาล  ใส่ลงไปในภาชนะด้วย  จะทำให้เหล้ามีกลิ่นหอมเพิ่มขึ้น....อย่าได้หลงความอร่อยของเหล้าเด็ดขาด   เพราะสรรพคุณไม้มะเกลือมันเป็นยาระบายอ่อนๆ....ครับผม ....จาก..พ่อใหญ่หนู

 
 
สาธุการบทความนี้ : 432 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 431 ครั้ง
 
 
  24 ก.ค. 2551 เวลา 15:32:52  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่212) วิทยาทานปี 2551      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
ผีตาแฮก..ในมุมมองของบ้านหนองรังกา(ปัจจุบันเรียกบ้านแสงอินทร์)  หมู่ 5  ต.กระเบื้อง  อ.ชุมพลบุรี  จ.สุรินทร์  
ผีตาแฮก.แยกออกได้เป็นสองคำ....ผี..ในความเชื่อคือสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า..เป็นความเชื่อในเรื่องวิญญาณว่ามีอยู่จริงของคนโบราณ...จะเชื่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล(โปรดใช้วิจารณญาณด้วย) ..แฮก...หมายความว่า...ครั้งแรก..คือ คนอีสานส่วนมากจะมีความเชื่อในการทำนาว่า..การปลูกต้นข้าวครั้งแรกจะต้องปลูกที่ตาแฮกก่อน..โดยจะมีพิธีกรรมสลับซับซ้อนมาก...ต้องเตรียมเครื่องเซ็นเหล้าไฮ...ไก่ตัว...ข้าวดำ..ข้าวแดง...น้ำอ้อย..น้ำตาล...หลักเส(เสาหลักเล็กๆจะมีบ่วงแขวนติดกัน  5  อัน  หมายถึงพระพุทธเจ้าห้าพระองค์)..ปักไว้สี่มุมของตาแฮก.... ผีตาแฮก..เป็นผีเฝ้าไร่..เฝ้านา..ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังว่า  ผีตาแฮก  เป็นผีที่ให้คุณมากกว่าให้โทษ...  มีหน้าที่ดูแลและเฝ้าไร่นา  และเลือกสวน  วัวควาย  คอยดูแลต้นข้าวในนาให้งอกงาม...ผีตาแฮกจะอยู่ในที่นา..โดยเจ้าของนาจะทำมุมให้อยู่ในที่อันควร..มีเนื้อที่ประมาณ.. กว้างวา..ยาววา..จะทำที่กั้นไม่ให้คนเข้าไปเหยียบย้ำ..ถ้าย้ำ..จะถือว่าลบหลู่...และจะปลูกต้นข้าวไว้ให้เต็ม..ตาแฮก...การปักต้นข้าวลงตาแฮก..จะมีคำกล่าวเป็นภาษาอีสานยาวมาก..จะเขียนไว้ให้ดูเท่าที่พอจำได้.....ว่า
“จ้ำจ้อ..ข้าวหน่วยดอ..ละดอ”..หมายความว่า..หนึ่งดอกจะต้องเป็นเมล็ดหนึ่งผล..ความหมายคือเมื่อเป็นดอกแล้ว..จะต้องเป็นเมล็ดข้าว...จะต้องไม่ลีบให้เกิดความเสียหาย
ผู้ข้าขอฝากข้าวกับแม่ธรณี  แปลว่า  ขอฝากต้นข้าวกับพระแม่ธรณี
ขอฝากผีนำนาฝากปูปลาน้ำพร้อม  แปลว่า  ขอฝากต้นข้าวกับผีนากับปูและปลา
ให้ลอมข้าวสูงท่วมหลังซ้างใหญ่    แปลว่า  ให้กองข้าวที่จะได้นั้นสูงท่วมหลังช้าง
ทั้งคนไกลคนใกล้เห็นแล้วให้สะออน...แท้แหลว ..แปลว่า..คนไกลใกล้จะได้ชื่นชมด้วย
ให้เป็นวิทยาทาน..........พ่อใหญ่หนู   แม่ใหญ่เหรียญ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 428 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 427 ครั้ง
 
 
  02 ม.ค. 2551 เวลา 11:56:18  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่216)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
คาดสิใดบินมาไว่ๆ
คาดสิบ่ใดบินเจ้ยเฉิดหนี

คาดสิได้เจ้าบนมาจังนกเจา
คาดสิบ่ได้เจ้าบินขวมจังนกเขา

คาดได้เป็นพระหย่าแล้ว
หนีไปใสกะมีคนนำแห่

คาดสิใดเป็นนายกละแหม่
ชิมไปป่นไปแท้ๆ..ทางฟ้าหากประทาน....แท้แล้ว

 
 
สาธุการบทความนี้ : 427 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 427 ครั้ง
 
 
  29 ม.ค. 2551 เวลา 19:35:05  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่189)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
พี่น้องเอ้ย...เพิ้นว่าแก้วข่ผัดสามปีเป็นหินแห่
        
มีพี่น้องบ่ไปแวสามปีเป็นคนอื่น

อย่าสิไลลืมทิ่มพงศ์พันธุ์พี่น้องเก่า

อย่าสิละโคตรเซื้อไปยอ....ญยองผู้อื่นดี


มีแหแล้วอย่าลืมซิงห่างกระต่าย

คันเจ้ามีข่ายแล้วแล้วลืมไฮ้นกไก่นา

คันเจ้ามีปลาแล้วอย่าลืมปูปะปล่อย

ลางเทือปลาขาดข่องยังสิได้ป่นปู..

 
 
สาธุการบทความนี้ : 412 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 412 ครั้ง
 
 
  28 ก.ย. 2550 เวลา 10:30:01  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่215)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
แก้วบ่ผัด-สามปีเป็นหินแห่
มีพี่น้องบ่แว่-สามปีเป็นคนอื่น
อย่าสิไลลืมทิ่ม-พงศ์พันธุ์พี่น้องเก่า
อย่าสิละโคตรเซื้อไปยอ-ญย่องผู้อื่นดี

มีนาบ่มีน้ำ-เป็นนาทาม-กะเขินขาด
มีชาติ-แต่บ่นับโคตรเชื้อ-สิดีได้จังใด
มีไซบ่เอาไปใส่ต้อน-ยามใดสิได้กินปลาใหญ่
มีไหแต่ปลาแดกขาดหม้อ-หมอม่อนั้นว่าบ่ดี

ดีผู้เดียว-เพิ้นว่าได้ดีน่อย
ดีหลายคน-เพิ้นจังเอิ้นว่าเก่ง
ให้ได้เส็งได้ฮ้อง-ได้ยอ-ญย่องว่าดี
จาก...พ่อใหญ่หนู    แม่ใหญ่เหรียญ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 410 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 409 ครั้ง
 
 
  05 ม.ค. 2551 เวลา 11:56:29  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่187) คำผะหย่าสลดใจหนี้สินของคนอีสาน      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
ได้ยินฟ้าฮ้อง..ต้าม...ก้ำฝากเมืองอุดร
มาออนซอนคนเฮาคิดบ่เซาหนอนี่
มาออนซอนนำหนี้  ธกส.แท้หน้อแม่
สกกรณ์แห่งจ้อรอมื้อสิส่งคืน
ชาวนาเอ้ยยามใดเฮาสิพื้นมายืนเบิ่งเดือนดาว
คิดถึงคราวความหลังพ่อแม่ยังแต่คาวกี่
เพิ่นบ่เคยเป็นหนี้คือเฮาดอกหย่าแม่
เดียวนี้แม้มีแต่หนี้ล้วนๆ กวนใจเจ้าบ่ซืนชม
ขมในในบ่อยากเว้าไผหนอสิดึงออก
ดอกกะดอกคักโพด..ดอกข้าวโคด..กะบ่ปาน...พันนะๆ

พ่อใหญ่หนู  แม่เหรียญ...ลองเล่นกลอนสด..จักน่อย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 404 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 403 ครั้ง
 
 
  25 ก.ย. 2550 เวลา 12:32:05  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   18) คุรุกรรมที่ผิดจารีตประเพณีอีสาน  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่0) คุรุกรรมที่ผิดจารีตประเพณีอีสาน      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
คุรุกรรมที่ผิดจารีตประเพณีอีสาน

         คนอีสานแม้จะมีหลายเผ่าพันธุ์..แต่ก็ชื่อได้ว่าเป็นลูกอีสาน..ทุกคน..ไม่ว่าจะยากดีมีจน..เลือดอีสานเข้ม...โดยปกตินิสัยคนอีสานไม่เคยเอารัดเอาเปรียบใคร..คนอีสานจะถือ..บุญคุณอันดับหนึ่ง..พระสงฆ์องค์เณร..อันดับสอง...พ่อแม่พี่น้องรวมทั้งญาติและเพื่อนๆ...

