ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 26 เมษายน 2568:: อ่านผญา 
คึดต่อคนตายนี้บ่มีทางสิเห็นไหง่ คือดั่งไฟมอดแล้วไผสิฮู้ปล่องไป แปลว่า คิดหวังอะไรกับคนตายแล้ว ไม่มีทางเห็นแม้แต่ร่องรอย เหมือนไฟดับมอดแล้ว ไม่เห็นควัน หมายถึง ไม่พึงอาลัยอาวรณ์ถึงคนที่ตายไปแล้ว


  ค้นหากระทู้ ปลาร้านอกไห  

หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14  
  โพสต์โดย   )  
  ต้องแล่ง    คห.ที่7)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  09 ธ.ค. 2553 เวลา 20:48:23  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   2) ก้อยไข่มดแดง  
  ต้องแล่ง    คห.ที่44)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณมังกรเดียวดาย:
เท่าที่ทราบ

นอกจากไข่มดแดงแล้ว ตอนไปออกค่าย (จำไม่ได้แล้วว่าจังหวัดไหน) ได้ยินว่าชาวบ้านกินไข่มดชนิดหนึ่งที่ทำรังบนดินด้วย ซึ่งมดชนิดนี้ ตัวโตประมาณเดียวกับมดแดง มักทำรังตามโพรงจอมปลวก หรือคันนาที่น้ำท่วมไม่ถึง ตัวสีแดงส้ม มีนิสัยกลัวคน ไม่ค่อยกัดคน และไข่ของมัน ก็ใหญ่พอสมควร โตกว่าเม็ดข้าวสารน่ะนะ

การหาไข่มดชนิดนี้ ไม่ต้องแหย่ แต่ใช้วิธีขุดไปจนถึงโพรงใหญ่ของมัน ในนั้น จะมีไข่มากมายเลยทีเดียว

มดชนิดนี้ ไม่ทราบชื่อ

(ไม่ทราบชื่อ ก็ต้องเป็น มดx น่ะจิ) ... ไม่ใช่มดเอ็กซ์หรอก เป็นมดจริงๆ


ถ้ามันเป็นมด x   ก็ต้องแก้สมการอีก  แม่นบ่

 
 
สาธุการบทความนี้ : 476 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 476 ครั้ง
 
 
  18 มี.ค. 2553 เวลา 03:32:06  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   2) ก้อยไข่มดแดง  
  ต้องแล่ง    คห.ที่45)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณกระบี่โลหิต:
อธิบายต่ออีกนิดหน่อยว่า ทำไมมดแดงโตน้อยๆ บัดไข่คือใหญ่คักแท้  ก็เพราะว่า ไข่มดแดง ที่เฮากิน ที่เฮาเห็นเป็นไข่ใหญ่ๆนั่น ที่จริงบ่แม่นไข่มดแดง เอ๋าคือว่าจังสั้น? ไข่มดแดงแท้ๆ บัดว่าบ่แม่นไข่มดแดง กะคือ ไข่…ของคนเฮานี่หละ ที่จริงกะบ่แม่นไข่คน  คือกัน ความจริงกะคือ ไข่มดแดงที่เฮากินกัน มันเป็นระยะโตอ่อน ไปจนถึงระยะดักแด้ ของแม่เป้งนั่นเอง แม่เป้งเป็นโตเต็มวัย ไข่มันกะน้อยๆคือกัน แล้วมันกะค่อยฟักเป็นโต ค่อยใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น จนเปลี่ยนรูปร่าง เป็นแม่นาง กะคือ แม่เป้งอ่อนโตสีขาวๆนั่นหละ ก่อนสิใหญ่เป็นแม่เป้งต่อไป

กะคือกันกับวงจรชีวิตแมลงทั่วไป ที่มีหลายระยะ แต่ที่สังเกตุเห็น มดแดงมันบ่ลอกคราบ มันสิค่อยๆใหญ่ เปลี่ยนรูปร่างไปเลย(หรือมันสิลอกคราบอยู่ กะบ่ฮู้จัก) เปรียบเทียบใส่กับโตม่อนโตไหม เนาะ ระยะที่เป็นไข่ กะไข่น้อยๆ พอไข่แตกเป็นโต กะสิผ่านช่วง นอนหนึ่ง นอนสอง นอนสาม นอนใหญ่ แล้วกะสุก เฮ็ดฮังกะคือฝักหลอก แล้วกะกลายเป็นดักแด้ ถ้าเฮาบ่เอามาสาว มันกะสิกลายเป็นบี้ ออกไข่ต่อไป แต่ว่าม่อน มันมีรูปแบบวงจรชีวิตแบบเดียว ส่วนมดแดง มันมีหลาย อย่างคือพวกมิ้ม มีมดงาน กะคือมดแดงโตส้มๆนั่นหละ มีมดนางพญา กะคือแม่เป้ง



อธิบายเพิ่มเติมขอรับ  ญาอ้าย ...
     แมลงส่วนใหญ่ (อีสานเอิ้นว่าแมงเหมิดบ่ว่าสิจักขากะซ่าง  หรือว่าซั้นกะเอิ้นซื่อไปเลย)  มีวงจรชีวิต 4 ช่วง  กะคือ  ไข่  ตัวหนอน  ดักแด้  แล้วกะโตตัววัย   ทังสี่ระยะรูปร่างบ่คือกันจักอย่าง   เช่น  ตัวไหม  (ไข่  ม่อน ฝักหลอก  บี้)  แต่ว่าแมงบางประเภทมีวงจรชีวิตบ่ครบ 4 ระยะ  ได้แก่  เผิ่ง  ต่อ  แตน  ปลวก  ละกะมดนี่ละ   แมงซุมนี่เขาเอิ้นว่าสัตว์สังคม  มีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน  ส่วนใหญ่มี 3 หน้าที่  กะคือ  1. นางพญา  (ไข่อย่างเดียวผู้อื่นห้ามไข่)  2. มดงาน  เผิ่งงาน  ปลวกงาน กะว่าไป เฮ็ดเวียกอย่างเดียว (เวียกบ่เฮ็ด)  3. ตัวเถิก  เฮ็ดเวียกบ้านอย่างเดียว  แมงบางชนิดอาจมีฝ่ายรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมอีกกะได้   เช่น  ปลวกทหาร  แมงทั้งหลายเหล่านี่ออกจากไข่แล้วพัฒนาไปเฮ็ดหน้าที่ของแต่ละฝ่ายได้เลย  บ่ต้องผ่านระยะโตหนอน  และดักแด้  เพราะสะนั้นไข่มดแดงกะบ่แม่นไข่ของมดแดงคือญาอ้ายว่านั่นละ  แต่ว่าเป็นไขของแม่เป้ง (แม่เป้งคือนางพญามดที่ไข่ได้ผู้เดียวท่อนั้น  แต่มีหลายโตในฮังเดียว) ส่วนมดที่เฮาเห็นมี 2 อย่าง คือ  มดงานและกะมดโตเถิก   สะเพาะมดโตเถิกท่อนั้นที่กัดผู้สาวที่ไปแหย่ไข่มดแดง   มดโตแม่กะกัดพ่อซาย ....

 
 
สาธุการบทความนี้ : 305 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 305 ครั้ง
 
 
  18 มี.ค. 2553 เวลา 03:57:08  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   2) ก้อยไข่มดแดง  
  ต้องแล่ง    คห.ที่46)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณหยัด พยุห์:
ชื่อพื้นบ้านอีสาน  ก้อยไข่มดแดง
สรรพคุณ ช่วยระบายท้อง ช่วยให้เจริญอาหาร เป็นอาหารบำรุงธาตุน้ำ
ฤดูากาลที่รับประทาน ฤดูร้อน
มื้อที่รับประทาน กลางวัน
แสลง ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะหากรับประทาน จะทำให้เกิดอาการจุกเสียดแน่นท้อง สตรีหลังคลอดบุตร ในภาคอีสานหากรับประทานไข่มดแดง จะทำให้มีน้ำนมน้อย และร่างกายทั้งแม่และลูกจะไม่แข็งแรง คนที่เป็นไข้หรือฟื้นไข้หากรับประทานจะทำให้ไข้หนักขึ้น หรือกลับมาเป็นอีกได้
การปรุงอาหาร ๑. นำไข่มดแดงมาล้างให้สะอาด ๒. ผสมข้าวคั่ว พริกป่น น้ำปลาร้า น้ำปลาดี น้ำมะนาว หอมแดง ต้นหอม ผักชีฝรั่ง ลงเคล้าให้เข้ากันกับไข่มดแดง ตักใส่ภาชนะโรยด้วยสะระแหน่  
ส่วนผสม ไข่มดแดง ๑ ถ้วยตวง มะนาว ๑ ช้อนโต๊ะ พริกป่น ๑ ช้อนชา ข้าวคั่ว ๑ ช้อนโต๊ะ น้ำปลาร้าต้มสุก ๒ ช้อนชา น้ำปลาดี ๒ ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย ๒ หัว สะระแหน่หั่นหยาบ ๑ ช้อนโต๊ะ ต้มหอมซอย ๑ ช้อนโต๊ะ ผักชีฝรั่ง ๑ ช้อนโต๊ะ


ขาดไปอีกอย่าง ...  ผงซูรส 3 ซ้อนโต๊ะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 531 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 531 ครั้ง
 
 
  18 มี.ค. 2553 เวลา 04:12:21  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   2) ก้อยไข่มดแดง  
  ต้องแล่ง    คห.ที่47)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณบ่าวหน่อ:
ปรกติ มดแดงจะออกไข่ช่วงหน้าร้อนจะเข้าหน้าฝนครับ คุณ SPACE ต้องลองเอาไม่ไปถั่งดู (แทงดู) หากมีไข่ออกมาก็แสดงว่าได้ที่แล้ว หากได้เยอะๆ บอกบ่าวหน่อด้วยนะครับ จะไปก้อยให้กิน

