ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 3 มิถุนายน 2567:: อ่านผญา 
ตกกะเทินว่าได้กำคอแข้บ่มีวางให้หางฟาด มีตั้งแต่สิเน้นคอแข้ใส่ตม แปลว่า เมื่อจับจระเข้แล้ว ไม่มีปล่อยให้หางมันฟาดเอา มีแต่จะจับให้แน่นขึ้น ไม่ให้หลุดมือ หมายถึง ทำอะไรแล้ว ให้ทำจริงๆ จังๆ ไม่พึงล้มเลิกกลางคัน


  ค้นหากระทู้ ปลาร้านอกไห  

หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40  
  โพสต์โดย   95) นิยาย กรรมลิขิต  
  ปิ่นลม    คห.ที่408)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 


ฮืมมม...หลอยเอาหยัง..... เว้าให้มันสุดเด้อ....
หรือว่าหลอย.จุด.จุด...จุด...

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  09 ก.พ. 2554 เวลา 15:58:15  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   95) นิยาย กรรมลิขิต  
  ปิ่นลม    คห.ที่442)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

ไป บวชกันไหม  จะไปก็ฟ้าวไป  เป็นฤาษีชีไพร
หนีห่างไกล  ความวุ่นวาย....

อ่านแล้ว อยากสิ ย้อน อดีตได้ เนาะ
อาชีพ นักบิน  ....ดอกหวา...

 
 
สาธุการบทความนี้ : 234 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 234 ครั้ง
 
 
  14 มี.ค. 2554 เวลา 10:53:14  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   95) นิยาย กรรมลิขิต  
  ปิ่นลม    คห.ที่463)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 
คุณบ่าวหน่อ:
คุณลุ่มดอนไข่:
คุณรุทธิ์  อีเกียแดง:
เอกลักษณ์ของเอกบุรุษผู้มีนามว่า..ลุ่มใหญ่หน่อ  


อันแหม่นหยังหล่ะทิด ลุ่มใหญ่หน่อ...


ลุ่มใหญ่หน่อ  ... หัวใจไม้ยาง
รุทธิ์อีเกียแดง ... หัวใจไม้ลำปอ




อย่าลืม......



ปิ่นลม  ตอไม้แดง แกนหล่อน

 
 
สาธุการบทความนี้ : 163 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 163 ครั้ง
 
 
  27 พ.ค. 2554 เวลา 09:52:51  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   95) นิยาย กรรมลิขิต  
  ปิ่นลม    คห.ที่492)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

หานางเอก ผู้ฮู้ ๆ เด้อ  มันจั่งเว้าบ่ยาก
เป็นแม่ฮ้าง  กะดี   ฮู้งาน  อิอิอิ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  07 ก.ค. 2554 เวลา 11:00:10  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   95) นิยาย กรรมลิขิต  
  ปิ่นลม    คห.ที่502)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

คักขนาด ทิด  อ่านแล้วเพลินดี  คารมคมคาย พัฒนาอย่างหอง
เส้นทาง ชีวิต สามสาย สิไปทางได  แล้วแต่ กรรมลิขิต

ผู้หนึ่ง ใช้ชีวิต ในเมือง ( บริโภคส่วนเกินผลผลิตจากชนบท )
คนหนึ่งใช้ชีวิต ในชนบท ( นำส่วนเกินมาแลกเป็นปัจจัย สินค้า )
คนหนึ่งใช้ชีวิต หาความสงบ ( ศึกษาปรัชญาทางดับทุกข์ )

เรื่องราวสิไปทางได๋  น่าติดตามคัก  

ลป. คือบ่ทันฮอดบทนางเอก  ปานได๋ สิพ้อ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 224 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 224 ครั้ง
 
 
  26 ก.ค. 2554 เวลา 17:05:29  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   95) นิยาย กรรมลิขิต  
  ปิ่นลม    คห.ที่536)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 
บทสรุปแล้ว  ถืกต้ม คือเก่า  ฟันธง พี่น้อง

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  09 ธ.ค. 2554 เวลา 21:30:22  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   95) นิยาย กรรมลิขิต  
  ปิ่นลม    คห.ที่538)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 
อะเค    คนหล่อน้าตาดี   คือ ทิดรุทธ์  ได้แฟน สวย รวยทรัพย์ แน่นอน

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  09 ธ.ค. 2554 เวลา 23:12:07  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   95) นิยาย กรรมลิขิต  
  ปิ่นลม    คห.ที่544)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

คักหลายทิด    เข้ากับยุคสมัย    
อย่าไปซา ฤาษี หาต้มหลาย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  10 ก.พ. 2555 เวลา 12:21:50  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   95) นิยาย กรรมลิขิต  
  ปิ่นลม    คห.ที่552)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 


ทิดอีเกีย ผ่าเหล้ามาเคล้ารัก
มาเสียหลักบักแฮง พี่น้องเอ๋ย
รินเหล้ามาผ่าน้ำ...นะทรามเชย
อย่าละเลยสาโทมาดื่มกิน

ผ่าน้ำแล้ว เอาไปซ่อนไว้ก่อน
ในสิงขร ตอบังพุ่มไม้หนา
ให้ขี้เหล้ามันลอย 3 ทิวา
ค่อยเอามา หญ๋าย...กัน เนาะหมู่เฮา

 
 
สาธุการบทความนี้ : 215 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 214 ครั้ง
 
 
  21 ก.พ. 2555 เวลา 10:09:31  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   95) นิยาย กรรมลิขิต  
  ปิ่นลม    คห.ที่571)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

คักขนาดเนาะทิด  
เว้าพื้น "ยานรก"  ชื่อมันก็บอกโจ่งแจ้ง ถึงที่มา และที่ไป
แม่นไผ เสพยาอันี้แล้ว ร่ำรวยมีความสุขสงบ หามาให้เบิ่งแน
มีแต่ ล่มจม ตกต่ำ ลงนรกทั้งเป็น
เสพแล้ว มีแต่เป็น บ้า เป็นสัตว์นรกมาเกิด
หรือบ่อยากเป็นคนแล้ว

 
 
สาธุการบทความนี้ : 731 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 730 ครั้ง
 
 
  10 ก.ค. 2556 เวลา 12:08:18  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   96) นิยาย "กรรมลิขิต" (ฉบับผญา)  
  ปิ่นลม    คห.ที่9)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 



ระหว่างรอถ่า                จารย์ใหญ่มาต่อกลอน พี่น้อง
แม่นผู๋ได๋เจ็บท้อง           ตดออกยามกลางคืน
ยืนกะเป็นคัน ๆ               เกาก้นเกาดาก
ยามมื้อเซ้า.เป็นสิฮาก        ปุ้นท้อง อั่งมโน  ฮั่นน๊า...


ขะน้อยขอขายยาฆ่าบักตืก   กินถืกคักแล้ว ยามเซ้า..หลั่งออกมา
เว้าถึงเรื่องราคา               ย่อมเยาบ่แพงดอก
กินแล้วเหลื่อม อ๊อกลอก       ใสฮั่งใสมี  
ผิวพรรณมีสี คือดั่ง สาวส่า     อยากได้ ฟ้าวฉายไฟมา ให้สัญญาณมือ กะได้


ขายเบิ๊ดกะลังนี้          นิทานลงสู่จอ พี่น้องเอ้ย...
อย่าสุพากันนั่งเสย      ซื้อหาประจำบ้าน
อันลูกสาวขี้คร้าน        พ่อกะฮัก แม่กะฮัก
เบิ่ง คัก ๆ    มีแต่ขี้กะตืก......


เอ๋า...ทางพู้น..ทางแจวัดพู้น พ่อตู้ ต้องแล่ง ฉายไฟมาแล้ว
ไป ๆ พนักงาน เอายาฆ่าบักตืกไปให้เลา

......................
"แม่นหยังเก๊าะ....เลาบ่ได้ซื้อวะติ   บ่ซื้อแล้วฉายไฟเฮ็ดหยัง"
" หืมม...เฮ็ดเงินเหรียญห้า เหี่ยอยู่ฮั้ววัด  แยงไฟหาเงินเหี่ย ซื่อ ๆ บุยย..
นึกว่า สิอุดหนุนจักขวด ซั้นดอก พุมักกินก้อยเดิก "    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 330 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 330 ครั้ง
 
 
  10 ก.ย. 2553 เวลา 15:42:26  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่0) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 


ESANIA Sector 9

อีซาเนีย เซ็คเตอร์ ไนน์


นครที่สาบสูญ


เรื่องราวของแผ่นดินอีสาน อีก 5000  ปีข้างหน้า
ร่วมผจญภัยไปกับ สามเจ้าหน้าที่สำรวจทรัพยากร ที่ได้รับมอบภารกิจ อันท้าทาย
เพื่อตามหา นครที่สาบสูญ  ในยุคแห่งอนาคตกาล


รอพบกับ นิยาย ( บ่เป็นตาซิแตก ) ของ ปิ่นลม ผู้ฮ้าย กระบี่พ่อลูกอ่อน

ที่นี่ เร็วๆ นี้     

ปล.ห้ามมี เวอร์ชั่น ผญา  ( ขี้คร้านถ่า )

 
 
สาธุการบทความนี้ : 742 ครั้ง
จากสมาชิก : 3 ครั้ง
จากขาจร : 739 ครั้ง
 
 
  20 ก.ย. 2553 เวลา 21:05:50  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่6) ตอนที่ 1 ปฐมบท      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 


ขอบคุณเจ้าของภาพ จาก อินเตอร์เน็ต


“ ระบบลงจอด อัตโนมัติ เริ่มทำงาน  กรุณา ระบุ หมายเลขพื้นที่ลงจอด  to English  press  1  to Laow  press  2  “

เสียง อีวา เครื่องคอมพิวเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์  ระดับโกล์คลาส  บอกเตือน สมาชิกทุกคนในยานสำรวจ
ที่มีชื่อว่า ” มะละแหม่ง”  ทำให้ อีฟ มนุษย์หลอดแก้ว ผู้ทำหน้าที่ต้นหน ยานลำนี้สะดุ้งตื่น
“ กับตันคะ กับตัน  อีวาให้ระบุตำแหน่งลงจอด คะ “ สาวสวยร้องบอก หัวหน้ายาน

“ กรุณาเหอะ คุณอีฟ  อย่าเรียก คำนำหน้าผมว่า กับตันเลย  มันเป็นศัพท์โบราณ บอกกี่ทีแล้วให้เรียกผมว่า

“ปีโป้” “
หัวหน้ายานหนุ่ม มาดเข้ม ผู้รับคำสั่งจากสมาพันธ์ lose human ให้นำยานมาสำรวจพื้นที่รกร้างแห่งนี้
เค้นเสียงห้าว ดังมะพร้าวเดือน 6  เตือนหญิงสาวที่กำเนิดจากหลอดแก้ว น้ำเสียงดูไม่สบอารมณ์เท่าใด
“ คะ ปีโป้  ขออภัยที่เรียกท่านด้วย คำศัพท์โบราณ   คงเพราะมองหน้าท่านทีไร คิดถึงแผนกโบราณคดี “

เธอเชิดหน้าใส่ “ปีโป้”  หรือ กับตัน  ทำท่างอนนิด ๆ แถมท้ายด้วยคำเหน็บแนม เร่าร้อนถึงทรวง

“ อีวา  ทวนคอมมานต์ ใหม่อีกครั้ง  ปีโป้ปิ่น สั่ง “
เธอกลับมามองหน้าจอภาพโพลีแกรมม่า  จำลอง  3 มิติ  พร้อมสั่งการ ปัญญาประดิษฐ์ด้วย เสียงอีกครั้ง

“ ระบบลงจอด อัตโนมัติ เริ่มทำงาน  กรุณา ระบุ หมายเลขพื้นที่ลงจอด  to English  press  1
to ลาว  press  2  ไม่เคยสนใจคำเตือนเลยนะ ปิ่นศักดิ์ “

“ อุวะ ใครสอนให้คอมพิวเตอร์นำร่อง ให้ กระแนะกระแหน  อย่าทำตัวให้เหมือนมนุษย์นักเลย อีวา “
ปิ่นศักดิ์ หรือ “ปีโป้ปิ่น “ ลุกจากเก้าอี้รูปไข่ มายืนอยู่ตรงหน้า แผงจอโพลีแกรมควบคุมยาน

“ กด  2  เลยหนูอีฟ  เข้าสู่โหมด ลาว อีซาเนีย “

“ เข้าสู่ โหมด อีซาเนีย   นี่เป็นเทื่อตำอิด ที่ลงซอกหาเดิ่นก้วง  ฮิบฟ้าว..กด หมายเลข ถ่อน “

เสียงอีวา เปลี่ยนภาษาพูดในทันที ที่ปลายนิ้วกดปุ่ม หมายเลข  2
“ เอ้อ.จั่งซี้  พอไคแน เหวย “  ปีโป้ปิ่น ยักไหล่พึงพอใจ
“ อีวา  ลงจอด ที่ SECTOR  9 “  ปีโป้ปิ่น ออกคำสั่ง ระบุหมายเลขพื้นที่ลงจอดโดยท่าทางตื่นเต้น

“ เข้าสู่โปรแกรมลงจอด  ยานจะ “เนิ้ง”  สักหน่อย กรุณา “ งอย” ดี ๆ อีวาขอเตือน “

“ อะไรคะปีโป้  “เนิ้ง”  กับ “งอย”   หนูไม่เห็นรู้เรื่องเลย  “ สาวหลอดแก้วอีฟ บ่นอุบอิบ
ปีโป้ปิ่น กำลังจะอธิบาย ศัพท์ ในโหมด อีซาเนีย ให้อีฟฟัง แต่ลำยานก็ เอียงวูบ จนอีฟ ไถลทรงตัวไม่อยู่
ถลาเข้ามาซบอก กับตันปิ่นศักดิ์ อย่าไม่ได้ตั้งใจ
“ อุ้ย..!  “
อีฟอุทานตกใจ ส่วนปีโป้ปิ่น รีบประคอง สาวหลอดแก้วไว้ก่อนจะทรุดลงกับพื้น ยานเอียง เกือบ 45 องศา
พุ่งด้วยความเร็ว แหวก เมฆฝุ่นสีขาวขุ่น ลงสู่เบื้องล่าง   ทั้งสองต่างยันกายทรงตัวไว้สุดกำลัง
เสียงเมฆฝุ่น อันมีสารประกอบหลัก คือ คาร์บอนด์ไนท์  ที่ควบแน่นจับตัวกันเป็น อะตอมสสารขั้วบวก
เสียงสีกับผิวชั้นนอกของยาน จนเป็นประกายไฟ  เสียงอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์
.........................................................................................................

เบื้องล่างคือ ทะเลทราย สีขาวปนเหลืองสนิม  เวิ้งว้าง มีสันเขาสีเทาทึมรายล้อม ไร้ร่องรอยของสิ่งมีชีวิต
ระลอกคลื่นทรายที่ถูกลมพาพัด ทับถมกันเกิดเป็น สันทราย  ลูกแล้วลูกเล่า ดังเกลียวคลื่นในมหาสมุทร
เพียงแต่มันเป็นพื้นทราย มิใช่พื้นน้ำอันช่ำเย็น
มองขึ้นไปเบื้องบน เห็นวัตถุสีเงิน มันวาว กำลังแหวกม่านเมฆลงมาด้วยความเร็วสูง วัตถุรูปร่างแบน ๆ
รูปทรงสามเหลี่ยม พุ่งลงมาพอใกล้ถึงพื้น กลับชะลอความเร็ว ปล่อยพลังงานลง ต้านแรง G  จนฝุ่นทราย
คละคลุ้งตลบอบอวล  เป็นม่านฝุ่นอำพรางสายตา
“ การลงจอดสิ้นสุด...ถึงแล้ว   ESANIA  SECTOR   9 “    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 740 ครั้ง
จากสมาชิก : 3 ครั้ง
จากขาจร : 737 ครั้ง
 
 
  21 ก.ย. 2553 เวลา 00:49:53  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่15)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

thank you very much Bow Noe for subtitle English  

if  the foreigner has read . I am will a writer "  madman department "
hope that ,   you will write the translation end .



........BOW PIN...............    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 559 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 559 ครั้ง
 
 
  21 ก.ย. 2553 เวลา 11:23:17  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่19)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 
คุณสาวส่า เมืองยโส:
ขอคำแปล subtitle แน่จ้า
อิอิ


thank you very much Bow Noe for subtitle English    
ขอบคุณอย่างหอง ครับ บ่าวหน่อ     สำหรับ ตัวอักษรบรรยายอังกฤษ


if  the foreigner has read . I am will a writer "  madman department "
หากว่า ไทต่างชาติ มาอ่าน     ข่อย สิบ่เป็น  นักเขียน  " แผนกคนป่วง " ติฮึ


hope that ,   you will write the translation end .
หวังว่า          เจ้าคงสิเขียน คำแปล ( ภาษาอังกฤษ ) ให้จบน้อ



........BOW PIN...............  
        บ่าวปิ่น
ลป.จัดให้แล้วเด้อ น้องหล่า

 
 
สาธุการบทความนี้ : 561 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 561 ครั้ง
 
 
  21 ก.ย. 2553 เวลา 13:00:26  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่22) ตอนที่ 1 ปฐมบท ( ต่อ)      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 


ขอบคุณภาพ ชุดนาโนโพเทค ( ภาพจาก google)

เมื่อยานสงบนิ่ง อีฟสาวน้อย รีบใช้ โปรตอนเวฟ สำรวจ โปรตอนเวฟ คือ คลื่นพลังงานเสถียร ของอนุภาค
ที่คิดขึ้นโดย “ ติ่งตั๊บ “ นักวิทยาศาสตร์เชื้อสาย โคมานยอง  หลักการทำงานคือ ยิงอนุภาคโปรตอน เพื่อ
แทรกซึม ทุกอณูมวลสาร ในรัศมี แล้ว วิ่งกลับมายังแหล่งกำเนิด บันทึกความเปลี่ยนแปลง ใช้ในการสำรวจ
หาวัตถุหรือสิ่งมีชีวิต

“ ไร้ร่องรอย สิ่งมีชีวิตค่ะ   ลงไปเก็บตัวอย่างกันดีกว่า  พร้อมหรือยังคะ ปีโป้ปิ่น “
อีฟส่ายหัวผิดหวัง นึกว่าจะมีอะไรให้ระทึกบ้าง
“ โอเลี้ยง...เตรียมเครื่องบันทึก  รอนิดหนึ่งนะ “  
ปีโป้หนุ่ม ทำท่าทางหาเครื่องไม้เครื่องมือ
คำว่า “ โอเลี้ยง “  แปลว่า  ตกลง มาจากรากศัพท์ คำว่า โอเค เดิมที ชาวเผ่ายูโร่ ใช้เมื่อ เกือบ 5000 ปีมาแล้ว
ปัจจุบัน สำนักวิจัยคลื่นภาษา ได้กำหนด ให้ใช้คำว่า โอเลี้ยง แทน โอเค  เนื่องจาก  คำว่า เค  แปลว่าเบี้ยว
ฟังดูไม่เหมาะสม   ส่วนคำที่เอามาแทน เอามาจากบันทึกโบราณ เป็นชื่อของ เครื่องดื่มชนิดหนึ่ง
ที่ไม่มีคนดื่มแล้วเมื่อเริ่มยุค นาโน  นานโข ร่วม 2000กว่า ปี ปัจจุบัน เครื่องดื่มชนิดนี้ สาบสูญ

“ อีฟ  ผมขอดูภาพมุมกว้างของพื้นที่หน่อย “  พูดพลางเอามือ กางออก ทำท่าทางวัดองศา
“ ได้เลยค่ะ ปีโป้ “
สาวน้อยผู้ได้รับการฝึกมาอย่างดี รีบใส่ชุดคำสั่งทาง แป้นพิมพ์  3  มิติ
ภาพทะเลทรายอันเวิ้งว้าง รายรอบด้วยสันเขา ปรากฏขึ้นตรงหน้า ดังว่า กับตันหนุ่ม ยืนอยู่ด้านนอกของยาน
เห็นรายละเอียดแม้กระทั่งเศษทราย คลุ้งกระจายตามลมพา
“ นี่เหรอ ดินแดนที่เคยศิวิไลซ์ “  ปีโป้ปิ่น ครางในลำคอ เมื่อเพ่งพิจลักษณะพื้นที่
“ อยากรู้จริงนะคะ 2500 ปีก่อน เกิดอะไรขึ้น “
“ อืมม...”

กับตันปิ่นศักดิ์ ชำเลืองตา ใช้หัวคิดทบทวนความรู้เดิม  เขาไม่รู้ว่า 2500 ปีก่อน เกิดอะไรขึ้นที่นี่ รู้แต่เพียงว่า
กาลก่อน เคยเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ หลากหลายทางชีวะภาพ   แต่เนื่องจาก คลื่นแม่เหล็กโลก
เปลี่ยนทาง  เกิดภาวะ global warming โลกร้อนขึ้น 7 องศา ปริมาณคาบอนด์ ในอากาศมีเข้มข้น
น้ำทะเลท่วมสูง เปลือกโลกเคลื่อนตัว  ผู้คนบ้าคลั่ง เข่นฆ่ากัน เข้าสู่กลียุค  มหันตภัยแห่งความอดอยาก
คุกคามทั่วหัวระแหง พืชพันธุ์และสัตว์ต่างๆ ล้มตาย  จนเกือบเข้าขั้นสูญพันธุ์ อารยะธรรมต่างสูญสลายไป

คาบอนด์ เป็นธาตุมีพิษภัยมหันต์ ให้พลังงานเพียงน้อยนิด  เมื่อเทียบกับ ธาตุ อารากอนด์ ที่ขุดได้จากดวงจันทร์  ธรรมดาธาตุเชิงเดี่ยว ชนิดเก่าแก่ ที่เรียกว่า คาบอนด์ กำเนิดพร้อมกันกับโลกใบนี้
คราเมื่อโลกยังมีแต่ภูเขาไฟ ไร้สิ่งมีชีวิต โลกพยามปรับสภาพตัวมันเอง โดยขบวนการ แช่มช้านานนับล้านปี
เพื่อเก็บซ่อนธาตุมีพิษภัยนี้ไว้ใต้เปลือกโลก ให้มากที่สุด ในรูปแบบ”น้ำมัน” และเชื้อเพลิงชนิดก๊าซ
กักเก็บไว้ ใต้พิภพ จนเอื้ออำนวยต่อ  สิ่งมีชีวิตชนิด เซลล์เดียว
จากนั้นวิวัฒนาการของสิ่งมีชิวิตเริ่มต้นขึ้น จนถึงยุค โฮโมเซเปียน  จนถึงยุคมนุษย์ดังที่เห็น

เหตุผลของ โฮโมเซเปียน ที่ขุดพลังงานคาบอนด์ กลับออกมาใช้ ทั้งที่โลกใบนี้พยายามกำจัดมัน
คือ” อยากให้ทันใจ “ซึ่งสวนทางกับ วิธีการของโลก คือ ค่อยๆปรับสภาพ  ให้ทุกสิ่งสรรพ ที่มีชีวิตดำรง
เหตุผลอยากควบคุม อยากมีอำนาจเหนือเผ่าอื่นๆ  ด้วยการทำสงคราม  อยากยืนยันแนวคิดตน ว่ากูถูก
มึงผิด  ด้วยการทำลาย   อีกกลุ่ม และวิวัฒน์มาเป็นพลังงานที่จำเป็นในกิจกรรมการดำรงชีพ
บางคนในยุคนั้น คิดว่าหากโลกไร้”น้ำมัน”  หรือพลังงานคาบอนด์ คงต้องกลั้นใจตายเป็นแน่  แท้จริงแล้ว
ชีวิต โฮโมเซเปียน  กำเนิดจาก ภาวะคาบอนด์ไคซิส หรือ คาบอนด์ถูกจำกัด