 
 
สาธุการบทความนี้ : 402 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 402 ครั้ง
 
 
  13 ต.ค. 2550 เวลา 20:14:21  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่214)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
คนอีสานต้องฮักต้องแพงกัน
            อีสานเป็นคำที่เรียกภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย...ครั้งก่อนโน้นคนอีสานจะรักษาจีรีตประเพณีอย่างเคร่งครัด..เข้าวัดต้องถอดรองเท้าแล้วถือเข้าไป..พอเข้าวัดมากๆกลัวจะเป็นบาป..ว่าเวลาเดินเข้าวัดหรือเดินออกจากวัด..ดินวัด..หรือดินทรายจะติดเท้ามา...กลัวจะเป็นบาปกรรม...คนอีสานจึงมีประเพณีขนทรายเข้าวัด..คนอีสานจะละเอียดอ่อนมากเกี่ยวกับวัฒนธรรม..นานวันเข้า..คนรุ่นหลัง..บางคน...ใช้คำว่า..บางคน...กลับไม่สนใจประเพณีของอีสาน..บางท่านไม่กล้าพูดแม้แต่ภาษาถิ่น...อีสาน...กลัวจะถูกเรียกว่า   "ลาวอีสาน"  สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกใบนี้  มีเกิดต้องมีดับ  มีสูงย่อมมีต่ำ  เป็นโลกธรรม  ประเพณีที่จางหาย  หดหาย  เช่น  เดินผ่านพระสงฆ์  คนอีสานจะนั่งไหว้..ปัจจุบันไม่มีให้เห็น  คนอีสานน่าสงสารมากๆ...เสียภาษี(เสียค่านา) แต่เงินที่รัฐกลับไปพัฒนาอีสานมีน้อยมาก..ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ให้ความสำคัญ...ยกเว้นเวลาไปหาเสียง...จึงไม่เหมือนภาคอื่นเขา..การศึกษาก็ถูกกดไว้..การค้าก็ไม่มีใครมาลงทุน...เจริญช้า   บางคน...บางคนนะ..เป็นคนอีสานพอได้ดิบได้ดี...ก็...เปลี่ยนภาษาพูด...เปลี่ยนชื่อ...เปลี่ยนสกุล  นึกถึงคำสอนแต่เก่าก่อนแล้ว...ยิ่งเวทนาหัวใจยิ่งหนัก....ฝากไว้ให้คนรุ่นหลังๆคิด..พ่อใหญ่หนู

 
 
สาธุการบทความนี้ : 401 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 401 ครั้ง
 
 
  05 ม.ค. 2551 เวลา 11:35:27  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่193) แก้คำผิด      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
..........มีโกนใหญ่กะด้อคือบ่เข้าบอนนอน.......



..........ฮักสาวใดได้แต่ฮ้างสตางค์แม่นบ่เคยมี...........

 
 
สาธุการบทความนี้ : 400 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 400 ครั้ง
 
 
  28 ก.ย. 2550 เวลา 17:23:34  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   64) นิทานบทกลอนเรื่อง "เณรลองของ"  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่0) นิทานบทกลอนเรื่อง "เณรลองของ"      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
นิทานเรื่อง
“เณรลองของ”  
เป็นความเชื่อส่วนบุคคลแต่ครั้งโบราณ "ของ" ให้หมายถึง  วิชาอยู่ยงคงกระพัน คามถาอาคมที่เสกเป่าตัวกลายร่างเป็นอะไรก็ได้..คาถา  อาคม  มนต์ดำ  ไสยศาสตร์(โปรดฟังด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง) ผู้แต่งประสงค์ให้ท่านอ่านเพลิดเพลินอารมณ์)  ท่านผู้เจริญทั้งหลายที่เรียนรู้มามากลองอ่านนิทานเรื่องนี้ ในมุมมองของพ่อใหญ่หนู เป็นนิทานพื้นบ้านของลำห้วยพระพลา  แต่ละแห่งแต่หมู่บ้านแต่ละคุ้งน้ำ ก็จะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับลำห้วยไม่เหมือนกัน  ผมเอาเค้าโครงเรื่องมาเขียนให้เป็นบทกลอน..เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเข้าถึงจิตและวิญญาณของตัวนิทานเท่านั้นเอง  ... ขอท่านทั้งหลายได้อ่านคำยากๆก่อน.....คำยาก
“ห้วยพระพลา” คือ ลำห้วยที่กั้นเขตระหว่าง  จ.มหาสารคาม  กับ  จ.สุรินทร์
“ลองของ” คือ คนเล่นคาถาอาคม เป่าเสกแล้วจะยิงฟันไม่เข้าจะแปลงร่างเป็นอะไรก็ได้(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)
“ลายพาดกอน” คือ คำที่คนอีสานเรียก เสือโคร่ง
“ธุดงค์” คือ  ธุดงค์ 13 ข้อ ที่พระสมาทานก่อนออกธุดงคเพื่อทรมานสังขารให้ห่างไกลจากกิเลสทั้งปวง เช่น  อยู่ป่าตลอดสามเดือนที่บวช   เดินเท้าเปล่าไม่ใส่รองเท้า  ฉันอาสนะเดียวพอลุกแล้วท่านจะไม่ฉันอีก ไม่อย่างนั้นธุดงค์ที่สมาทานมาจะเสียไป
“อภิญญา” คือ ความหยั่งรู้ของพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ยังไม่ถึงขั้น พระโสดา  พระสกทาคามี   พระอนาคามี  หรือพระอรหัน
“วังชัน”  คือ ลำห้วยพระพลาเป็นลำห้วยที่ไหลผ่านทุ่งกุลาร้องไห้ ..วังชันเป็นส่วน..น้ำลึกกว้างมาก..จะมีถ้ำและมีปลาชุกชุม (ปัจจุบัน 30 กว่าปีแล้วไม่เคยไปดูไปเห็นอีกเลย)
“ห่มดอง”  คือ การห่มจีวรของเณรที่เปิดไหล่ข้างหนึ่ง
คำเหล่านี้ท่านไม่ต้องไปหาในพจนานุกรม เพราะผมให้ความหมายเองครับท่าน....เรื่องนี้ ผมลองให้คนรู้จักอ่านแล้ว....เขาบอกว่าดี ได้ข้อคิดหลายเรื่อง.. อ่านแล้วน้ำตาไหล อินในนิทาน...ด้วยความสงสาร


นิทานเรื่อง "เณรลองของ"

ขอเอยปากเล่านิทานได้ยินว่า
ที่ลำห้วยพระพลาแต่หนหลัง
มีเรื่องเล่าหลายชั่วคนเกิดนานจัง
ที่ริ่มฝั่งคุ้งน้ำลำพระพลา

บ้างก็ว่าน้ำเย็นใสบริสุทธิ์
เคยเห็นผุดดำว่ายไอ้เข้ฯหนา
มีปลาค้าวปลาขาวหลายพันธุ์ปลา
ผ่านกุลาร้องไห้ไหลลงมูล

เรียกค้ำคูณสายเลือดของชนเผ่า
มีเรื่องเล่าของเณรชอบลองของ
มีวิชาแก่กล้าชอบทดลอง
ตามครรลองของคนเรียนมนตรา

วันหนึ่งฟ้ามืดครึ่มลมพัดจัด
สามเณรออกจากวัดไปลองของ
มีเด็กวัดถือขันคอยประคอง
เณรบอกน้องสั่งความให้เชื่อเรา

เมื่อมนต์เข้าตัวเราจะแปลงเพศ
อาจเป็นเหตุตกใจอย่าไปไหน
ใช้น้ำมนต์ที่เราเสกรดเร็วไว
ไม่ทันไรร่างเราจะกลับคืน

เด็กวัดฝืนใจพูดเกือบติดอ่าง
รับปากพรางข่มใจตั้งหลายหน
ชั่วแป๊บเดียวพอเณรนั่งร่ายมนต์
ตัวเป็นคนค่อยค่อยกลาย-ลายพาดกอน

เด็กวัดอ่อนความคิดจิตพันผูก
ไม่เชื่อลูกนัยตาว่าได้เห็น
นึกถึงคำเณรสั่งให้ใจเย็น
ถ้าเณรเป็นอะไรน้ำมนต์มี

ดีว่าฟ้าเวลานั้นไม่มืดค่ำ
เด็กวัดนำน้ำมนต์สาดตัวเสือ
ลายพาดกอนกลายร่างเณรอ่อนเพลีย
เห็นตัวเสือกลับกลายเป็นเณรพลัน

อัศจรรย์มนตราอันศักดิ์สิทธิ์
เด็กวัดคิดขอเรียนกับเณรหนา
เณรบอกน้องหยุดพูดเรื่องวิชา
หยิบขันมากลับวัดกันเถอะเรา

พอรุ่งเช้าเด็กวัดคุยกับเพื่อน
บอกอยากเรียนมตราอยากลองของ
หลวงปู่ฟังนั่งนิ่งค่อยตรึกตรอง
แล้วก็ย่องจากไปเมื่อได้ยิน