หากไม่มีไข่ ช่วงนี้จะมีแม่เป้ง เตรียมการรอออกไข่ในช่วงหน้าร้อนครับ


หน้าฮ้อนคัก ๆ นี่แหละบ่ได้เข้าหน้าฝนดอก  คอนเซ็บกะคือ   อากาศฮ้อน  ลมกับฝนมะลืดถืดเท่า  กะคือพายุฤดูร้อนนั่นละ  มีวิธีตั๋วให้มดแดงไข่นอกฤดูกะคือ  มื้อได๋อากาศฮ้อน ๆ  ให้เอาพัดลมขนาดใหญ่มาก ๆ  เปิดพัดเข้าไปในป่าหมากม่วง  ระดมรถดับเพลิง (ให้ อบต. หลอยมาให้) สีดน้ำเข้าไป  ละกะไปเซ่าเครื่องเสียงหมอลำซิ่งมา   เปิิดเสียงฟ้าฮ้องดัง ๆ  เฮ้ดจั่งซี่อยู่ประมาณคึ่งชั่วโมง  พวกแม่เป้งกับมดโตเถิกกะสิซวนกันว่า .... ฮอดยามละตั้วเฒ่า ... ปะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 482 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 482 ครั้ง
 
 
  18 มี.ค. 2553 เวลา 04:23:09  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) ก้อยกะปอม  
  ต้องแล่ง    คห.ที่14)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
ผมกะเฮ้ดงานยามกลางคืนคือกันคับ ..... ใต้เขียด ๆ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  25 มี.ค. 2553 เวลา 20:34:07  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   15) ลาบหมาน้อย  
  ต้องแล่ง    คห.ที่38)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณกระบี่เจ้าสำราญ:
เว้าแล้ว กะเว้าเถาะ ชักสิหิวแล้วเด้อ
หลายคนคงจะไม่ทราบว่าหมาน้อยคืออะไร

หมาน้อย ไม่ใช่ สุนัขที่เป็นสัตว์ 4 เท้าเห่าโฮ้งๆๆๆๆๆ นะครับ
หมาน้อยในที่นี้หมายถึง อาหารที่ชาวอีสาน นำเอาวิทยาการสุดยอดทางสมุนไพร พฤกษศาสตร์มาใช้ทำเป็นอาหาร

อะไรกันหรือ พฤกษาหมาน้อย ???

หมาน้อย เป็นพืชชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นพืชตระกูลเถา คล้ายๆย่านาง นั่นแหละ แต่จะต่างกันนิดหน่อย ต้องให้พี่ดลคนสารคามซึ่งเชี่ยวชาญทางนี้อธิบาย ซึ่งค่อนข้างจะดูยากสักหน่อย แต่ถ้ามีวิธีจะดูออก ซึ่งก็ระวังนะ เพราะบางทีจะไปเก็บเอา ใบของเครือตดหมา แทนที่จะได้ ใบของหมาน้อย

วิธีการทำอาหารประเภทหมาน้อย

ส่วนประกอบเพื่อให้อร่อย
1. ใบหมาน้อย 1 กอบ (อุ้งมือ)
2 ปลาช่อนตัวไม่ต้องโตก็ได้ ตัวโตๆ เอาไปต้มส้มแทน ฮิฮิ
3. เครื่องปรุงอาหารประภทลาบ เช่น ข้าวคั่ว ปลาร้า.............อะไรทำนองนี้เหมือนลาบ
4. ใบผักหอมแป (สระแหน่ใบแบนยาว) ผักใบมน (สระแหน่อีกอัน Mint)
5. อยากใส่อะไรก็แล้วแต่จะใส่ก็แล้วกัน

วิธีการ
1. หากคุณทำป่นปลาเป็น ก็ทำป่นปลา ขั้นตอนนี้ไม่ขออธิบาย เพราะง่ายเกินไป ฮิฮิ

แต่ว่าอธิบายเผื่อคนไม่รู้ดีกว่า
- เอาปลาที่ได้มาทำการต้มจนสุก โดยน้ำต้มก็จะมีน้ำปลาแดก เพื่อให้ปลาหอมสักหน่อย
- นำปลาที่ต้มสุกแล้ว มาแกะให้เหลือแต่เนื้อปลา
- ตำปลาที่แกะแล้วในครกด้วยสาก (เผื่อบางคนแอบสงสัย)
- พอละเอียดแล้วใส่พริกผง (พริกป่น) น้ำปลา ผงชูรส เพื่อให้อร่อย


เสร็จการทำป่น
ต่อไป

2. นำใบหมาน้อยมายอง (ขยี้) จนใบหมาน้อยเหลือแต่เส้นใบ ทำคล้ายๆยอง(ขยี้) ย่านางใส่แกงหน่อไม้นั่นแหละ ยองจน 1 กอบ เหลือแต่ก่าง (เหลือแส้นใบ)
3. นำไปกรองเอาก่างออกจากน้ำหมาน้อยให้หมด เหมือนแต่น้ำหมาน้อย
4. นำเอาป่นปลาที่ได้ ใส่ลงไปในน้ำหมาน้อย
5. ใส่หอมแป ผักใบมน คนให้เข้ากัน สะระหล่า
6. ใส่ข้าวคั่ว หัวหอม ปลาแดก และ เครื่องปรุงอื่นๆ เหมือนทำลาบ
7. คนให้เข้ากัน
8. ลองชิมดู ขาดอะไรก็เพิ่ม เพื่อให้อร่อย


9. ขั้นตอนสำคัญ ที่จะบอกว่า ใบที่คุณนำเอามา เป็นหมาน้อยหรือไม่ คือ ขั้นตอนนี้
- นำไปพักไว้สักครู่ ไม่ใช่ทิ้งไว้สักครู่นะ น้ำหมาน้อยจะเริ่มเปลี่ยนโมเลกุลของสารภายในที่อยู่อย่างอิสระ มารวมตัวกันเหมือนเยลลี่ เหมือนขนมปีโป้ จนเปลี่ยนจากคุณสมบัติของ "ของแหลว" กลายไปเป็น "ของแข่น"

หากอยากกินเร็ว ก็เอาไปแช่ตู้เย็น

10. นำไปสู่พี่บัติกิน พี่ดลนำ อ้ายหน่อนำ เลากะมักคือกัน

ข้อควรระวัง หมาน้อยจะเกิดการรวมตัวกันของโมเลกุลเร็วมาก ดังนั้น ควรรีบทำรีบเสร็จ ไม่ควรยองหมาน้อยค้างไว้นานเกินไป ควรรีบยองรีบเสร็จ รีบเอาป่นปลามาใส่
                                


ข้อควรระวังอีกประการหนึ่ง   ......  ไม่ควรรับประทานเกินมื้อละ 3  คาบ   เพราะว่ามันจะดับแนว  ฮิฮิ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 314 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 314 ครั้ง
 
 
  17 มี.ค. 2553 เวลา 19:42:55  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   18) แกงหน่อไม้  
  ต้องแล่ง    คห.ที่43)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณบ่าวหน่อ:
สังเกตุนิ้วก้อยครับ การจ้ำ ต้องพับนิ้วก้อยให้เรียบร้อยแบบนี้ เป็นวิธีการที่ถูกต้อง คันกางนิ้วก้อย ถือว่า ผิดระเบียบการจ้ำ


จั่งแ่ม่นสังเกตเน๊าะ .....
  
อธิบายเพิ่มเติมคะรับ ...
     การจ้ำใช้กับแนวกินที่เป็น  ของแหลว แต่การ  คุ้ย  ใช้กับแนวกินที่เป็น  ของแข่น  
บ่นิยมจ้ำ   สันนิษฐานได้ว่าสถานภาพของผู้จ้ำอาจเป็น  ลูกใภ้ใหม่  หรือแนวกินหน่อย   แต่สมมุติฐานข้อหลัง
ใช้บ่ได้กับ  พ่อเฒ่า  

 
 
สาธุการบทความนี้ : 260 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 260 ครั้ง
 
 
  25 มี.ค. 2553 เวลา 17:16:22  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   18) แกงหน่อไม้  
  ต้องแล่ง    คห.ที่61)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
Trip  กำลังสิเกิดขึ้น คือ เข้าป่าหาหน่อไม้  Trip  ต่อไปอีก  ตะลุยราตรีขอนแก่นตามหากล้องฮ้าง  ไผสิไปแหน่ติดต่อหลังเวที    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 241 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 241 ครั้ง
 
 
  25 มิ.ย. 2553 เวลา 02:31:37  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   19) เจ้าวา แจ่วบอง กินกับผักหยังจั่งสิแซบ...  
  ต้องแล่ง    คห.ที่39)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณบ่าวหน่อ:
บ้านผมก็จืนครับ แต่จืนก็คือ จืน  เพราะจืนกับทอดต่างกัน
จืนจะใช้กับมันหมู เอามาจืน เพื่อเอาน้ำมัน มาใช้เื่พื่อทอดสิ่งอื่น