พลังงานคาบอนด์ จึงเป็นตัวเลือก ในการขุดขึ้นมาสนองความต้องการ  จนในที่สุดก็เลยเถิด
จนโลกไม่สามารถรับได้  จึงเข้าสู่กระบวนการ Reset อีกครั้ง
เริ่มจาก แผ่นดินไหวถี่ขึ้น  ( โลกขยับตัว )  ภัยธรรมชาติ ( โลกปรับสมดุล )  และ มิคสัญญี  ( สัตว์โลกวิปริต)
ดินแดน อีซาเนีย จึงเหลือไว้เพียงกองทราย เนินทราย และสันเขาอันไร้ความรู้สึก

“ ปีโป้ คะ  คิดอะไรอยู่ “  อีฟสะกิดให้ ปีโป้ปิ่น รู้สึกตัว ตื่นจากภวังค์ความคิด
“ เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก “ กับตันปิ่น ยิ้มเปรยๆ
“ หวางคัก ลงไปสำรวจโลด  บ่มีฮอด “ฮี้น”   อย่าลืมใส่ ชุด นาโนโพเทค ป้องกันรังสี นำเด้อ “
อีวาปัญญาประดิษฐ์ ประจำยาน ยังพูดเป็นภาษาโบราณเฉพาะกิจ ในโหมด อีซาเนีย
“ ฮี้น.คืออะไรคะกับตัน “ อีฟสงสัย เพราะไม่ได้เรียน ภาษาโหมด อีซาเนีย  ถามปีโป้ปิ่น

“ ฮี้น..คือ แมลง ที่กิน โฮโมโกบินหรือ HB  ในเม็ดเลือดเป็นอาหาร  เป็นพาหนะนำโรคประหลาด
อันตรายมาก แต่ว่า ในทะเลทรายแบบนี้ คงไม่ต้องกังวลหรอก “

ปีโป้ปิ่นพูดให้คนฟังรู้สึกว่า สถานการณ์ไม่น่ากลัว  อีฟสาวหลอดแก้ว ถอนหายใจแล้วเตรียมเอาเครื่องมือ

“ เอาหละ เปิดประตูยานได้   ไปกันเหอะ อีฟ  ไปทำภารกิจให้เสร็จสิ้น “
“ โอเลี้ยงค่ะ ปีโป้ “ อีพทำตาโตท่าทาง ตื่นตัวเต็มประดา
“ แน่นอน..โอติมหลอด อยู่แล้ว “  

กับตันปิ่นยืดอก ก้าวนำหน้าเดินไปยังประตูยานที่กำลังเปิดออก  ได้กลิ่นดินทรายโชยมาแต่ไกล
เปลวแดดระอุ เห็นเป็นภาพซ้อนวูบวาบ ดังภูติพราย ยื่นมือต้อนรับสู่ ดินแดนที่สาบสูญ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 401 ครั้ง
จากสมาชิก : 3 ครั้ง
จากขาจร : 398 ครั้ง
 
 
  21 ก.ย. 2553 เวลา 13:43:30  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่27)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 


ขอบคุณเจ้าของภาพ

ปีโป้ปิ่น ฝากมาบอก ครับ

โอติมหลอด
หรือ ไอติมหลอด

คือไอศรีม แบบหนึ่ง ยู้ใส่รถขาย ตามชนบท เด็กน้อยแล่นนำเป็นพวน
กายบ้านได๋ เด็กน้อย ไห้นำก้น ซวด ๆ ถ่อนแหล่ว

หายสาบสูญไป ประมาณ ค.ศ. 2050


สมัย 5000 ปี ข้างหน้า  กล้วย อ้อย หรือ ไก่กา หมู ต่างๆ  สูญพันธุ์
เพราะกระบวนการ Reset ของโลก
คนสมัยนั้น กินอาหารคือ สาหร่ายสีน้ำเงิน เป็นอาหาร แทนสิ่งต่างๆ ดังกล่าวมา
มีการพัฒนาเอา สาหร่ายสีน้ำเงินที่ปลูกในทะเล มาทำเป็น ไอครีมหลอด
สำหรับ อ่อยเด็กน้อยผู้ เบื่ออาหาร เป็น ซาง หรือ ตานโขมย
โอติมหลอด หรือ ไอติมหลอด จึง ฟื้นคืนชีพ นับแต่บัดนั้น ขะน้อย

เด็ก ๆ ทุกคน สมัยนั้น จึง รู้จัก โอติมหลอด แทบทั้งสิ้น
คำในความหมาย ที่ ปีโป้ปิ่น กล่าว  
" โอติมหลอด " จึงหมายความว่า  เรื่องเด็ก ๆ เล็กน้อย   ขะรับกระผม

 
 
สาธุการบทความนี้ : 316 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 316 ครั้ง
 
 
  21 ก.ย. 2553 เวลา 15:22:51  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่35)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 
คุณสาวส่า เมืองยโส:
แม่นอยู่จ้า อ้ายลุ่มฯ
แค่เลาคิดให้ระบบคอม อีวา มีโหมดภาษาลาว นิ
น้องกะงึดแฮงหลายแล้ว คอม + ภาษาลาว
ไผสิคิดว่ามันไปนำกันได้

เขียนดี  ๆ อ้ายปิ่น เรื่องนี้สิให้ส่งชิง ซีไรส์ อีหลีได๋




เอาเข้าชิงรางวัล "ใส่หลี่ " สา  
รางวัล ซีไรท์  มันบ่ได้ กินปลา

 
 
สาธุการบทความนี้ : 238 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 238 ครั้ง
 
 
  23 ก.ย. 2553 เวลา 10:09:45  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่46) ตอน ปฐมบท (3)      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 



ก้าวแรกที่เหยียบย่าง ในดินแดนทะเลทรายอันเก่าแก่  ปีโป้ปิ่น หรือ กับตันปิ่น  เอามือทั้งสองข้างลูบศีรษะ
ปฏิบัติตัวเหมือนธรรมเนียม ชาวอีซาเนียโบราณ ก่อนลงมือกินข้าว  สาวต้นหนยาน อดสงสัยไม่ได้
“ ทำแบบนั้นทำไมคะ ปีโป้ปิ่น “  
“ มันเป็นความเชื่อครั้งโบราณ คนสมัยก่อนยุคนาโน เชื่อว่า หากเอามือลูบหัว ทุกอย่างจะลื่นไหล “

ปีโป้ปิ่นอธิบาย
“ ทำไมถึงลื่นไหลหละคะ “ อีฟยังช่างสงสัย ตามนิสัยของนักวิทยาศาสตร์

“ บนหัวเรา มีน้ำมันโยนี  หรือ น้ำมัน  H   ติดตัวมาเมื่อเราคลอด  5000 ปีก่อน เชื่อว่าช่วยให้ทุกอย่างราบลื่น”

ว่าแล้วก็กระแอมอย่างผู้รู้
“  ยุคนี้แล้ว ปีโป้ปิ่น ยังเชื่อเรื่องแบบนี้อยู่หรือคะ  ช่างรับกับหน้าตา เสียเหลือเกิน “ อีฟค่อนขอดได้จังหวะ
“ ขอบคุณในคำชม  แต่คราวหลังไม่ต้องก็ได้นะ “


อีซาเนีย ดินแดนกว้างใหญ่ อดีตเป็นถิ่นอุดมไปด้วย ศิลปวัฒนธรรม อารยะธรรม  แม้จะสาบสูญไป
ครั้งเกิดภัยพิบัติ และกลียุค  ปัจจุบัน ล้วนถูกหมายปอง และสำรวจ โดยทุกสมาพันธ์
หลังจากเหตุการณ์มหาวิบัติเกิดขึ้นในครั้งนั้น มนุษย์ในโลก แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ 3 กลุ่ม
หรือ 3 สมาพันธ์  ที่เรียกว่า สมาพันธ์ เพราะมนุษย์สมัยนี้ ไม่มีประเทศ ไม่มีสาธารณรัฐ เหมือนโบราณ
เพราะการมีประเทศ คับแคบในเรื่องอัตตลักษณ์ และมักใช้เป็นข้ออ้างทางผลประโยชน์ ในการทำลายล้างกัน
หลังๆ มา  มีการรวบรวมกลุ่มชนผู้รอดชีวิต ซึ่งมีน้อยเต็มที มาเป็น 3 กลุ่มได้แก่

1  ยูโร่ มาส สะตาด  ( UMS )  ชนผู้มุ่งพัฒนาด้านเทคโนโลยี
2  เปาเอ็ม วอส        (  POW ) ชนผู้มุ่งชำระล้างทางจิตใจ พัฒนาด้านพลังจิต
3  รอรีเอะ               ( ROE )    ชนผู้มุ่งสันติอนุรักษ์นิยม
กลุ่มแรก UMS อาศัยในแถบขั้วโลกเหนือ  กลุ่มที่สอง POW อยู่แถวๆ เส้นศูนย์สูตร และสุดท้าย ROE
อยู่แถวๆ ขั้วโลกใต้  กับตันปิ่น เป็นพวก  POW หรือ เปาเอ็มวอส


ย่างก้าวแรกที่ลงสำรวจ ปีโป้ปิ่น ไม่ลืมเปิดเครื่อง สแกนเรีย เพื่อตรวจสอบวัตถุเชิง วัฒนธรรมโบราณ
แม้ว่า สมาพันพันธ์ เปาเอ็ม วอส ( POW )  จะไม่เน้นพัฒนาศักยภาพทาง เทคโนโลยี เท่าใดนัก
แต่ก็พอมี เครื่องมือที่จำเป็น อันทันสมัยบ้าง เพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมเท่านั้น
ฝุ่นผงทราย คลุ้งตามลมแรง  เนินทรายด้านหน้า ถูกปกคลุมไปด้วย ริ้วทราย ดังหนอนตัวใหญ่นอนสงบ
“ ปีโป้ปิ่นคะ เราไม่มีอาวุธมาด้วยหรอ “ อีฟถาม
“ เราไม่ได้รับอนุญาต ให้ พกพาอาวุธ อันเป็นเหตุให้ มนุษย์เหิมเกริม ทำร้ายสิ่งต่าง ๆ  มันเป็นกฎ “
“ แล้วถ้าหากเราเจอ พวก ยูโร่ มาส สะตาด ละคะ “  อีฟยังไม่วางใจ

“ ในชุดนาโน โพเทค ของเรา มีปุ่มอันหนึ่ง ซึ่งเอาไว้หนีภัย ฉุกเฉิน “ ปีโป้ปิ่นอธิบาย
“ ตรงไหนคะ “ สาวน้อยอีฟซักไซ้
“ ตรงก้น นั้นหละ รับรอง พวกนั้นทำอะไรเราไม่ได้ “  ปีโป้ปิ่นทำท่าขึงขัง
“ เขาเรียกมันว่าอะไรคะ “
กับตันหนุ่มทำท่าทางทบทวนความรู้ นิดหนึ่ง
“ เขาเรียกมันว่า ปุ่ม “ ให้อาหารสุนัข “ “
“ อุ้ย...ชื่อพิลึก  ไม่เห็นเคยได้ยิน แล้วถ้าเรียกเป็นภาษาอีซาเนียหละ คะ “   อีฟรู้สึกขำ ๆ
“ อืมม...ปุ่ม เกียหมา “
ปีโป้ปิ่นตอบ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 790 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 789 ครั้ง
 
 
  27 ก.ย. 2553 เวลา 20:02:41  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่52)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

บ่ต้องเถียงกัน  ได้เจอทุกเผ่า แน่นอน บทต่อไป

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  28 ก.ย. 2553 เวลา 07:35:52  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่65)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 



อันนี้ บ้อ   ลายๆ   โต สอง โต

 
 
สาธุการบทความนี้ : 265 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 265 ครั้ง
 
 
  29 ก.ย. 2553 เวลา 18:08:20  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่69)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 
คุณสาวส่า เมืองยโส:
ตื่นเบิด คนเอ้ย
ข่อยสิบ่ขอหยังนำหมู่เจ้าอีกแล้วล่ะ เป็นตาหน่ายฮ้าย




ฮ้วย...เคียดไว แถะ   มา มา หล่า... แอะ  แอะ   มาเอาหมาน้อย ไปเลี้ยง
แข่วบ่ดี หย่ำข้าวให้มันกิน บ่ได้  ผู้ แข่วดี มาเอาไปเลี้ยง  เร้ว....

 
 
สาธุการบทความนี้ : 247 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 247 ครั้ง
 
 
  30 ก.ย. 2553 เวลา 16:12:23  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่78)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

สำหรับผู้คองคอยถ่า ตอนใหม่บทใหม่  ขออภัยอย่างหอง
ผู้เขียน สิ เมือบ้าน ทางสกลคร  เฮ็ดธุระปะปัง  สิถ่ายฮูปมาฝากเด้อ..
วันอังคาร กะซอด ดอก

 
 
สาธุการบทความนี้ : 460 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 460 ครั้ง
 
 
  01 ต.ค. 2553 เวลา 15:52:51  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่80)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 



ย้านมีแต่ อันนี้ เต็มตาล่างเฮือน เด้ บ่ได้กลับนานแล้ว

 
 
สาธุการบทความนี้ : 301 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 301 ครั้ง
 
 
  01 ต.ค. 2553 เวลา 16:37:54  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่86) ตอน ปฐมบท (2)      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 


ขอบคุณภาพจาก อินเตอร์เน็ต

แสงแดระอุ แผดเผาลานทรายละเอียดสีเหลืองซีด  เปลวไอร้อนพวยพุ่ง มองไกลๆดังภาพหลุดโฟกัส
อุณหภูมิวัดได้จากเครื่องวัด 180  องศา  ย่างก้าวแรกที่ลงสำรวจ อีฟสาวน้อยดัดแปลงพันธุกรรม
ยกเครื่องวัดรูปไข่ทำด้วยวัตถุมันวาว กดปุ่มวัดความร้อนของบรรยากาศ
“ ปีโป้ คะ  ตั้ง 180  องศา แหนะ “  เธอเบิกตาโพลงตกใจ
“ ทำไมชอบใช้ศัพท์โบราณจังนะ  เขาเรียกว่า  180  องค์บาก  แม่คุณ “

ปีโป้ปิ่นส่ายหน้า เอือมระอา คู่หู ที่กำเนิดมาจากการดัดแปลงพันธุกรรม

“ ทำไมต้อง “บาก”  ด้วยหละคะ “  เธอถามด้วยสงสัย
“ แต่ก่อนสมัยโบราณ เวลาจะตัดไม้ใหญ่ ให้มันค่อยๆตาย  คนโบราณ จะ “บาก” หรือ ฟันให้เป็นร่องไว้ก่อน
รอบๆเปลือกไม้  ให้มันค่อยๆ แห้งตาย  เรียกว่า การ “ บาก “   ความร้อนก็เช่นกัน หากว่ามันค่อยๆ เพิ่มขึ้น
คนก็จะค่อยๆ ตายไปเหมือนต้นไม้  จึงเอาชื่อมาเป็น มาตรวัดความร้อน ทีนี้เข้าใจหรือยัง “
ปีโป้ปิ่นอธิบาย พลางเดินรุดหน้าไปยังเนินทรายที่อยู่ห่างออกไป

“ อืมม..สมาพันธุ์ Pow  นี่ตั้งชื่ออะไรก็ช่างลึกซึ้งจริงๆ นะคะ “

“ ก็ใช่หน่ะสิ สมาพันธุ์เรา เน้นการพัฒนาด้าน จิตวิญญาณ  พัฒนาด้านจิตใจและพลังจิต  จึงต้องตั้งชื่อตาม
ธรรมชาติ ตามพฤติกรรม วิถี  ต่างจากพวก UMS เน้นพัฒนาด้าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  จะตั้งชื่อต่างๆตามชื่อ คนที่ค้นพบ สูตร หรือ นวัตกรรมนั้น ๆ  เช่น เรียกมาตรวัดความร้อน  ว่า ฟาเรนไฮต์
เพราะว่าตั้งชื่อตาม นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน” เกเบรียล ฟาเรนไฮต์” ผู้คิดค้นการวัด อุณหภูมิ ในอากาศ
แท้จริงแล้ว ไอความร้อนสัมพัทธ์ ในอากาศ มีมาก่อน นักฟิสิกส์นั่นจะเกิด หรือมีมาตั้งแต่ กำเนิดอวกาศ
เขาตั้งชื่อเพราะ ให้เกียรติ ผู้ค้นพบ แต่ หาได้ให้เกียรติ ธรรมชาติที่มีมาตั้งแต่ต้น  นั่นเป็นแนวคิดที่ทำให้
มนุษย์โลกที่ยังเหลืออยู่ ณ ปัจจุบัน แบ่งแยกเป็น สมาพันธุ์ ต่าง ๆ “

อีฟยิ้มๆ เพราะท่าทางของปีโป้ปิ่น อธิบายจริงจัง เหมือนจะดึงให้เธอ เข้าสู่มโนคติ


เบื้องบน เมฆสีขุ่น ที่มีส่วนผสมของคาร์บอนด์ไนต์  ลอยเคว้งคว้าง ด้วยคุณสมบัติกักเก็บความร้อน
ยิ่งทำให้ ทะเลทราย Esania ร้อนระอุเท่าทวี ปีโป้ปิ่น กดปุ่ม เพิ่มความเข้มในการป้องกัน รังสี UV จาก
แสงอาทิตย์  ชุดนาโนโพเทค ทำงานอัตโนมัติ เพิ่มพื้นผิวด้านนอก ปกป้องมนุษย์ผู้สวมใส่

    อีฟสาวน้อย กวาดคลื่นแสกน หาสิ่งมีชีวิตและวัตถุประหลาดตามพื้นที่  บันทึกข้อมูล
ส่วนปีโป้ปิ่น ตักเอาเม็ดทรายตรงเนิน เพื่อเก็บตัวอย่าง เข้าหลอดแก้วสังเคราะห์

“ จาก อีวา  จากอีวา  ภารกิจหมายเลข 103  คุณต้องไปเก็บตัวอย่าง ที่ “เดิ่น” ลักษณะ” แปน ๆ”  ห่างจาก
จุดที่คุณอยู่  2 โยชน์   “

เสียงปัญญาประดิษฐ์ ติดต่อมาจากยานสำรวจ

“ โอเลี้ยง  รับทราบ โอติมหลอด “
กับตันหนุ่ม ตอบกลับ

“ ทำไมต้องเดินไปอีก 2 โยชน์   ทำไมเราไม่เอายานลงจอดที่นั่นเลย หละ“  อีฟทำท่าฉงวน
“ อย่าลืมสิ เราไม่ใช่สมาพันธุ์เดียว ที่สำรวจ  Esania   สมาพันธุ์อื่นก็สำรวจที่นี่เหมือนกัน จึงมีการกำหนด
เขตห้ามบิน “  
“ ไม่เข้าใจอีกหละ  ทำไมต้องมารุมสำรวจ Esania  เห็นมีแต่ทราย กับทราย ร้อนตับแตก “
อีฟส่ายหน้าไม่เข้าใจจุดประสงค์
“ ฉันว่า จุดประสงค์ คงไม่ใช่หากซากโบราณ หรือ วัฒนธรรมเก่าๆ แน่  เพราะ UMS ไม่สนใจอะไร
แบบนี้อยู่แล้ว  ต้องมีอะไรที่พวกนั้นต้องการต่างจากเราแน่ “
สาวน้อยแม้จะดูเปิ่นๆ  แต่ก็ฉลาดหลักแหลม เธออดประหลาดใจเสียไม่ได้

“ จุดประสงค์สมาพันธุ์เรา ต้องการสำรวจ ซากโบราณ หรือ หลักฐานทางวัฒนธรรม  จะได้เรียนรู้เข้าถึง
จิตวิญญาณของชาวอีซาเนีย  แต่ พวก  UMS นี่สิ ดูขัดแย้งชอบกล ว่าไหมคะ ปีโป้ “

“ พวกนั้นคงต้องการหาคำตอบเรื่อง JURA คงเป็นคำสั่งของ EBOZ “  ปีโป้ปิ่นพูดลอยๆ
“ อะไรคือ จูล่า  ปีโป้ รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ “

“ ว่ากันว่า JURA  คือ เครื่องบันทึกข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับ อีซาเนีย  ทั้งในด้าน วิถีชิวิต วัฒนธรรม
พืชพันธุ์ และ เหล่าสรรพสัตว์ ที่เคยอยู่ใน อีซาเนีย   ว่ากันว่าเป็น ปัญญาประดิษฐ์  ล้ำเลิศยิ่งกว่าปัจจุบัน
เพราะถูกสร้างขึ้นโดย A lone dragon และ Noe Four  Eye   เพื่อผดุงความถูกต้องและสมดุล
อีกทั้งยังลือกันว่า JURA  ยังเป็นที่เก็บรักษา คำทำนายเกี่ยวกับโลกของเรา และปรัชญาอันจะนำพามนุษย์
สู่ความพ้นทุกข์ “

“ 5000 ปีก่อนมีของแบบนี้ด้วยหรอคะ “   อีฟหัวเราะเบาๆ
“ ไม่รู้สิมันเป็นตำนาน ที่เล่าต่อกันมา ก่อนเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ เสียอีก “

ที่เนินทรายห่างจากทั้งสอง ร่วม 300 วา  ผืนทรายตรงใกล้ก้อนหินดาด ขยับตัวยุบยับ ดังมีสิ่งเคลื่อนไหว
ขาแปดขาสีกลมกลืนกับผืนทราย ผุดขึ้นมาจากทราย  รูปร่างคล้ายแมงมุม แต่ทำด้วยวัตถุอัลลอยด์
มันคือ หุ่นยนต์สอดแนม  Spie 101 ออกแบบคล้ายแมงมุม มีขนาดเท่า “ บึ้ง” หรือ แมงมุมโบราณ
แต่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพการสืบค้นหาข่าวและสอดแนม  สร้างขึ้นโดยสมาพันธุ์ UMS
ดวงตากลมโต โดดเด่น เป็นได้ทั้งกล้องจับความร้อนและ กล้องส่องทางไกล  มองเห็นได้ทั้งกลางวัน
และกลางคืน  มันซ่อนตัวอยู่ในทราย เมื่อได้รับสัญญาณความเคลื่อนไหว จะทำงานจับจ้องเป้าหมายที่
ผ่านมา
“ ครืด...อี..อี้....อิ  อี  “

เสียงวงจรไฟฟ้าทำงาน ขยับแขนขาทั้งแปดขาขึ้นจากทราย ดวงตาโต คู่นั้น หมุนวนเหมือนตื่นขึ้น
ไฟสีเขียวด้านบนลำตัวกระพริบวาบๆ  เหมือนกำลังส่งสัญญาณให้ สถานีควบคุม

“ มีความเคลื่อนไหว....มีคนผ่านมา... รอรับคำสั่ง...”
วงจรลอร์จิกส์ ทำงานส่งสัญญาณ
“ รับทราบ....ติดตามเป้าหมาย..รายงานความเคลื่อนไหว “
Spie 101  ตอบสนอง
หุ่นยนต์สอดแนมของสมพันธุ์ UMS ค่อยๆ ขยับตัวติดตาม ปีโป้ปิ่นและอีฟ ไปอย่างเงียบๆ
โดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว  อะไรคือเป้าหมายของ  EBOZ  ผู้นำของสมาพันธุ์ UMS  กันแน่.......

 
 
สาธุการบทความนี้ : 370 ครั้ง
จากสมาชิก : 4 ครั้ง
จากขาจร : 366 ครั้ง
 
 
  05 ต.ค. 2553 เวลา 13:55:23  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่90)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 
คุณจารย์ใหญ่:
มาอ่านก่อนหมู่ นอนเฝ้าอยู่หน้าฮ้านแต่เมื่อคืน ไผกะบ่ปลุก
มาฮอดแล้ว กะจ๊วดต่อเลยเนาะ ได้หยังมาแหน่ล่ะ

A lone dragon และ Noe Four  Eye   คงจะเป็นผู้เยี่ยมยอดในสมัยนั้นเนาะ    


จั๊กแหล่ว...เกิดบ่ทันเพิ่น    สิบ่สุดยอด  คือ ปายตาล พุ้นบ้อ...