ขณะบิณฑบาตออกโปรดสัตว์
ก่อนถึงวัดหลวงปู่สังเกตเห็น
ว่าเณรดูอ่อนเพลียตั้งแต่เย็น
หรือว่าเป็นเช่นไรให้บอกมา

ธรรมดาคนเล่นของต้องฝึกจิต
เพ่งพินิจสมาธิพลังต้องเหนือ
เลิกเล่นของร่างกายจะอ่อนเพลีย
ด้วยเหตุเสียพลังจิตเป็นธรรมดา

หลวงปู่ด่าแล้วบ่นทดสอบจิต
ว่าเณรคิดอย่างไรเรื่องลองของ
หากมีคนจับได้เรื่องทดลอง
ต้องปกป้องครูบาถึงอาจารย์

พอไม่นานถึงวัดจัดสำรับ
ฉันเสร็จสรรพลงมาอยู่ในห้อง
หลวงปู่คุยกับเณรเรื่องทดลอง
เรื่องลองของความขลั่งของมนตรา

เณรไม่กล้าโกหกกับหลวงปู่
ท่านคงรู้ลองมนต์คนอื่นเห็น
เณรไม่พูดแม้ถามเช้าจรดเย็น
หลวงปู่เห็นเณรเงียบจึงภาวนา

ด้วยตัวข้ามีมนต์อันศักดิ์สิทธิ์
จึงได้คิดถ่ายทอดให้เณรหนา
ทั้งอยู่ยงคงกระพันบังกายา
เหล่าวิชาทั้งมวลจะให้เณร

ด้วยเห็นว่าเป็นคนใจสัตย์ซื่อ
เห็นว่าถือความสัตย์ไม่หุนหัน
เก่งทางเก็บความลับอัศจรรย์
อาจารย์นั้นสั่งไว้ต้องให้มัน

มิฉะนั้นปวงวิชาก็จะสูญ
นี่เป็นบุญของเราได้พบศิษย์
ทั้งใจซื่อเที่ยงธรรมคำมิดชิด
ตรึกตรองคิดมนตาต้องให้มัน

เณรขยันเรียนมนต์สารพัด
จนเจนจัดครบสูตรไม่พูดหา
เล่นวิชาลองของบังกายา
พอค่ำมาฝึกจิตติดพระธรรม

หลวงปู่ทำวัตรเสร็จได้เอยปาก
ว่าเราอยากธุดงค์ปลงสังขาร
นำกายาไปเดินไพรให้ทรมาน
กิเลสซ่านความดีจะมีมา

จึงเรียกหาตัวเณรพร้อมเด็กวัด
สารพัดเรื่องที่สั่งหมดกังขา
ไปไม่นานสามเดือนจะกลับมา
เข้าพรรษาบ้านเราเช่นเคยทำ

พอพลบค่ำจำวัดตื่นแต่เช้า
หลวงปู่เข้าสะพายบาตรบริขาร
ออกจากวัดสู่ป่าได้ไม่นาน
เณรจัดการเรื่องวัดปฏิบัติธรรม

จะเป็นกรรมหรือบุญจึงหนุนให้
เข้าดลใจของเณรให้ลองของ
ให้ร้อนร่นในตัวแม้ “ห่มดอง”
อยากเล่นของลองมนต์ถ้าได้ทำ

ก่อนพลบค่ำวันหนึ่งเณรชวนเด็ก
จะไปเสกมนตราจะเล่นของ
ให้เด็กวัดคนเดิมคอยประคอง
ก่อนลองของเสกน้ำมนต์ไว้รดตัว

ไม่ใช่ชั่วอยากลองต้องกล้าเสี่ยง
จึงเดินเคียงเด็กวัดถึงลำห้วย
สั่งเด็กวัดทุกครั้งอย่า-งงงวย
ใช้กระบวยตักน้ำมนต์สาดตัวเรา

เดียวเป็นเต่าเป็นปลามาให้รด
น้ำมนต์หยดถูกตัวปลาก็หาย
คืนร่างเดิมเป็นเณรได้กลับกลาย
ครั้งสุดท้ายเณรจะกลายเป็นอะไร

เณรคิดไว้จะกลายร่างเป็นไอ้เข้ฯ
ไม่โลเลกระโดดน้ำไม่บอกกล่าว
ไม่ได้บอกเด็กวัดเป็นเรื่องราว
หรือถึงคราวเคราะห์กรรมของเณรมี

มีทั้งศรีทั้งศักดิ์คนทรงศีล
ลืมเสียสิ้นลองมนต์คนเล่นของ
รายมนต์เป่าตัวเองคึกคะนอง
ลืมบอกน้องร่างกลายเป็นเข้ฯไป

เข้ฯตัวใหญ่ของเณรสัพหยอก
คิดจะหลอกน้องเล่นไม่เป็นผล
ว่ายมาใกล้ไม่ทันไรเกือบถึงคน
ทำสัปดนคิดว่าไม่เป็นไร

เด็กตกใจตัวสั่นเดินงันงก
เดินซกมกเตะขันน้ำมนต์คว่ำ
ด้วยตกใจรีบหนีล้มขมำ
ทั้งมืดค่ำร้องบอกเข้ฯกินคน

ปากตระโกนร้องบอกวิ่งกลับบ้าน
วิ่งไม่นานก็ถึงทะลึ่งหา
จึงร้องบอกพวกโยมบนศาลา
ที่ลำห้วยพระพลาเข้ฯกินเณร

ทั้งตาเถรยายชีปรี่เข้าใส่
ให้ช่วยกันเร็วไวรีบค้นหา
จึงเกณฑ์คนทั้งหมดบนศาลา
ไปลำห้วยพระพลาเพื่อหาเณร

บริเวณล้ำห้วยแพงพวยมาก
บ้างก็ลากบ้างก็ดึงทะลึ่งหา
บ้างใช้แห-ลงทอดเหมือนหาปลา
จนเวลาล่วงเลยไม่เคยเจอ

เณรชะเง้อมองดูคนหมู่มาก
แต่ลำบากด้วยปากพูดไม่ได้
จึงกล่ำกลื่นฝืนทนระทดใจ
น้ำตาไหลไม่หยุดสุดจะทน

เกิดเป็นคนเมื่อพลาดต้องยอมเจ็บ
ถึงจะเหน็บเจ็บในใจต้องฝืน
กลั้นเอาไว้ข่มใจไว้ให้ยั่งยืน
ทนข่มขื่นเพราะการกระทำตน

เมื่อเป็นคนกลายเป็นไอ้เข้ฯ
จึงหันเหว่ายไปไกลตลิ่ง
นึกถึงคำหลวงปู่เป็นความจริง
คิดประวิงเวลาถ้าบุญมี

ถ้าจะหนีขึ้นฝั่งกลัวคนเห็น
ที่เราเป็นเช่นนี้เพราะลองของ
จำกล่ำกลื่นฝืนทนเพราะอยากลอง
ใจห่วงน้องกับแม่ผู้อยู่เรือน

จึงเคลื่อนกายลงน้ำในวังลึก
กบดานตรึกตรองคิดว่าผิดศีล
แม้ร่างกายกายาสัตว์มีตีน
แต่ว่าศีลยังมีกับธรรมา

ภาวนาจำศีลวังน้ำลึก
จิตระลึกไม่แทนคุณกลับหุนหัน
ไม่แทนคุณมารดามาจากกัน
ด้วยกระสันเล่นของลองมนตรา

วาสนาเกิดมากำพร้าพ่อ
จะเรียนต่อทั้งทีต้องมีศีล
คิดถึงแม่กับน้องไม่มีกิน
ตัวก็สิ้นสภาพความเป็นคน

อยากตระโกนให้ก้องท้องคุ้งน้ำ
ให้ครั้นคร้ามด้วยตัวเป็นไอ้เข้ฯ
จำใจอยู่เดียวดายไม่โลเล
ร่างไอ้เข้ฯแต่ใจยังเป็นคน

นึกถึงตัวเล่นมนต์อันศักดิ์สิทธิ์
ควรจะคิดให้ดีมีเหตุผล
ควรจะใช้เมื่อจำเป็นไม่อับจน
นี่ต้องทนอีกนานอาจารย์มา

วันเวลานานเข้าใจเริ่มเปลี่ยน
เกือบเป็นเดือนที่เณรกินปลาเน่า
ด้วยว่าต้องรักษาศีลให้ทุเลา
ยังอดข้าวเกือบตายไปหลายวัน

บางครั้งสั่นอยากกินคนเหมือนไอ้เข้ฯ
คิดใช้เล่ห์หลอกกินสิ้นชิวหา
ส่วนจิตคิดแต่เจตสิกมีธรรมา
คอยเหนี่ยวรังจิตราให้เป็นคน

จึงต้องทนข่มจิตไว้จงหนัก
เอาความรักที่แม่เคยพร่ำสอน
เอาบุญคุณพ่อแม่บอกก่อนนอน
ได้ปลูฝังเสื่ยมสอนความเป็นคน