ที่เห็นบ่อยๆก็จืนน้ำมันหมูนี่แหละครับ

ส่วนทอด ก็คือ ทอดที่เราๆท่านๆรู่นี่แหละครับ


ภาษาเก่าอีหลี   ใช้แต่คำว่า  จืน    เพราะว่าอีสานบ่นิยมเฮ็ดอาหารที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ  คำว่าจืนจั่งพ้อได้น้อยในชีวิตประจำวัน   สมัยนี้กะพอเหลือแต่ความหมายที่หมายถึง  การจืนเอาน้ำมันออกจากมันหมู   ซึ่งบ่แม่นการประกอบอาหาร   แต่ว่าความหมายดั้งเดิมใช้ คำว่า  จืน  ที่หมายถึง  การผัดหรือทอดกะได้   ส่วนคำว่า  ทอด  ที่เฮาใช้หมายถึง  วิธีการประกอบอาหารนั้น   เฮายืมคำจากภาษาไทยมาใช้    ซึ่งเป็นคำที่นิยมแพร่หลายตอนน้ำมันพืชเข้ามาตีตลาดบ้านเฮานี่หละ    ส่วนคำว่า  ทอด  ในภาษาอีสาน  หมายถึง  การให้หรือถวาย  หรือ กิริยาครึ่งนั่งครึ่งนอน (อาจมีอีกหลายความหมาย)  

โตอย่าง

         1. อ้ายจารย์ใหญ่ลาวไปไฮ่เหมิดมื้อ      คือสิปวดแอวหลาย   พู้น   ทอดทะเนิ้งอยู่พู้น  

         2.  มื้ออื่นเซ้าไปทอดเทียนนำกันบ่  
        
         3.   พระกะยอยกให้เทินทอดทูลถวาย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 174 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 174 ครั้ง
 
 
  24 มี.ค. 2553 เวลา 06:02:40  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   19) เจ้าวา แจ่วบอง กินกับผักหยังจั่งสิแซบ...  
  ต้องแล่ง    คห.ที่45)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณปิ่นลม:

ผักกระเดา กินกับหยัง กะ แซบ  ว่าแต่ลวก


กินกับข้าวละซ่องเบิ่งดู๊

 
 
สาธุการบทความนี้ : 227 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 227 ครั้ง
 
 
  23 เม.ย. 2553 เวลา 16:33:15  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   19) เจ้าวา แจ่วบอง กินกับผักหยังจั่งสิแซบ...  
  ต้องแล่ง    คห.ที่52)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณรุทธิ์  (อีเกียแดง):
คุณต้องแล่ง:
คุณปิ่นลม:

ผักกระเดา กินกับหยัง กะ แซบ  ว่าแต่ลวก


กินกับข้าวละซ่องเบิ่งดู๊


เอ๊า?????บ่เคยลองเบาะ นี่หล่ะอรรถรส ของความแซบ


กินผู้เดียวโลดเด้อ .....

 
 
สาธุการบทความนี้ : 199 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 199 ครั้ง
 
 
  24 เม.ย. 2553 เวลา 05:50:02  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   19) เจ้าวา แจ่วบอง กินกับผักหยังจั่งสิแซบ...  
  ต้องแล่ง    คห.ที่76)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณรุทธิ์  (อีเกียแดง):
คุณป้าหน่อย:
บ่อจั๊กนำเด้อ บ่อเฒ่าผู้เดียวนี่ล่ะ
อะแฮ่ม   บ่าวรุทธิ์ อีเกียแดง  การันตีซอยอีกเสียงหนึ่ง ป้าหน่อยบ่เฒ่า พะนะ

(ขนมหลังฮ้านแนเด้อป้า)



กฎกติกามารยาท

....... ผู้ได๋โพสต์ข้อความที่มีคำว่าเฒ่า  หรือข้อความอื่นที่แสดงให้เข้าใจในความหมายว่าเฒ่า   มีโทษห้ามโพสต์ 1 สัปดาห์  ...บทเฉพาะกาล  ... ข้อความนี่เป็นข้อความสุดท้ายที่มีคำ่ว่า  เฒ่า  

 
 
สาธุการบทความนี้ : 188 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 188 ครั้ง
 
 
  29 เม.ย. 2553 เวลา 06:14:27  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   19) เจ้าวา แจ่วบอง กินกับผักหยังจั่งสิแซบ...  
  ต้องแล่ง    คห.ที่84)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณดอกคูนเมืองมหา:
คุณต้องแล่ง:



กฎกติกามารยาท

....... ผู้ได๋โพสต์ข้อความที่มีคำว่าเฒ่า  หรือข้อความอื่นที่แสดงให้เข้าใจในความหมายว่าเฒ่า   มีโทษห้ามโพสต์ 1 สัปดาห์  ...บทเฉพาะกาล  ... ข้อความนี่เป็นข้อความสุดท้ายที่มีคำ่ว่า  เฒ่า  


เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎกติกา บ่าวต้องแล่ง ก็ต้องถืกแบน ห้ามโพสต์ 1 สับดาห์ บ่จ้า เพราะมีคำว่า เฒ่า ลงท้ายแมะ อิตนแท้น้อ สิบ่จ่อยบ่น้อคน การทำหน้าที่ ที่ดีก็ต้องมีการเสียสละเป็นของธรรมดาน้อจ้า เอาใจซ่อย...พะนะ  


ข้อความของผมได้รับข้อยกเว้นตามบทเฉพาะกาลครับ ...  ถึงสิมีคำว่า ....  กะซ่าง

 
 
สาธุการบทความนี้ : 198 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 198 ครั้ง
 
 
  30 เม.ย. 2553 เวลา 07:00:26  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   20) หมากต้องแล่ง  
  ต้องแล่ง    คห.ที่19)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
มื้อนึงพ่อให้เงินบักอ้ายไปโรงเรียน 20 บาท  ข้าวเที่ยงของโรงเรียนแจกบ่กิน  ไปฟาด "ซูชิ" เหมิด  ยืมหมู่ตื่มอีก งึดหลาย ป. 4 เด้หนิ  สงสัยจะของมักอาหารญี่ปุ่นหลาย    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 470 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 470 ครั้ง
 
 
  02 มิ.ย. 2555 เวลา 16:08:21  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   21) หมากผีพ่วน  
  ต้องแล่ง    คห.ที่16)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
หนีโรงเรียนไปหานอนเล่นอยู่เทิงเฟือยหมากผีผ่วนปลายไม้คืองูสิงกะม่วนหลาย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  21 มี.ค. 2553 เวลา 12:42:38  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   21) หมากผีพ่วน  
  ต้องแล่ง    คห.ที่18)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณสาวส่า เมืองยโส:
แม่นอยู่เนาะจ้า
ตอนเรียน ม.ต้น กะถืกแส้ครู
ย้อนหนีเรียนไปเล่นน้ำแถวฮ่อง
ปีนบักผีพ่วน นี่ล่ะ


หนี่ไปเล่นตอนได๋   คือบ่พ้อกันกับข่อย  หือว่าไปเล่นคนละต้น

 
 
สาธุการบทความนี้ : 213 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 213 ครั้ง
 
 
  21 มี.ค. 2553 เวลา 19:22:54  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   27) ข้าวเม่า  
  ต้องแล่ง    คห.ที่49)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณบ่าวหน่อ:
ข้าวเม่า เห็นแต่คิวรถ บขส สารคามครับ ไปสอบขอนแก่น นั่งรถ 5 ต่อ
บ้านมาสุวรรณภูมิ
จากสุวรรณภูมิมาร้อยเอ็ด
จากร้อยเอ็ดมาสารคาม
จากสารคาม ไปขอนแก่น
ฮอดขอนแก่น นั่งไปหม่องที่พัก

รวมแล้ว ใช้เวลา ซ่ำนั่งรถทัวส์จากกรุงเทพเมือบ้าน กะยังวา

5 หม่อง มีหม่องเดียวที่มีข้าวเม่า คือ คิวรถ สารคาม ริมคลองสมถวิล กะยังวา


ฮอดฮิมคลองสมถวิล   คือบ่ลงไปจ้างหมอลำสารคาม  คันบ่จ้างกะไปขอฟังทำท่าว่าสิจ้างกะได้ตั้ว
(ลำ).....  จารย์บุญมีหนีความฮ้อน   หนีนาดอนป่าหญ่าแฝก  หนีไปแหกดองเต่าฮ้าง   ทางพุ้นแม่นอยู่ไทย   เอ่ยยย ...

 
 
สาธุการบทความนี้ : 173 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 173 ครั้ง
 
 
  14 พ.ค. 2553 เวลา 05:29:16  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   27) ข้าวเม่า  
  ต้องแล่ง    คห.ที่50)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
เอ๋า    ผู่ข่าเป็นจอมยุทธน้อยแต่ยามได๋    ขอถามแน่... ซุมหมู่เจ้าเป็นก่อนบินขี่ได้ไป่    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 232 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 232 ครั้ง
 
 
  14 พ.ค. 2553 เวลา 05:32:34  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   2) ไต้เขียด  
  ต้องแล่ง    คห.ที่4)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณกระบี่โลหิต:
“ ….ไปไต้เขียด ด้วยกันในคืนเดือนมืด
โอ้แม่ยอดยาจืด หวานจับใจ บ่มีไถ่ถอน
ไล่คุบเขียดน้อย พลาดไป ถูกแก้มงามงอน
พี่ยังถูกเจ้าค้อน สุดสะออนเสียจริงแก้วตา….
”


    จักว่าร้องถืกหรือร้องผิดดอกว้า..ที่คึดพ่อเพลงนี่ขึ้นมา ก็เพราะว่ามื่อก่อนนั่น ขณะที่กำลังขับรถเมือบ้านเวลาประมาณ 2 ทุ่ม เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังไต้ไฟวับๆแวบๆ อยู่แถวไกล้ๆ ริมห้วย ขะเจ้ากำลังไต้เขียดน้อยตั๊วหนิ กะเลยคึดฮอดเพลง “รอรักไต้ต้นกระโดน” เพลงนี่กะเป็นเพลงที่สะท้อนชีวิตหนุ่ม สาวชาวอีสานได้ดีอีกเพลงหนึ่ง ....