อันนี้ ฮูบ  หุ่นยนต์สอดแนม spie 101    เอามาให้เบิ่ง ย้านคิดบ่ออก ซั้นดอก

 
 
สาธุการบทความนี้ : 400 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 400 ครั้ง
 
 
  05 ต.ค. 2553 เวลา 14:28:40  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่99)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 
คุณจารย์ใหญ่:


มีอยู่ห่อเดียวนี้ล่ะบ่าว เก็บไว้หลายปีแล้ว ถ้าอยากได้บ่ให้ซื้อหรอก ให้ฟรีเลย


เสี่ยงไว้ ดีๆ เด้อ ระวัง ยูโร่มาส สะต๊าด มาหลอยเอาเด๋  เพิ่นแห่งตามหาอยู่ ยาอันนี้
รู้สึกว่า อันนี้ ยังบ่เก่าปานได  ของแท้ ต้อง เป็นยา "ปวดหาย"   เพิ่นเปลี่ยนชื่อมาเป็น
ยา "บวดหาย"  เพราะว่ากฏหมายระบุไว้ ห้ามโฆษณาเกินจริง พะนะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 332 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 332 ครั้ง
 
 
  10 ต.ค. 2553 เวลา 09:34:44  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่101)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 


ภาพหุ่นสำรวจ
ขอบคุณภาพจาก อินเตอร์เน็ต

“ คำเตือน อุณหภูมิ  181 องค์บาก   คาดว่าจะเพิ่มอี 10 จุด  ตอนเที่ยงวัน “
คอมพิวเตอร์นำร่องแสดงผลเตือน ในหน้าจอของชุดนาโนโพเท็ค ของทั้งสองนักสำรวจ  
ปีโป้ปิ่นถอนหายใจเฮือกใหญ่ อุณหภูมิขนาดนี้ ทุกสิ่งที่มีโมเลกุลประกอบของน้ำ คงต้องระเหยไปสิ้น
เนินทรายด้านหน้าดูเหมือนจะสูงใหญ่ขึ้นเมื่อเดินเข้ามาใกล้  ทุกเม็ดทรายล้วนร้อนระอุดังถูกทอดในกระทะ
ยังดีที่ชุดนี้ออกแบบให้ทนทาน สภาวะอันสุดทนนี้ได้
“ ปีโป้คะ  สำรวจแล้ว สแกนลงไปใต้ดินลึก 40 เมตร ไม่มีวัตถุต้องสงสัย ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างเลย
บรรยากาศก็ร้อนยังกะ กระทะทอดน้ำมัน “  อีฟส่ายหน้าผิดหวัง
“ อดทนหน่อยเราใกล้จะถึงจุดสำรวจที่ระบุในภารกิจแล้ว ข้ามเนินนี้ไปก็ถึงแล้วหละ “
ปีโป้ปิ่นยังนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน ก้าวนำหน้าอย่างมั่นคง  พาสาวน้อยข้ามเนินทรายไป
“ จั๊กอีหยัง อีมะหลอก จ๊อกแจ๊ก   “

เสียงอีวา ส่งสัญญาณมาทำให้ทั้งสองหยุดชะงักที่กลางสันทราย
“ทวนใหม่สิ อีวา ฉันไม่เข้าใจ “ อีฟรีบกดปุ่ม ทวนสัญาณติดต่อสื่อสาร
“ พอก่ำก่า  ระบุไม่ได้ ว่าคืออีหยังติงคิง ด้านหลัง  แต่จับสัญญาณได้ พอกะเทิน “

อีวาส่งสัญญาณตอบมา  อีฟถอนหายใจจนหน้าอกกระเพื่อม แสนระอา กับรหัสภาษาเอียซาเนีย
“ ปีโป้คะ แปลหน่อยสิ “  แล้วก็โยนให้เป็นหน้าที่ของปีโป้ปิ่น
“ เหมือนอีวา จะจับสัญญาณ ความเคลื่อนไหวบางอย่างได้ แต่ไม่แน่ชัด ว่าเป็นอะไร “ กับตันหนุ่มกล่าว

“ถ้าเป็นพวก UMS หละ  เราแย่แน่ ทำไมเขาไม่ให้เราพกอาวุธมาด้วย คะปีโป้ “ อีฟหน้างอขึ้นทันใด

“ เราเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้พัฒนาแล้ว   เราไม่สร้างอาวุธ  เพราะไม่อยากล้มเหลวเหมือนในอดีต
สมัยก่อนนับหลายพันปี ธุรกิจที่ทำเงิน ทำรายได้มหาศาลกว่าทุกกิจกรรมคือ ค้าอาวุธ  , ขายอาวุธ
ก่อสงคราม,ก่อความขัดแย้ง  มนุษย์สมัยนั้นใช้ แร่เงิน แร่ทองคำ  ทำร้ายเผ่าพันธุ์ตัวเอง  โดยใช้อาวุธ
เป็นเครื่องมือ  หลังเกิด มหาวิบัติโลก ทางสมาพันธุ์ได้เปลี่ยนความคิดใหม่ พัฒนาด้านจิตใจ ไม่สร้างอาวุธ “

ปีโป้ปิ่นอธิบาย พลางสาวเท้าอย่ารีบเร่ง เหมือนระแวงอยู่ไม่น้อย

“ แต่พวก UMS ไม่คิดอย่างเรานี่คะ  พวกเขามีอาวุธ  แล้วถ้าพวกเขาจู่โจมเราหละ “  อีฟมีสีหน้ากังวล
“ จำปุ่มเกียหมาได้ไหม นั่นหละทางรอดเดียวของเรา “

ปีโป้ปิ่นบอก พลางเอามือลูบที่ก้นตัวเองคลำหา”ปุ่ม นิรภัย” ที่ว่า เพื่อให้มั่นใจว่าพร้อมใช้งาน



บริเวณพื้นที่ Secter 9.130   เป็นลานทรายกว้าง ๆ  จากการค้นพบแร่ธาตุในเม็ดทราย ทราบว่าตรงนี้
เคยเป็นแอ่งก้นหนองน้ำขนาดใหญ่ เมื่อหลายพันปี  ที่ตรงนี้นี่เองที่เป็นเงือนงำ ให้ทั้งสองมาสำรวจ
“ ถึงแล้ว พื้นที่สำรวจในภารกิจ จัดการตั้งเครื่อง สแกนดิเนียเตอร์ เลยหนูอีฟ “
กับตันหนุ่มสั่งการให้จัดตั้งเครื่องมือทันที
อีฟหยิบเอากล่องวัตถุมันวาวสีเงิน รูปร่างกลมเกลี้ยง ออกมา กดปุ่มทำงาน แล้วโยนไปด้านหน้า
ทันทีที่กล่องถึงพื้น มันก็เปลี่ยนร่างเป็นหุ่นยนต์รูปร่างประหลาด  มีขายาวๆ 4 ขา มีสว่าน
เจาะลงสู่ใต้พื้นทราย ตรงส่วนหน้า
“ ครืด..ครืด .. “  
เอาหละเรามาดูที่จอมอนิเตอร์กัน ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง “  
กับตันหนุ่มกาง จอพลาสม่า ที่มีขาดบางเฉียบ แล้วนั่งยองๆ ดู ความเคลื่อนไหว
“ ลิงค์ สัญญาณเรียบร้อย  พร้อมรายงาน “  อีวาย้ำเตือนว่าอุปกรณ์สำรวจทำงาน 100 %
“ แปลกมาก  บริเวณนี้ สนามแม่เหล็กแปรปรวน  เหมือนมีพลังงานบางอย่าง เบี่ยงเบนสนามแม่เหล็กโลก “
ปีโป้ปิ่นเอามือเกาคาง เหมือนกำลังขบคิด



สนามแม่เหล็กโลกเกิดจากการกระบวนการหมุนของโลก กล่าวคือโลหะหนักที่มีสถานะเป็นของเหลวที่อยู่ในแกนโลกมีการหมุนวน ทำให้เกิดสนามแม่เล็กที่เอียง
ทำมุมประมาณ 10 องศาจากแกนหมุนของโลก
แกนโลก แบ่งได้เป็นสองส่วน ส่วนนอกหรือ แกนนอก(outer core) กับส่วนใน
หรือ แกนใน(inner core) ซึ่งมีรัศมีประมาณ 2200  กิโลเมตร แกนในสุดนั้น
แม้จะร้อนมาก แต่เนื่องจากความกดดันภายในโลกเพิ่มขึ้น เมื่อเข้าไปภายในลึกขึ้น
ตามส่วน แกนใน จึงได้รับความกดดันสูงมากๆ โลหะร้อนเหลวนั้นจึงกลับกลายเป็น
ของแข็ง โดยแกนในนี้ประกอบด้วยธาตุเหล็กผสมอยู่อย่างน้อยๆ 90%
ส่วนแกนนอกมีสภาพเป็นของเหลว ยังไหลไปไหลมาได้ แต่เชื่อว่ามันไหล
ไม่สม่ำเสมอ เพราะมีองค์ประกอบที่ต่างกันไป

สาเหตุมาจากการไหลที่ไม่เป็นทิศเป็นทางอย่างคงที่ กระแสไฟฟ้าที่เกิดจากการไหลวน
ของแกนนอกจะไหลเป็นกะเปาะเป็นแห่งๆบ้าง วนกันไปคนละทิศบ้าง และส่วนหนึ่งพยายาม
จะวนรอบๆแกนในบ้าง ผลรวมของกระแสบางครั้งก็หักล้างกัน บางครั้งก็ส่งเสริมกัน
จึงทำให้ดูเหมือนว่าแกนแม่เหล็กนี้มันไม่อยู่กับที่ ในบางครั้ง การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
อาจมีผลถึงจุดที่ทำให้สนามแม่เหล็กโลกกลับขั้วได้

“ มันไม่น่าเกิดขึ้นที่นี่ได้ “  ปีโป้ปิ่นประหลาดใจ
“ หมายความว่าไงคะ “ อีฟก้มหน้ามามองจอ ถามด้วยสงสัย
“ ที่ตรงบริเวณนี้ มีการแปรปรวนของสนามแม่เหล็กสูง แถมยังสลับขั้วอีกต่างหาก”
“ นี่กระมังที่ เหล่าสมาพันธุ์ต่างๆ สนใจ ใคร่รู้นัก “  อีฟเสริม
“ มิน่าหละ”  ปีโป้ปิ่นอุทาน
“ อะไรค่ะ”  อีฟนั่งลงใกล้ๆสีหน้าสงสัยเสียเต็มประดา
“ เมื่อ 5000 ปีก่อน คงเกิดสภาวะแบบนี้ทั่วโลก รวมทั้งที่นี่ด้วย   จึงมีสภาพล่มสลาย ดังอีซาเนีย “

กับตันปิ่น รู้ว่าสภาวะสนามแม่เหล็กโลกสลับขั้ว ทำให้เกิด
- ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ ระบบ computer และเครื่องมือไฟฟ้าเสียหาย
ใช้งานไม่ได้ การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและการควบคุม
- ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนอย่างมาก
- การเคลื่อนที่ของเปลือกโลก แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม และภัยธรรมชาติ
- สนามแม่เหล็กโลก จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ทั้งพืชและสัตว์ดำรงอยู่ไม่ได้  อารยะธรรม
ของมนุษย์ทั้งมวลที่สร้างสมกันมา จึงล่มสลาย เหมือนไดโนเสา ที่สูญพันธุ์
ที่คือหลักฐานที่ปรากฏให้เห็น ว่าครั้งหนึ่งมันเคยเกิดขึ้นที่นี่  มนุษย์หลงคิดอยู่ตั้งนานว่า สายพันธุ์ต่างๆ
ในโลกหลายล้านปี สาบสูญเพราะ อุกกาบาตชนโลก  แท้จริงเพราะสนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนแปลงนี่เอง

“ พบวัตถุประหลาด ลึกได้ดิน 20 เมตร “

หน้าจอปรากฏข้อความเตือน ทำให้ปีโป้ปิ่นได้สติ
“ รีบเก็บตัวอย่าง  รีบเก็บตัวอย่าง “  ปีโป้ปิ่นออกคำสั่งด้วยความตื่นเต้น
“ มันคืออะไรกันแน่ “
เพียงชั่วอึดใจ หุ่นยนต์สำรวจก็พุ่งขึ้นมาจากทราย  พร้อมวัตถุที่ตรวจพบ  มันมีรูปร่างกลมมันวาว
กับตันปิ่นและอีฟรีบไปเอาวัตถุนั้นมา จับต้องอย่างระมัดระวัง
“ คล้าย ๆ เครื่องบันทึกข้อมูล ดิจิตอลรุ่นโบราณนะคะ   อุ้ย..มีตัวอักษรด้วย “ อีพทักด้วยน้ำเสียงดีใจ
“ DVD  งิ้วต่องต้อน “

ปีโป้ปิ่นผู้สันทัดภาษาโบราณอ่าน ตัวอักษรที่ปรากฏบนผิวหน้าของวัตถุ
“  อีฟ เราพบวัตถุอารยะธรรม อีซาเนียแล้ว..”  กับตันหนุ่มโห่ร้องเสียงดังผวาเข้ากอด คูหู
“ จริง...ง ..จริงเหรอคะ “   สาวน้อยละล่ำละลักดีใจ

“ วางมันลงเดี่ยวนี้....นี่คือคำสั่ง “    

เสียงตวาดดังลั่น  จนทั้งสองสะดุ้งหันไปมองทางต้นเสียง


หญิงสาวสวมชุดสีเทา มีผ้าปิดครึ่งหน้า ผ้าพันคอสีขาวยาวเฟื้อย ปลิวสยายตามแรงลม
เธอห้อยดาบโบราณไว้ด้าน หลัง คล้ายชาวจีน ดวงตาจ้องเขม็งมายังทั้งสอง
เธอยื่นมือกางออก มาที่ทั้งคู่   มันปราศจากอาวุธ  แต่เหมือนมีพลังบางอย่าง เพ่งเล็งมา
รู้สึกเหมือนมีพลังมหาศาล วูบวาบ กดดันจนทั้งคู่ต้องนิ่งงัน
“  อะไรกันนี่   ชาว รอรีเอะ ??? “  

ปีโป้ปิ่นอุทานตกใจ  
  

""" โปรดติดตาม ตอนต่อไป " ตอน ศึกชิง งิ้วต่องต้อน .. พะนะ """""

 
 
สาธุการบทความนี้ : 521 ครั้ง
จากสมาชิก : 4 ครั้ง
จากขาจร : 517 ครั้ง
 
 
  10 ต.ค. 2553 เวลา 13:42:05  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่116)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 



“  อะไรกันนี่   ชาว รอรีเอะ ??? “  
ปีโป้ปิ่นอุทานตกใจ

“ อย่าได้แตะต้อง มันเด็ดขาด  มันเป็นของข้า “
หญิงสาวชุดขาวดวงตาวาววับ จริงจัง จนอีฟมองแล้ว เสียวสันหลังวาบ
“ เสียใจด้วย พวกผมเป็นคนพบมันก่อน ย่อมมีสิทธิ์ สำรวจมันก่อน “
ปีโป้ปิ่นยืนกราน จะเอา แผ่นวัฒนธรรมโบราณนั้นให้ได้   รีบทะยานไปหยิบเอาแผ่น dvd นั้น
ทันทีที่ปีโป้ปิ่นขยับ ร่างสาวน้อยชุดขาวชาว รอรีเอะก็ พุ่งลิ่วเข้าประชิดตัว เข้ายื้อแย่ง
เธอสะบัดฝ่ามือใส่กับตันหนุ่ม ร่างของปีโป้ปิ่นสะท้านด้วยพลังประหลาด เหมือนถูกชนอย่างแรง
กระเด็นออกห่างทันที
“ พลังวัตร “  

ชายหนุ่มอุทาน เมื่อรู้ว่าเธอจู่โจมด้วยอะไร  ชาวรอรีเอะ ศึกษาศาสตร์โบราณ เกี่ยวกับพลังจิต และพัฒนา
ด้านวิทยาการ สัมพันธภาพทางจิตวิทยา จึงไม่แปลกที่เธอสามารถ มีพลังประหลาดได้

“ ทางสมาพันธุ์เรามีความต้องการศึกษาวัฒนธรรมอีซาเนียโบราณ  นั่นคือสิ่งจำเป็นที่สมาพันธุ์เราอยู่รอด
ขอโทษด้วยที่ทำร้ายท่าน “
เธอกล่าวพลางเอื้อมลงเก็บแผ่น dvd โบราณ

วาบความคิดก่อนจะเสียวัตถุอันสำคัญให้กับ สาวชาวรอรีเอะ  ปีโป้ปิ่นคิดถึงท่าไม้ตายโบราณของ
ชาวอีซาเนียขึ้นมาได้ ในขณะที่เธอก้มเก็บเอาแผ่น dvd  กับตันหนุ่มก็ ประสานมือ ให้นิ้วชี้ประกบกัน
นิ้วที่เหลืองอพับไว้ มองเผินๆ คล้ายปืน  ชายหนุ่มพุ่งไปสุดแรง จุดหมายคือก้นของสาวชุดขาว
ที่กำลังก้มเก็บวัตถุมีค่า  ด้วยอาการก้ม ก้นของเธอจึงลอยโด่ง เป็นเป้าหมายเด่นชัด

“ บักจิหลอย.! “

ปีโป้ปิ่นตะโกนชื่อท่าไม้ตายเสียงดัง พุ่งแทงนิ้วชี้สู่ทวาร เพื่อสกัดความเคลื่อนไหวของสาวชุดขาว
“ จึ๊ก.. ! “
นิ้วชี้ทั้ง2 กระทบเข้ากับทวารหนักของสาวชาวรอรีเอะอย่างจัง เสียง เนื้อกระทบนิ้วได้ยินชัดเจน
“ อึย....อี้....อึ๊ก..อึ๊ก”

ร่างของเธอ งอเป็นกุ้งในทันควัน หน้าตาบูดเบี้ยว เขียวคล้ำด้วยความเจ็บปวด  หยุดชะงักโดยพลัน
ปีโป้ปิ่นรีบคว้าแผ่น dvd   และ ฉวยเอาข้อมือคู่หูอีฟ วิ่งหนีอย่างรีบเร่ง
“ อีฟ..เผ่น  “
แล้วทั้งคู่ก็โกยอ้าวโดยไม่คิดชีวิต กว่าสาวชุดขาวชาว รอรีเอะ จะคลายความเจ็บปวดและได้สติ ทั้งคู่ก็หนี
ไปไกลร่วม 100 เมตรแล้ว  แต่กระนั้นเธอก็ เร่งความเร็วตามมาติด ๆ

“ ปุ่มเกียร์หมา  !  กดเลย อีฟ “

ปีโป้ปิ่นสั่งการ เหมือนนัดกัน ทั้งคุ่กดปุ่มฉุกเฉินของ ชุดนาโนโพเทค ที่อยู่ตรงก้น
“ ฟ้าว..ว.....! “  
ทันทีที่กด ร่างทั้งคู่ก็ทะยานเร่งความเร็ว 120 กม.ต่อชั่วโมง ภายในพริบตา ทิ้งระยะห่างจากผู้ติดตามไกลโข
มองเห็นเพียงฝุ่นทรายตลบอบอวน ลอยคลุ้งเป็นทางยาว
..............................................................................

หลังเนินทราย ทั้งปีโป้ปิ่น และหนูอีฟ มนุษย์ดัดแปลงคู่หู  นั่งยองย่อ หอบแฮ่ก! ๆ ลิ้นห้อย
“ปลอดภัยหรือยังคะนี่ “
อีฟถามพลางชายตามองทาง ด้วยยังกังวล กลัว จอมยุทธเผ่า “รอรีเอะ” จะตามมาทัน
“คงจะพ้นแล้วหล่ะ หนีมาไกลเติบแล้ว”  กับตันหนุ่มบอกพลางลิ้นห้อย
มือควานหา วัตถุลึกลับ หรือ DVD “งิ้วต่องต้อน” ที่แอบฉกหนีมาได้  หัวใจอุ่นชื้นขึ้นมาทันที ที่พบว่า
มันยังอยู่ในกระเป๋า
“ โอเลี้ยง  โชคดีนะที่เราฉวยมาได้ก่อน “
“ อยากรู้จริงนะคะ ข้างในบรรจุข้อมูลอะไร ทำไมชาวรอรีเอะถึงอยากได้นัก “ อีฟทำหน้าตาฉงวน
“ เอาหละ เรามาใช้เครื่องแสกนเนอร์ สำรวจกัน  ติดต่อ อีวาได้ไหม ? “
ปีโป้ปิ่นถาม
“ อีวา อีวา  ได้ยินไหม ตอบหน่อย “  หนูอีฟ รีบติดต่อผ่านทาง เครื่องติดต่อทางคลื่นแม่เหล็ก
“...........................................”
ไร้เสียงตอบจากอีวา
“สงสัยมีคลื่นรบกวนค่ะ ติดต่ออีวา ไม่ได้เลย “  หญิงสาวส่ายหน้าผิดหวัง
“ เอามาให้ ผมลองดูหน่อยซิ  เผื่อจะหมาน “  ปีโป้ปิ่นกล่าว
“ อะไรคะหมาน  หมานแปลว่าอะไร “
อีฟ สงสัยในคำอีซาเนียอีกแล้ว
ปีโป้ปิ่นเกาหัวยิก ๆ เซ็งในอารมณ์

“ อีวา  อีวา อีหล่า คำแพง จ๊วดด. ! “

“.........................................”  ไร้การตอบสนองเช่นเคย
“ อีวา  อีวา อีหล่า คำแพง จ๊วดด. ! “
ปีโป้ปิ่นลองอีกครั้ง

“ ปีโป้ปิ่น..จ๊วดด.. !  ตอนนี้ อีวา ถูก “กองหลอน” โจมตี  ต้องบินกลับฐานก่อน เพื่อความปลอดภัย
ขอให้ปีโป้ปิ่น หนีเอาตัวรอดเอาเองก่อน  ใช้รหัสลับ “ กินเข๋าลิง “ “
เสียงสัญญาณคลุมเครือ ดังโต้ตอบกลับมาแต่ก็พอจับใจความได้ บ่งบอกถึงเหตุร้าย
“ โธ่.เว้ย..!”
ปีโป้ปิ่นถึงกับอุทานหัวเสีย
“ เป็นพวกไหนอีกหละเนี่ย ที่ไป”หลอยหลัง”  อีวา “

 
 
สาธุการบทความนี้ : 384 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 382 ครั้ง
 
 
  16 พ.ย. 2553 เวลา 14:54:20  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่136)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

ตอนนี้ กำลังหา "ต่อน" ในการดำเนินเรื่องครับ
ขอบคุณสำหรับ ผู้ติดตาม ข้อ ขะน้อย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 454 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 454 ครั้ง
 
 
  08 ธ.ค. 2553 เวลา 10:38:46  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่147)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

ขอบคุณแฟนๆ (ผู่แห่ แหน ไปถิ่ม ) ที่เป็นห่วง ขะรับ
ยาก นำเขมร กะยาก  ยากนำ ลูกน้อย กะยาก

ยากนำขเมร ย้อน ขนปลาแดก ไปให้ทหารตามแนวชายแดน พะนะ
ซอดแล้วหละ  มาถะแมะ  บาดทีนี่

 
 
สาธุการบทความนี้ : 300 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 299 ครั้ง
 
 
  10 มี.ค. 2554 เวลา 17:04:37  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่151) ตอน ฮัง โอเอซิส ( OASIS )      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 


หลังจากหนีจนหัวซุกหัวซน  ปีโป้ปิ่น กับอีฟ สาวหลอดแก้ว ไม่สามารถหาทางกลับยานได้
จำต้องดั้นด้นไปตายเอาดาบหน้า ภารกิจสำรวจดินแดนรกร้าง กลับกลายมาเป็น
พิทักษ์รักษา  DVD “งิ้วต่องต้อน”โดยปริยาย
เสียงสัญญาณสุดท้าย ที่ยาน “อีวา” ส่งบอกรหัสลับให้ทราบคือ “ กินข้าวลิง “
มิต้องคิดเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากโดนทิ้งให้เผชิญชะตากรรม
“ ฮึ..แบบนี้เขาเรียกว่า  พรศักดิ์ ส่องแสง   ซะแล้ว อีฟเอ๋ย..”  
ปีโป้ปิ่นรำพัน
“ อะไรคะ พรศักดิ์ ส่องแสง  หนูไม่เห็นเข้าใจที่ ปีโป้พูดเลย “  อีฟหน้าง้ำ
“ ฮัดโธ่...ก็ “ ลอยแพ “  ไงหนู  ไม่เคยฟังเพลง อีซาเนียโบราณ เลยรึ  “
อีฟส่ายหน้าพลางเดินตามหลังปีโป้ปิ่นต้อย ๆ