เวลาจนไม่ให้ใครเดือนร้อน
ก่อนเข้านอนให้สัมมาอะระหัง
ให้ผูกมิตรด้วยจิตมิตรอยู่ยัง
จะยืนนั่งเดินนอนให้รู้คุณ

เสียดายบุญไม่มีจะแทนท่าน
บุญคุณนั้นสูงส่งเกินแบกหาม
แม้กลับคืนร่างได้จะทำตาม
ลูกขอข้ามไปภพหน้าจะแทนคุณ

ใครมีบุญสูงศักดิ์ได้เป็นใหญ่
อย่าทำตัวจัญไรอย่าลืมแม่
เทศกาลวันหยุดต้องดูแล
ผู้เป็นแม่เห็นหน้าลูกก็อิ่มใจ

ให้อะไรก็ไม่เท่าก้มลงกราบ
ท่านจะทราบด้วยญาณตามวิถี
แม่เลี้ยงลูกทุกคนเป็นคนดี
จะมีกี่ตัวคนคิดแทนคุณ

มีงานบุญที่วัดจัดพิเศษ
ด้วยว่าเหตุทำบุญให้เณรนั้น
แม่ของเณรพร้อมน้องสาวก็ไปกัน
ขอสวรรค์เมตตาวิญญาณเณร

แม่ของเณรเคยเสียใจแทบจะขาด
พอใส่บาตรพระเสร็จไปลำห้วย
ไปทุกวันแทนหน้านั้นคือกระบวย
ดูไม่สวยเคียงคู่ขันน้ำมนต์

คนไม่มีแก่ยืนร้องริ่มฝั่งห้วย
ดอกแพงพวยก่อหญ้าเริ่มเคลื่อนไหว
อยู่ใต้น้ำที่แก่ยืนใช่อื่นไกล
จระเข้เณรนั้นไงแอบดำมา

อนิจจาหัวอกแม่ไม่พานพบ
เคยประสบพบหน้าเคยได้เห็น
เจ้าเป็นเณรยังเห็นเช้าจรดเย็น
นี่เจ้าเป็นอะไรไม่กลับมา

ถ้าคนฆ่าเจ้าตายต้องเห็นศพ
นี่จะครบขวบเดือนแม่โหยหา
เพียงเห็นหน้าของเจ้าชื่นอุรา
ให้กลับมาหาแม่ที่เฝ้ารอ

เณรลอยคอไม่โผล่ให้แม่เห็น
ด้วยว่าเป็นไอ้เข้นั้นตัวใหญ่
กลัวแม่เห็นจะทำให้ตกใจ
น้ำตาไหลไม่ท้อต้องฝืนทน

โอ้ว่าตนตัวกูทำบาปหนัก
แม่ยังรักร้องหาต้ำตาไหล
เณรข่มจิตด้วยธรรมระกำใจ
จำตัดใจดำดิ่งทิ้งมารดา

เมื่อกลับมาถึงถ้ำยิ่งคิดหนัก
ด้วยความรักมารดากับน้องสาว
ไม่เรียนมนต์เล่นของไร้เรื่องราว
ห่วงน้องสาวคิดสงสารทั้งมารดา

ด้วยธรรมารักษาผู้ประพฤติ
แม้จะสึกหรือบวชควรใฝ่หา
อีกหลายวันหลวงปู่ทราบกลับคืนมา
ด้วยอภิญญาชั้นสูงรู้ความใน

จึงไปบอกชาวบ้านมีงานให้
ไปสร้างแพไม่ไผ่ให้เราด้วย
ให้เตรียมขันน้ำมนต์พร้อมกระบวย
ไปลำห้วยพระพลาหน้าวังชัน

ที่ตรงนั้นจระเข้มนต์ที่เณรอยู่
เราขอบอกให้รู้ไม่ไปไหน
เราจะเรียกเณรมาให้ว่องไว
จะแก้ไขกลับกลายให้เป็นคน

สาระวนคือคนหนุ่มช่วยกันแบก
หามสาแหรกไม้ไผ่แพใหญ่สูง
ทั้งหมู่บ้านใช้เกวียนช่วยพยุง
แล้วจึงจูงเกวียนแพไปวังชัน

ถึงวังชันลำเลียงแพ-ลงน้ำ
หลวงปู่ทำสมาธิกลางแพใหญ่
ด้วยมนตราดลจิตเณรเร็วไว
จระเข้ตัวใหญ่ได้เจอกัน

อัศจรรย์ฤทธิ์มนต์ของหลวงปู่
เณรรับรู้ด้วยญาณตามวิสัย
ใจส่วนชั่วไม่รู้ใครเป็นใคร
แต่อีกใจมีธรรมค้ำประคอง

เสียงคนร้องน้ำวนน่ากลัวยิ่ง
แต่จริงจริงคือเณรทะยานขู่
หลวงปู่รู้ด้วยญาณมิใช่ศรัตรู
แต่เณรขู่ชูหางเข้าฟาดฟัน

จึงห่ำหั่นกับครูตนด้วยจิตหยาบ
ตัวขนาบแพใหญ่แล้วฟาดหาง
หลวงปู่นิ่งเป่ามนต์ทั่วสรรพราง
ประชิดร่างจระเข้ได้เช่นกัน

คงกระพันทั่วร่างคือหลวงปู่
เดียวก็รู้ว่าครูหรือศิษย์เห็น
เดียวก็รู้ครูม้วยหรือศิษย์เป็น
เท่าที่เห็นไม่อยากให้สู้กัน

เณรจึงพลันทะยานแล้วตั้งหลัก
หลวงปู่ปักไม้ไผ่เป็นคู่ขนาน
เณรทะยานขึ้นแพได้ไม่นาน
หลวงปู่พลันดึงบ่วงเข้าชิดกัน

หลวงปู่ท่านเวียงหนังเป็นบ่วงบาศก์
เณรก็ฟาดหางรับจนเหลือขอ
อัศจรรย์บ่วงบาศก์จึงรัดคอ
เณรดิ้นต่อแต่แพ้มนต์อาจารย์

ธรรมดาอาจารย์สั่งสอนศิษย์
เก็บความรู้ไว้อีกนิด-กันศิษย์หวน
มีบางคนคิดล้างครูไม่คู่ควร
ไม่ควรด่วนสมน้ำหน้าไม่ว่ากัน

หลวงปู่ท่านรดน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์
ด้วยอิทธิฤทธิ์น้ำมนต์ท่านแก่กล้า
จระเข้มนต์เณรกลับกายา
ชั่วพริบตากลายร่างมาเป็นคน

เสียงตระโกนสรรเสริญผู้วิเศษ
ด้วยสาเหตุนึกว่าเณรกลายเป็นผี
ด้วยธรรมาของเณรประพฤติดี
ในชาตินี้คงหมดกรรมที่ทำมา

ฝ่ายมารดาดีใจเหมือนได้แก้ว
เป็นบุญแล้วเณรเอ้ยเอ่ยเรียกหา
อกกลัดหนองมานานตัวมารดา
เหมือนกับว่าได้เกิดใหม่สุขใจจริง

เจ้าอย่าทิ้งแม่ไปให้ไกลห่าง
จงเลือกทางที่ดีให้แม่เห็น
ขอเห็นชายผ้าเหลืองเช้าจรดเย็น
เท่าที่เห็นแม่ก็สุขไม่ทุกข์ใจ

เณรรับไว้อธิฐานบวชไม่สึก
ให้รู้ลึกในพระธรรมนำวิถี
อยู่ติดตามหลวงปู่พึ่งบารมี
ปฏิบัติดีปฏิชอบในกรอบธรรม..

พ่อใหญ่หนู  แม่ใหญ่เหรียญ (แต่งเอง)    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 399 ครั้ง
จากสมาชิก : 8 ครั้ง
จากขาจร : 391 ครั้ง
 
 
  14 ก.พ. 2553 เวลา 09:35:37  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   29) นางปากเป็น  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่9)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
เพิ้นว่าเว้าหลาย...จนโตเองตาย


อันว่าปากนี้  มีความสำคัญหลายเด้อ

เว้าดีกะได้

เว้าให้ผิดกันกะได้

เว้าให้เขา...เตะปากโตเองกะได้




ขอบคุณ    มีข้อคิด

 
 
สาธุการบทความนี้ : 386 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 386 ครั้ง
 
 
  15 ม.ค. 2553 เวลา 18:14:03  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่518) คิดฮอด(ได้แค่คิดฮอด)      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
คิดฮอดหลายบ่เห็นหน้าเห็นเถียงนากะพออยู่
คิดฮอดหลายแม่นชู้เคยชู่ซ้อนจังแม่นดี
คิดฮอดหลายคือปีนั้นสองเฮานั่งคุยกันอยู่น้ำสร้างแซง
คิดฮอดมาแฮงๆพออยากนั่งฮ้องไฮ่อายคนใกล้เพิ่นสิเห็น
คิดฮอดเวรที่เคยสร้างถ่างนาแล้วฆ่าเต่า
คิดฮอดความเก่าพุ้นหากบุญพร้อมจังสิหาย
คิดฮอดชายอื่นได้อยู่นำนางเป็นเนื้อคู่
คิดฮอดคู่ของบักอ้ายจักไปลี้อยู่ม่องใด
คิดฮอดไซงาข่างทางปลาคือเที่ยวท่อง
คิดฮอดน้องมื้อนี้มื้อใดนั้นจังสิเห็น....แท้แล้วพี่น้องเอ้ย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 378 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 376 ครั้ง
 
 
  18 มิ.ย. 2551 เวลา 15:09:16  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   14) สุรินทร์  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่5)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
พ่อใหญ่กะเป็นคนเมืองช้าง....คือกัน   เสียดาย  ไม่ได้เรียนในตัวเมือง  ไม่งั้นจะพูดภาษาถิ่นสุรินทร์ได้.....ดันไปเรียนจบมาจากเมืองเกินร้อย....