เพลงนี่ซื่อว่า  รอรักใต้ต้นกระโดน    ผลงานการขับร้องของ   ดาว  บ้านดอน

ผมไปหาประวัติและผลงานของเพิ่นมาให้เบิ่ง    บ่อยากอ่านกะซ่าง   อยากเขียนแนาะ

ดาว บ้านดอน - ทางลัดสายลูกทุ่ง

เทียม เสิกศิริ หรือ ดาว บ้านดอน เกิดเมื่อ 4 มกราคม 2490 ที่บ้านดอนมะยาง ต.ตาดทอง อ. เมือง จ.ยโสธร เป็นบุตรนายผ่าน - นางแพง เสิกศิริ ที่มีอาชีพทำนา จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านดอนมะยาง จากนั้นก็มาช่วยครอบครัวทำไร่นา แต่เมื่อมีเวลาว่างชอบที่จะมาทำหน้าที่เด็กวัดบ้านดอนมะยาง ที่อยู่แถวบ้านเนื่องจากโปรดปรานการได้ขึ้นมาร้องเพลงลูกทุ่งบนหอระฆังของวัด ที่เขาบอกว่าเวลาขึ้นมาที่นี่ เขารู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจดี โดยเพลงที่เขาโปรดปรานส่วนมากเป็นเพลงของโฆษิต นพคุณ



เมื่ออายุ 12 ปีได้บวชเป็นสามเณรที่วัดนี้ และสอบได้เปรียญธรรมชั้นตรี ระหว่างนั้นเขายังคงชื่นชอบการร้องเพลงอยู่ แต่ไม่สามารถร้องได้เพราะผิดศีล เพื่อหาทาง เขาตัดสินใจสมัครเรียนการเทศน์มหาชาติ ที่ต้องอาศัยทักษะไม่ต่างไปจากการร้องเพลง เขาฝึกเรื่องนี้อยู่ 2 ปี จนช่ำชอง และกลายเป็นสามเณรเสียงดี ที่ตระเวนเทศน์ในหลายพื้นที่ จนผู้คนเรียกกันว่าเณรบ้านดอน

ต่อมา สามเณรวัย 18 ปีก็เกิดไปหลงเสียงของชาตรี ศรีชล ทำให้ต้องตัดสินใจสึกออกมาในช่วงเดียวกับที่วงดนตรีมิตรเพชรประชา วงดนตรีแถวบ้านประกาศรับสมัครนักร้อง ซึ่งดาว บ้านดอน และน้าชาย ก็มาเป็นนักร้องอยู่กับวงนี้ แต่หลังจากที่ทางวงช่วยกันเก็บเงินซื้อกลองชุดมาได้ชุดหนึ่ง และเกิดเหตุให้กลองตกลงมาแตก วงก็เลยแตกไปตามกลอง

ดาว บ้านดอน กลับมายึดอาชีพทำไร่ปอและทำนาตามเดิม เพื่อหาทุนรอนในการตามหาความฝันเรื่องการเป็นนักร้องอัดแผ่น เพราะเพื่อนชาวร้อยเอ็ดที่เป็นนักร้องวงดนตรีอุรารักษ์ในกรุงเทพฯชื่อจะเด็ด เพชรอีสาน บอกกับเขาว่ามีทางลัดในการเป็นนักร้อง นั่นก็คือการหาเงินเพื่อบันทึกเสียง ยกระดับตัวเองเป็นนักร้องอัดแผ่น แล้วค่อยเอาแผ่นเสียงไปเสนอวงดนตรีดังๆหรือครูเพลง ซึ่งจะทำให้ดูมีภาษีกว่าการไปมือเปล่าๆ

หลังจากทำไร่ปอจนเก็บเงินได้ 8.000 บาท ดาว บ้านดอน กับเพื่อนอีกคน ก็เข้าห้องอัด โดย ดาว บ้านดอน อัดเพลงหนุ่มยโสธร ที่เขาแต่งเอง แต่เป็นการเลียนเพลงบุพเพสันนิวาส ของครูไพบูลย์ บุตรขันที่แต่งให้ศรคีรี ศรีประจวบ งานนี้อดีตสามเณร หันมาใช้ชื่อดาว บ้านดอน ที่ตั้งขึ้นเอง โดยมีที่มาจากฉายา เณรบ้านดอน สมัยยังบวชเป็นเณรอยู่ งานนี้ทั้งสองคนตกลงออกค่าใช้จ่ายคนละครึ่งคือคนละ 3,000 บาท

ที่เมืองกรุง ทั้งสองไปบันทึกเสียงกันที่ห้างแผ่นเสียงกมลสุโกศล โดยมีวงดนตรีเพชรสำราญเล่นดนตรีให้ ซึ่งก็ใช้เครื่องดนตรีแค่ 4 ชิ้นเท่านั้น หลังบันทึกเสียงเสร็จ ก็สั่งตัดแผ่นออกมา 200 แผ่น เพื่อนำไปตระเวนแจกตามสถานีวิทยุ และหนึ่งในนั้น ดาว บ้านดอน ต้องการนำไปให้นพดล ดวงพร เจ้าของวงดนตรีเพชรพิณทอง อันลือลั่นที่อุบลราชธานี แต่ปรากฏว่าคำแรกที่นพดล ดวงพร พูดหลังจากให้ฟังแผ่นเสียง และดาว บ้านดอน ยื่นความจำนงอยากจะขอเป็นนักร้องหรือนักแต่งเพลงในวงก็คือ “ดายหญ้าเป็นหรือเปล่า “ ทำเอาดาว บ้านดอน ต้องผิดหวังและรีบกลับบ้านทันที



จากนั้นดาว บ้านดอน ได้นำแผ่นเสียงไปให้นักจัดรายการเพลงลูกทุ่ง 2 คนที่สถานีวิทยุ จ.ส. ร้อยเอ็ด ก่อนที่จะนำส่วนที่เหลือออกเร่ขายในราคาถูกๆ เพื่อหาทุนคืน จากนั้นเขากับเพื่อนก็ไปสมัครเป็นนักร้องอยู่กับวงดนตรีอุรารักษ์ และต่อมาย้ายมาอยู่กับเพชรสำราญ

ในขณะนั้นเพลง “หนุ่มยโสธร “ ที่เขานำไปฝากกับนักจัดรายการที่ร้อยเอ็ด ก็เป็นที่ชื่นชอบของนักฟังเพลงทีร้อยเอ็ด จนเพลงติดอันดับ 1 ของร้อยเอ็ดอยู่หลายสัปดาห์ ทำให้ในที่สุด เทพบุตร สติรอดชมพู เจ้าของวงดนตรีและคณะหมอลำชื่อดังของภาคอีสาน ต้องรุดมาเอาตัวดาว บ้านดอนไปร่วมงานด้วย โดยส่งเขาไปประจำคณะหมอลำเพชรสยาม ดาว บ้านดอน ในฐานะนักร้องอย่างเต็มภาคภูมิ ออกแสดงครั้งแรกที่สุรินทร์

การเดินสาย ทำให้เพลงหนุ่มยโสธรของเขาโด่งดังมากขึ้น เขาจึงได้แต่งเพลงเพิ่มอีกหลายเพลง ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างมาก เทพบุตร สติรอดชมพู จึงตั้งวงดนตรีดาว บ้านดอนให้เขา จากนั้นในปี 2516 ดาว บ้านดอน ก็มาโด่งดังอย่างสุดๆจากเพลง ลำเพลินเจริญใจ เพลงนี้ทำให้งานเพลงเก่าๆของเขา และการแสดงหน้าเวทีได้รับความนิยมตามไปด้วย

แต่หัวหน้าวงตัวปลอมเช่นเขาก็ยังคงได้รับเงินเดือนจากหัวหน้าตัวจริงเดือนละ 2,500 บาทเท่าเดิม ดาว บ้านดอนจึงไปขอขึ้นค่าตัว และได้รับการปรับขึ้นมาเป็นวันละ 300 บาท ใกล้เคียงกับศักดิ์สยาม เพชรชมภู เบอร์ 1 ของเครือที่ได้วันละ 450 - 500 บาท แต่นักร้องทั้งสองก็ยังรู้สึกว่ารายได้ของพวกเขาไม่เป็นธรรม ดาว บ้านดอน จึงทิ้งวง หนีตามไปอยู่กับศักดิ์สยามที่ทางภาคเหนือ ซึ่งทางเทพบุตร สติรอดชมพู พยายามตามทั้งสองคนกลับมา แต่ได้กลับมาเฉพาะศักดิ์สยามเท่านั้น ส่วนดาว บ้านดอนไม่ยอมกลับมารับค่าตัววันละ 300 บาทตามเดิม

ดาว บ้านดอนกลับมาทำไร่ปอและแตงโมที่บ้านเกิดเพื่อหาทุนตั้งวงดนตรีของตัวเอง ขณะเดียวกันก็พยายามผลิตผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้แฟนเพลงลืม ในที่สุดเขาก็ตั้งวงได้ และออกเดินสายแถวภาคอีสาน ต่อมาเขาได้รู้จักกับคมศร พรสวรรค์ นักจัดตารางการแสดงวงดนตรีในกรุงเทพฯ และก็ได้มอบหมายให้คมศรช่วยจัดตารางการแสดงของวงให้ ทำให้เขาสามารถเปิดการแสดงในพื้นที่ที่กว้างมากขึ้น

แต่หลังจากคบค้ากันมานาน ดาว บ้านดอนก็ได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว คมศร พรสวรรค์ก็คือธุรกิจสายหนึ่งของเทพบุตร สติรอดชมพูนั่นเอง ทำให้เขารู้สึกอึดอัดไม่น้อยที่ต้องกลับมาอยู่ภายใต้อิทธิพลของเจ้านายเก่า แต่ก็ทำใจได้ และเดินหน้าทำงานกับเจ้านายต่อไปตามเดิม