ม่านทรายโปรยปลิวมากับสายลมร้อนของพื้นทรายอันเวิ้งว้าง   มองแทบไม่เห็นทางเบื้องหน้า
เงี่ยโสตประสาทฟัง ได้ยินเพียงเสียง อื้ออึงของลมโหมกระพือ  ไฟสัญญาณจากหน้าปัด
เครื่องบอกพิกัดเลือนรางตามสัญญาณที่อ่อนลง

“ ถ้าหากชาว รอลีเอะ และยูโร่ มาสตาส ตามเรามาเจอตอนนี้หละแย่แน่ เราต้องหาที่หลบภัยก่อน “
ปีโป้ปิ่นหน้าผากย่นใช้ความคิด
“ ไม่รู้ว่า ดินแดนรกร้าง อีซาเนียนี่ สำคัญยังไง ถึงต้อง แย่งชิงกันสำรวจนัก ว่าไหมคะปีโป้ “  
อีฟชวนคุยนอกประเด็น เพื่อคลายความวิตก
“  ความลับอาจจะอยู่ใน DVDโบราณ นี่ก็ได้ “
ปีโป้ปิ่น ออกความเห็น พลางเอามือคลำสำรวจกระเป๋าหน้า ว่าวัตถุนั้นยังอยู่กับตัว

สัญญาณจากเครื่องนำร่องหาพิกัด หายวับ บ่งบอกถึงไร้สัญญาณบ่งชี้แล้ว  น่าประหลาดเมื่อเดินมาถึง
บริเวณนี้ แดดที่เคยแผดเผา กลับครึ้มลงทันที ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเมฆฝนสักก้อน  ช่างน่าอัศจรรย์


“ ปีโป้คะ ทำไมเพื่อน ๆ หนู  ที่ห้องเรียนในสหพันธ์  ตั้งฉายาให้ปีโป้ปิ่นว่า  “ หมูที่เหนื่อย”
อันนี้หนูก็ งง  หุ่นของปีโป้ปิ่น ก็ไม่เห็น อ้วนเหมือนหมูเลย “  
อีฟสงสัยอีกแล้ว

ปีโป้ปิ่น หัวเราะ  ขำจนต้องเอามือกุมท้อง
“  นั่นไม่ใช่ ฉายาหรอก  แต่เป็นคำด่า เปรียบเทียบ ต่างหาก “  
กับตันหนุ่มอธิบาย
“ ยังไง ??????? “   หญิงสาวออกท่าทางฉงวน

“ หมูที่อะไรที่เหนื่อยสุด หล่ะ”
ปีโป้ปิ่นถาม
“ หมูกี้ ! “     สาวอีฟ ตอบเสียงดังอมยิ้มภูมิใจ
“ ผิด “   ปีโป้ส่ายหัว
“ หมูอะไรหละคะ “  
“ หมูแสนล้า”   ปีโป้หนุ่มเฉลย
“ แะ...แล้วมันจะเป็นคำด่าได้ยังไง “  อีฟเบ้ปาก
“ หมูแสนล้า....ก็ หมาแสนรู้ ไง “

“ ฮ่า ๆๆๆๆ...ฮ่า. ! ช่างเป็นคำที่เหมาะสม จริงๆ “
สาวน้อยหัวเราะเสียงดัง  ไม่ทันจะหัวเราะจบบท  ปีโป้ปิ่นก็เอามือปิดปากอีฟไว้ทันที
“ อุ๊บ! “

“  เงียบ ๆ..  คิดว่าเราเจอสิ่งมหัศจรรย์ แล้วหละอีฟ “

กับตันหนุ่ม ชี้ให้ดู เบื้องล่างของเนินทราย ที่ห่างออกไปร่วม 500 เมตร
อีฟถึงกับตาลุกโพลง ก้าวขาไม่ออก

“ เป็นไปได้ยังไง “  สาวหลอดแก้วแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
แม้ม่านหมอกทราย จะบดบังทัศนวิสัย  ก็พอมองเห็นสิ่งที่อยู่ห่างออกไปได้ไกล พอเดาได้
ท่ามกลางทะเลทราย ที่ไร้สิ่งมีชีวิต   สิ่งที่เห็นนั้น ช่างไม่น่าเชื่อ  
กลุ่มของต้นไม้เขียวขจี หนองน้ำและพืชอาณาบริเวณกว้าง รวมเป็นกระจุก  
เหมือน โอเอซิส กลางทะเลทราย   ดังเกาะแห่ง สรวงสวรรค์



“ ภาพลวงตาหรือเปล่าคะ ปีโป้ปิ่น “
“ คงไม่ใช่ เพราะในกลางดงไม้นั่น มองเห็น สิ่งก่อสร้าง คล้ายบ้านเรือน รวมอยู่ด้วย “
“ ถ้างั้นคงเป็น แหล่ง โอเอซิส  ที่ สาบสูญ แน่เลย “

อีฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย ดังเคว้งคว้างในภาพฝัน
“ อ้อ..ไอ้นี่เอง ที่พวก สมาพันธ์ต่าง ๆ  ค้นหากันเลือดตาแทบกระเด็น “

ในทะเลทรายอันแห้งแล้ง ร้อนระอุ ไร้แม้สิ่งมีชีวิต กลับยังมีพื้นที่ อุดมสมบูรณ์ ดำรงอยู่ได้อย่างไร
คำนวณดูคร่าวๆ แล้ว น่าจะมีเนื้อที่ประมาณ 3-4 ตารางกิโลเมตร
นั้นยังไม่น่าประหลาดใจเท่าที่ว่า ทำไมมันรอดพ้นสายตา ของชาว ยูโร่ ที่ มีเทคโนโลยี
ล้ำสมัย ได้ยังไง  
ทั้งสองเดินลงเนินทราย มุ่งตรงไปยัง พื้นที่สีเขียวกลางทะเลทราย ราวกับคนต้องมนต์คำสาป

 
 
สาธุการบทความนี้ : 322 ครั้ง
จากสมาชิก : 3 ครั้ง
จากขาจร : 319 ครั้ง
 
 
  27 เม.ย. 2554 เวลา 16:26:22  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่161)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 
คุณบ่าวหน่อ:
ท่านผู้ประพันธ์เขียนเรื่องนี้ได้ อัสนี-วสันต์ จริงๆครับ


"หัวใจสะออน"  เนาะ อัสนีย์ วสันต์

สำหรับ ผู้ประพัน ( พันแข้ง พันขา )   บ่มีหยัง นอกจาก เบริด ธงชัย  ชุดแรก พะนะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 327 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 327 ครั้ง
 
 
  02 พ.ค. 2554 เวลา 11:04:51  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่164) ตอน ฮังโอเอซิส 3      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

ภาพจาก อินเตอร์เน็ต




ทั้งสองพระหน่อ ก้าวทางย่างเลื่อนลอย ดังเคว้งคว้างในภาพฝัน  เมื่อเข้าใกล้ พื้นที่สีเขียว
กระจุกเดียวในทะเลทราย  เมื่อเข้าใกล้ในระยะโฟกัสของสายตา  ภาพแรกที่เห็น คือ กลุ่มต้นตาล
หรือพืชในสายพันธุ์ปาล์ม ที่สูงที่สุด ยืนตระหง่านข้างหนองน้ำ  เลาะริมหนองน้ำ นั้น
มี “ต้นเชอรี่อีซาเนีย” กำลังออกผลสุกสีแดงสดใส มีต้นไม้หลากหลายพันธุ์ ที่แม้แต่ ปีโป้ปิ่น
ผู้เชี่ยวชาญทางโบราณคดี ไม่เคยรู้จักเลย   ส่วนสาวหลอดแก้ว “อีฟ” ยิ่งฉงวนเป็นเท่าทวี
เพราะตั้งแต่เกิดมา รู้จักเพียงพืช 3ชนิด คือ  สาหร่ายสีน้ำเงิน  ต้นปาล์มน้ำมัน  และ ต้นดอกเฟื่องฟ้า
เมื่อเห็นพืชพันธุ์ ดาษดาอยู่ตรงหน้าเช่นนั้น ทำเอาเธอออกอาการวิงเวียน เมาสีเขียว
ปีโป้ปิ่น เดินมาถึงริมหนองน้ำ ที่ใสราวกระจก ก้มลงเอามือวักน้ำในบึงขึ้นมาชิม
“ น้ำจืด...น้ำจืด! “
กับตันหนุ่มออกอาการตื่นเต้น

อีฟก้มลงใช้ปากดูดดื่มน้ำในบึง ได้ยินแต่เสียงกลืนน้ำดังอึก ๆ !  ด้วยความกระหายหิว
เมื่อดับกระหายได้แล้ว ก็เดินไปที่ใต้ร่ม “ต้นเชอรี่อีซาเนีย” ปลิดเอาผลสีแดงสดลูกกลมๆ  ขนาดพอเหมาะ
มากัดชิม รสชาติของผลไม้ชนิดนี้หวานซาบซ่าน เมล็ดเล็กๆ เหมือนเม็ดทราย แต่ลื่น กลืนง่าย
“ จ๊วด..ด....ด..! “

เธออุทานเมื่อรสชาติผ่านต่อมรับรส     ปีโป้ปิ่นไม่รอช้า คว้ามาได้หนึ่งกำมือ โยนหมับเข้าปากที่เดียวเป็นกำ

“ โอ้.!...เชอรี่อีซาเนีย... เคยเห็นแต่ในภาพ นึกว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว... รสชาติ จ๊วดดด..!  ดีแท้ “



ภาพ เชอรี่ อีซาเนีย


“ แซบ บ่ หล่ะ บักตากบ ?? “


เสียงทุ้มลึกดังมาจากพุ่มไม้ใกล้ ๆ  ทั้งสองสะดุ้งตกใจ รีบหันควับ กลับมาระวังภัยอย่างทันควัน
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า คือชายวัยกลางคน ผิวดำแดงรูปร่างสันทัด มีผ้าลายตาหมากรุกคาดที่ศีรษะ
เสื้อผ้าที่ใส่ ดูแปลกตาจาก ของชาวสมาพันธ์บนโลกมากนัก  ปกติแล้ว เสื้อผ้าที่สวมใส่ในยุคของปีโปปิ่น
จะเน้นรัดรูป ผิวมันวาวเพื่อสะท้อนรังสี ทำจากวัสดุสังเคราะห์ แต่เสื้อผ้าของชายผู้นี้ กลับเน้นสวมสบาย
ง่ายๆ ทำจากวัสดุจากธรรมชาติ คาดว่าน่าจะทำจาก ผลผลิตใยของพืช ซึ่งระบายความร้อนได้ดี
ดูยังไงก็ไม่เหมือน ยุคของชาวสมาพันธ์

“ ซุมข่อย ถ่าเจ๋าอยู่โด๋นแล้ว ... ในที่สุดมื้อนั้นก็มาฮอด ”

ชายวัยกลางคนโผล่มาจากพุ่มไม้ ทักทายด้วยสำเนียง อีซาเนีย  ตรงตามที่ ปีโป้ปิ่นเรียนมาเป๊ะ
“  ท่านคือ....................ชาว......”
ปีโป้ปิ่น ตื่นเต้นจนออกเสียงติดอ่าง..คำพูดเหมือนจุกอยู่คอหอย

“ ข้อย.คือ ชาว ดอนตาล  ดินแดนที่ท่านเรียกว่า   อีซาเนีย เซกเตอร์ ไนท์ “

ชายวัยกลางคน เลิกคิ้วสูง ฉีกยิ้มเห็นฟันขาว
“ หมากไม้ ที่ท่านกิน หว่างฮั่น  เอิ้นว่า  บักตากบ  หรือ หมากตากบ “

อีฟรู้สึกหวิวๆ เพราะตื่นระทึก  ฟังสำเนียงโบราณไม่ทันจึงสะกิดถามปีโป้ปิ่น  

“ มันแปล ว่าอะไรคะปีโป้ “
“ เขาบอกว่า เขาเป็นชาว “ดอนตาล” หรือ ที่เราเรียกบริเวณนี้ว่า ESANIA SECTOR  9
ผลไม้ที่เรากินเมื่อครู่ เรียกว่า  บักตากบ  หรือ ตะขบ ในพจนานุกรมโบราณ “
อีฟพยักหน้าหงึกๆ

“ เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้ ท่านบอกว่า รอพวกเราอยู่นานแล้ว ในที่สุดพวกเราก็มา  มันหมายความว่ายังไง “
กับตันหนุ่มยื่นคอถาม ท่าทางยังไม่วางใจ
ชาวอีซาเนียโบราณไม่ตอบ แต่กลับเดินไปที่ต้นตาลคู่ ที่สูงเด่น ใช้มือคลำลำต้นเหมือนคลำหาอะไร
“ คลิ๊ก.! “


เสียงเหมือนชาวอีซาเนีย กดโดนปุ่มกลไกอะไรบางอย่าง ของต้นตาล  พลันลำต้นสีดำซีด ของต้นตาล
ก็เปิดช่องออกคล้าย กล่องกลไก  ด้านในมีแท่งสีเขียวอ่อน ยาวร่วมศอก อยู่สองแท่ง

“ นั่นแท่งอะไรคะ “
อีฟถามให้หายสงสัยทันที
“ แท่งพลังงาน กิ๊งก่องแก้ว “

“ กิ๊งก่องแก้ว ! “

ทั้งปีโป้ปิ่นและอีฟ อุทานเป็นเสียงเดียวกัน
“ แม๋นแล้ว...เฮาชาวดอนตาล ใช้ต้นตาล ในการสร้างพลังงาน ประจุไฟฟ้ากำลังสูง แทนการใช้เชื้อเพลิง “



ภาพ แท่งพลังงาน กิ๊งก่องแก้ว ( แมวกองก้น คนขี้ใกล้ )


“ โอ้....! “
ปีโป้ปิ่นร้องลั่นประหลาดใจ  นึกไม่ถึง ชาวดอนตาล แม้จะแต่งตัวโบราณ กลับคิดค้น การใช้พลังงาน
จากพืช แปรเปลี่ยนจากพลังงานธรรมชาติอันบริสุทธ์ มาเป็นพลังงานไฟฟ้า และ พลังงานที่จำเป็นในการ
ดำรงชีวิต  แท่งแก้วเหล่านี้ คือ แบตเตอรี่นาโนจุลชีพ ที่ทำปฏิกิริยากับการสังเคราะห์แสงของพืช
จนเกิดเป็นประจุไฟฟ้า   ต้นตาลทำหน้าที่เหมือน ที่ชาร์ตพลังงาน เมื่อเต็มแล้ว ก็นำออกมาใช้ในครัวเรือน
หมดแล้วก็นำมา ชาร์ตใหม่  แม้แต่ชาวสมาพันธ์ UMS ( ยูโร่มาสตาส )  ที่มีเทคโนโลยี่
ยอดเยี่ยม กระเทียมดอง  ยังทำไม่ได้

“ ข้าเข้าใจว่าท่าน คงมีคำถามมากมาย  ตามขามาเถิด  ทุกอย่างจะกระจ่างสว่างวงค์ “

ชายชาวอีนาเนีย ยิ้มกริ่ม เดินนำหน้า พลางหันมา เลิกคิ้วใส่
“ มาเถาะ..อย่าให้ข้อย พูดสำเนียงแบบท่านหลาย...ข่อยย้าน ตกอีปุก “
ชาวอีซาเนียกล่าว
สาวอีฟ อดกลั้นอารมณ์ขันไว้ไม่ไหว ได้แต่หัวเราะอึก ๆ  แล้วทั้งสองก็ก้าวเท้าตามชายวัยกลางคนไป
หายกลืนไปกับพุ่มไม้เขียวขจี แห่งดินแดนอัศจรรย์


ภาพจาก อินเตอร์เน็ต

 
 
สาธุการบทความนี้ : 258 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 256 ครั้ง
 
 
  04 พ.ค. 2554 เวลา 07:38:38  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่174)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

มีไปเบิ๊ดสุแนว  บัดเทื่อนี่  แม่นสิมีฮอด " พีผ่วน CENTER" บ่ฮึ ฮ่าๆๆๆ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 259 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 259 ครั้ง
 
 
  06 พ.ค. 2554 เวลา 16:39:21  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่188) ตอน คำทำนายของ JURA      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 


เมื่อพ้นราวป่า  ทัศนียภาพแรกที่ทั้งสองเห็น คือ หมู่บ้านเล็ก ๆ  ตัวอาคารปั้นด้วยดิน มุงหลังคาด้วย
เศษวัสดุ หญ้าแห้งเรียวยาว ดูเรียบง่าย พื้นดินเป็นลานทรายสีขาว เดินนุ่มเท้า อาคารบางหลัง สร้างจาก
ต้นไม้ ต้นตาล  ยกสูงจากพื้นไม่เกิน 2 เมตร   เป็นภาพที่แปลกตา สำหรับปีโป้ปิ่นและ สาวอีฟยิ่งนัก
เพราะทั้งสอง เติบโตมาจาก อาคาร ทรงเหลี่ยม ทรงกลม ทำจากวัสดุ อโลหะ ป้องกันรังสีจากดวงอาทิตย์
นึกไม่ถึงว่า วัสดุจากพืชและดินโคลนก็สามารถนำมาสร้างเป็นบ้านเรือนได้

ที่ไกลลิบๆ มองเห็นสิ่งก่อสร้างสูงเด่น คล้าย ๆ หอดูดาว ปรากฏอยู่ตรงกลางหมู่บ้าน แลเห็น
ตั้งตระหง่านไกลๆ  อีฟเบิกตาโพลงท่าทางตื่นเต้นเต็มประดา
“ ปีโป้คะ  นั่นอะไร! “
สาวน้อยสะกิดพลางชี้มือไปยัง อาคารสูงที่แลเห็นตั้งแต่แรกเข้า
“ น่าจะเป็นเจดีย์  อะไรสักอย่างนี่หละ “
ปีโป้ปิ่นตอบอย่างไม่มั่นใจ
“  อืมม...นั่นหละ  เจดีย์คู่ มาลีมง “
ผู้นำทางวัยกลางคนบอกให้รู้หายสงสัย
“ ชื่อคุ้นๆ นะ  เหมือน ยี่ห้อถั่วอบเลย  “  ปีโป้ปิ่นพืมพำ

เมื่อย่างกรายเข้าใกล้เขตหมู่บ้าน เห็นเด็กจับกลุ่มกันเล่นอยู่กลางลาน ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ร่มรื่น
เด็กผู้ชายส่วนมากไม่ใส่เสื้อ ส่วนเด็กผู้หญิง นุ่งผ้าถุงเล็กๆ ลายสวยงาม วัสดุล้วนมาจากธรรมชาติ
เสื้อผ้าล้วนปักเย็บด้วยงานฝีมือ ลวดลายวิจิตร  เด็กๆ ขีดเส้นเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างๆ
มีเส้นตรงกลาง  แบ่งฝ่ายกันอยู่คนละฝั่งของเส้น จากนั้นก็ส่งผู้กล้าออกไป ล้ำฝั่งตรงข้าม เพื่อแตะตัว
ของฝั่งตรงข้าม ในขณะที่อยู่ในแดนอีกฝ่าย ต้องส่งเสียง
“ E…….E….E…E…..E…..E……”

ไม่ให้หยุดเสียง ฝั่งตรงข้ามก็จะพยามจับตัวไว้  ผู้กล้าเมื่อแตะได้แล้ว ก็พยามอย่างสุดความสามารถ
เพื่อจะกลับมายังฝั่งของตนให้ได้  ปีโป้ปิ่นดูแล้ว อัศจรรย์ใจนัก

“ อีฟ..ดูนั่น  นั่นไง การละเล่นที่เรียกว่า เล่น “ บักอี่” ปีโป้ปิ่นชี้ให้ดูกลุ่มเด็ก
“ มันเป็นเกมส์ชนิดหนึ่งหรือคะ “
“ ใช่แล้ว......” ปีโป้ครางตอบในลำคอ

“ เกมส์ที่เก่าที่สุดที่ฉันรู้จัก ก็คือ SUPER MARIO นั่นคือที่มีบันทึกไว้ในหลักฐาน ตำราเรียน ”

อีฟหยุดเพ่งพิจดูเหมือนไม่จะเข้าใจ

“ เกมส์กลางแจ้ง สาบสูญไปนานแล้ว ไม่น่าเชื่อที่นี่ยังมีเล่นกันอยู่ “  สาวอีฟมึนงง

“ เราหลงยุค ย้อนเวลาหรือเปล่านี่ “  ปีโป้ปิ่นอุทาน

“ เอาเถอะ อย่ามัวสงสัยกันเลย เมื่อข่อยพา พวกเจ้าไปหา JURA ทุกอย่างจะกระจ่าง “ ผู้นำทางบอก
“ JURA คือผู้นำของคนถิ่นนี้หรือคะ” อีฟถาม
“ ไม่ถูกต้องนัก JURA คือ ผู้สร้างและปกป้อง ดินแดนนี้ “
ชายต่างถิ่นตอบคำถามอย่างเลี่ยงๆ พาเดินไปที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ที่ขีดเส้นเป็นวงกลมสีแดงกว้างพอประมาณ
ก้มๆ เงย ๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนแนะนำให้ทั้งสองเข้ามาอยู่ในวง
“ เอาหละ นั่งลงในวงอย่าตกใจนะ นั่งเฉยๆ “  
ทั้งสองทำตามอย่างว่าง่าย
ชายต่างถิ่นเอามือปัดลานทราย หารูบนพื้น เมื่อพบแล้ว ก็สอดแท่งแก้วพลังงาน “ กิ๊งก่องแก้ว” เข้าในรู
ไม่นานพื้นดินที่ทั้งหมดนั่งอยู่สั่นไหวนิด ๆ ก่อนจะมีวัตถุคล้ายชาม โผล่ขึ้นจากพื้นมารองรับ

“ วิ้ง....ง......ง! “

เสียงคล้ายเครื่องกลไกลทำงาน พาหนะรูปร่างคลายถ้วยชาม ลอยขึ้นเหนือพื้น เหมือนยานอวกาศ
อีฟตกใจที่อยู่ดีๆ ก็โดนยกลอยขึ้นเหนือพื้นดิน เหมือนกำลังนั่งบนยาน
“ ยานพาหนะนี้ เขาเรียกว่า  “ ถ้วยเจิด! ”   “  ชายต่างถิ่นแนะนำ
“ ถ้วยเจิด...????? “  
ทั้งคู่มองหน้ากันแบบไม่ได้นัดหมาย



ภาพ ถ้วยเจิด


คงจะเป็นดังชื่อของมัน ลักษณะเหมือนถ้วยไม่มีผิด แต่มันกลับลอยเหนือพื้นได้ ร่วม 10 เมตร
ที่แน่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้น คือ มันเงียบ ยิ่งกว่าเทคโนโลยี่ ยานสำรวจอีวา ของปีโป้ปิ่นหลายเท่า
ดินแดนที่ดูเหมือนโบราณ ตกยุค และสาบสูญนี้ มีอุปกรณ์แปลก ล้ำอนาคตแบบนี้ได้ยังไง
ช่างขัดกับ สภาพสิ่งแวดล้อมที่เห็นอยู่อย่างยิ่งยวด
ปีโป้ปิ่นเคยได้รู้และ เคยเห็นแต่ “จานบิน”   ไม่ยักรู้ว่า ที่นี่ มี “ ถ้วยเจิด” หรือ  “ ถ้วยร่อน”

“ แล้วจะขับยังไง ไม่เห็นมีคันบังคับ“
ปีโป้ปิ่น คุ้นเคยกับยานบิน  ทุกลำต้องมีคันบังคับ แต่ “ ถ้วยเจิด”  ไม่มีเห็นมีอย่างว่า

“ ยานลำนี้ ใช้การบังคับผ่านรหัสเสียง  ใช้กลุ่มคำในการกำหนดเป้าหมายการเดินทาง”
ชายวัยกลางคนอธิบาย
“ จับดี ๆ ละ จะออกเดินทางไปหา JURA แล้ว “

สารัตถีเตือน แล้วก็เริ่มใช้ รหัสเสียง เริ่มการเดินทาง

“ จ้ำมู่มี่ ใส่หน้า นก กด  หน้า นก กด หน้าลิง หน้าลาย  หน้าผีพราย หน้าหยิบ หน้าหย่อม ก่อมกิ้ง
อีมะล่อต่อกัน  ไทเวียงจัน ตึกเบ็ด เบี้ยงซ้าย  ญ้ายออก  ตอกเปี๊ยะ “

.................ฟ้าว.....ว...ว !...................................