 
 
สาธุการบทความนี้ : 374 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 374 ครั้ง
 
 
  18 ม.ค. 2553 เวลา 12:21:11  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   20) การให้อภัย  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่0) การให้อภัย      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
เมื่อวันที่  14 มิ.ย.51  เวลาประมาณ 14.20  น. โดยประมาณนี้แหละ  ผมขับรถไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข  331  ปลายทางก็ ต.พลูตาหลวง  อ.สัตหีบนะครับ  เส้นทางนี้ช่วง  บ่อทอง  บ่อวิน  กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง  ก็ขับไปเรื่อยๆความเร็วไม่ต้องพูดถึงเพราะถนนไม่เอื้อที่จะให้รถวิ่งเร็วอยู่แล้ว ไม่เหมือนเส้นทาง 304 แถวๆกบินทร์บุรี นาดี  แปลงยาว  ขับเร็วได้... พอถึงเขาไม้แก้ว  หน้าสถานีอนามัยเขาไม้แก้ว  ผมเห็นชายรูปร่างใหญ่ผิวดำไว้ผมยาวใช้มือทุบกระจกรถยนต์แจ็สสีบรอนป้ายทะเบียนนครนายกด้านข้างคนขับนะ อีกมือข้างหนึ่งถือหมวกกันน๊อก  อยู่ข้างถนนที่กำลังก่อสร้างหน้าอนามัยเขาไม้แก้วแหละ  ดูๆแล้วรถยนต์แจ็สสีบรอน คันนั้นคงเสียหลักเนื่องจากที่ตรงนั้นเป็นถนนอยู่ระหว่างกำลังก่อสร้าง  ถ้าประเภทมือใหม่มือไม่ถึงคงลื่นแหละตรงนั้น..เลยรถยนต์แจ็สสีบรอนไป  ผมเห็นมีช็อปเปอร์จอดอยู่  ประมาณว่าคงเกิดอุบัติเหตุขึ้น หรือขับตัดหน้ากัน หรืออะไรสักอย่าง  แต่คนที่ทุบกระจกรถยนต์แจ็สสีบรอนนั้นคงโมโหร้ายหน้าดูแหละครับ  ทุบไม่แตกหรอกข้างคนขับนะ  ปากก็ร้องเอะอะโวยวาย  ผมดูแล้วว่าคนขับรถยนต์คงตกใจไม่กล้าเปิดประตูรถลงมา  กลัวโดนกระทืบมั้ง  พอรถผมเข้าไปใกล้ๆเห็นกระจกด้านหน้ารถยนต์แจ็สสีบรอนแตกร้าวแต่ไม่เป็นรู  เหมือนว่าโดนหมวกกันน๊อกทุบแหละ หรืออะไรประมาณนั้น  อันนี้พูดตามที่เห็น ผมจะจอดรถดูและให้ความช่วยเหลือตามแบบอย่างของคนอีสานทั้วๆไปที่ชอบช่วยเหลือคน แต่รถคันหลังปีบแตร่ไล่กันเป็นช่วงๆ...คงชมผม และให้ผม  รวยๆ...รวยๆ..ด้วยมั้ง (แปลเอาเอ็ง..ก็อย่างที่ท่านคิดนั้นแหละ)..ความหมายคือ ให้รีบไปเร็วๆ  ผมเห็นคนจากหน้าอนามัยเดินไปดูประมาณห้าหกคนก็ชื่นใจหน่อยว่า  เจ้าคนขับรถยนต์แจ็สสีบรอนนั้น คงรอดจากการถูกทำร้ายแน่ก็เบาใจขึ้น  ผมคิดทั้งสงสารคนขับรถยนต์แจ็สสีบรอน  และสลดหดหู่ในอารมณ์ร้ายๆของคนขับรถช็อชเปอร์.. ผมขับรถไปเรื่อยๆถึงทางแยกเข้าวัดญาณสังวร/ส่วนนงนุช/เขาชีจันทร์ ตรงนั้นแหละ ก็นึกถึงคำสอนของพระพุทธองค์ได้ว่า  การให้อภัยเป็นสิ่งประเสริฐสุด  นึกอยู่ในใจตลอดขณะขับรถไปพลูตาหลวง  การให้อภัยผู้อื่นเมื่อเขากระทำความผิด เป็นสิ่งที่ดี  แม้เขาจะเป็นคนร้าย เป็นคนไม่ดี ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตาม กฎ  ระเบียบ ของสังคม  อย่างเช่นเรื่องที่ผมได้ประสบ ถ้าคนที่ทุบรถยนต์แจ็สสีบรอนนั้นเป็นผู้เสียหาย  ก็ควรที่จะคุยกันดีๆ ควรจะเรียกค่าเสียหาย  ไม่ควรที่จะเข้าไปจัดการเองด้วยกำลังตน คิดในมุมกลับค่าเสียหายคนขับ รถยนต์แจ็สสีบรอนก็จ่ายไป..แต่ผู้เสียหายไปทุบรถเขา..ก็ต้องจ่ายเงินเพราะทำให้ทรัพย์ของเสียหาย..กฎหมายมีไว้ให้จัดการอยู่แล้ว  ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายก็ได้ สัจธรรมมีอยู่ว่า เมื่อเป็นต่อเขาแล้ว ได้เปรียบเขาแล้วให้ระงับความโกรธไว้ ถ้าเราทำอะไรขณะโกรธคิดดูนะจะเสียเปรียบเขาขนาดไหน... หรือ คุยกันดีๆว่า ผมเสียหายจึงเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากผู้กระทำผิด  หาคนกลางให้ไกล่เกลี่ยก็ได้ ... พี่ๆน้องๆคนในชมรมเราและคนทั้งหลายไม่ควรเอาอย่างครับผม... การให้อภัยสามารถทำได้หากเราได้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง  คนเราจะทะเลาะกันก็เพราะมีเหตุมากระทบกัน ละเมิดกัน  ใครควบคุมสติได้ดีกว่าคนนั้นได้เปรียบ  ได้เปรียบเพราะรู้เท่าทันอารมณ์โกรธของตัวเองตามคำสอนของพระพุทธองค์  ไม่ต้องตัดกิเลสหรอก..เพราะเรายังไม่ถึงขั้นระดับ "ปรมัต" ซึ่งแปลว่า เข้าถึงได้ยาก..เอาแค่ว่ารู้เท่าทันก็ถือว่าปฏิบัติธรรมแล้ว  ดีแล้วสำหรับเรา  การให้อภัยผู้อื่นทำได้ง่าย  เพียงเสี้ยววินาทีก็ทำได้เปลี่ยนได้  แต่เราจะรักษามันไว้ได้นานแค่ไหนเท่านั้นเองอันนี้สำคัญกว่า มันเป็นเรื่องที่ปฏิบัติได้ยาก  ต้องฝึกสติบ่อยๆจนทำให้เกิดความเคยชินให้ได้...แล้วจะระลึกได้เวลาประสบและเวลาโกรธ...ไม่ใช่ชนะได้  ยิ่งอยากชนะยิ่งเกิดความเครีด...ท่านทั้งหลายลองสังเกตุดูนะ  คนจะทะเลาะกันส่วนมาก  มาจากเรื่องเล็กๆน้อยๆทั้งนั้น  เช่น  รับปากคนอื่นแล้วไม่ทำตาม  กินน้ำแล้วไม่กรอกน้ำใส่ขวด ใส่ตู้เย็น  วางกระเป๋าไม่เป็นที่เป็นทาง  กินข้าวแล้วไม่ล้างจาน  เอาสิ่งของไปใช้แล้วไม่เก็บไว้ในที่เดิม  ไม่ช่วยเหลือพ่อแม่ทำงาน..พ่อแม่บ่นแล้ว  กลับไปโกรธท่าน  บ้านใกล้กันไปขอของที่เขาไม่อยากให้เรา .. มะม่วงเขียวเสวยกำลังอ่อนๆคนปลูกบอกยังไม่แก่เลย แต่คนขอเพราะความอยากได้อยากกินจึงบอกแก่แล้วดันไปเด็ด..สุดท้ายมันก็ทะเลาะกัน..ในสังคมไทยจะมีเรื่องอย่างนี้บ่อยๆมีในชนทุกชั้น ทุกกลุ่ม ทุกหมู่เหล่า...เวรกรรมจริงๆ..จึงได้นำเรื่องที่ประสบมาเล่าให้พี่น้องชาวจุฬาฯอีสานเราฟัง เผื่อว่ามันมีแง่ดีแง่คิดแง่ของหลักธรรมอยู่ในเรื่องบ้าง...จะได้นำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันท่านได้และจะเกิดประโยชน์กับตัวเอง....ส่วนผมผู้ถ่ายทอดคำเหล่านี้ก็จะได้บุญครับผม