ปี 2525 ดาว บ้านดอน ออกผลงานชุด ยอดตำลึงชุมแพ ก่อนที่จะประกาศปิดวง นำรถอุปกรณ์ และเครื่องดนตรีให้วงดนตรีของนักร้องหน้าใหม่เช่า ส่วนตัวเองก็หันไปเป็นนักร้องรับเชิญกับวงดนตรีหน้าใหม่เหล่านี้ แต่ก็ยังคงผลิตผลงานเพลงของตัวเองออกมาเรื่อยๆ ร่วมทั้งตั้งหน้าตั้งตาแต่งเพลงปั้นนักร้องแนวหมอลำหน้าใหม่ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างมากกับสมจิตร บ่อทอง และฮันนี่ ศรีอีสาน และอีกหลายคน

นอกจากนั้น ก็ยังแต่งเพลงให้นักร้องมากมายทั้งศักดิ์สยาม เพชรชมพู , จินตหรา พูนลาภ , พิมพา พรศิริ , สันติ ดวงสว่าง , สดใส รุ่งโพธิ์ทอง , สาธิต ทองจันทร์ , ลูกแพร - ไหมไทย อุไรพร , พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย , ศรเพชร ศรสุพรรณ

สำหรับชีวิตครอบครัวนั้น ดาว บ้านดอน แต่งงานตอนอายุ 21 ปีคือก่อนตอนเป็นนักร้องกับสาวบ้านเดียวกันและลูก 1 คน ก่อนจะเลิกรากันไป พอถึงปี 2518 ช่วงที่กำลังดังเต็มที่ก็แต่งงานอีกครั้งกับสาวร้อยเอ็ดชื่อบุญเรือง และมีลูก 5 คน และในปี 2521 ก็แต่งงานอีกครั้งกับสาวร้อยเอ็ดอีกคนชื่อคำพัน และมีลูกอีก 1 คน ปัจจุบัน ภรรยาทั้งสอง และลูกๆใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน

ดาว บ้านดอนได้รับรางวัลเสาอากาศทองคำพระราชทานปี 2519 จากเพลงคนขี่หลังควาย และได้รางวัลในเพลงเดียวกันจากโครงการ กึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทยครั้งที่ 2 ปี 2534

เรียบเรียงจากหนังสือ อีสานคดีชุดลูกทุ่งอีสาน ประวัติศาสตร์อีสานตำนานเพลงลูกทุ่ง เขียนโดยแวง พลังวรรณ

ส่วนภาพ นำมาจากอินเตอร์เน็ตทั้งหลายแหล่

ต้องขอขอบคุณทุกๆส่วนสำหรับเรื่องนี้ด้วย

นำเพลงคนขี่หลังควายมาให้ฟังกันครับ

เพลง คนขี่หลังควาย

ขับร้อง ดาว บ้านดอน

กลุ้มใจจริงๆ รักผู้หญิง หญิงก็ ไม่สน

เรามันคนจน แม่หน้ามนจึงไม่มอง

เราคนจน ไร้เงิน ไร้เงินไร้ทอง

สาวก็ไม่มอง เพราะเราจนกระเป๋าแบน

คนรวยๆ เขาคงซื้อน้องด้วยเงินแสน

เรามันคนจนคงไม่ได้น้องเป็นแฟน

คนมีเงิน เขาขี่รถเบ็นซ์รถแวน

เราขี่หลังควาย ตามท้องนามันน่าขำ

ฝนตกมา ต้องไถนาดำนาหน้าดำ

งานจะหนักไม่หวั่น ทำทั้งวันแต่เช้ายันค่ำ

ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน ทำเรื่อยไปไม่เคยบ่นซักคำ

โธ่เอ๋ยเวรกรรม ไม่ทำก็ไม่มีกิน

โอ้โชคชะตา วาสนาเราเกิดมาจน

คิดขึ้นมาน้ำตามันไหลริน

จะมีสาวใด สนใจรักไม่สูญสิ้น

ขอเป็นทาสเธอ จะรักเธอเพียงคนเดียว



ที่มา   http://www.oknation.net/blog/countryman/2008/03/06/entry-1  อยากฟังเพลงกะคลิกเลยคับ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 259 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 259 ครั้ง
 
 
  21 มี.ค. 2553 เวลา 12:16:38  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   2) ไต้เขียด  
  ต้องแล่ง    คห.ที่7)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
สอย ๆ  ผัวผู้อื่นพากันไปไต้หวัน   ผัวอีสันมีแต่ไปใต้เขียด  (เวียกบ่เฮ้ด)  

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  24 มี.ค. 2553 เวลา 10:02:57  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  ต้องแล่ง    คห.ที่1446)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
ย้ายมาทางพี่แล้วบ่

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  20 มี.ค. 2553 เวลา 18:44:35  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  ต้องแล่ง    คห.ที่1484)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
เมษาฮ้อนแดดวอนวี่วอน                 คือจั่งไฟจี่ฮ้อนดินเอ้าอูดเอา
คันสิเซาพักซ้นต้นไม้ใหญ่แนวไพร      แม่นว่าแนมทางได๋กะหอดหายเหมิดสิ้น
จนว่าผืนดินแห้งระเหยแหงทุกแห่ง     ยามเหมิดแฮงแดดฮ้อนบ่อนสิซ้นกะบ่มี
ปีก่อนกี้สงกรานต์เดือดเฮาบ่จำ         เขากะนำมวลชนกระโจนไฟเผาไหม้
ขอให้ไทยเซาถ่อนพลนิกรพักไว้ก่อน   กลับเมือนอนอยู่บ้านสงกรานต์เล่นหากม่วนยิน ..  แท้แหล่ว

 
 
สาธุการบทความนี้ : 643 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 641 ครั้ง
 
 
  14 เม.ย. 2553 เวลา 06:24:33  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  ต้องแล่ง    คห.ที่1527)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
เดิกเดิกข่อนผู้สาวนอนผู้เฒ่านั่ง    ค่อนสิแจ้งโตข่อยผั่นตื่นมา
ลีลาย้ายเข้าสู่หน้าคอม             ว่าสิซอมเบ่ิ่งสาวท่าดีออนเซ้า
เห็นแต่เฒ่าตื่นเดิกก่อนไก่          ซื่อว่าจารย์ใหญ่โก้โตแนบแอบแคน
แม่นเจ้าสุขสำบายแท้หรือได๋บอกแน่     ข่อยสิแวตอนเซ้าพอเว้าหยอกสาว  ก่อนดอก    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 257 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 256 ครั้ง
 
 
  14 พ.ค. 2553 เวลา 05:23:30  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  ต้องแล่ง    คห.ที่1568)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
อีเกียเอ้ย...  
แม่นเจ้าเคืองหยังอ้ายซายงามกั่วหมู่     หือเจ้าเคืองว่าซู้ทางบ้านบ่ตอบเมล์  ซั่นบ้อ
หือเจ้าเคียดว่าอ้ายเบรคหลายจนไง่ถ่วน    คึดอยากม่วนจั่งหยอกเล่นเห็นเจ้าอยู่ไกล  ซือ ๆ ดอก
คึดนำหลายเด้อซายโก้คนงามในส่างแซ่ง (หล่อเลิ่ก)  คึดฮอดแฮงจั่งหยอกเล่นพอให้เจ้าส่วงเหงา  ซั่นดอก

คันเจ้ากลับต่าวบ้านอย่าลืมเด้อของฝาก    ดำขี่หลี่คืออยู่บ้านเอามาต้อนปิ่นลม
Pung  num  nom  สาวโก้นามขานน้อยอ่อน        เอามาต้อนจารย์อ้ายสิพาย้อนใส่แคน  เลาว่า
สาวซิ้นแข่นน้อยอ่อน  Nom  num  pung     ลุงมังกรสิเกี้ยวเอามาซ้อน
อ้ายสิเตรียมของต้อนฮับขวัญตอนกลับต่าว     ทังเหล้าขาววิสกี้สาโทพร้อมกลิ่นหอม ..เด้อ  

 
 
สาธุการบทความนี้ : 627 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 625 ครั้ง
 
 
  02 มิ.ย. 2553 เวลา 05:52:28  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  ต้องแล่ง    คห.ที่1577)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
มันหากยากคักแหล่วคือเมืองแกวเล็วฝรั่ง   ยากนำน้อยมั่งคั่งตาเหลี่ยมใส่ครู
ยากนำตู๋หลูหน้าแพงตาลูกเพิ่น               ตกกะเทินฮับไว้สิไลทิ่มกะบ่คือ
มื้อสืบมื้อลมจนล่วงลงอุทร                   ยามสินอนกลางเว็นคืออีเกียเสียใจด้วย
แม้แต่คนสวยหล่าหาเวลาโทรหยอด        คิดฮอดหลายไปบ่ได้ใจฮ้ายใส่นักเรียน  พุ้นแหล่ว    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 269 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 267 ครั้ง
 
 
  05 มิ.ย. 2553 เวลา 17:59:05  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  ต้องแล่ง    คห.ที่1643)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
ไผสิไปนำข่อยคนคอยให้เว้าค่อย               สิไปนำหาน้อยนางหล่าให้ฟ้าวมา
ไผสิเดินบุกหน้าไพรหนากะไปส่า                อย่าให้มาเห็นหน้าถือตะกร้าเข้าป่าหนา  ซะ
ฟ้าวไปหาหน่อไม้ในไพรกับบ่าวใหญ่            ยากแต่นำหน่อไม้กินได้กะบ่ไป  ด็อก
ข่อยนี้คนทุกข์ไฮ้เสียดายหลายแต่กล้องใหม่   ฮอดบ่ทันได้ใซ้นางหล่าผั่นลักสา
อยู่แจได๋นอหล่าคืนมาสาอ้ายว่า                   ยามนอนเห็นแต่หน้าคือบ้าแล่นป๋า (X)    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 285 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 284 ครั้ง
 