ขอบคุณทุกภาพจากอินเตอร์เน็ต

 
 
สาธุการบทความนี้ : 362 ครั้ง
จากสมาชิก : 3 ครั้ง
จากขาจร : 359 ครั้ง
 
 
  27 พ.ค. 2554 เวลา 16:30:07  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่194)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 


*ภาพจาก internet




“ถ้วยเจิด”    ลอยข้ามหมู่บ้านและ ผืนท้องนาเบื้องล่าง มาร่วมอึดใจ  ก็มาถึง “เจดีย์คู่ มาลีมง”
ลักษณะเป็นเจดีย์โบราณ คล้ายศาลาแบบแปดเหลี่ยมซะมากกว่า เจดีย์คู่ ตั้งเรียงกันอยู่ ริมน้ำ
รายล้อมด้วยพฤกษ์พันธ์ นานา  น่ายลยิ่ง
ปีโป้ปิ่นสังเกตเห็น ตัวเจดีย์ ทำด้วยวัสดุอัลลอยด์ ไททาเนี่ยม ที่แข็งแกร่ง ทีเทามันปลาบ
พิจารณาอีกที มันไม่เหมือน อนุสาวรีย์เอาซะเลย มองคล้าย เตาปฏิกรณ์พลังงาน อะไรสักอย่าง มากกว่า
“ถ้วยเจิด” ชะลอความเร็วลง ร่อนไปที่ชานจอดยาน มีไฟสว่างวาบที่เสา
“ ฮอดแล้ว  “ สารัตถีบอก

เมื่อยานจอดเทียบ “ถ้วยเจิด” แปรสภาพเป็นแผ่นกระดานให้ทั้งหมดก้าวย่างลง ลานด้านในของเจดีย์
ลานด้านในเจดีย์กว้างขวาง  มีไหขนาด ย่อมๆ วางเรียงรายรอบเป็นวง  น่าประหลาดคือ ไหเรืองแสง
เป็นสีเขียวอ่อนนวลๆ  ส่องสว่างให้เห็นประจักษ์ตา
“ นั่นคือ ไหผี “   อุปกรณ์ส่องสว่างแบบพิเศษ ใช้พลังงานของสาร ที่พบในตัวแมลงหิ่งห้อย “

“ ไหผี !“   อีฟอุทาน
“ อืมมม...ไหผี...ห้ามผวนคำนะ “  ปีโป้ปิ่นกำชับ

“ จากนี้ไป เจ้าต้องเข๋าไปเองเด้อ..ข่อย 0pen ring the bell  pipe หละ “ สารัตถีบอกเป็นสำเนียงชาวอีซาเนีย
“อะไรคะ 0pen ring the bell  pipe “ อีฟสะกิดปีโป้ปิ่น
“ เปิดออดหลอด” โป้ปิ่นยักคิ้วตอบ
“ ????????? ”  สาวน้อยทำน่าสงสัย
“ โอเพ้น แปลว่า เปิด  ริงเดอะเบลล แปลว่า ออด   ไปบ์  แปล ว่า หลอด  รวมกัน ก็คือ เปิดออดหลอด”
“ คล้ายกันกับ เปิดอาดหลาด ไหมคะ “
“ คล้ายกัน เปิดออดหลอด ใช้สำหรับ การวิ่งหนีเป็นทางตรง เปิดอาดหลาด  ใช่สำหรับวิ่งหนีเป็นวงกว้าง”
กับตันหนุ่มอธิบายอย่างฉะฉาน
“ แหม...ปีโป้ รู้ดีจริงๆ “ สาวอีฟยิ้มกริ่ม

ทั้งสองรีบเดินไปที่ประตูเหล็กบานใหญ่ที่อยู่ตรงกลางห้องโถงของเจดีย์  ด้านข้างประตู มีกล่องเล็กๆ
มีไฟสว่างวาบ คล้ายเป็นกล่องควบคุมกลไก    
“ กรุณาบอกรหัสผ่าน “  เสียงคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ดังขึ้น ให้บอกรหัส
“ ตายหละลืมถามอีตาคนนำทางนั่น ว่ารหัสผ่านคืออะไร “ อีฟทำท่ากระอักกระอ่วนขึ้นทันที


ภาพประกอบ จาก อินเตอร์เน็ต (URL ตามในภาพครับ )

“ไหสี่หู”  
ปีโป้ปิ่นตอบเสียงดัง
ทันใดนั้นประตูบานใหญ่ก็เปิดออก  แสงสว่างวาบส่องออกมาจากด้านใน จนทั้งสองต้องเอามือป้องแสง
“ ปีโป้รู้รหัสผ่านได้ไง”  สาวน้อยช่างซักไซ้อีกตามเคย
“ รูปปั้นไหตรงบานประตู อันบะเร่อ   ไม่เห็นต้องเดาให้ยาก


ภาพจากอินเตอร์เน็ต



เมื่อก้าวพ้นประตูเข้ามา บรรยากาศด้านใน ช่างแตกต่างจากด้านนอกยิ่งนัก  บรรยากาศด้านนอก
เป็นแบบโบราณเมื่อ 5.000 ปีที่แล้ว แต่ด้านในนี้ กลับล้ำสมัยนัก พื้นห้องเป็น วัสดุ ใสเรืองแสง
มีเส้นลำเลียงพลังงานเป็นแถบๆ แลเห็นเรืองแสงอยู่ด้านล่าง  ทั้งท่อนำส่งข้อมูลทางสาย ทำด้วยวัสดุมันวาว
ถูกสร้างขึ้นโดยเป็นระเบียบ มองทะลุถึงด้านล่าง  ส่วนผนังนั้นเล่า  ฉาบทาด้วย ไททาเนียมสีเงิน
มีไฟสัญญาณต่างๆ วิบวิบ ราวกับดวงดาวในอวกาศ

“ เหมือนจะเป็นห้อง เมนเฟรม ของศูนย์คอมพิวเตอร์ ยังไงยังงั้น “  ปีโป้ปิ่น เอามือลูบคาง พิเคราะห์
ทันใดนั้น เสียงสัญญาณประหลาดก็ดังขึ้น จนทั้งสองสะดุ้งโหยง
“ อัม...เบ้..! ........อัมเบ๊..! ...”
เสียงมันดังก้องสะท้อนวนไปมาในห้อง  สาวอีฟ เกิดมายังไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้เลย
รีบเบี่ยงตัวหลบไปอยู่ด้านหลังกับตันหนุ่ม  ปล่อยให้ปีโป้ปิ่น ยืนจังก้ารับหน้าสื่อ
“ เสียงสัญญาณบ้าอะไร น่ากลัวชะมัดยาด “ สาวน้อยบ่น
“ เสียง งัวแม่มานฮ้อง.....!”

เสียงตอบคำถาม ดังออกมาจากผนังด้านซ้ายของห้อง ทั้งคู่หันไปดูยังต้นเสียงทันควัน
ร่างของหุ่นยนต์สูงร่วม 2 เมตร หัวเป็นเหลี่ยม แต่ส่วนขาเป็นทรงกลมหลายอันติดกัน คล้ายน้ำเต้าหลายลูก
มองดูแปลกตาพิลึก  ส่วนมือนั้นเล่าดูยังไงก็เหมือน ที่เปิดขวดเบียร์


ภาพ สมมุติ  อีลุมปุมเป้า  ( ภาพจากอินเตอร์ )

“ สวัสดี ปีโป้ปิ่น  กระผมชื่อ “ อีลุมปุมเป้า” หุ่นยนต์ผู้ดูแลระบบของ JURA”
เสียงหุ่นยนต์ประหลาดทักทายพร้อมแนะนำตัว   ปีโป้ปิ่นเกาหัวยิก ๆ
“ สวัสดี อีลุมปุมเป้า นกเค้างอยคอน  “ ปีโป้ทักทายตอบกลับ
“ สวัสดีค่ะ หนูชื่อ อีฟ  นามสกุล ฟ้าส่ง    ส่งก็ส่งแต่ฟ้า  ฝนนั้นผัดบ่ตก “
สาวน้อยแนะนำตัว พร้อมโชว์ ความสามารถด้านภาษาอีซาเนีย
“ น้องเอ้ย...อ้ายคือไซหลังหล่า  บ่หมานปลา ดอกคือเพิ่น  คันยามฝนถืกแต่น้ำ  ยามแล้งถืกแต่หนาม “
อีลุมปุมเป้า ปล่อยสำเนียงอีซาเนียเต็มที่  
“ หุ่นยนต์ที่นี่ พูดผญา ได้ด้วย “ ปีโป้ปิ่นลำพันด้วยความประหลาดใจ

ผญา ( ผะหยา )  คือ คำคม ปรัชญา  หรือ ปริศนา คำคล้องจอง สละสลวย เกิดขึ้นจากภูมิปัญญาของ
ชาวอีซาเนียโบราญ เท่าที่ทราบ  หายสาบสูญไป เมื่อ 5,000 กว่าปีมาแล้ว เนื่องจากยุคสมัยนั้น
ชาวอีซาเนีย ละทิ้งภูมิปัญญาเก่าๆ  ไม่มีการศึกษาศาสตร์ด้านนี้ รับเอาวัฒนธรรมของชาว  โยโร่มาสตาส
กระแสวัฒนธรรมจึงไหลบ่าท่วมท้น กลบเกลื่อน อัตตลักษณ์ ของ ชาวอีซาเนียสิ้น

นับว่าปีโป้ปิ่นโชคดีนัก ที่มาเจอ อาณาจักรวัฒนธรรมที่สาบสูญ



ภาพจากตัวอย่างหนัง ในอินเตอร์เน็ต



“ การมาเยือนของซุมเจ้า  ได้รับการทำนายไว้แล้ว จาก JURA  โปรดอภัยที่ ข้ามาต้อนฮับช้า “
อีลุมปุมเป้า เจรจา ด้วยความอ่อนน้อม  ต่างจากหุ่นทั่วไปที่มี ท่าทีแข็งกระด้างไร้ชีวิต
“ ผมชักอยากจะเห็นหน้า JURA เต็มแก่แล้ว ว่าเป็นคนยังไงกันแน่ “  ปีโป้ปิ่น แสยะยิ้ม
“ ท่านคาดผิดแล้ว  JURA มิใช่มนุษย์   หากแต่เป็น ระบบเมตริกซ์ ที่ควบคุมระบบกลไกทั้งหมด
ของดินแดนนี้ “  

“ หา......! JURA  เป็น ระบบคอมพิวเตอร์ “

สาวน้อยอีฟอ้าปากค้าง
“ ระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่และซับซ้อน ประกอบด้วยสมองประดิษฐ์เสมือน  ทั้งหมดเป็น
ระบบนาโนอีเล็กทริก   พูดง่ายๆ   JURA  ไม่มีตัวตน  ทั้งหมดที่ท่านเห็น คือ JURA  แต่มีศูนย์กลาง
อยู่ในห้องถัดไปนี่เอง “
อีลุมปุมเป้า อธิบายให้ทั้ง 2 เข้าใจ
........................................................................

ปีโป้ปิ่นนิ่งงันด้วยคาดไม่ถึง ทั้งยังผิดหวังเล็กน้อย ที่ดินแดนแห่งนี้มีผู้นำเป็น ระบบเมตริกซ์คอมพิวเตอร์
วัฒนธรรมโบราณ คงอยู่ด้วย สิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ ที่มีระบบสมองเสมือนคน ส่วนผู้คนที่มีชีวิตจริงๆ
กลับละทิ้ง วัฒนธรรมของตน  เพื่อค้นหาเสพวัตถุ จนอาณาจักร และอัตลักษณ์สาบสูญ

กับตันหนุ่มจ้องประตูทรงกลมที่กั้นระหว่างเขาและ ศูนย์ควบคุมระบบส่วนกลางของ JURA
คำถามมากมาย ผุดขึ้นในสมอง  แม้จะเคยศึกษาวัฒนธรรมที่สาบสูญนี้มาบ้าง  แต่รอยเชื่อมต่อ
และปริศนากลับมีมากมากที่เขาไม่เข้าใจ  วัฒนธรรมที่สงบสุขแอบอิงธรรมชาติ เต็มไปด้วยปราชญ์ปัญญา
พบจุดจบดับสลายลงได้อย่างไร  
คำตอบอาจะอยู่เบื้องหน้านี่เอง


“ กรุณาใส่แผ่น DVD งิ้วต่องต้อน  เพื่อ ผ่านเข้าสู่ระบบส่วนกลางของ JURA “

“ อัมเบ๊....!  อัมมม....แบ๊ “

 
 
สาธุการบทความนี้ : 284 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 282 ครั้ง
 
 
  31 พ.ค. 2554 เวลา 14:00:53  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่204) ตอน ความเป็นมาของ jura      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 




“ อัมเบ๊..!  อัมแบ๊.!”

เสียงสัญญาณจากเครื่อง รักษาความปลอดภัยของ ห้องหลักของ JURA ดังขึ้น
เป็นสำเนียง “ วัวน้อยหลงแม่”  ทำให้ปีโป้ปิ่นได้สติ  รีบควานหา DVD “งิ้วต่องต้อน” ที่เก็บซ่อนไว้
บรรจงสอดเขาไปในช่องรับแผ่น
เสียงปลดล็อกประตูอะโลหะบานใหญ่ ดังขึ้น พร้อมกับ เสียงเพลงโบราณ “ งิ้วต่องต้อน” ดังขี้น
วัดได้ 120 เดซิเบล์

“ งิ้วต่องต้อน แขนอยู่แป๋ปาย ลมพัดสีนวยนาย พัดใบตองงิ้ว .. ตองงิ้ว “



ห้องด้านในเป็นแผ่นกระเบื้องเรืองแสง ต่อกันเหมือนจิ๊กซอร์ขนาดใหญ่  แต่ละแผ่นมีสีต่างกัน
เบื้องล่างมองเห็นกลไกต่าง ๆ ตัวฟันเฟือง และ เครื่องยนต์ประหลาดกำลังทำงานจ้าละหวั่น
บางครั้งมีแสงวาบ แปลบปลาบ จากประกายไฟอีเลกทริค
เสียงเพลงโบราณประหลาดนี้ ตั้งแต่เกิดมา ปีโป้ปิ่นไม่เคยได้ยินเลย  ทั้งจังหวะและนำนองน่าหลงใหลนัก
รู้สึกเหมือน อนุภาคโปรตอน เข้าไปกระตุ้นเส้นเอ็น และ ผังผืด ให้ยืดหยุ่นให้เขาจังหวะกับทำนองเพลง

“ โปรดทราบ การเข้าไปในห้องเพื่อพบ JURA ท่านต้อง “ ญ้อน” ตามจังหวะเพลง ไปตามแผ่นเรืองแสง
หากไม่ “ญ้อน”  แผ่นรับน้ำหนักเรืองแสงเหล่านั้น มีเซ็นเซอร์ตรวจจับ  มันจะปล่อยพลังงานไฟฟ้า
เผาไหม้ท่านเป็นจุล “

เสียงเตือนจากระบบรักษาความปลอดภัยดังขึ้น ทำให้ปีโป้ปิ่นชะงักเท้า

“ ญ้อน คือ อะไร คะ ปีโป้ “ อีฟถามขึ้นทันควัน
“ ญ้อน คือ ศิลปะการแสดงออก ทางจิตใจ ของชาวอีซาเนียโบราณ เพื่อถ่ายทอดมายังร่างกาย
เป็นอากัปกิริยาบ่งบอกถึงความสนุกสนาน “
ปีโป้ปิ่นอธิบาย
“ เหมือน อาการชักดิ้น  ของพวกวงดนตรี ในสมาพันธ์ ไหมคะ “

“ จากการที่ศึกษามา ในแง่ความสนุกสนานและการหลั่งสาร อะดีนาลีน ใกล้เคียงกัน  แต่ในแง่ปฏิสัมพันธ์
ในขณะที่ทำการ “ญ้อน” หรือ ฟ้อนตามจังเพลง  ร่างกายทุกส่วน รวมทั้งเซลล์สมอง กลับรู้สึกผ่อนคลาย
มากกว่า   เราเรียกอาการนี้ว่า อาการ “ แคนเซอร์ “ “

“ แคน..เซอร์ “

“ อืมม..แคน คือเครื่องดนตรีหลักของ ชาวอีซาเนียโบราณ   ได้ยินเสียงแคนแล้ว จะ “ญ้อน” ใส่ทันที
เราจึงเรียกอาการนี้ว่า “ แคนเซอร์ “
ปีโป้ปิ่นอธิบายยาวยืด


“ ลองทำตามนะ  “
ว่าแล้วปีโป้ปิ่น ก็กางแขนขาออก ฟ้อนรำ ออกอาการ “ แคนเซอร์ “  ไปตามแผ่นเรืองแสงเพื่อเข้าสู่ห้อง
สาวหลอดแก้ว อีฟ หัวเราะคิกๆ เมื่อเห็นท่าทาง เก้ ๆ กัง ๆ ของกับตันหนุ่ม แต่ก็รู้สึกประหลาดใจ
ที่เสียงดนตรีโบราณเหมือนจะปรับให้การเคลื่อนไหวของร่างกาย ให้เขากับจังหวะอย่างน่าอัศจรรย์
สาวน้อยรีบทำท่า “ ญ้อน”  ตามจังหวะ สาวเท้าเขาไปในห้องตามปีโป้ทันที

ทั้งเสียงแคน เสียงพิณ เสียงกลอง และเสียงทุ้มจาก การดีดไห กลมกลึงเป็นดนตรีที่มีมนต์ขลัง
เสียงขับลำจากเพลง “งิวต่องต้อน” ที่เป็นภาษาอีซาเนียที่สาบสูญ มีหลายคำที่แม้กระทั่งปีโป้ปิ่นไม่เข้าใจ
แต่ก็รู้สึกสนุกสนานอย่างไม่เคยเป็น

“ งิ้วต่องต้อนละแขนอยู่แป๋ปาย
งิ้วต่องต้อนละแขนอยู่แป๋ปาย
นางกะนอนเดียวดาย บ่มีไผซ้อน ไผซ้อน ไผซ้อน
ว่านั้นเด้อ ว่านั้นเด้อ นางอยากหยับสวนหม่อน สวนหม่อน
มาติดสวนมอน สวนมอน ของอ้ายจั๊กหว่าง “
งิ้วงอยหง่า  บักตูมกาห้อยต่องแต่ง.... .....


ทั้งสองคน ออกอาการ “ แคนเซอร์ “  หรือ “ หย่าว”  จนเหงื่อไหลไคลย้อย ข้ามพ้นแผ่นเรืองแสงมรณะมาได้
เข้ามาสู่อีกห้อง ซึ่งสว่างไสว ทั้งหมดรอบตัวทุกทิศทางเป็นสีขาวล้วน  

มีบางอย่าง ผุดขึ้นกลางห้อง ในทีแรกเหมือนพื้นห้องถูกยก ให้ดันขึ้นเป็นวัตถุทรงกลม ใช่เวลาแค่ชั่วอึดใจ
ก็ปรากฏเป็นรูปร่าง  เป็นแมลง “ กุดจี่เบ้า” สีทอง ขนาดตัวโต เมตรกว่า ๆ  ปีโป้ปิ่นเคยเห็น แมลงชนิดนี้
ในรูปภาพโพลีกอน ในตำราเรียน แมลงชนิดนี้ เป็นเทพแห่ง วิถีชาวอีซาเนีย  
แต่แมลงที่เห็น มันมีขนาดต่างไปมาก  แถมมีสีทอง แทนที่จะเป็นสีดำ  แมลงกุดจี่เบ้า ตัวนี้ มีเขางอกยาว
จึงเดาได้ว่า น่าจะเป็น ตัวผู้
“ สวัสดี ปีโป้ปิ่น  และ อีฟ ยินดีต้อนรับ ชาวสมาพันธ์ สู่ JURA “
แมลงขนาดยักษ์ ตัวสีทอง พูดได้  ทำเอาปีโป้ปิ่น ลมแทบจับ
“ เราคือ พญาเบ้าคำ ตัวแทนแห่งระบบ JURA ซิสเต้ม เม ตริก “
“ พญาเบ้าคำ ! “
ทั้งสองแทบพูดเป็นเสียงเดียวกัน
“ อืมม..แม่นแล้ว... เบ้าคำ   นามสกุล   โต่งโหล่ง “


แมลงประหลาด ตอบพลาง ยืดตัวตรง กางปีกออก หมุนตัวโชว์ เป็นการเปิดตัว พอเป็นพิธี
จากปีกที่กางออกทำให้มองเห็น กลไกเครื่องจักรในลำตัว ที่แท้ เบ้าคำ คือ แมลงจักรกล นี่เอง




“ และขอแนะนำ  เลขาส่วนตัว หรือ เรียกให้ เท่ห์ ๆ   อำมาตย์ ของผม “
พญาเบ้าคำหุบปีก หมุนตัวมาจ้องหน้าคนทั้งสอง แล้ว กางขาหน้า ออก เหมือนเชื้อเชิญ ชี้ให้ดูที่ข้างผนัง
แมลงอีกตัวโผล่ออกจากผนังห้องสีขาว ครานี้ตัวเล็กกว่าพญาเบ้าคำ และเป็นแมลงอีกคนละชนิด
ลำตัวโตเท่าต้นตาล
“ แมงจีนูน !“

สาวน้อยอีฟ จำลักษณะของแมลงโบราณชนิดนี้ได้แม่น
“ นี่คือ จำป้อย  นามสกุล แอ่งแต่ง  อำมาตย์ ของผม “



แมงจีนูนยักษ์ สยายปีก แลเห็น ฟันเฟืองกลศาสตร์หมุนอยู่ไหวๆ   ปีโป้ปิ่น เกาหัวแสดงอาการสับสน
“ สวัสดีทั้ง2 ท่าน  นึกไม่ถึง   จะได้พูดคุยกับแมลง เควนตั้มกลจักร “
ปีโป้ปิ่นยกมือขึ้นทักทายและโค้งคำนับ ตามธรรมเนียมชาวสมาพันธ์  

“ เราดีใจ ที่มนุษย์ยุคใหม่  อย่างน้อย ก็คือ พวกท่าน สนใจ วัฒนธรรม วิถีชีวิต และศิลปะ ของชาวอีสาน”

เบ้าคำเจรจา พลางพนมขาหน้าเป็นท่าขอบคุณ  ดวงตาสีดำสนิทหมุน วืดวาด เหมือนกำลังขยายเล็นตา
“ ท่านเรียก อีซาเนีย ว่า”อีสาน” รึ “
ปีโป้ปิ่นเอียงคอสงสัย
“ แม๋นแล้ว...ครั้งบรรพกาล  ดินแดนแห่งนี้ มีนาม ว่า “อีสาน”  ดินแดนที่ร่ำรวย ศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่แอบอิงธรรมชาติอันสงบสุข อารยธรรมอันงดงาม ร่ำรวยน้ำใจ แดนธรรมะอันประเสริฐ “

อำมาตย์ จำป้อย กล่าวสมทบ พลาง ขยับก้นยาว ๆ  ส่ายไปมา

“ แล้วเกิดอะไรขึ้น จนทำให้ อีสานต้อง ล่มสลาย กรายมาเป็น อีซาเนีย ทะเททรายที่ว่างเปล่า “
อีฟยิงคำถามทันที ไม่รอให้ปีโป้ปิ่น ที่กำลังอ้าปากจะพูด
“ นั่นสิ แล้วใครที่สร้าง ระบบ JURA ซิสเต้ม เม ตริก  รักษาอารยธรรมนี้ไว้  “
“ แมงกุดจี่  แมงจินูน   แมงกุดจี่  แมงจินูน “
แมลงจักรกลทั้งสอง ผวาเขากอดกัน เต้นรำ
เปล่งเสียง ร่ายรำเป็นวงกลม
สาวน้อยอีฟ ได้แต่หัวร่อ ในท่าทางไร้เดียงสา ของแมลงทั้ง 2


ขอบคุณทุกภาพจาก อินเตอร์เน็ต

 
 
สาธุการบทความนี้ : 436 ครั้ง
จากสมาชิก : 3 ครั้ง
จากขาจร : 433 ครั้ง
 
 
  07 มิ.ย. 2554 เวลา 17:06:03  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่223)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 


งึด...งึดหลาย   พากันลุ้น ว่าแม่น เลือกตั้ง สส.
ออก ป่องขาด ทางได๋น้อ  จันเพ็ญเอ้ย...