 
 
สาธุการบทความนี้ : 373 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 371 ครั้ง
 
 
  18 มิ.ย. 2551 เวลา 13:06:09  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่184) คำผะหย่าอีสานต้องฮักษาไว้      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
มีสิบอย่ากินห้าเห็นสุราอย่านั่งเจา
คิดนำข้าวอยู่เล่าเฮานั้นจังค่อยกิน
คิดนำซินการสร้างงานโตเบิ่งจักหน่อย
คิดนำแม่อีน้อยเฮานั้นจังคอยทำ

ให้คำนำอีนางหล่าผู้ไปเรียนแน่เด้อแม่
คิดตรองเบิ่งแท้ๆหาทางแก้ให้แก่ตน
คิดนำคนผู้ไกลบ้านไกลเฮือนซานอยู่อำลำ
คิดยามฝนตกฮ่ำเทือบ่มีฮ่มซนสิยืนเซออยู่จังใด

คิดเบิ่งไก่บักโจ้นยืนเถิ่งโพนซิงตาเบิ่ง
ซาดว่าไกนาบ่มีแท้ๆยังเลี้ยงลูกใดใหญ่โต
อย่ามาโสคำเว้ากินข้าวเขากะไคแน
กินข้าวเฮากะแด้แต่แวเว้าหากเรื่องเขา

ผู้ลังคนเพิ่นไปเล่นเฮือนซานบ้านคนอื่น
ผัดกลับมาแล้วเว้าพื้นคนแนวนั้นแม่นบ่ดี
ดีผู้เดียวมันได้ดีน่อยดีหลายคนเพิ่นจังเอิ้นว่าเก่ง
ให้ได้เส็งได้ฮ้องได้ยอหญองว่าดี...แท้แล้ว

 
 
สาธุการบทความนี้ : 370 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 369 ครั้ง
 
 
  25 ก.ย. 2550 เวลา 09:21:31  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่191)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
มีกรรมให้เจ้าบำเพ็ญสร้าง...ความเพียรพระเจ้าใหญ่  
มีไซบ่เอาไปใส่ต้อน...ปลาสิได้จังใด
มีไฮให้เจ้าฟ่าว...ปลูกไม้ดอกไม้ผล
เป็นคน...ให้หมูหลายๆ..สิสบายในภายหน้า
เป็นกาสิไปฮ้องให้เสียงทองคือการะเวก
ของทุกอย่างบ่สามารถเสกใด
ไผอยากได้...ต้องเฮ็ดเอง


คำแปล   การสวดมนต์ไหว้พระเป็นสิ่งดี...ไซ เป็นเครื่องมือดักปลา ต้องดักตามคันนาที่มีน้ำไหล ถึงจะได้ปลา ถึงจะเกิดประโยชน์...มีไร่...ต้องปลูกพืชผล...เป็นคนต้องมีเพื่อนมากๆ ...ถึงจะดี...ในเรื่องบางเรื่อง...เพื่อนเราช่วยเราได้...เป็นกา..แม้เสียงไม่ดีเหมือนนก..การะเวก..หากเราฝึกหัด..เราหมั่นขยันฝึก..ต้องเป็นไปได้..ตรงนี้สอนให้รู้ว่า...อย่าคิดว่าในบางเรื่อง..จะเป็นไปไม่ได้..ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น..มันขึ้นอยู่กับตัวเราเอง...ไม่ใช่คนอื่น...ขอรับกระผม

 
 
สาธุการบทความนี้ : 366 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 364 ครั้ง
 
 
  28 ก.ย. 2550 เวลา 10:55:21  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่192) เตือนตนเองให้คิด      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
พี่น้องเอ้ย..ข่อยเฮ็ดนาไกลบ้านนาหนองไฮม่องเคยอยู่
มีแต่ควายบักตู้คู่ไถพร้อมฮอมเป็น
ยามกลางเว่นได้ซ้นโพธิไฮต้นใหญ่
เหลียวเบิ่งบนต้นไม้ซอมแล้วคอยเซา
เห็นนกเค้าเพิ่นเหงานอนอยู่ก่นๆ
มีโกนใหญ่กะด้อคือบ่บอนนอน
สะออนนำนกเอี้ยงที่กินหมากไฮสุก
ทั้งสนุกทั้งคุยกันสู่วันบ่มีฮ้อน

หลอนว่าคิดเห็นข่อยซาตาพลอยบ่คือหมู่....แท้หน้อ
มีแต่ควายบักตู้เป็นหมู่พุ้นได้อุ่นใจ
ฮักสาวใดได้แต่สตางค์แม่นบ่เคยมี
ศักดิ์ศรีเป็นชาวนาค่าบ่มีพอน้อย
ได้อาศัยรอยท่านพระโคดมผู้เป็นใหญ่...แท้แล้ว
พอได้ยึกกราบไหว้ให้ใจนั้นได้ชุมเย็น....พี่น้องเอ้ย..

พ่อใหญ่หนู  แม่ใหญ่เหรียญ.

 
 
สาธุการบทความนี้ : 350 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 348 ครั้ง
 
 
  28 ก.ย. 2550 เวลา 17:19:18  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   14) ลาบนกขุ่ม  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่1) อย่าลืมใส่นกขุ่มเด้อน      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
เคยเห็นแต่คนแถวๆบ้าน....ลาบนกขุ่มกินแล้ว....ลูกชายมาถามว่า..."อีพ่อไผเอานกขุ่มมาวางไว้เขียง"....ทางพ่อ..บอก..บ่นา...ลาบกินหมดแล้ว....ลูกชายถือมาให้ดู....อ้าว....อันที่ข่อยกับเจ้ากินนะ...มันก้านกล้วยอย่าเดียวเด้อเฒ่า....กะแซปคือกัน....พะนะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 346 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 346 ครั้ง
 
 
  10 ต.ค. 2550 เวลา 13:59:21  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   64) นิทานบทกลอนเรื่อง "เณรลองของ"  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่21)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
เว้าเรื่องกระปอม   ....  อยากหาขี้กะท้าง.(ปอมก่าคอเขียว) ไปเลี้ยงไว้บ้าน  อยู่บ้านมันมีต้นกาดใหญ่ๆอยู่ต้นหนึ่ง  แย้มีประมาณสิบกว่าโต นกเขาชวาหลายขนาด

 
 
สาธุการบทความนี้ : 343 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 343 ครั้ง
 
 
  26 ม.ค. 2555 เวลา 16:09:18  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   5) หานกคุ่ม  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่3)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
กระบี่โลหิต....อย่าลืมลาบนกคุ่มใสก้านกล้วยเด้อ  แซบหลายคือกัน  ... ข้อสำคัญอย่าลืมใส่นกคุ่ม   บ่แม่นลาบแต่ก้านกล้วยใส่ข้าวคั่วให้พี่ให้น้องกินเด้อ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 339 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 339 ครั้ง
 
 
  30 ก.ค. 2551 เวลา 14:25:03  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่198)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 

เป็นคำเว้า...ตามหลักปรัชญาชั้นสูงของอีสาน..

เว้าให้ดีให้สูงล้ำได้เงินคำย้อนปาก
เว้าถากถางผู้อื่นพร้อมกรรมสิต้องมื้อลุน
เว้าเอาบุญคุณสร้างบารมีให้สูงส่ง
เว้าให้หลงลมปากพร้อมสิยอมได้สู่แนว
เว้าให้แจวมันจูงม้าจูงลาให้เฮาขี่
เว้าแต่คำดีๆอย่าสิมาคำฮ้ายสำพี่อ้ายกล่อมน้องเมีย

แต่งเองขะน่อย...ฮีตการเว้าของอีสาน...ดีหลายกว่าหลักการของ...คาลเนกี้เด้อ..พี่น้องเอ้ย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 339 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 338 ครั้ง
 
 
  13 ต.ค. 2550 เวลา 14:38:08  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   48) ลักษณะของหญิง  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่7)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
สาธุ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  


เจ้าเนี่ย....คือสิอ่านชาดกหลายเนาะ.....