 
  25 มิ.ย. 2553 เวลา 04:11:01  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  ต้องแล่ง    คห.ที่1905)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
สกุณาแนวเนื้อไกลคอนกะเอิ้นสั่ง   ฝูงซะนีพรากไม้กวยโย่นกะสั่งลา
ปลาสิไลจากน้ำวังเวินสมุทรใหญ่   ใจหากคิดต่อตั้งวังน้ำตั้งแต่เยาว์
เวินบ่อนเค้าแข่วเก่าเคยเทียว       แม่นสิเทียวสมุทรหลวงกะบ่คือวังบ้าน
แม่นสิสุขสำราญล้นคนิงนำวังเก่า    เมือไปหาเขือเฒ่าเคยเลี้ยงสิตอบคุณ
บุญแล้วเจ้าได้กลับต่าวเมือเฮือน    จั่งแม่นบุญสมพานเจ้าได้คืนเมือบ้าน
บ่คือจารย์ต้องแล่งเวราบ่ใกล้ส่วง    รับใช้หลวงอยู่สุมื้อเทียวฮ้ายปราบลิง

ติ้งลิงติ่งกะยังว่าติ้งลิงติ่ง   คือจั่งลิงตกส่างหางซันกิ่งดิ่ง   ได้แต่หลิงเบิ่งฟ้าแนมด้าวเบิ่งดาว
จักแม่นคราวได๋แหล่วสิได้คืนคือเพิ่น   ได้แต่เสิ่นโลกก้วงซาตาข่อยกะส่างเป็น
หือเป็นเวรคราวกี้บุปเพปางเก่า    อดสาเอาเบิ่งก่อนน้าบืนหน้าก่อนน๊า    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 285 ครั้ง
จากสมาชิก : 3 ครั้ง
จากขาจร : 282 ครั้ง
 
 
  09 ธ.ค. 2553 เวลา 18:26:10  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  ต้องแล่ง    คห.ที่1907)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
อยากฟังเด้...  

อยากฟังลมพัดพร้าวลายแคนแล่นแจ้น      มิตรหมอแคนแฟนต่างด้าวคือสิห่าวบ่หาว
คือสิจ้าวปานลมอ่วยยามสงัด                นิ้วตวัดฮูแคนกรีดกรายขัวซ้าย
ตางเป็นเสียงกระจายเอิ้นสำเนียงบอกผ่าน ผู้บ่ทันได้ซู้ฟังแล้วฮ่ำคนิง
ยืนคิ๊งนิ๊งได้ยินแคนจารย์ใหญ่                ไผผู้ขาดคู่ซ้อนนอนแล้งสะเม่นคิง
ซุมที่ผิงอ่วยข้างขางไฟให้หนาวตื่ม          ให้ได้ลืมลุกฟ้อนตอนท้าวหย่าวแคน  แน่เปี๋ยง

 
 
สาธุการบทความนี้ : 797 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 795 ครั้ง
 
 
  09 ธ.ค. 2553 เวลา 20:49:21  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  ต้องแล่ง    คห.ที่1937)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณปิ่นลม:

ปีใหม่ตั้งวันที 1 เลขออก  พี่น้อง
ให้เฮาพอกพูนไว้  มโนตั้งต่อธรรม
อย่าสุนำความฮ้าย  มาใส่ในจะของ
ขอให้มองการณ์ไกล  ทุกภัยอย่ามาใกล้

อย่าให้เจ็บให้ไข้  สดใสให้ฮ่าวซื่น
ให้ฟ้าวตื่นแต่เซ้า   เทียวเข้า เฟสสะบุค เด้อ...  

ให้หมั่นขัดหมั่นล้าง   อาบน้ำแนยามหนาว
ซุมพุสาว สิมักพระ เบิ๊ดเกลี้ยง


(ลงหม่องนี้หละ อึ..ยากหลาย )


บ่ถืก    แก้ไข ๆ


ให้หมั่นขัดหมั่นล้าง   อาบน้ำแนยามหนาว
ซุมพุสาว สิมักครู เบิ๊ดเกลี้ยง


 
 
สาธุการบทความนี้ : 352 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 352 ครั้ง
 
 
  09 ม.ค. 2554 เวลา 04:35:37  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  ต้องแล่ง    คห.ที่1971)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
ขึ้นซื่อว่า  มหา  กะไคเติบซุคนละคับ  ซาบ่าวเซียง  บ่าวทิด  กับบ่าวญาคูบ่ได้ดอก

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  03 ก.พ. 2554 เวลา 11:17:02  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   8) สะดืออีสานคืออะไร และอยู่ตรงไหน???  
  ต้องแล่ง    คห.ที่19)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
สถาบันราชภัฏและสำนักวัฒนธรรมไม่น่าจะมีพันธกิจด้านนี้   ดู ๆ น่าจะเกี่ยวข้องกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวมากกว่า   "สะดืออีสาน"  (ยืมภาษาอื่นมาใช้)  ก็ไม่เกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนอีสานทั้งในอดีตและปัจจุบัน ถ้าเป็น  "หลักบือบ้าน" ก็ว่าไปอย่าง    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 208 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 207 ครั้ง
 
 
  19 ธ.ค. 2553 เวลา 06:11:40  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   8) สะดืออีสานคืออะไร และอยู่ตรงไหน???  
  ต้องแล่ง    คห.ที่21)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
นำก้นญาคู ๆ   บาดหมาไล่คือแล่นออกก่อน    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  20 ธ.ค. 2553 เวลา 19:41:33  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   12) ขะลำ(ทั้งต้นฉบับและถอดความ)  
  ต้องแล่ง    คห.ที่11)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
ผู้สาวส่ำน้อยตดใส่หลังควย   กะขะลำ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  18 มี.ค. 2553 เวลา 05:20:14  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   13) วิถีท้องนา ห่มฟ้าท้าตะวัน  
  ต้องแล่ง    คห.ที่567)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
มื้อนี้ขอเสนอคำว่า   ญ้วย

ญ้วย  เป็นอาการของการไหลแบบซ้า ๆ   สิว่าแข่นกะบ่แม่น   สิว่าแหลวกะบ่แม่น  ของที่เคิ่งแข่นเคิ่งแหลวบ่แม่นสิใช้คำว่า  ญ้วย  ได้เหมิดสุแนวดอก  ญ้วย  ใช้สะเพาะของเคิ่งแข่นเคิ่งแหลวที่ไหลไปแล้วกะยังติดกันเป็นยางอยู่  โตอย่าง   น้ำตาลญ้วย   ยางญางญ้วย   ยางหมากกอกญ้วย  
     ส่วนอีกควมหมายหนึ่ง   มักใช้กับอาการเคลื่อนที่แบบซ้า ๆ   หือใซ้กับคนขี้ค้าน    โตย่าง   รถไฟเมียงขอนแจ่นแล่นญ้วยออกจากสถาณี   บักป่องกินแล้วกะนอนกั่วสิญ้วยไปเฮ็ดเวียกได้กะสวยพวมเพน  
     จบการนำเสนอคำว่า   ญ้วย

   ต่อไปเว้าเรื่องน้ำอ้อยน้ำตาล   น้ำตาลบ่ว่าสิเป็นน้ำตาลก้อนหือน้ำตาลญ้วยเป็นของหายาก บ่ค่อยสิได้กินมักง่าย  แฮ่งเป็นน้ำตาลทรายแฮ่งแล้วโลด   เป็นบุญเป็นงานจั่งได้กิน   น้ำตาลก้อนกะเอามีดโต้ถากใส่เขียงแล้วยาดกันจ้ำ  บ่แม่นสิเอาผู้เดียวก้อนสองก้อนแล้วกัดย่ำโลด ผู้กิน (สัน) น้ำตาลก้อนหือน้ำอ้อยโป่มกั่วหมู่แม่นญาคูอยู่วัด  จัวน้อยกะบ่ได้สันมักง่าย  คือจั่งผญาเพิ่นเว้า   ข้าวจี่บ่มีน้ำอ้อยจัวน้อยเซ็ดน้ำตา    ส่วนน้ำตาลญ้วยนี่ผู้ข่าเคยยาดจ้ำยาดต้วยกินกับน้องสมัยเป็นเด็กน้อยเกือบตีปากกันพุ้นแหล่ว

สุดท้ายขอเสนอคำว่า  ต้วย   คืออาการเอาคำข้าวหืออุปกรณ์ไปตักเอาของที่ญ้วยขึ้นมา   แต่ว่าของญ้วยบ่อาจหล่มตักเอาได้คือน้ำคือไน  บ่อาจไหลล่วงเข้าเต็มล้นอั่งขัน  ต้องใช้เวลาดนกั่วสิญ้วยเข้าไปในภาชนะได้   แต่คันเอาไม้ต้วยเอากะสิติดปลายไม้มานิดหน่อย   โตอย่าง  เอาคำข้าวต้วยน้ำตาลญ้วย  
     อีกควมหมายหนึ่ง   ต้วยใช้สำหรับอาการบายหือจับหือใช้อวัยวะบางส่วนแตะเพื่อหวังให้ติด (ถืกตะกลิ่นกะยังดี)   โตอย่าง  สมัยนี้คนผู่แม่หลาย  พ่อส่อนหล่อนซายระวังถืก  ต้นก้วย    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 259 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 257 ครั้ง
 