สำนักใหญ่ ซ๋อยแน  มีแต่คนจอบ  พะนะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 418 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 418 ครั้ง
 
 
  22 มิ.ย. 2554 เวลา 18:03:53  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่232)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 
คุณจารย์ใหญ่:
คุณอีเกียแดง:
ต้มอีกแล้ว


คนเคยถืกต้ม ฮู้ทันเเท้ล่ะ...



สุกหรือยังหละ  ผูได๋ เป็นสุก  ผู้นั้น ถืกต้ม  

 
 
สาธุการบทความนี้ : 454 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 454 ครั้ง
 
 
  27 มิ.ย. 2554 เวลา 12:43:18  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่234) ตอน เบ้าคำ ANSWER      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 


“ โอ้ นึกอยู่แล้ว ท่านปีโป้ปิ่น และ หนูอีฟ ต้อง สงสัย ถึงต้นกำเนิด “
พญากุดจี่จักรกล เอามือลูบท้องน้อย ที่เป็นปล้องเหล็กผิววาววับ  เหมือนกดปุ่มรีโมท
พลันผนังห้องทั้งหมด ก็มืดมิด เสมือนทั้งหมดกำลังยืนอยู่ในห้วงอวกาศ อันไพศาล
ภาพประกอบทั้งหมด เป็นการแสดงภาพ แบบ 4 มิติ ลึก, ตื้น ,หนา บาง  และ นูน
แสงสว่างจ้าพุ่งมาจากทุกทิศทางทั่วห้อง จนผู้มาเยือนทั้งสองต้องเอามือป้องแสงแสบตา
ภาพแสดงให้เห็นว่า ทั้งหมดกำลังยืนอยู่บนเทือกเขา เบื้องล่างเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ เขียวขจี
มีบ้านเรือนให้เห็นเป็นกลุ่มๆ   และแล้ว พญาเบ้าคำ ก็อธิบาย เป็นเสียงก้องประกอบ

“ 5000 ปีก่อนหน้านี้  ดินแดนนี้เรียกว่า  อีสาน อุดมสมบูรณ์ ไปด้วย วิถีชีวิตธรรมชาติ อันสงบ
ผู้คนส่วน ส่วนใหญ่ เป็น “โฮโมเซเปียนส์”  ลำดับ แอนโทรปอยด์ หมอยถักเปีย วัฒนธรรม “คาแคน”
ดำรงชีพด้วย การเกษตรกรรม  สินค้าแลกเปลี่ยนสินค้า    ร่ำรวย วัฒนธรรม ทั้ง ภาษา ผญา กลอนลำ
ดนตรี พื้นบ้าน  งานศิลป์  งานหัตถกรรม  ทัศนวิถี เช่น ประเพณี ขนบธรรมเนียม  ”

เสียงอำมาตย์ จำป้อย กระแอมเล็กน้อย พร้อมภาพประกอบแสดงให้เห็นวัฒนธรรมอีสานโบราณ
ภาพ 4 มิติ เสมือน ปีโป้ปิ่นและอีฟ กำลังอยู่ ในขบวนแห่ บุญบั้งไฟ  แห่เทียนพรรษา  ทั้งยัง ฟังหมอลำ
และงานไหลเรือไฟ เทศกาลผ้าไหม  พิธี “เหยา ผีไท้ “   กินดอง   สู่ขวัญ  และ “เสียเคราะห์”
สาวน้อยอีฟ ทำตาโตเท่าไข่ห่าน ตลึงเพิด

“ วีถีคนสมัยนั้น เป็นไปตาม ครองธรรม ศานา บุดดา หรือ พุทธา เดินทางสายกลาง ขัดเกลาจิตใจ
กลมกลืนกับธรรมชาติและ ฤดูกาล ยุคที่ผู้คนอยู่อย่างปกติสุข   ทุกสิ่งเป็นไปตาม ลักษณะสามัญ
ตามคำสอนของ ศาสดาพุทธา  คือ มีเกิดขึ้น  มีเจริญอยู่ดำรงอยู่  และ มี เสื่อมไปดับไปเป็นธรรมดา
วัฒนธรรม “ คาแคน”  ก้าวสู่ ยุคสมัย วัฒนธรรม “ คาฟอร์แคท”  เมื่อมนุษย์เริ่ม ค้นพบพลังงาน
“ฟอสซิล” ที่โลกเก็บกักไว้ ตั้งแต่กำเนิดโลกใบนี้  มนุษย์ นำมาใช้ ในรูปแบบของ น้ำมัน แก๊ส ถ่านหิน
ก๊าซธรรมชาติ วัฒนาการ เครื่องมืออำนวยความสะดวก  บันเทิง และ เพื่อความสะใจ
ระบบ สินค้า ถูกยกเลิก  เข้าสู่ ระบบเงินตรา   ทุนนิยม  การเกษตรแบบ เน้นผลผลิต  
ใครมีเงินมาก ได้ครอบครองมาก  เหนือมนุษย์  ประดุจเทพเจ้า  ตุลาการเงินตรา ครอบงำทุกวิถี
ทุกกิจกรรมในชีวิต ล้วนพึ่ง “ พลังงาน ฟอสซิล”   ไฟฟ้า  ประปา  การขนส่ง หรือแม้แต่การเกษตร
ทุกอย่างล้วนอาศัย พลังงานน้ำมัน ขับเคลื่อน จนขาดเสียมิได้  ผู้คนที่เคย เคารพธรรมชาติ ฟ้าดิน
หันมาเคารพ รายได้ และ เครื่องกินไฟ กินน้ำมัน   ความถูกต้องและคุณธรรม หมดไปเรื่อยๆ
เหมือนน้ำมัน ที่มนุษย์ ขุดเจาะมาใช้
ในที่สุดก็เกิด  เหตุการณ์ “ คาร์บอนด์ ไคซิส “ เมื่อปริมาณคาร์บอนด์ ในอากาศมีมาก  ซึ่งปกติแล้ว
ก๊าซคาร์บอนด์ได อ๊อกไซด์ พืชและระบบชีวะ ความหลากหลายทางธรรมชาติ จะทำหน้าที่กำจัด
สิ่งเหล่านั้น เพื่อให้ บรรยากาศเหมาะแก่การเจริญเติบโต ของ พืชและสัตว์
แต่ความหลากหลาย และ พืช ผืนป่าเหล่านั้น ถูก ตัดโค่น ทำลายลง ปลูกพืชเชิงเดี่ยว เน้นผลผลิต
จนระบบนิเวศเสียสมดุล สัตว์หลายสายพันธุ์ ตลอดจน พืชพันธุ์พื้นเมือง ที่คัดสรรโดยธรรมชาติ สูญหาย
เกิดภัยธรรมชาติต่าง ๆ  มากมายตามมา   ทั้งภาวะโลกร้อน และ สังคมวุ่นวาย ไร้ปกติสุข”
พญาเบ้าคำส่ายหัวไปมาขณะที่อธิบายประกอบภาพ

ภาพ ต้น กะบก ต้นจิก ต้นฮัง  ต้นพอก ต้นยาง ต้นกุง พุ่มเพ็ก พุ่มโจด  กอไผ่ป่า เคลือหมากผีพ่วน
ถูกเครื่องจักร ตัดโค่น ไถทิ้ง เพื่อปลูกพืชเศรษกิจ ไม่เว้นแม้บนภูเขา เนินสูง โล่งโจ้ง
ภาพชาวอีสานโบราณ อพยพ เข้ามาทำงานในเมืองใหญ่  ไร้แรงงานภาคเกษตรกรรม อีสานจึงเป็นเพียง
พื้นที่เลี้ยงเด็กอ่อน ให้เติบโต และ ส่งเข้าสู่เมืองใหญ่ เพื่อไปเป็นขี้ข้า “พ่อค้าผลผลิตกินน้ำมันและไฟฟ้า”
เมื่อพื้นที่ของไม้พื้นเมืองถูกทำลายสิ้น ไร้ความหลากลายทางชีวภาพ ทั้งภัยน้ำท่วม  ดินถล่ม ฝนแล้ง
และข้าวยากหมากแพงก็ปรากฏ  ผู้คนต่างเอาเปรียบ และแก่งแย่ง เบียดเบียน  ไร้สติปัญญาที่จะปกป้อง
ศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของท้องถิ่น เนื่องจาก สวนกระแส วัฒนธรรม “ คาร์ฟอร์แคท” ที่พญาเบ้าคำบอก

“ นั่นไม่เพียงพอที่จะทำลายอารยะธรรม ของชาวอีสานโบราณให้ย่อยยับ ดอก พญาเบ้าคำ “
ปีโป้ปิ่นคัดค้าน เพราะตามที่ได้ศึกษามา ชาวอีซาเนียโบราณ มีความ งดงามทางจิตใจ และ แข็งแกร่ง
เป็นนักสู้ที่ทรหด บากบั่น มีรึแพ้พ่ายโดยง่ายดาย

“ ท่าน ปีโป้ปิ่น พูดได้ถูกต้อง อารยธรรมอีสาน ไม่ได้ถูกทำลายในยุคนั้น  เพราะยังมี บ่าวหนอ
เทพสี่ตา และ มังกรเดียวด่อน  นายอำเภอ  ให้กำเนิด เซช่วนเน็ตเวิค   บันทึกศิลปวัฒนธรรมอีสาน
ในรูปแบบ ดิจิตอลอีคอมเฟิสต์  เผยแพร่  แม้จะไม่เฟื่องฟูนัก เพราะแรงฉุดของ วัฒนธรรม คาร์ฟอร์แคท
กระนั้น ยังมี ปานอย ( ป้าหน่อย คันเรียกป้า ย้านเคียด เลย สมมุติ ชื่อว่า ปานอย เนาะ ) เป็นนายทุน
สนับสนุน ส่งฤาษีเฒ่า ผู้จัดเจนเรื่อง “การบิณฑ์”  ไปวิจัยพืชพันธุ์ ระยะยาว ณ ขอบแดนของอีสานโบราณ
พืชที่ท่านเห็น ที่ยังเหลือรอดมาในดินแดนนี้  มาจากการวิจัย ของ ฤๅษีใหญ่  นี่เอง “

อำมาตย์ปำป้อย เต้นเอาขาเหล็กเคาะกัน เป็นเสียงเกร้งกร๊าง  ตอบปีโป้ปิ่น
“ เชิญท่านเล่าต่อเลย  กำลังมันส์  แล้วเหตุการณ์ มันเป็นยังไงต่อ  นะนะนะ “
สาวอีฟทำท่าทางอ้อนพญาเบ้าคำ ให้สาธยายต่อ

“ ท่านฤๅษีใหญ่  เมื่อไปครั้งแรก ก็ปลูกพืชเศรษฐกิจ ที่มีถิ่นกำเนิดจากคาบสมุทร มาลายู และปลูกพืช
ที่มีถิ่นกำเนิดจาก อเมริกาใต้ เพื่อให้ทันสมัยเข้ากับ กระแส “
กุดจี่จักรกล อธิบายพลาง ฉายภาพ  ยางพารา และ มันสำปะหลัง



“ พืชเหล่านั้นเป็นพืชต่างถิ่น  ซึ่งการปลูก ต้องทำลาย พืชท้องถิ่นให้หมด ปลูกแต่ชนิดเดียว
ทั้ง จิ้งหรีด และแมลง รวมทั้งนกต่างๆ พากันงงงวย หากินอะไรกับพืชชนิดนี้ไม่ได้ พืชอื่นๆ มากันล้มตาย
หน้าดินถูกทำลาย ประสพภัยธรรมชาติได้ง่าย เห็ดรา ไม่ขึ้น ผู้คนอดอยาก

ท่านฤๅษี ล้มเหลว  จึงหันมาทำ “การเกษตรแบบองค์รวม” คือ ไม่คำนึงถึงผลผลิตสุดโต่ง
หลักสำคัญคือ ผืนดินและความอุดม มาจาก ทุกสรรพสิ่งในท้องถิ่น  นับจากพืชเล็ก ๆ  พืชยืนต้นในถิ่น
แมลง สัตว์ต่างๆ  พืชเกษตร และสัตว์เลี้ยง  ทุกอย่างล้วนเกี่ยวพันไร้ที่สิ้นสุด  ท่านเริ่มหันมามองภาพ
ดังที่คนอีสานโบราณใช้ชีวิตอยู่ ก่อนยุค พลังงานฟอสซิล  

หันมาปลูก เล็บแมว  พีผ่วน ตีนตั่ง สลับกับ พืชยืนต้นท้องถิ่น เช่น ลิ่นไม้  มะตูม แต้  ยาง กุง ฮัง
จิก ไผ่ป่า หน่อไม้ไร่  ติ้ว ส้มมอ  กะโดน และ ต้องแล่ง ปลูกรอบๆ พื้นที่ก่อน
จากนั้น สามสิบเปอร์เซ็น คือปลูกข้าว
ยี่สิบเปอร์เซ็นของพื้นที่ เป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์ เช่น วัว ควาย ไก่บ้าน และที่เหลือ ปลูกต้นตาล
เป็นงานอดิเรกอีกที่เหลือก็ปลูกไม้ผลยืนต้น ที่สามารถกินได้ เช่น มะขาม มะเฟือง มะไฟ  มะม่วง “


“มันจะรอดรึ ! “

ปีโป้ปิ่นถึงกับอุทานเสียงดัง

 
 
สาธุการบทความนี้ : 541 ครั้ง
จากสมาชิก : 3 ครั้ง
จากขาจร : 538 ครั้ง
 
 
  17 ส.ค. 2554 เวลา 15:30:35  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่237)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 


“ ปลูกต้นตาล นี่นะ  จะพาให้ รอดพ้น วิกฤต คาร์บอนด์ไคซิส “
หนูอีฟ เอามือป้องปากตกใจ  ไม่ทันขาดคำ อำมาตย์จำป้อย แมงจินูนจักรกล ก็ขยับหนวดสั้นๆ
พลันภาพนูน 4 มิติ รอบทิศทาง ก็แสดงภาพประกอบต่อไป

“ เมื่อน้ำมันขาดแคลน แต่มนุษย์ ต้องพึ่งพา พลังงาน เพื่อขับเคลื่อนอารยธรรม  จึงตื่นตัวหันมาใช้พลังงาน
ทดแทนอย่างอื่น แต่พลังงานทดแทนน้ำมันอย่างอื่น เห็นจะมีเพียง พลังงานแสงอาทิตย์เท่านั้น
แต่ว่าการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ ประสบปัญหา การผลิตวัตถุดิบ ในการเก็บกักพลังงาน”


พืชฉลาดกว่ามนุษย์ ในการวิวัฒนาการ ด้านพลังงาน นับตั้งแต่เริ่มกำเนิดโลก พืชเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดแรก
ในการนำแสงอาทิตย์ มาแปรผันเป็นพลังงาน เพื่อการดำรงชีพ  ดูดกลืนก๊าซตระกูลคาร์บอน ซึมซับเอาน้ำ
แตกโมเลกุล แปรเป็นแร่ธาตุจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต และที่สำคัญสุด ผลิตออกซิเจน ให้ สัตว์ทั้งหลายได้หายใจ

เดิมทีโลกใบนี้เต็มใบด้วย คาร์บอนด์ และก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ คาร์บอนมอนอ๊อกไซด์  จากการระเบิด
ของภูเขาไฟ ความร้อนจากการหลอมละลายหิน บรรยายกาศ ไม่มีออกซิเจน เลย  แบคทีเรียชนิดหนึ่ง
กำเนิดขึ้น และใช้แสงอาทิตย์ เป็นพลังงานในการ ขับเคลื่อนขบวนการดำรงชีพ พัฒนามาเป็นพืช
ที่ปล่อย ก๊าซออกซิเจน  เก็บกักคาร์บอนอันเป็นพิษ  จนโลกมีชั้น บรรยากาศโอโซน ลดทอน อนุภาคที่
เป็นภัยต่อสิ่งมีชีวิต จากดวงอาทิตย์ ทำให้โลกใบนี้มีสภาวะเหมาะสมต่อ สรรพสัตว์
โลกใช้เวลานับ ล้านๆ ปี ในการเก็บซ่อนคาร์บอนอันเป็นพิษต่อพืชและสัตว์นั้นไว้ใต้เปลือกโลก
เพื่อให้โลกมีสภาพเอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์


มนุษย์ผู้ฉลาดล้ำ ใช้ปัญญาในการ ขุดเจาะเอาสิ่งเหล่านั้นมาใช้จนเกินเลย ที่จะสามรถควบคุมได้
บุกรุก ทำลายป่าพืชพันธุ์ เหมือน “ ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ “ ทำบรรยากาศให้เจือปนก๊าซพิษเหล่านั้นอีกครั้ง
คาร์บอนไคซิส จึงย้อนกลับมา ดังคราที่โลกกำเนิดใหม่ๆ “

“เอาหละ ผมรู้แล้ว ว่ามนุษย์ ทำลายบรรยากาศ พืชพันธุ์ และความสมบูรณ์ของธรรมชาติ
เพียงเพื่อหาเงินซื้อหา พลังงานฟอสซิล   (Fossil Energy) นั่นคือ วัฒนธรรม คาร์ฟอร์แคท
นั่นคือ เหตุผลของการล่มสลาย รึ ดูจะง่ายไปกระมัง ท่านกุดจี่ “
ปีโป้ปิ่นเถียงจนตาสวด  ในขณะที่ อีฟ เอามือกดภาพนูน 4 มิติ ด้วยสงสัยว่า ไอ้พลังงานฟอสซิล
ที่ว่ามันคืออะไร

ทันใดนั้น ข้อมูลก็พรั่งพรู
เชื้อเพลิงฟอสซิลเกิดจากการย่อยสลายของสิ่งมีชีวิตภายใต้สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม เมื่อพืชและสัตว์สมัยดึกดำบรรพ์
(ยุคไดโนเสาร์) เสียชีวิตลงจะถูกย่อยสลายและทับถมกันเป็นชั้น ๆ อยู่ใต้ดินหรือใต้พิภพ
ซึ่งใช้เวลาหลายล้านปีกว่าที่จะเปลี่ยนซากเหล่านี้ให้กลายเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่รู้จักกันทั่วไปคือ
ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ
พลังงานฟอสซิลนี้ ก็ถือว่าเป็นแหล่งกักเก็บ พลังงานจากดวงอาทิตย์ ที่เกิดขึ้นหลายล้านปีก่อนของ
สิ่งมีชีวิตในยุคนั้น
พลังงานเหล่านี้จะถูกปลดปล่อยออกมาได้ หรือเอามาใช้ทำงานได้ ก็มีอยู่วิธีเดียวเท่านั้นคือ
การเผาไหม้ซึ่งจะทำให้คาร์บอนและไฮโดรเจนที่อยู่ในเชื้อเพลิงรวมกับออกซิเจนในอากาศเป็นคาร์บอนไดออกไซด์
• ถ่านหิน (Coal)
• น้ำมันปิโตรเลียม (Petroleum Oil)
• ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas)
• สารสังเคราะห์ (Derivative)
พลังงานเหล่านี้ จะถูก วัฒนธรรม คาร์ฟอร์แคท ใช้หมดไปจากโลก ภายใน 500 ปี
ยังผลให้บรรยากาศโลกเปลี่ยนแปลง อย่างแสนสาหัส  

พญาเบ้าคำ ส่ายหน้า พลางอธิบาย
“ใช่แล้ว การขาดแคลนพลังงาน ไม่ทำให้ อารยธรรม อีสานสูญสลาย เพราะอารยธรรม อีสาน
กำเนิดมาก่อนยุค พึ่งพาพลังงานฟอสซิลเหล่านั้น
แต่ เมื่อเกิด การลำลายล้าง ปลูกพืชเชิงเดี่ยว
แบบไม่ยั้งคิด บริโภคพลังงานฟอสซิล ทุกกิจกรรม จนหลงลืมว่า บรรพบุรุษอยู่เยี่ยงไร
ภาวะโลกร้อน และ วิกฤตการณ์ คาร์บอนไคซิส  ทำให้ ลมมรสุมที่เคยพัดผ่านอีสาน เปลี่ยนแปลง
ฤดูกาล และบรรยากาศเปลี่ยนไป  คราฝนตก ก็ ท่วมบ่า  คราแล้งก็ขาดแคลนน้ำ ในการเกษตร
ลมฝนตามฤดูกาล หายไป ทิ้งไว้เพียงภัยแล้ง เพราะปลูกไม่ได้   อีสานจึงค่อยๆ กลายเป็นทะเลทรายช้าๆ

เริ่มจาก ปลูกไม้ผลยืนต้นไม่ได้  มาเป็น ทำนาไม่ได้  และในที่สุดคือ ปลูกพืชไร่ไม่ได้  วัฒนธรรมจึง
ล่มสลายไปพร้อมกับ อาชีพเกษตรกรรม “


ว่าแล้ว พญาเบ้าคำก็ ฉายภาพถ่ายทางดาวเทียม พื้นที่อีสาน สมัย เริ่มยุค”คาฟอร์แคท” ให้ทั้งสองดู



(ภาพจาก อินเตอร์เน็ต )

ที่เห็นโล่งๆ นี่คือ อีซาเนีย เมื่อ 5000 ปีก่อน  จะเห็นว่า พื้นที่สีเขียว แทบไม่มี เพราะต่างคนต่าง
แผ้วทางป่า พืชพันธุ์พื้นเมือง เพื่อเร่งปลูกพืชเศรษฐกิจ  แสวงหารายได้ เงินตรา เพื่อซื้อหา ผลพวง
ของพลังงานฟอสซิล  ปลูกพืชก็ต้องใช้ น้ำมัน ปลูกเสร็จ ต้องใส่ปุ๋ยเคมี ที่ได้จากส่วนเกินของปิโตเลียม
เก็บเกี่ยว ใช้น้ำมัน ขนส่งก็ใช้พลังงานฟอสซิล  ขายได้เงินมา
ก็ไปซื้อหาเครื่องอำนวยความสะดวก ที่ใช้พลังงานฟอสซิลทั้งนั้น  วงจรไร้ที่สิ้น

ดินเกิดการเสื่อมสภาพ ขาดความอุดม พืชท้องถิ่น รวมทั้ง สัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์ ฤดู กาลผันแปร
ฝนที่เคยตก เพราะต้นไม้ ดูดซับความชื้น  เริ่มตกน้อยลง  และเว้นผ่านพื้นที่นี้ ไปช้าๆ
ความแห้งแล้งครอบงำทีละนิด  ใช้เวลาเพียง 100 ปี อีซาเนียโบราณ แปรสภาพเป็นทะเลทราย
กว้างขึ้น กว้างขึ้นเรื่อยๆ  

เริ่มจาก อ.โนนศิลา ใจกลางอีซาเนีย แผ่ขยายเป็นวงกว้างไปทางแผ่นขอบอีซาเนีย  จนทั้งหมด
มีแต่ทรายอย่างที่เห็น ภายใน 500 ปี

ทั้งวัฒนธรรม และความอุดมสมบูรณ์ และความหลากหลายทางชีวภาพ สาบสูญ  
ผู้คนล้มตาย ด้วยอดอยาก สงคราม และ โรคภัย  มิคสัญญี  มนุษย์ผู้มีใจงาม เป็นเพียงเรื่องเล่า “

ปีโป้ปิ่นและ อีฟยืนตัวแข็ง เศร้าสลด จนมิอาจเอ่ยถ้อยคำใด

 
 
สาธุการบทความนี้ : 821 ครั้ง
จากสมาชิก : 3 ครั้ง
จากขาจร : 818 ครั้ง
 
 
  18 ส.ค. 2554 เวลา 10:36:54  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่243)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

ห่างหายไปนานเนาะครับ สำหรับ นิยาย ไซไฟ  ใส่ไฟ  ของ ชมรมเฮา  จนท่าน ฤาษี ถามหา
มื่อนี่ ว่างๆ กะเลย มาต่อให้พี่นองได้ จ๊วดด..กัน   เซิญ ซะละหละ

(ความเดิมตอนที่แล้ว )  หลังจาก ปีโป้ปิ่นกับสาวอีฟ ได้หลงเข้ามาใน อีซาเนีย นครลึลับ
พญาเบ้าคำและ อำมาตย์จำป้อย ได้พาแนะนำสถานที่ และความเป็นมา ของการล่มสลาย
ของอารยธรรมอีสาน  ซึ่งอีซาเนียได้รับการ รักษาดูแลไว้โดย ระบบคอมพิวเตอร์ jula
ที่ก่อตั้งโดย เทพสี่ตา กับ มังกรด่อน   พลังงานที่ได้ มาจาก แท่ง กิ๊งก่องแก้ว
คิดค้นโดยท่าน มหาฤาษีดอนตาล   ทั้งสองต่างเศร้าสลดในการล่มสลายของอารยธรรม

..........................................................................................................