สาธุ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 338 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 338 ครั้ง
 
 
  15 ม.ค. 2553 เวลา 16:31:14  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   32) สูตรยำหอยอีสานประยุกต์เด้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่7) ตอบแป้นปีก ศิษย์พี่      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
อันว่า....หอยจูบนี่เด้อ.....คันบ่เอามีดสะนาค..(มีดนีบหมาก)....นีบ..ก้น....มันกะจูบบ่ออก...แต่ผู้ข้า...แนะนำว่า...พอควรจูบ...มันสิไปติดคอ...ยานหลาย...เอาไม้จิ่มเอาแซปคือกัน...พะนะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 337 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 337 ครั้ง
 
 
  28 ก.ย. 2550 เวลา 11:24:25  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   5) หานกคุ่ม  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่4)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
ไปขนของให้หลานที่  ม.สารคาม  ฝนตกดีหลายทั้งไปและกลับ ฮอดโคราชกะตกลงมาอีก  ฝนดีแท้ขอรับ...คิดฮอดเด้อ  ถามข่าวหากันแน่เด้อขอรับ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 336 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 336 ครั้ง
 
 
  13 ก.ย. 2551 เวลา 10:58:11  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   18) คุรุกรรมที่ผิดจารีตประเพณีอีสาน  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่2)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
คุรุกรรมที่ผิดจารีตประเพณีอีสาน   คือ  ตีพ่อตีแม่  ข้อนี้อีสานถือมาก...มีคำกล่าวของคนอีสานทั่วๆไปว่า  "อย่าเฮ็ดให้พ่อให้แม่น้ำตาตก  มันสิเฮ็ดกินบ่ขึ้น"  หมายความว่า หากใครทำให้พ่อแม่เสียใจแล้วจะเป็นบาปติดตัวไปตลอดชีวิต คือจะไม่มีความสบายใจเลย  แม้ไปประสบเคราะห์กรรมในวันหน้า  ผู้เป็นลูกก็จะระลึกว่า "โอ้นี่  เป็นเพราะเราทำบาปไว้กับพ่อกับแม่มาก" คนอีสานโดยทั้วไปไม่ว่าจะมีความรู้สูงส่งขนาดไหน ส่วนมากจะไม่เถียงพ่อแม่  จะไม่ต่อปากต่อคำ  เพราะคนอีสานจะถือมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ และถือความกตัญญูเป็นหลักด้วย.. ความสามัคคีในระหว่างญาติๆพี่น้องของคนอีสานจึงมีมาก...มีจารีตคือการปฏิบัติเก่าๆสมัยโบราณถึงปัจจุบัน  การกินปลาส่าง  (บ่อปลากลางนา) จะมีการรวมญาติๆ  สิ่งที่ได้คือ  ความสามัคคีและการได้สอบถามความเป็นอยู่และสาระทุกข์กัน  ทุกวันนี้จะจางหายไป  แต่ที่  อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์  แถวๆทุ่งกุลาบ้านผมยังมีพอให้เห็นอยู่ครับ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 330 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 329 ครั้ง
 
 
  28 พ.ค. 2551 เวลา 11:53:31  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   16) วิธิทำขี่กระบองใช้แทนน้ำมันก๊าช  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่0) วิธิทำขี่กระบองใช้แทนน้ำมันก๊าช      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
ขี่กระบอง..เป็นภูมิปัญญาอีสานมานานแล้ว..
วิธีหาและวิธีทำขี่กระบอกหรือน้ำมันยาง..บ้านหนองรังกา..อ.ชุมพลบุรี ..จ.สุรินทร์ ..  

ต้นยาง...
ต้นยาง..คนทั่วๆไปรู้จัก   คนชัยนาท  สิงห็บุรี  อ่างทอง  เรียกเหมือนกัน

ต้นสะแบง
แต่...ต้นไม้สะแบง  ลักษณะคล้ายต้นยาง  แต่ใบจะเป็นขน  ดอกสี่แดงอมขาว  บางต้นแดงมากกว่าขาว...บางต้นขาวมากกว่าแดง...ผลสะแบงจะเล็กกว่า...และผลจะมีรอยหยักๆ..เริ่มการหาน้ำมันยาง.....ต้องหาต้นไม้ประมาณสองคนโอบ...เพราะน้ำมันยางจะมีมาก..เสร็จแล้วให้ใช้ขวานฟัน...ลึกเข้าไปในต้น..ใช้เสียมคมๆ..เจาะอีครั้ง.....ทำให้เป็นโพรงด้านใน...เมื่อทำโพรงจนเป็นที่พอใจแล้ว...ก็จุดไฟเผาให้ไหม้..จนเกิดควันดำประมาณ  5  นาที...คนโบราณจะใช้การกินหมากรอ...คือระยะเวลา...เตรียมกินหมาก...สีเสียด..ใบพลู...ปูน...แก่นคูณ..ยาเส้น...พอหมากเข้าปากแล้ว...ก็จะลุกไปดับไฟที่จุดไว้....ก็ประมาณ  5  นาท..นั้นแหละ..ที่จุดไฟนั้น....เพื่อจะให้น้ำมันยางไหลดี...ที่ทำเช่นนี้เป็นภูมิปัญญาโดยแท้...เคยถามแม่ว่า...ทำไมต้องทำเป็นโพรง...แม่บอกว่า...หนึ่งป้องกันน้ำฝนเข้าไปผสมกับน้ำมันยาง...จะทำให้น้ำมันยางไม่ดี...จุดไฟติดยาก...สองเวลาเก็บน้ำมันยางจะเก็บง่าย...เพราะเวลาเก็บน้ำมันจะใช้กระลาตักน้ำมันยาง...คุณสมบัติน้ำมันยาง..นอกจากใช้จุดไฟแทน..น้ำมันแล้ว..ยังใช้ผสมกับขัน...ทาตระกล้า...ไม่ให้น้ำซึมออก..อีสานเรียกของใช้นี้ว่า..."คุ"  คุ  ก็คือ  กระแต๋งของคนชัยนาท  สิงห์บุรี  อ่างทอง  นั้นแหละ น้ำมันยางที่หามาได้ใช้ก็หมดไว...คนอีสานจึงคิดหาวิธีการใหม่ๆมาใช้...คือ..นำน้ำมันมาผสมกับไม้ผุ...อันไม้ผุๆนี่..ต้องหาไม่ที่ไม่มีควัน...ถึงจะดี..ไม่ใช่เอามาผสมส่งเดช...แม่เคยบอกว่า...ถ้าได้ไม้...เหมือบแอ่...จะดีมากๆ ...เพราะจะทำให้ขี่ไต้..หรือ  ขี่กระบอง...ไม่มีควันมาก...(อันนี่ต้องถาม  คุณมังกรเดียวดาย  ผู้เคยไปจีบสาวอีสาน  ซอดแจ้ง   แล้วตรงรูจมูก  ดำเป็นควัน  เพราะหายใจเอาควันขี่กระบอกไป..หนุ่มๆ อีสาน...จะรู้เมื่อก่อนนะ...แม่นบ่...หนุ่มบักต๊อก)  เมื่อผสมกับไม้ผุๆแล้ว...ก็นำขี่กระบอกหรือขี่ไต้ที่ได้นี่...ไปหมัดให้เป็นแท่งๆ...เหมือนแหนม...ประมาณเท่าแขน...โดยให้ใบตองกุงลอง....หมัดด้วยตอกไม้ไผ่...แค่เนี่ย...ก็เสร็จแล้ว....วันข้างหน้าจะนำเรื่อง  "โฮงตะเกียง"    "โฮงขี่กระบอง"  มาฝาก...สำนี่ก่อนเด้อ...ขะน่อย.....จาก  พ่อใหญ่หนู    แม่ใหญ่เหรียญ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 326 ครั้ง
จากสมาชิก : 3 ครั้ง
จากขาจร : 323 ครั้ง
 
 
  13 ต.ค. 2550 เวลา 09:30:21  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   19) ขี้เหล้าเล่นหม้อ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่0) ขี้เหล้าเล่นหม้อ      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
นิทานพื้นบ้านหนองฮังกา(ปัจจุบันขึ้นกับบ้านแสงอินทร์)  ต.กระเบื้อง  อ.ชุมพลบุรี  จ.สุรินทร์