 
  07 ม.ค. 2554 เวลา 05:55:16  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   13) วิถีท้องนา ห่มฟ้าท้าตะวัน  
  ต้องแล่ง    คห.ที่580)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณปิ่นลม:
มา เฮ็ด บั้งโผ๊ะ ( บั้งโป๊ะ )  ยิงกันซุมเฮา
จารย์ใหญ่ลี้อยู่ บังกกงิ้ว  อีเกียลี้อยู่ข้างเล้า
บ้าวหน่อ หมอบหน่อ กกพอก  
ป้าหน่อย เกื่อยน้ำอยู่ซานน้ำ  อ้ายต้องแล่ง งอยกกม่วง
ระวังเด้อ กระสุนผู้ข่า หมากติ้วเด้อ บ่แม่นหมากคอมเด้อ


บ่เล่นนำดอก   เป็นเป้านิ่งคักแน่เว้ย   เพียกหนีคือกะปอมกะบ่เป็น  เซาเล่น ๆ  เสมอกัน

 
 
สาธุการบทความนี้ : 296 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 296 ครั้ง
 
 
  09 ม.ค. 2554 เวลา 13:43:08  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   13) วิถีท้องนา ห่มฟ้าท้าตะวัน  
  ต้องแล่ง    คห.ที่593)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
เอาโครงการ  " ธนาคารขี้ " มาปัดฝุ่นอีกเทื่อหนึ่ง

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  13 ม.ค. 2554 เวลา 19:26:47  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   13) วิถีท้องนา ห่มฟ้าท้าตะวัน  
  ต้องแล่ง    คห.ที่598)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณบ่าวหน่อ:
เปลือกที่ลอกแล้ว เอาไปเฮ็ดกระสอบปอ

ส่วนลำมันนั้น เอามาเป็ฯส่วนประกอบของหัวใจ เน๊าะทิดรุทธิ์


งง.... แม่น  ลำปอ  หือ  ลำมัน  

 
 
สาธุการบทความนี้ : 192 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 192 ครั้ง
 
 
  14 ม.ค. 2554 เวลา 20:14:57  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   13) วิถีท้องนา ห่มฟ้าท้าตะวัน  
  ต้องแล่ง    คห.ที่617)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
ไปฟังหมอลำกับผู้สาวบ่มีเงินซื้อไนถั่วดิน  กะซื้อคั่วไนบักขามนี่ละครับเลี้ยงคะเจ้า แต่ผู้สาวสมัยตะกี้กะเข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงตั๊วละคับ    ซุมื้อนี้ผู้บ่าวผู้ได๋เฮ็ดจั่งซั้นเขากะดึกไนบักขามใส่ขุมตาท่อนั่นแหล่ว

ลป.  ข้อเสียของการหย่ำไนบักขามกะคือ  ขี้แข่วหลาย    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 210 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 210 ครั้ง
 
 
  22 ม.ค. 2554 เวลา 14:10:23  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   13) วิถีท้องนา ห่มฟ้าท้าตะวัน  
  ต้องแล่ง    คห.ที่649)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณจารย์ใหญ่:

                                           อันนี้คืออะไร...


กระสุนปืนใหญ่ฮุนเซน

 
 
สาธุการบทความนี้ : 196 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 196 ครั้ง
 
 
  29 เม.ย. 2554 เวลา 04:13:49  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   13) วิถีท้องนา ห่มฟ้าท้าตะวัน  
  ต้องแล่ง    คห.ที่669)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณจารย์ใหญ่:

                                  ภาพอยู่ที่สถานที่ปัจจุบันเด้อ ริมภูเขา


เสาเก่เด่ที่เห็นในฮูป   คือเสาอากาศระบบ 3G

 
 
สาธุการบทความนี้ : 180 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 180 ครั้ง
 
 
  16 พ.ค. 2554 เวลา 11:43:09  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   13) วิถีท้องนา ห่มฟ้าท้าตะวัน  
  ต้องแล่ง    คห.ที่699)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณปิ่นลม:


ข่าวอัพเดท   ตอนนี้ จารย์ใหญ่ กำลัง " ม้าง" อาศรม
เพื่อจะทำการ สร้าง อาศรมหหลังใหม่ ครับผม


ม้างอาศรมเดือน 11  มันสิแม่นแนวบ่น๊อ ...  

ขึ้นอาศรมใหม่มื้อได๋กะอย่าลืมส่งข่าว  กะแล้วกัน  

 
 
สาธุการบทความนี้ : 161 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 161 ครั้ง
 
 
  22 ต.ค. 2554 เวลา 15:50:07  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   31) บักข้อ อินฟิสซอสวิทฮ็อทชิลลี่เพบเพอร์  
  ต้องแล่ง    คห.ที่9)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
กินหน่อยเป็นยาระบาย  กินหลายเป็นยาถ่าย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  18 มี.ค. 2553 เวลา 16:06:49  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   1) ขอนแก่น  
  ต้องแล่ง    คห.ที่29)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
ย้อนหลังไปในปี   พ.ศ. ๒๓๒๒ ดินแดนลาวทั้งหมดตกเป็นเมืองขึ้นของไทยในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช   โดยมีเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเป็นแม่ทัพ   ในตอนกลับกรุงเทพได้กวาดต้อนราษฏรชาวลาวกลับมาด้วย (เป็นแนวปฏิบัติของการสงครามในสมัยก่อน) ราษฎรที่ถูกกวาดต้อนมาโปรดเกล้า ฯ  ให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ในเขตสระบุรีบ้าง  ปราจีนบุรีบ้าง  ส่วนขุนนางและเจ้านายที่กวาดต้อนมาโปรดให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้พระนคร (เพื่อความสะดวกในการดูแลไม่ให้ซ่องสุมกำลัง) ในบรรดาเจ้านาย
เหล่านี้มี  นางคำแว่น   บุตรสาวคนโตของท้าวพันหรือเพียเมืองแพนรวมอยู่ด้วย    เวลาต่อมานางคำแว่นได้กลายเป็นภริยาของเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก  ซึ่งต่อมาก็ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นรัชกาลที่ ๑  ในปี พ.ศ. ๒๓๒๕  ครั้นเพียเมืองแพนทราบข่าวว่าบุตรสาวของตนได้เป็นพระสนมเอกในรัชกาลที่ ๑  จึงอพยพไพร่พลข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาเพื่อหวังจะสร้างเมืองใหม่   โดยมาตั้งบ้านเรือนอยู่ในเขตแดนเมืองสุวรรณภูมิที่บริเวณชีโหล่น (บ้านดอนบม) ต่อมานางคำแว่นได้กราบบังคมพระกรุณาให้เพียเมืองแพนตั้งเมืองขอนแก่น   โดยย้ายมาตั้งที่บริเวณบ้านโนนทอง (บ้านเมืองเก่าในปัจจุบัน)  มีราษฏรในคราวแรกตั้ง ๓๓๐ คน  (ตามเกณฑ์ต้องมีราษฏรไม่น้อยกว่า  ๓๐๐ คน  สมัยรัชกาลที่ ๕   ปรับเกณฑ์เป็นไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ พันคน  เพราะถ้าใช้เกณฑ์เดิมจะทำให้มีเมืองมากเกินไป) ในเรื่องจำนวนคนไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาสำคัญอยู่ที่เรื่องเขตแดน   เพราะเมืองขอนแก่นที่ตั้งใหม่อยู่ใกล้เขตแดนเมืองชลบถ (ปัจจุบันคือ  อำเภอชนบท)  มากเกินไป   ทำให้เกิดปัญหาพิพาทกระทบกระทั่งกันอยู่เป็นประจำ  ส่วนใหญ่เป็นปัญหาของการ  สักเลก  (การขึ้นทะเบียนราษฏรเพื่อให้ทราบว่าอยู่เมืองใดหรือสังกัดมูลนายคนใด)  เมืองขอนแก่นระยะแรกทำราชการขึ้นกับเมืองนครราชสีมาหลังทดลองทำราชการอยู่  ๙  ปี  จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ  ตั้งเป็นเมืองขอนแก่นในปี  พ.ศ.  ๒๓๔๐ และโปรดกล้า ฯ  แต่งตั้งให้เพียเมืองแพนเป็นพระนครศรีบริรักษ์  ทำราชการขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร ในปี  พ.ศ. ๒๔๑๘  ขณะที่พระนครศรีบริรักษ์ (ท้าวมุ่ง)  เป็นเจ้าเมือง   ท้าวขัตติยะบุตรเขยท้าวมุ่งเป็นอุปฮาตท้าวจันศรีสุราชบุตรชายท้าวมุ่งเป็นราชวงษ์   และท้าวอู๋เป็นราชบุตร      ได้เกิดเหตุการณ์กบฏจีนฮ่อขึ้นที่ดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง   แถวบริเวณเมืองหลวงพระบาง   เมืองเวียงจันทร์   เรื่อยลงมาและเลยข้ามแม่น้ำโขงมาจนถึงเมืองหนองคาย
ท้าวอู๋ราชบุตรเมืองขอนแก่นอาสาช่วยปราบกบฏจีนฮ่อ (ร่วมกับกำลังของอีกหลายเมือง)  จนได้รับความดีความชอบใหญ่หลวง   พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้า ฯ  แต่งตั้งราชบุตร (อู๋) ให้เป็นพระนครศรีบริรักษ์บรมราชภักดีศรีศุภสุนทร   เจ้าเมืองขอนแก่นอีกคนหนึ่ง (ในขณะที่ท้าวมุ่งยังมีชีวิตอยู่)   และยกกองราชบุตรที่ตั้งอยู่ที่บ้านดอนบมขึ้นเป็นเมืองขอนแก่นอีกแห่งหนึ่ง   ในขณะที่ท้าวมุ่งเจ้าเมืองคนเดิมตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านกกบก  (บริเวณโรงแรมรสสุคนธ์) ส่วนอุปฮาตและราชวงษ์มีสำนักงานอยู่ที่บ้านโนนทัน  โดยมีที่ว่าราชการเมืองอยู่ที่บ้านโนนทันมีฐานะเป็นเมืองอีกแห่งหนึ่ง   เมืองทั้งสองห่างกันราว  ๖ กิโลเมตร  ทำให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งกันอยู่เนืองๆ    ในปี พ.ศ. ๒๔๒๑  อุปราชเมืองเดิมที่บ้านโนนทันถึงแก่อสัญกรรม    ท้าวมุ่งเจ้าเมืองจึงขอพระราชทานแต่งตั้งอุปราชใหม่ก็ไม่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ฝ่ายท้าวอู๋เจ้าเมืองคนใหม่ขอพระราชทานแต่งตั้งตำแหน่งอุปราชก็ไม่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ  ในปี  พ.ศ. ๒๔๒๔ ท้าวมุ่งเจ้าเมืองเดิมถึงแก่อนิจกรรม   ราชวงษ์จึงย้ายเมืองจากบ้านโนนทันไปที่บ้านทุ่ม     เนื่องจากบ้านทุ่มเป็นเส้นทางคมนาคมขึ้นเหนือล่องใต้ที่สำคัญ    อยู่ใกล้ชิดเขตแดนเมืองชลบถมากว่าและมีสายโทรเลขพาดผ่าน (ปัจจุบันสายโทรเลขอยู่ริมทางรถไฟ)   ฝ่ายเมืองใหม่คิดจำกัดการแผ่ขยายอิทธิพลของฝ่ายเมืองเดิมจึงขอพระราชทานยกบ้านภูเม็งขึ้นเป็นเมือง ให้ชื่อว่า  เมืองมัญจาคิรี   ในปี  พ.ศ. ๒๔๒๔  (ร.ศ. ๑๑๐)   ความขัดแย้งระหว่างเมืองเดิมและเมืองใหม่มีท่าทีจะบานปลายจากเหตุการณ์ความขัดแข้งหลายกรณี   กรณีที่สำคัญคือ  กรณีการถือน้ำพิพัฒน์สัตยาโดยพระนครศรีบริรักษ์เจ้าเมืองมอบหมายให้เมืองแสนมีหมายไปยังฝ่ายบ้านทุ่มให้มาถือน้ำพิพัฒนสัตยาพร้อมกันที่เมืองขอนแก่น  ฝ่ายบ้านทุ่มก็ไม่มาแต่กลับไปถือน้ำพิพัฒนสัตยากับเจ้าเมืองชลบถ   พระนครศรีบริรักษ์จึงให้เมืองแสน  เมืองฮาม  นาเหนือ   และเพียทิพย์มนตรีไปเชิญมาถือน้ำพิพัฒนสัตยาก็ไม่พบ    พบแต่เพียมหาเสนาพวกท้าวสุริยวงษ์ผู้เป็นว่าที่ราชวงษ์   คณะที่ไปเชิญจึงจับเพียมหาเสนาเฆี่ยนสิบห้าที     ทำให้ฝ่ายเมืองเดิมไม่พอใจและเกิดการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น    ผู้เข้ามาไต่สวนไกล่เกลี่ยความขัดแย้งคือพระยาสุริยเดชวิเลศฤทธิ์ทศทิศวิไชย  ปลัดข้าหลวงที่  ๑   ประจำหัวเมืองลาวฝ่ายเหนือ  ในปี  ร.ศ.  ๑๐๙    ต่อมาภายหลังพระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมมารับราชการ
เป็นข้าหลวงใหญ่แทน  จึงทรงมีบัญชาให้ฝ่ายเมืองใหม่ที่บ้านดอนบมย้ายไปรวมกับฝ่ายเดิมที่บ้านทุ่มในปี พ.ศ. ๒๔๓๔ (ร.ศ.  ๑๑๐) เป็นการยุติความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายได้สำเร็จ  อีกกรณีความขัดแย้งหนึ่งคือ  ฝ่ายเมืองใหม่ (ที่่บ้านทุ่ม) ฟ้องลงไปที่กรุงเทพว่า  ฝ่ายเมืองเดิม (ท้าวอู๋ที่บ้านดอนบม) ยักยอกผลเร่ว (หมากเหน่ง , กระวานป่า ฯลฯ) ที่เป็นเครื่องบรรณาการหรือส่วยในสมัยก่อน  ไม่ส่งลงไปที่กรุงเทพทั้งหมด  (แต่ส่งลงไปบางส่วน) แต่ปัญหาทั้งหมดก็ยุติลงเมื่อมีการรวมเมืองกันที่บ้านทุ่ม  ...