“ ดังที่ท่าน เบ้าคำ ร่ายมา ยืดยาว พอสรุปได้ว่า ก๊าซตระกูล คาบอนด์  ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์
ทำให้เกิด สภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลง  ภัยธรรมชาติรุกราน จนทำอาชีพเกษตรกรรมไม่ได้  
อารยธรรมอีซาเนียโบราณ จึงสูญหายไปพร้อมด้วย “
อีฟสาวน้อย กล่าวสรุป ด้วยสีหน้าไม่ดี พญาเบ้าคำและอำมาตย์จำป้อย กอดคอกัน ท่องกาพย์โบราณ


“ โอ้  พวกท่านเข้าใจแล้ว  จอกหนึ่ง หูซันซองลอง  จอกสองหูซันสิ่งหลิ่ง  จอกสามเห็นซ้างเท่าแมงหมี่
จอกสี่ จอกห้า เห็นป้า ว่าแม่นเมีย  ฮิ้ว ! “


ต้นตาล คือ ทางรอด ของ อีซาเนีย ได้อย่างไร..ปีโป้ปิ่น รำพึงในใจ
“มาเถอะชาวต่างถิ่น  เราจะพาท่านชม  ดินแดนสวรรค์ แห่งสุดท้าย “   แมลงจักรกล เชื้อเชิญ

และแล้วม่านผนังเปิดออก เผยให้เห็น ทิวทัศน์บนหอพลังงาน แลเห็นพื้นที่เขียวขจี และทะเลสาบย่อมๆ
ยานพาหนะ “ถ้วยเจิด”  ลอยมาเทียบท่าช้าๆ  ให้ทั้งหมดได้โดยสาร

“ โปรดระบุ หม่องไป”  
คอมพิวเตอร์ควบคุมระบบนำร่อง  จากยานถ้วยเจิด เตือนให้ระบุจุดหมายปลายทาง
“ กิ๊งก่องแก้ว แมวกองก้น สโตร์ “
อำมาตย์จำป้อย ขยับปีกสีน้ำตาลเข้ม ออกคำสั่ง

สิ้นคำสั่ง  ถ้วยเจิดก็ลอยออกไปอย่างนิ่มนวล  ระบบพยุงตัวแบบ ก๊าซฮีเลียมฟิวชั่น
ทำให้การลอยเหนือพื้นไม่มีการโคลงเคลง  ระบบแรงโน้มถ่วงเบี่ยงเบน ทำให้แรงดึงดูดในแนวดิ่ง
เป็นพลังต่างสัมพัทธ์ ที่กระทำในแนวระนาบ เป็นพลังในการขับเคลื่อนยานไปข้างหน้า    
นับว่าเป็นเทคโนโลยี่ล้ำหน้าด้านฟิสิกส์

“อีซาเนีย สวยงามอีหลีออหลอ ค่ะ  “
สาวอีฟ ยื่นหน้าออกจากขอบของถ้วยเจิด สูดอากาศเข้าเต็มปอด  สายลมเย็นพัดระรื่น จนผมเธอปลิวไสว
ทัศนวิสัยเบื้องล่าง คือ ป่าเขียวขจี  ต้นตาลสูงสลับกับหอพลังงาน ที่เรียงรายกันห่างๆ  ต้นไม้หลายต้น
กำลังผลิดอก ต่างสีสัน  บรรยากาศชื้นเย็นเช่นนี้  เธอเพิ่งเคยได้พบพานเป็นครั้งแรก  
นับตั้งแต่กำเนิดจากหลอดแก้ว

ปีโป้ปิ่นเห็นปุ่มบนหน้าแผงควบคุมยาน เป็นรูป ตัวโน๊ตดนตรี   จึงยิ้มที่มุมปากพลางคิดในใจ
“ชาวอีซาเนียนี่ หัวใจไม่เคยขาดดนตรี จริง ๆ ”
คิดพลางกดปุ่มฟังเพลงในขณะเดินทาง เสียงดนตรีเป่าแคนและ ดีดไห ตีกลองก็ดังขึ้น พร้อมเพลงหมอลำ

“ บ้านเฮา มีโรงสีเดียวเด้อ...บ้านเฮามีโรงสีเดียว    เพิ่นสีเข๋าเหนียว รับสีเข๋าจ้าว
   คนสีกะซงฟ้าว ฟ้าว    เพราะคิวมันยาว เพิ่นเลยฟ้าวสี
สีเข๋าละสีแลง สีค่ำ   สีเข๋าละสีแลงสีค่ำ  เพิ่นสีย๋ำ ๆ   เพื่อลูกเพื่อเต้า
เจ้าของเพิ่นบ่ให้เผ้า   เจ้าของเพิ่นบ่ให้เผ้า   วันศีลเพิ่นเซา  บ่ให้ไผสี
สีเข๋า..หละสีเข๋า...สีเข้า.......”


อีฟหัวเราะลั่น...ทุบไหล่ปีโป้ปิ่น
“ ฮ่า ๆ   ชาวอีซาเนียโบราณนี่ ทะลึ่งจริงๆ อิอิอิ “
ปีโป้ปิ่นทำหน้าตาย พลางบอกคู่หู
“  เขาหมายถึง โรงสีข้าว สมัยโบราณ นะอีฟ  ไม่ได้หมายความว่า  4   “

“ อ้าวเหรอคะ  หนูคงเรียนไม่ถึง ไม่รู้จักโรงสี   รู้แต่เพียง รหัสพันธุกรรม  4 “
“ นั่นสินะ  ในสหพันธ์ของเรา กินแต่ สาหร่ายสีนำเงิน ไม่ต้องผ่านการสี  ไม่แปลกที่เธอไม่รู้จัก”
ปีโป้ปิ่นพยามทำเสียงให้ดูขรึม  แต่ก็แอบหัวเราะในอุปาทานของสาวอีฟ
“ อืม...ที่สหพันธ์ มีโรงานผลิตอาหารเหมือนกันค่ะ   หนูเคยทำงานที่ โรง 4 “
“ ฮ่าๆๆ........ช่างบังเอิญจริง     อยู่โรงเดียวกันเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ “
“ โรง 4 “
ปีโป้ปิ่นหัวเราะขบขัน  ในขณะที่ พญาเบ้าคำ กุลีกุจอในการพิมพ์คำสั่งในยานถ้วยเจิด
ยานพุ่งเข้าสู่ โดมกว้างใหญ่ ที่เต็มไปด้วยต้นตาล
“เรามาถึงแล้ว  กิ๊งก่องแก้ว แมวกองก้น โสตร์”


โปรดติดตาม ตอนต่อไป    "7 องศา"

 
 
สาธุการบทความนี้ : 731 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 729 ครั้ง
 
 
  16 ม.ค. 2555 เวลา 12:06:58  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่248)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 


กอเก๋ย กอไก่ กออะไรครับ ครูจ๋า
เอาสมุดดินสอมา เขียนกอกาให้เด็กตาม
พากเพียรทั้งขัดเกลา ให้พวกเขาถึงฝั่งฟ้า
ดิถี บรรจบมา ขอวันทา..ด้วยหทัย

มื้อนี้วันครู  ขะน้อย   ขอ วันทา  " พระยืน 4 "

 
 
สาธุการบทความนี้ : 244 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 243 ครั้ง
 
 
  16 ม.ค. 2555 เวลา 16:42:10  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่255)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 



ม่านหมอกบางๆ ดังปุยนุ่นเบา ๆ ปกคลุมแมกไม้และต้นตาล บริเวณอาณาเขตใกล้ๆกับ ทะเลสาบ
ยาน”ถ้วยเจิด”  พุ่งละทุม่านหมอกลงสู่เบื้องล่าง  วาบแรกที่ผ่านชั้นม่านหมอกขาว
สาวน้อยอีฟ รู้สึกเย็นวูบจนต้องเอามือลูบต้นแขน

  ตัวยานลงจอดท่ามกลางแมกไม้ แลเห็นต้นตาลนับพันสูงชะลูดตูดปอด ยอดขุนพล  ระบบนิเวศที่นี่
มี 3 ระดับ คือ พืชยืนต้นสูง เช่นต้นตาล และพันธุไม้เนื้อแข็ง เช่น ต้นบก หรือ ต้นกะบก  
ต้นพอก ต้นยางนาต่ำลงมาเป็นพืชระดับกลาง พุ่มไม้เถา พืชกึ่งยืนต้น ล่างสุดคือ ต้นหญ้า
และพืชตระกูลว่าน ต่างๆ คณานับ

“ เอสโซ่..จริงๆ “ ปีโป้ปิ่นรำพัน
“ อะไรคือ เอสโซ่  “  อำมาตย์จำป้อยถาม
“ เอสโซ่ คือวลี ของชาวสมาพันธ์ ของพวกกระผม  แปลว่า “โดนเต็มๆ” หรือ โดนใจมาก

รากศัพท์มาจาก มวยโบราณที่ขึ้นชกบนเวที  มักใช้คำนี้เพื่อเรียกความมั่นใจ  เวลาจะเตะ
ก็จะเปล่งเสียง เอสโซ่  จะต่อยก็ร้อง เอสโซ่  “

“ อืม..มมม..”
พญาเบ้าคำครางในลำคอ พลางลิงค์สัญญาณเพื่อค้นหาข้อมูล คำว่า เอสโซ่ (ESSO) ในคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง
  ไม่นาน สมองปัญญาประดิษฐ์ก็รับรู้ความเป็นมาของคำศัพท์

“ ท่านเข้าใจผิดแล้ว  ปีโป้     คำว่าเอสโซ่  ในสมัยอีซาเนียโบราณ  คือสถานีบริการน้ำมัน หรือที่เรียกว่า
ปั๊มนำมันมวยโบราณที่ท่านกล่าว คือมวยไทย  ชกในเวที ราชดำเนิน เพื่อการแข่งขัน
เป็นศิลปะการต่อสู้ของชาวถิ่นแถบนี้
“
ว่าพลางฉายคลิปภาพ  ชาวบ้านมุงดูมวยตู้ อยู่ร้านค้ายายศรี ท้ายหมู่บ้าน มวยไทย ช่อง7 สี กำลังเตะต่อยเมามัน
“พลมุง” ก็ส่งเสียงเชียร์ ทุกครั้งที่นักมวยของตน  กำลังบรรจงแข้งใส่คู่ต่อสู้
“ เอสโซ่..!..เอส..ส..โซ่   เอสโซ้ ! “
เสียงเชียร์ดังกระหึ่ม เป็นจังหวะ  
“ ฟาดดูกซ่วงมันบักหล่า..หน่ำมันเร็วๆ  มันจ๋องแล้ว “  เสียงพลมุง ตะโกนสอนเชิง



“ใช่เลยค่ะ หนูจำได้ หนูเคยเห็นภาพโพลีแกรมนี้ ในวิชาประวัติศาสตร์อีซาเนีย ภาพนี้คัดลอกมาจาก
ซิปไดร์ฟหลักฐานฟอสซิลโบราณ “  
สาวน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ ฮ่าๆๆ..ที่แท้..รากศัพท์มาจากท้ายหมู่บ้านนี่เอง “  ปีโปปิ่นหัวเราะร่วน



ภาพจาก google



ว่าแล้วอำมาตย์จำป้อย และพญาเบ้าคำ ก็นำทางอาคันตุกะทั้งสอง เดินเข้าสู่ป่าดอนตาล    ปีโป้ปิ่นรู้สึก
ประหลาดใจเพราะต้นไม้ทุกต้น มีช่องสี่เหลี่ยม สีเขียวแวววาว ติดอยู่ทุกต้น
“ นั่นช่องอะไรหรือท่าน  ทำไมมีประจำอยู่ทุกต้นเลย “   กับตันหนุ่มถาม

“ นั่นคือ ช่อง ชาร์ตพลังงาน กิ๊งก่องแก้ว   เมื่อแท่งพลังงานถูกใช้จนหมด เฮาจะนำแท่งนั้นมาใส่ไว้
ตามต้นไม้ยืนต้น เพื่อประจุอนุภาคใหม่ เป็นพลังงานหมุนเวียน ให้ต้นไม้ทำหน้าที่ แปลงอนุภาค
เป็นพลังงานสถิต  เมืองนี้จำต้องพึ่งพลังงานสะอาด ชนิดนี้ แทนการใช้พลังงาน จาก น้ำมัน และถ่านหิน “
ปีโป้ปิ่นพยักหน้าเขาใจ

“ อืมม..ช่างฉลาดล้ำ  ไม่มีโซล่าเซลล์ใด จะน่าอัศจรรย์เท่า พืชพันธุ์   พืชเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดแรก
ที่นำเอาแสงแดด มาแปลงเป็นพลังงาน   พวกท่านใช้พลังงานจากกระบวนการนั้น คิดได้ยังไง”
ปีโป้ปิ่นยังสงสัย

“ ท่านฤๅษีแห่งดอนตาล  สกัดสารจาก   บีปลาหลด  ตับหมัด  และมดลูกฮิ้น  จึงได้สสารตั้งต้น
ในการผลิตอินทรีย์สาร นาโนน ใช้กักเก็บพลังงานจากพืช ในการแปลงเป็นกระแสไฟฟ้า “
อำมาตย์จำป้อยกล่าวสมทบ

“ เพราะ ไซยาโนแบคทีเรีย พืชโบราณจำพวกสาหร่าย  เกิดขึ้นในโลก และใช้พลังงานแสงอาทิตย์
ในการสังเคราะห์แสง  ออกซิเจน อณูแรกจึงมีในโลก  ต่อมา ไซยาโนแบคทีเรีย วิวัฒน์กลายเป็นพืช
ชนิดต่างๆ  ออกซิเจนจึงมีแพร่หลาย   จนกลายเป็น โอโซนให้โลก  มีสัตว์ต่างๆกำเนิดมา
พืชคือผู้สร้างชีวิต และอากาศให้เราหายใจ แปลกนะที่คนสมัยอีซาเนียโบราณชอบทำลายพืช
ทำลายความหลากหลายของพืชท้องถิ่น  จนอีซาเนียสูญสิ้น อารยธรรม  
พลังงานที่ทำให้มนุษย์อยู่รอด และดิ้นรนหา แท้จริงความลับคือก็คือ พืชนี่เอง      “


“ แนวความคิดนี้ ช่าง  ESSO หรือกิน “

ปีโป้ปิ่นกล่าวชื่นชม นึกไม่ถึงทางรอดของมนุษยชาติก็คือ สิ่งที่มนุษย์ทำลายมาตั้งแต่ สมองเริ่มพัฒนา
ชาวอีซาเนียโบราณ อารายธรรม สูญสลาย  เพราะทำลายพืชพันธุ์ท้องถิ่น ป่าเขา ป่าโคก
พืชอันเป็นอาหารสมุนไพร และความอุดมของความหลากหลายในนิเวศน์  จนทำให้เกิด
สภาวะเสื่อมโทรม

ไม่มีต้นกะบก ไม่มีเคลือหมากพีพ่วน ไม่มีต้นส้มโฮง ไม่มีต้นบักตูม ไม่มีต้นบักขามป้อม ไม่มีต้นแดง
ไม่มีป่าโคก  ไม่มีป่าทาม  ไม่มีป่าดง ไม่มีวัวควาย ไม่มีกุดจี่ ไม่มีจักจั่น ไม่มีแมงจีนูน กุดจี่สูญพันธุ์
ไข่มดแดงสาบสูญ ผักหวาน ผักกูด  อันตรธาน  ไม่มีต้นจาน ต้นดอกมันปลา ไม่มีต้นหว้า
แปนเอิดเติด  ผักอีลอก ดอกกระเจียว ว่านตูบหมูบ  ไม่ต้นตาล  ต้นจิก ไร้ซึ่งต้นฮัง ไร้ต้นซาต
ไร้ข้าวสายพันธุ์พื้นเมือง ข้าวดอ  ข้าวอีเตี้ย  ข้าวมันงัว  ข้าวอีพั่ว  ข้าวกลาง  ข้าวงัน  ข้าวไฮ่  
ข้าวตอกแตก

แล้วอีซาเนียก็ “เจริญ “  ดัง ซาฮาร่า  ดินแดนที่เจริญที่สุดในโลกแห่ง “สันดอน กิเลส”
ไหปลาแดก แตกปั๊วะ ไม่ต้องสงสัย สูญสิ้นทรัพยากรที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ดั่งแต่ก่อนกาลอันเคยเป็น

คลื่นอารายธรรม วัตถุนิยม  ไม่นิยมในสิ่งมีชีวิต   ฮีตคอง
เปลี่ยนทัศนคติในการดำรงชีวิตและวิถีอีสาน  ให้คิดว่า วัฒนธรรมตัวเองต่ำต้อย ไม่พัฒนา
ดูถูก อัตตลักษณ์ตนเอง  น่ารังเกียจ  ความทระนงองอาจ ในความเป็น “คนอีสาน”  
ล้มครืนไปพร้อมกับ ธรรมชาติที่รังสรรค์ วิถีมานับ 10000 ปี

  และแล้ว เสียงสัญญาณสุดท้ายที่ปีโป้ปิ่นเคยฟัง จากหลักฐานทาง โบราณคดี ก็ก้องขึ้นในกมล
“ ฉันมีไอแพด นะ  ฉันคือคนอีสาน   รู้ไหม  อินดี้อาร์ต ติสซ์  ออก อลบัมใหม่แย้ว งุงุ  งิ งิ“
“อ้าวแล้วเธอไปเหยียบหญ้าอะไรมาดูสิ ติดเกิบมาเลย “
“ไม่รู้จิ”


    ภาพจาก     oknation.net

 
 
สาธุการบทความนี้ : 342 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 341 ครั้ง
 
 
  24 ม.ค. 2555 เวลา 16:53:19  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่264)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 




เดินเข้ามาลึกสักครู่ เมื่อพ้นป่าตาลมาแล้ว ก็เห็นกลุ่มของอาคารสูงทรงประหลาด
คล้ายเจดีย์ ยอดสูง  ผนังประดับด้วยเถาไม้เลื้อยลดหลั่น ผิวด้านนอกเป็นโซล่าเซลล์
หรือแผ่นรับพลังงานแสงอาทิตย์ สีเขียวของพันธุ์ไม้สลับเลื่อมพรายกับผนังสีขาวมันวาว ดูราวกับ
จอมปลวกยักษ์ไฮเทค นวัตกรรมใหม่  ที่ผสมผสานบ้านดินกับสิ่งแวดล้อมและพลังงานแสงอาทิตย์




เมื่อก้าวย่างเข้ามาด้านในอาคาร ยิ่งชวนพิศวง ผนังของอาคารเขียนแต้มแต่งด้วย ภาพวาดอีสาน
หรือที่เรียกว่า “ฮุปแต้ม” แสดงความเชื่อทางศาสนา และ วรรณกรรมท้องถิ่น” จำปาสี่ต้น”  สังข์สินไซ
“นางสิบสอง”  “บารมีสิบทัศน์” ราวกับเป็น แกลลอรี่แสดง จิตกรรมอันงามงด
รูปปั้น “แคน” เครื่องดนตรีชิ้นเอกของชาวอีซาเนีย ตั้งอยู่กลางมณฑลของห้อง  แว่วเสียง “แคน”
คลอเบาๆ เป็นทำนอง “ไล่งัวขึ้นภู” กล่อมเกลาให้เข้ากับบรรยากาศ



ด้านข้างของห้องโถงใหญ่ทรงกลม  เป็นตู้กระจกใส ด้านในแสดง เครื่องมือเครื่องใช้ของชาวอีซาเนีย
วัสดุเหล่าล้วนมาจากธรรมชาติ และเป็นงานฝีมือ เช่น กะบุง กะต่า  กะคุ กะด้ง กะบวย กะโบม  
เขิง ข่อง ย้าง (สุ่มขังไก่)  กะตาด  ถ้วยโถ โอ ไห หลา บักอัก กะสวย  อิ้ว  กะด้งม่อน  
และหลอกสาวไหม หูก ฟืม ล้วนเป็นงานหัตถกรรม จากวัฒนธรรมที่ตายไปนานโขแล้ว

วัฒนธรรม คือความรู้สึก สำนึกในมโนทัศน์ ชีวทัศน์ของกลุ่มมนุษย์ คืออัตลักษณ์ของกลุ่มชน
มีผลต่อวิถีชีวิต ความเชื่อ และความเป็นอยู่ประจำวันตราบชีวาลัย  วัฒนธรรมถูกแสดงออกทางใจ
ทางกาย ทางศิลปะ ทางเครื่องใช้ไม้สอยที่จำเป็น และแนวทางการดำรงชีพที่ดีงาม


วัฒนธรรม ไม่มี “ราคา” ซื้อหากันไม่ได้  มีแต่ “คุณค่า”
อันจะนำพาให้สังคมกลุ่มชนสู่ความสงบสุข
วัฒนธรรมจึงถูกกลืนได้ เนื่องจาก เป็น นามธรรม เมื่อชนในกลุ่มมองไม่เห็น “คุณค่า”  
วัฒนธรรมจะโค้งงอในที่สุดก็จะไม่เหลือรูปแห่งอัตลักษณ์ ให้มองเห็น
เมื่อวัฒนธรรมในชาติพันธุ์แห่งตนเสื่อมถดถอย ความปกติสุขจะถูกลิดรอน ชีวิตถูกแปลงเป็นราคาซึ่งนับวันจะถูกลง
ในที่สุดจะทนทุกข์ มิคสัญญี ตกเป็นทาส สติปัญญาอันจะสร้างสิ่งดีงามถูกทำลาย
จะเหลืออันใดให้ภาคภูมิ ยิ่งหย่อนกว่าเดรัจฉาน

วัฒนธรรมนั้นเกี่ยวข้องสภาพสิ่งแวดล้อมโดยยิ่งยวด เมื่อสภาพแวดล้อมหายนะ วัฒนธรรมจะเลือนหาย
เกิดความสูญเสียความภาคภูมิใจ  สูญเสียความเข้าใจในวัฒนธรรมท้องถิ่นชนบท
การนำเอาค่านิยมทางเศรษฐศาสตร์ของทุนนิยมมาใช้ ในการจัดสรรทรัพยากรเพื่อตอบสนอง
ความต้องการตอบสนองความโลภของนายทุนอย่างสูงสุด แต่ไม่ได้เก็บรักษาทรัพยากร
ไว้เพื่อประโยชน์แก่ลูกหลานสืบต่อไป