นานมาแล้วมีเศรษฐีผู้ใจบุญท่านหนึ่ง...แก่ชอบทำบุญเป็นชีวิตจิตใจ...ขอให้ได้ทำบุญแก่จะทำทุกอย่าง...คนอีสานเว้าไว้ว่า  "แฮงให้  แฮงรวย  แฮงให้  แฮงได้หลาย"  แฮงให้แฮงรวยแฮงให้แฮงใดหลาย  คือ ได้หลายเพราะคนตอบแทนกับการให้ของเรา รวมคือรวยน้ำใจไปไหนคนรักคนอารีย์กับไมยตรีจิตของเรา...สรรพสิ่งทั้งหลายธรรมชาติให้มาย่อมขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยทั้งหลาย...เศรษฐีผู้ใจบุญมีลูกชายคนเดียว...ไม่เอาถ่าน...ไม่เอาแก๊ช...ไม่เอาอะไรทั้งนั้น...ลูกเมียก็ไม่มี....ลูกชายเศรษฐี...เอาอย่างเดียวคือ  กินเหล้า...กินแล้วก็กิน...กินจนติด....เพื่อนฝูงก็มาก...เพราะรวย..มีเงิน..เลี้ยงคนอื่น..เพื่อต้องการความเป็นเพื่อนแค่นั้นเอง...เพื่อนทั้งหลายก็หลอกกินฟรีไปวันๆ....หลายปีต่อมา....เศรษฐีใจบุญตายลง....ลูกชายเศรษฐี...เป็นผู้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียว....เขาไม่สนใจการบริหาร...ไม่รู้จักรักษาทรัพย์ที่พ่อแม่ให้ไว้....ดื่มกินจนเมามาย....ไม่นาน...ฐานะความเป็นอยู่ของเขาก็จนลง....ไม่มีที่อยู่อาศัย...ขอทานเขากินไปวันๆ.....ความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสเริ่มเข้ามาแทนที่....เขาไปหาเพื่อนที่ไหน...ก็ไม่มีใครให้กิน...ความทุกขเวทนามีมากยิ่งขึ้น....ด้วยเดชะบุญกุศลของเศรษฐีผู้ใจบุญที่ตายไปแล้ว...จึงได้ไปเกิดเป็นเทวดาผู้ใหญ่ในสวรรค์....ด้วยความเป็นห่วงลูก...จึงใช้ตาทิพย์..มองมายังพื้นโลก..เห็นลูกชายของตน....ได้รับทุกขเวทนายิ่งนัก...หัวอกผู้เป็นพ่อให้สลดหดหู่ยิ่ง..ด้วยความเป็นห่วงลูก...เทวดาผู้เป็นใหญ่นั้น..จึงได้ลงมาหาลูกตน..สอนให้ลูกรู้จักทำมาหากิน...ให้รู้จักประหยัดเมื่อมีเงิน...ลูกชายเมื่อฟังแล้วก็รับปากว่า...จะกลับตัวเป็นคนดี...จะเลิกเหล้าเด็ดขาด...เขาบอกกับเทวดาผู้เป็นใหญ่ซึ่งเป็นพ่อของเขาว่า..เขาจะเริ่มต้นอย่างไร...เขาไม่มีทุกรอนอะไร...เทวดาผู้เป็นพ่อจึงส่งหม้อดินให้เขาใบหนึ่ง...แล้วบอกว่า...เจ้าจงรักษาหม้อดินนี้ให้ดี...หากเจ้าต้องการเงินทอง..เจ้าก็เอามือล้วงเข้าไปหยิบมาใช้ได้ดั่งใจคิด...แต่มีข้อแม้ว่าอย่าทำแตก...ลูกชายเศรษฐีก็รับคำพ่อ.....เช้าของวันรุ่งขึ้น...ลูกชายเศรษฐีขี้เหล้า...ก็เอามือล้วงดูว่าที่พ่อบอกนั้นจะจริงหรือเปล่า....เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก...มีน่าเชื่อมือเขาสัมผัสกับเงินทองมากมาย...เขาอดเหล้าได้เพียงครึงวันเท่านั้น...ก็ลืมคำพ่อที่สั่งสอนเสียสิ้น...เขากลับมาดื่มกินอย่างหนัก...วันหนึ่ง...เขากินเหล้าแล้วก็เดินทางไปหาเพื่อน...ระหว่างทาง..เขานึกสนุกขึ้นมา...จึงได้โยนหม้อขึ้นสูงๆ..แล้วก็วิ่งไปรับ...ปากก็พูดว่า "โอะๆ...โอะ...โอะล่วง"....พอรับหม้อได้เขาก็โยนใหม่..แล้วก็วิ่งไปรับ...ปากก็พูดว่า "โอะๆ...โอะ...โอะล่วง"....เขาทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ..ในระหว่างเดินทาง...แล้วก็วิ่งไปรับ...ปากก็พูดว่า "โอะๆ...โอะ...โอะล่วง"....คราวนี้หม้อในมือเขาเกิดล่วงจริงๆ...หม้อใบนั้นจึงแตก....ขี้เหล้าตกใจมาก...เขาคิดถึงคำพ่อที่บอกไว้...เขารู้สึกเสียใจในการกระทำของตัวเองมาก...เขาไม่มีโอกาสอีกแล้วในชีวิตนี้...เขาไม่ได้ล้วงเงินทองในหม้อเก็บไว้เพื่อ..ไว้ใช้จ่ายในวันข้างหน้าเลย...เขาไม่ได้เก็บเงินไว้เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบานตนเองเลย...เขาไม่มีเงินสำรองอะไรทั้งสิ้น...หมดแล้วทุกอย่าง........................นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า.......เมื่อมีชีวิตได้เกิดมาเป็นคนแล้ว...ถือว่าเราชนะแล้ว...คนเป็นกอบความดีด้วยใจ...ผลจะเกิดสุข...อย่างน้อยๆเราก็อยู่นอกคุกแหละ...เพราะคนติดคุกถือว่าตกนรกทั้งเป็น...ขี้เหล้าที่เมามาย...ย่อมไม่มีปัญญารักษาทรัพย์ของตนเอง...ดื่มกินแต่พอควร...ไม่ถึงกับงมงาย..เล่นอะไรก็แต่พอควร...อย่าเล่นจนของเสีย...สุดท้ายเกิดเป็นลูกไม่ควรทำให้พ่อแม่เสียใจอย่างเด็ดขาด...อศุกลกรรมที่ทำกับพ่อแม่ไม่มีสิ่งที่จะมาลบล้างได้..อย่าทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจ...คำขอโทษ..คำขอบคุณที่กล่าวกับพ่อกับแม่...ดียิ่งกว่าเงินทองที่ให้...หากมีทั้งสองอย่าง...จะเป็นสิ่งวิเศษสุด...ท่านอยากดื่มกินอะไรหาให้..ไม่ใช่ท่านตายแล้ว..จะไปเคาะโลงศพ...หาข้าวให้กิน....ถึงตอนนั้นจะมีประโยชน์อะไร..........พ่อใหญ่หนู    แม่ใหญ่เหรียญ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 326 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 325 ครั้ง
 
 
  28 ต.ค. 2550 เวลา 10:04:30  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   17) หัวอีเจิม  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่4)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
แจ้งให้สมาชิกทราบ...อันว่าหัวอีเจิม...ถามข่าวเพื่อนๆทางโทรศัพท์..เขาบอกว่า..ต้องหาตามป่าหญ้า...ข้างลำหัวยพระพลา...แต่เขต  อ.พยัคฯไปถึง  อ.สุวรรณภูมิ..สองฝั่งลำห้วยถ้ายังไม่ทำนา.....เพื่อนบอกมีแน่นอน....ครับผม...จึงแจ้งให้ทราบ..เผื่อมีคนสนใจ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 324 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 324 ครั้ง
 
 
  18 ธ.ค. 2550 เวลา 10:59:14  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   27) มาลองแต่ง กาพย์อีสาน กันเถอะ  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่6)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
ไปนาโคก      ได้กินจี่มัน
ไปวังชัน        ได้กินปลาข่อ
ไปบ้านบ่อ      ได้แต่เกลือมา
ไปพะพลา       ได้กินปลาคาว

เคยได้ยินหมอลำแถวๆบ้านร้อง

 
 
สาธุการบทความนี้ : 315 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 315 ครั้ง
 
 
  19 ก.ย. 2551 เวลา 14:28:34  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   51) ต้มส้มปลาค้อใหญ่ใส่มดแดง  
  พ่อใหญ่หนู    คห.ที่6)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : สุรินทร์
เข้าร่วม : 25 ก.ย. 2550
รวมโพสต์ : 122
ให้สาธุการ : 0
รับสาธุการ : 287890
รวม: 287890 สาธุการ

 
ทอดพริกให้หอม  หักใส่จักนอย  ข้าวเหนียวฮ้อนๆ   เบียร์เย็นๆ  โฮมพี่โฮมน้องหลายๆ   สุดยอด  ออกพรรษาไปต้มให้กินแน่เด้อ....อยู่โคราชครับผม  สิขอบคุณหลายๆ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 310 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 310 ครั้ง
 
 
  27 ก.ค. 2551 เวลา 12:56:42  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  หน้า: 1 2

   

Creative Commons License
ต้มส้มปลาค้อใหญ่ใส่มดแดง --- เว็บบอร์ดอีสานจุฬาฯ