วันหลังจะมาเล่าเรื่องหมากเหน่งหรือผลเร่วให้ผังขอรับ   วันนี้เอวังก็มีด้วยประการสะนี้

 
 
สาธุการบทความนี้ : 353 ครั้ง
จากสมาชิก : 3 ครั้ง
จากขาจร : 350 ครั้ง
 
 
  18 มี.ค. 2553 เวลา 06:03:40  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   9) ยโสธร  
  ต้องแล่ง    คห.ที่94)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณรุทธิ์  (อีเกียแดง):
คุณจารย์ใหญ่:
ปีนี้ ไผสิพาไปเบิ่งบั้งไฟยโสฯ น้อ บ่เคยไปจักเทื่อ งานเผิ่นแม่นมื้อได่บุนี้...
งานนี่ให่สาวส่าเจ้าของงานเพินพุ้นแหล่ว  เป็นการโปรโมทการท่องเที่ยวจังหวัดเพินไปในโตนำครับ


การเดินทางกะบ่ยาก    ขี่บั้งไฟจากราชประสงค์ไปเลย   โอ๋... บ่แม่น  ไปยโสธร

 
 
สาธุการบทความนี้ : 224 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 224 ครั้ง
 
 
  02 พ.ค. 2553 เวลา 06:24:35  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   9) ยโสธร  
  ต้องแล่ง    คห.ที่102)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณบ่าวหน่อ:
คุณสาวส่า เมืองยโส:
บั้งไฟกือ นี่เป็นแนวได๋น๊อจ้า
เว้าสู่ฟังแน่


ให้อ้ายเดานะ สิคล้ายๆกิ้งกือนั่นหล่ะ มีขาหลายๆ


บั้งไฟชนิดนี้   จูดแล้วสิแล่นไปเทิงดิน

 
 
สาธุการบทความนี้ : 248 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 248 ครั้ง
 
 
  04 พ.ค. 2553 เวลา 06:31:30  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   10) ร้อยเอ็ด  
  ต้องแล่ง    คห.ที่103)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คุณอ้ายโอ๊ต:


สิมคู่ วัดสระเกตุ บ้านน้ำคำ



สิมแห่งนี้จริง ๆ ที่ได้เป็นสิมคู่ ตามประวัติที่เล่ากันมา ก็ด้วยเหตุโบสถ์(ด้านซ้าย) มีมานานแสนนานแล้ว (ตามที่กรมศิลปากรได้แจ้งไว้ประมาณราวปลายสมัยอยุธยาตอนปลาย)
ชาวบ้านเกิดความไม่แน่ใจว่า เขาใช้ในพิธีกรรมอะไรบ้าง จึงไม่กล้าทำพิธีบวชให้กับพระที่โบสถ์หลังนี้ จึงได้ทำการสร้างโบสถ์ขึ้นมาใหม่อีกหลังหนึ่ง(ด้านขวา) แต่ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมไว้ดังเดิม และได้ใช้โบสถ์(สิมด้านขวา) นี้ในการทำพิธีบวชพระแทน




ชาวบ้านยังระมัดระวังเรื่องการบวชพระ   ต้องแน่ใจจริง ๆ ว่าสถานที่ในการบวชต้องเป็นสิมเท่านั้น   ถ้าไม่ใช่สิมการบวชนั้นถือเป็นโมฆะตามพุทธบัญญัติ  ดังนั้นจึงมีสิมคู่ดังภาพ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 285 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 285 ครั้ง
 
 
  17 มี.ค. 2553 เวลา 13:46:41  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   10) ร้อยเอ็ด  
  ต้องแล่ง    คห.ที่149)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
สมัยเป็นเด็กน้อย  ผู้ข่ากะเคยเห็นการขุดลอกมาแล้วเทื่อหนึ่ง

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  01 ก.พ. 2554 เวลา 19:51:26  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   10) ร้อยเอ็ด  
  ต้องแล่ง    คห.ที่155)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 



 
 
สาธุการบทความนี้ : 375 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 375 ครั้ง
 
 
  14 เม.ย. 2554 เวลา 05:11:30  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   10) ร้อยเอ็ด  
  ต้องแล่ง    คห.ที่158)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ยอดปรมาจารย์

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด + ขอนแก่น
เข้าร่วม : 17 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 787
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 1758700
รวม: 1758745 สาธุการ

 
คือสิแม่นโตปลอมเด้นิเน๊าะ  ไปหนองคายกะบ่พ้อกัน  ปีหน้าแอ่วมาเที่ยวถนนข้าวเหนียวเด้อ ปีนี้ม่วนคัก

 
 
สาธุการบทความนี้ : 247 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 247 ครั้ง
 
 
  17 เม.ย. 2554 เวลา 04:42:24  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14

   

Creative Commons License
ร้อยเอ็ด --- เว็บบอร์ดอีสานจุฬาฯ