หัวใจที่กล้าแกร่งที่ไม่ยอมขายวิญญาณให้ ระบบทุนนิยมของ ท่านฤาษี  แท้ๆ  จึงมีสถานที่อันวิเศษ
แบบนี้เหลืออยู่ในโลก
ภาพปั้น “ฤาษีดอนดาล “ ปั้นด้วยหินทรายสีแดงจืด ๆ ในท่า “นั่งตอจอบบ้อน” เด่นประกายอยู่ต่อหน้า
“นี่หรือคะ ฤาษีดอนตาล”  สาวน้อยถามพร้อมเอียงคอมอง อิริยาบถประหลาดของรูปปั้น
“ แม่นแล้วขะน้อย  นี่หละ ฤาษีอนุวงษ์  ผู้คิดค้นพลังงาน กิ่งก่องแก้ว” พญาเบ้าคำตอบ
ปีโป้ปิ่นเพ่งพิจรูปปั้นปฏิมากรรม โดยละเอียด
รูปปั้นชายหนุ่มเหลือน้อย หนวดเครารุงรัง แววตาดั่งเสือโคร่งอดนอน นั่งยองๆ มือทั้งสองข้างกางแห
ในท่าเตรียมพร้อม ปากยังคาบ ยาเส้นมวนขนาดเท่านิ้วเท้า
ดวงตาข้างซ้ายของฤาษีหลี่ลงข้างหนึ่ง เพราะควันยาเส้นเข้าตา นี่หละท่า ”จอบบ้อน”

“มาเถอะญาท่านปีโป้  ข้ามีของสำคัญจะให้ “
พญาเบ้าคำแมลงจักรกล เชื้อเชิญทั้งสอง เข้ามาใน ลิฟต์แก้วเพื่อขึ้นไปยังชั้นสูงสุดของอาคาร
ลิฟต์แก้วเลื่อนขึ้นช้าๆ ทำให้เห็นว่าในแต่ละชั้นของอาคาร “ แก่งก่องแก้วสโตร์” คือพิพิธภัณฑ์อีซาเนีย
เก็บรวบรวมทุกอย่างเกี่ยวกับ อารยธรรมโบราณไว้ให้ชนรุ่นหลัง
เมื่อมาถึงชั้นบนสุดเป็นดาดฟ้า  มีต้นมันปลา (พยอม) ปลูกอยู่ 7 ต้นกำลังออกดอกหอมขจร
ฉากหลังเป็นภาพโพลีแกม ทุ่งนาเวิงว้าง แว่วเสียงตี “กลองเส็ง” มาจากท้ายทุ่งเบาๆ พร้อมกับลมพัดโรยริน

“ เอาหละท่าน ได้เวลาแล้ว ที่เราควรมอบ “มูนมัง” อันมีค่าของชาวอีซาเนียให้แก่คนรุ่นต่อไป”
พญาเบ้าคำแตะเบาๆที่ต้นมันปลา ช่องสี่เหลี่นมก็เปิดออก ส่งวัตถุชิ้นหนึ่งออกมา
“ นี่คือก้อนพลังงานกิ่งก่องแก้ว เซรั่ม  พร้อมสูตรสารตั้งต้นในการผลิต”  พญาเบ้าคำยื่นวัตถุนันให้ปีโป้
“ พลังงานบริสุทธิ์อันมีค่ายิ่งแบบนี้ ท่านมอบให้เราทำไม ชาวโลกตอนนี้ต่างมุ่งหาแหล่งพลังงาน
แบบนี้เพื่อให้อยู่รอด  ยอมทำแม้กระทั่งสงครามล้างเผ่าพันธุ์เพื่อแย่งแหล่งพลังงาน แล้วท่าน...”



(ก้อนพลังงาน กิ่งก่องแก้ว เซรั่ม)

“เซาๆ..อย่าเว้าหลายหญ๋ายห่าง  เราทั้งหมดในเมืองซ่อนเร้นเหล่านี้ ล้วนเป็นเครื่องจักร และระบบ
คอมพิวเตอร์ที่มนุษย์สร้างขึ้น  ไร้ชีวิต  ไร้จินตนาการและ “ความฝัน” “
พญาเป้าคำพูดด้วยเสียงเรียบๆ ที่ฟังดูแล้วเศร้า

“ หน้าที่เราคือ บรรจุความฝัน รักษาฝัน รักษาสิ่งดีงามของชาวอีซาเนียไว้ให้อนุชน
อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า เพื่อมอบให้แก่ลูกหลานชาวอีซาเนียเมื่อถึงเวลา “

พญาเบ้าคำเว้นให้เงียบไม่พูดต่อ
“ เอ้า..แล้วผู้คนในหมู่บ้านที่เราผ่านมาเมื่อกี้หละ เห็นเล่น ตาตุ๊บ ตาขะยะ เล่นจ้ำมู่มี่ เขาไม่ใช่มนุษย์หรอ”
อีฟสาวน้อยรีบถามด้วยความตกใจ
“ บ่ แม๋น...ทุกคนที่ท่านเห็นเป็นหุ่นยนต์จำลองความเป็นอยู่ตามวิถีอีสาน ไม่มีมนุษย์สักคนเลย
เช้าขึ้นมา หุ่นเหล่านั้นก็จะทำตามโปรแกรมซ้ำ ๆ  วนเวียนเช่นนี้  พวกเขาคือหุ่นไร้ชีวิตจิตใจ ”
“ หา......นี่ มัน จิ้มโบ๋..!  ชัด ๆ “  
อีฟอุทานอ้าปากค้าง
“ อีหยังคือ จิ้มโบ๋ “
อำมาตย์จำป้อย  ถามสอดขึ้นมาทันทีด้วยสงสัย ค้นหาคำศัพท์ในฐานข้อมูลไม่เจอ
“ อ๋อ..จิ้มโบ๋..แปลว่า หลอกต้ม  หรือโกหก แห้ว  ต้มจนสุกจนเปื่อย รากศัพท์มาจาก
จิ้มบักหอยที่เขาจูบกินแล้วแกล้งเอามาจุ่มไว้ในถ้วยแกงอ่อมหอย หลอกให้คนกินทีหลังจิ้มหอยโบ๋“
ปีโป้ปิ่นอธิบาย
“ อืมม...จิ้มโบ๋...!”
พญาเบ้าคำบันทึกคำศัพท์ของชาวสหพันธุ์เข้าฐานข้อมูลอย่ารวดเร็ว

 
 
สาธุการบทความนี้ : 459 ครั้ง
จากสมาชิก : 4 ครั้ง
จากขาจร : 455 ครั้ง
 
 
  22 ก.พ. 2555 เวลา 14:57:59  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่266)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

ปกิณกะบท


ระบบ JURA System  ค้นหาคำว่า "พยอม"
แสดงผลลัพธ์.....ติ๊ง.!.ติ๊ง...!.

พยอมลืมนา  :  พรศักดิ์  ส่องแสง

เนื้อเพลง :
พยอมลืมนา น้องเข้าเมืองฟ้ามาแล้ว หลายปี
จดหมายพยอมที่มี ส่งให้พี่ว่ายังศึกษา...อา...อา...

บนดาดฟ้าหอคอย "กิ๊งก่องแก้ว" ปลูกต้นมันปลาไว้ 7 ต้น  ตั้งชื่อว่า "พยอม"
เป็นการตัดพ้อต่อลูกหลานชาวอีซาเนีย ที่ละทิ้งหลงลืม วิถี  หลงวัฒน์
แม้เอื้อนเอ่ย ว่า ต้นมันปลา ก็ไม่รู้จัก  เอ่ยว่า กันเกรา  ก็ไม่รู้จัก  เอ่ยว่า พยอม
ก็ได้ยินเพียงชื่อ หากเอ่ยว่า  HOT POT หรือ เซเว่นเซ่น  ตรอกไหนก็รู้
คนที่รู้เรื่องพืชอีซาเนียเหล่านี้ มีเพียง "เทพธิดาพฤกษา" ซึ่งยังไม่ได้กล่าวถึงในท้องเรื่อง

ด้วยความเคารพ จากผู้แต่ง

 
 
สาธุการบทความนี้ : 319 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 317 ครั้ง
 
 
  23 ก.พ. 2555 เวลา 09:08:09  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่269)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

เรียนบ่าวหน่อ     ภาพฤาษีอนุวงษ์  "จอบบ้อน" หาบ่ได้
ได้แต่ภาพ "ลูกศิษย์ใต้ตาล่างเถียงนาฤาษี  "



ภาพจาก เฟซ ท่าน UFO

 
 
สาธุการบทความนี้ : 404 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 404 ครั้ง
 
 
  25 ก.พ. 2555 เวลา 08:57:11  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่283)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 

ประกาศ   อะโหลๆ   อีซาเนีย ต่อไปนี้ สิอัพเดท ทุกวันศุกร์  
นั่งสูบยา ถ่าได้เลย ขะน้อย....

 
 
สาธุการบทความนี้ : 346 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 346 ครั้ง
 
 
  14 พ.ค. 2555 เวลา 17:11:54  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   97) ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ  
  ปิ่นลม    คห.ที่299) ตอน ไข่จ้างฮัง      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969570
รวม: 4969750 สาธุการ

 



“ท่านปีโป้ปิ่น  จงนำเอา ก้อนพลังงานกิ๊งก่องแก้ว และสารตั้งต้นนี้ไปเผยแพร่ต่อชาวโลก
ให้เล็งเห็นความสำคัญของการใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นมิตรต่อโลก “
พญาเบ้าคำยื่นก้อนพลังงานกิ๊งก่องแก้วให้กับปีโป้
“และนี่ DVD งิ้วต่องต้อน  บรรจุข้อมูลทางอารยะธรรมชาวอีซาเนีย   แนวทางการดำเนินชีวิต
เพื่อให้สังคมมนุษย์อยู่อย่างสมดุลและเป็นสุข  ตลอดทั้งข้อมูล การปลูกพืชท้องถิ่นชนิดต่างๆ
วิธีการทำเกษตรแบบองค์รวม  ข้อมูลสูตรทางวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้าง “โอโซนโดม” จากพืช
เพื่อลดทอนรังสีต่างๆ จากดวงอาทิตย์  “
อำมาตย์จำป้อย แมงจีนูนจักรกล ยื่น DVD ความจุ ล้าน TB  ให้กับทั้งสอง

“ แน่นอน มนุษย์นั้นมีคนดี และคนไม่ดี  พลังงานกิ๊งก่องแก้ว  หากนำไปใช้ในทางไม่ควร
อาจทำให้สรรพสิ่งในโลกสูญสลาย  ชาวสมาพันธุ์  มาสสตาร์ท  นำโดย Eboz อาจช่วงชิง
ความลับนี้ไปจากท่านได้ “   พญาเป้าคำกล่าวเตือน

“ เราจึงขอมอบ “สุดยอดอาวุธ “ เพื่อให้ท่านป้องกันตัว “  
อำมาตย์จำป้อย พูดจบก็ยื่นวัตถุประหลาดให้
“ ระเบิดไข่จ้างฮัง “
ปีโป้ปิ่นถึงกับหัวเราะจนตัวงอ
“ ระเบิดไข่จ้างฮัง...นี่นะ สุดยอดอาวุธของท่าน “
สิ่งที่แมลงจักรกลมอบให้ทั้งสอง คือ ไข่จ้างฮัง 2 ใบ  

“อะไรกันนี่  นี่นะอาวุธป้องกันตัวของเรา  ไข่จ้างฮัง  “
อีฟอุทานไม่สบอารมณ์หมาย
“ เอาไปเหอะ ดีกว่าไม่มีอะไร “  
ปีโป้ปิ่นว่าพลางหยิบเอา ไข่จ้างฮัง 2 ใบ ใส่ในกระเป๋าเสื้อ
“ท่านทั้ง 2 จงรักษา สารตั้งต้นพลังงานกิ๊งก่องแก้ว ให้ถึงมือห้องแลป สมาพันธ์ เพราะพวก UMS
ก็ต้องการพลังงานนี้เหมือนกัน  หากท่านพบพวกมัน จนถึงขั้น “ตันจู่หลู่” แล้ว
ค่อยใช้ ไข่จ้างฮังเพื่อเอาตัวรอด “
“อะไรคะ ตันจู่หลู่”  สาวน้อยอีฟยังซักไซ้
“ ตันจู่หลู่ คือหมดหนทาง เหมือนคำว่า “ไคซิสส์”  ของ ชาวยูโรป้า  อันคำว่า ไคซิสส์ นี้
รากศัพท์มาจาก ชาวฝรั่งมาฝึกหัดเลี้ยงควายที่อีซาเนียโบราณ  ด้วยความที่เลี้ยงไม่เป็น เคยแต่เลี้ยงแกะ
จึงถูก “ควายซิด”  อาการสาหัส   หอบหิ้วคนเจ็บไปหาผู้ใหญ่บ้าน เพื่อไปหาหมอ ผู้ใหญ่บ้านจึงถามว่า
“ ถูกควายของไคซิด “   ชาวยูโรป้าจึง เรียกอาการสาหัส นั้น ว่า “ ไคซิด”  นับแต่นั้น
ปีโป้ปิ่นอธิบายเป็นฉาก ๆ

พญาเบ้าคำและ อำมาตย์จำป้อย ยืนตัวตรง คล้ายท่าทำความเคารพ พลางกล่าวอำลาพร้อมกัน
“สุขเสมอมั่น เสมอมันลงดินแก่น ฟ้าและแถนเห็นพ้อง  ให้พี่น้องพ้อไหคำ ”

..................................................................................................



ตะวันโพล้เพล้ สาดรังสี รังสิตให้พื้นทรายอีซาเนีย เหลืองอร่ามดังเนื้อทองนพเก้า
สันเนินทราย โค้งมน ดังอสูรกายโก่งตัว ผุดลุกเมื่อยามย่ำค่ำ   ที่ซึ่งไร้สิ่งมีชีวิต วิเวกนัก
จะมีก็แต่เสียงคำรามของกระแสมร้อน กังวานอยู่ไกล ๆ  หวีดหวิวสั่นประสาท
ร่างมันวับของ กลุ่มหุ่นล่าสังหาร T -20  ของสมาพันธุ์  UM  ร่วม 20 ตัว ผุดขึ้นจากผืนทราย
ดวงตาแดงก่ำ อาวุธครบเครื่อง สมดังเป็น เครื่องจักรล่าสังหาร
“รายงานศูนย์บัญชาการ  พวกเราตรวจพบ สัญญาณสิ่งมีชีวิต กำลังเคลื่อนไหว “
1 ในหุ่นล่าสังหารส่งสัญญาณรายงานความคืบหน้า
“ รับทราบคำสั่ง  ทำลาย  และแช่งชิง วัตถุทางวัฒนธรรม “  
ว่าแล้วก็ แปลงร่างเหมือนตะขาบยักษ์ พากันมุดหายไปในผืนทราย ดังมัจจุราชเงียบ
..................................................................................................
ตืด...ตืดดดด... ! เสียงเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า ดังตามจังหวะเหยียบคันเร่ง
ยานพาหนะคล้ายมอเตอร์ไซค์ แต่มี 3 ล้อ เคลื่อนที่ไปแบบใจเย็น
“ โอ้ย..นี่นะพาหนะพาหลบหนีออกจาก อีซาเนีย  “
อีฟทำหน้าออกอาการ “เซ็งห่าน “  เพราะเจ้าเต่า 3 ล้อ
“ สมัย 5,000 ปีก่อน เขาเรียกว่า สามล้อ สะกายแลป เชียวนะอีฟ “
ปีโป้ปิ่นยังอธิบายแบบใจเย็น ในขณะที่ ยานประหลาดค่อย ๆ คลานขึ้นเนินทราย
“ เต่า 5,000 ปี  แบบนี้จะหนีพวก UMS ได้รึ ปีโป้ “
สาวอีฟค่อนขอด
“ ชื่อของมันคือ ม้าบักจ้อน  เชื่อว่าชาวอีซาเนีย คงมีเลศนัยแอบแฟง “
ปีโป้ปิ่นยังนั่งอารมณ์ดี ไม่วิตกกังวล



พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนจากที่ร้อนดังกระทะทองแดงในตอนกลางวัน
กลับกลายเป็นเย็นสะท้านในเวลากลางคืน อีกทั้งลมก็โหมพัดเป็นเท่าทวี
เสียงสายลมหวีดหวิวผ่านเนินทรายลูกแล้วลูกเล่า เขย่าประสาทดังเสียงโหยหวย
กลุ่มของหุ่นล่าสังหาร T-20  โผล่ขึ้นมาจากผืนทราย  ทีละตัว สองตัวจนครบทีม
ต่างยิงลำแสงไวโอล่า เพื่อวัดระยะห่างจากเป้าหมาย  
“ พบเป้าหมายแล้ว  กำลังเริ่มกลยุทธ “
หุ่นตัวหนึ่งส่งสัญญาณรายงานศูนย์บัญชาการ  แล้วทั้งหมดก็แยกย้ายกันเข้าประจำตำแหน่ง
หุ่นส่วนหนึ่ง อ้อมไปด้านหน้า ส่วนที่เหลือ เคลื่อนไปขนาบข้าง เป็นรูปตัว L  
ตามรูปแบบของการซุ่มโจมตี  อาวุธทุกชนิดถูกเตรียมพร้อม รอแค่เพียงจังหวะ
“เสร็จแน่ปีโป้ “
.....................................................................................



“ผู้ใหญ่ลี ! ”  
อีฟสาวขี้สงสัย ชี้มือไปที่ปุ่มแผงหน้าปัด  ของยานพาหนะ ม้าบักจ้อน
มีปุ่มหนึ่งสีแดงวาบ ๆ เหมือนสัญญาณเตือน ขนาดเท่าไข่ห่าน
มันแสดงเป็นสัญญาณวาบๆ พร้อมตัวหนังสือ “ ผู้ใหญ่ลี “
“ ทำไมไอ้ยานลำนี้ มันขึ้นปุ่มสีแดง เขียนว่า"ผู้ใหญ่ลี" หนะคะ “  อีฟสะกิดปีโป้ปิ่น
ไวกว่าความคิดปีโป้ปิ่นรีบกดปุ่มสัญญาณ “ผู้ใหญ่ลี “ ทันที
“BOOM ! “
เสียงระบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว  หุ่น T -20  ยิงสำแสงโจมตีเกิดเป็นกรวยระเบิดกัมปนาท
ยานม้าบักจ้อนแปลงร่างเป็น กระสวยห่อหุ้มร่างทั้ง2 คน พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
รอดพ้นจากการโจมตี เส้นยาแดงผ่า 16  แสงสว่างวาบจากการระเบิดมองเห็นได้ไกลหลายไมล์
เหล่าหุ่นล่าสังหาร ออกอาการงุนงง ก่อนมุดทรายติดตามเป้าหมายไปอย่างรวดเร็ว

“ พุทโธ ธัมโม สังฆัง  อะระหังสัมมา “
ปีโป้ปิ่นสวดมนต์จนลิ้นพันกัน  ในขณะที่ กระสวยม้าบักจ้อน ยังพุ่งตรงไปข้างหน้าเร็วจี๋
ทีมล่าสังหารยังติดตามอยู่กระชั้นชิด พลางยิงลำแสงระเบิด เฉียดหน้า เฉียดหลัง
“ ฟิ้ว..!  ฟิ้ว...! ฟ้าว..! “
“  ขนโปด !  ขนโปด ! “  
ปีโป้ปิ่นร้องอย่างลุ้นซะหน้าเขียว ( ขนโปด เป็นภาษาอีซาเนีย  แปลว่า เฉียดมาก หรือ เกือบถูก )
ส่วนสาวหลอดแก้วอีฟ หลับตาเกาะเอวปีโป้ปิ่นแน่น ดังงูเขียวกอดกัน
ทีมหุ่นล่าสังหาร ระดมยิงในระดับความเร็วไตรนิตรอน   กลัวเป้าหมายหลบหนี
“ ตู๊ม !  “
เสียงระเบิดกึกก้องดังเสียงอัสนีบาต   กระสวยม้าบักจ้อนแตกกระจาย จนร่างทั้ง 2ลอยละลิ่ว
ตกลงกระแทกพื้นทราย ฝุ่นคลุ้งกระจาย  เปลวไฟยังปลิวไปตามเศษของกระสวย

ปีโป้ปิ่นจุกจนมึนงงไปหมด หน้าจมทรายไปกว่าครึ่ง   พยามเงยหน้าขึ้น พ่นทรายออกจากปาก
“ อีฟ...อยู่ไหน “  เมื่อได้สติก็ร้องเรียกหาคู่หู
“ ทางพี้ “
“ ปลอดภัยไหม”
ว่าแล้วก็คลานไปพยุงหญิงสาวให้ลุกขึ้น
“ส่งวัตถุทางวัฒนธรรมมาให้พวกข้า “
เสียงประยุกต์เลียนแบบภาษา ดังมาจากกลุ่มหุ่นล่าสังหาร ที่เข้ารายล้อม
ปีโป้ปิ่นถอนหายใจเฮือก จนมุม กวาดสายตาไปรอบๆ ประเมินสถานการณ์
หุ่นไร้ชีวิตล้วนอยู่ในท่าเตรียมพร้อม  อาวุธมหาประลัยนับสิบ จ่อมาที่ร่างทั้ง 2
พวกนี้ไร้จิตใจสังหารทุกอย่างที่วิ่งได้ คลานได้
“ เอาไงดีคะปีโป้ “
“ เข้าตาจนแล้ว  สินะ  ฮ่า ๆๆ  “
ปีโป้ปิ่นหัวเราะลั่น พลางล้วงกระเป๋า  ขว้างบางอย่างให้พวกหุ่นสังหาร
“ เอาไป..ไข่จ้างฮัง “
ไข่จ้างฮัง ลูกหนึ่งถูกโยนออกไป กลิ้งขลุก ๆ ไปหยุดที่ด้านหน้าของหุ่น
“ พรึ๊บ “
แสงสว่างวาบ จนแสบตาแผ่รัศมีออกจากไข่จ้างฮัง จนทั้งสองต้องหลับตาเบือนหน้าหลบ
มันสว่างวาบแค่เพียงครู่  รับรู้ถึงพลังงานบางอย่างพุ่งพวย จนทรายกระจายเป็นวง
“.........................................................”
“ นี่นะ ระเบิดไข่จ้างฮัง  ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น” อีฟสายหัว
ดูด้านบนสิ ปีโป้ปิ่นชี้ให้ดู   อีฟรีบเงยหน้าขึ้นมอง   ด้านบนสูงขึ้นไปร่วม 20 เมตร
มีกลุ่มแสงสว่างวาบม้วนเป็นวงเหมือนระเบิดพลังงานบางอย่าง  ทำให้ทั่วบริเวณสว่างไสว
ช่างเป็นภาพที่งดงาม  แต่มันอยู่ไม่นานก็ดับวูบไป ทิ้งไว้แต่ความมืดในทะเลทราย

เหล่าหุ่นล่าสังหาร ยืนนิ่งงันเหมือนถูกคาถา นะจังงัง  ไร้อาการไหวติงตอบสนอง
วงจรภายในของพวกมันถูกทำลายเกลี้ยง จนได้กลิ่นฉุนไหม้   มันยืนนิ่งเป็นหิน
“ ไข่จ้างฮังอะตอมมิกส์ “
ปีโป้ปิ่นครางในลำคอ    


( ปล.อัพเดท ทุกวันศีล ครับ )

 
 
สาธุการบทความนี้ : 460 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 458 ครั้ง
 
 
  17 ส.ค. 2555 เวลา 18:12:51  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40

   

Creative Commons License
ESANIA Sector 9 นครที่สาบสูญ --- เว็บบอร์ดอีสานจุฬาฯ