ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 2 มิถุนายน 2567:: อ่านผญา 
แฮ่งผู้ฮ้ายแฮ่งตื่มตดเหม็น แฮ่งดำแฮ่งติดตื่มลายทังแหล่ แปลว่า ขี้เหร่อยู่แล้ว ตดเหม็นอีกต่างหาก ผิวดำอยู่แล้ว แถมมีลายแผลเป็นด้วย หมายถึง "ไม่ควรทำผิดซ้ำ


  ค้นหากระทู้ ปลาร้านอกไห  

หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40  
  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่642)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 

ผมว่า  ละครเกาหลี  ต้องไปบวช ( กินข้าวแลง) จัก 2 พรรษา สาเกิ่น
จั๋งสิสมหวัง ซั้นเด.. ( จารย์ใหญ่เว้าให้ฟังดอกหวา)

 
 
สาธุการบทความนี้ : 693 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 693 ครั้ง
 
 
  21 มิ.ย. 2553 เวลา 15:48:25  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่645)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 
คุณรุทธิ์  (อีเกียแดง):
คุณปิ่นลม:

ผมว่า  ละครเกาหลี  ต้องไปบวช ( กินข้าวแลง) จัก 2 พรรษา สาเกิ่น
จั๋งสิสมหวัง ซั้นเด.. ( จารย์ใหญ่เว้าให้ฟังดอกหวา)

แม่นบ้อบ่าวปิ่น
แสดงว่าตอนนี้จารย์ใหญ่เพินสมหวังแม่นบ่
เพราะจารย์ใหญ่บวชอยู่เกือบสิบปีพุ้นหน่ะ



อันนั้น กะบวชโด่นโพด  ลื่นไทบ้าน  จนลืมคราว หลงฮอดส้น  งึดหลาย
เลาว่า  เนื้อคู่กำลังสิคลอด พะนะ เบิ่งดวงแล้ว

 
 
สาธุการบทความนี้ : 164 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 164 ครั้ง
 
 
  21 มิ.ย. 2553 เวลา 16:00:33  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่651)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 

ตอบแทน ทิดธานบ้านคำแคน
ทิดธาน เป็นรุ่นน้องอ้ายปิ่น  ทำงานอยู่กรมเดียวกัน หม่องทำงานอยู่นำกัน
บ้านพักกะอยู่ใกล้ๆ กัน  เด้อสาวส่า  
เพิ่นเห็น บ่าวปิ่น หัวเอิกอาก อยู่พุเดียว กะสงสัย เป็นย้อนอีหยังพะนะ
เลยมาเห็นบ่าวปิ่นลม เว้าพื่นอีสานบ้านเฮา เพิ่นกะเป็นคน ขอนแก่นเนาะ
เลยสมัครมาเล่นนำ  ซั้นดอก  พอได้หัวนำกัน

 
 
สาธุการบทความนี้ : 198 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 198 ครั้ง
 
 
  22 มิ.ย. 2553 เวลา 00:27:02  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่664) ตอน ใส่ ตั่งบาน      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ภาพจากศูนย์ข้อมูลกลาง จ.หนองบัวลำภู


ต้นส้มเสี้ยว กำลังออกดอกสีชมพูอมม่วง เป็นแฉกดังเล็บมือนางฟ้อนอ้อนแอ้น  ทั้งเผิ่งและมิ่ม
มวลหมู่ภมรมาดอมดม ใบกลมกลึงเป็นซีกคล้ายรูปผีเสื้อ กำลังหวามไหวในสายลมหวน  
กอข้าวในนาแตกกอใบกำลังเขียวงาม   นกไก่นากำลังเดินหาปูปลา ตามช่องว่าระหว่างกอข้าว
หอยโข่งนิ่งสงบในน้ำบ้างก็ซุกซ่อนตามเขิบคันแทนา  เหล่าหมู่ปลาซิว ลอยเป็นกลุ่ม
พลิกโผวกวนไปตามน้ำ หากินดอกหญ้าที่ร่วงหล่นลงน้ำ  ตรงที่น้ำล้นคันนาไหลฮืม
กะปูแดงสองตัวกำลังเอาก้ามหนีบกัน แย่งทำเลหากิน

เสียงน้ำโตนโสกดังจ่นๆ   แรงน้ำจากที่สูงกระทบพื้นน้ำเบื้อล่างที่ต่ำกว่า จนเกิดฟองน้ำ
เกาะเป็นก้อนสีขุ่นๆ  บักกุ้นน้องชายบักลม เอามือไปทาวฟองน้ำเล่น จนถืกฮ้ายว่า อย่าไปเล่นฟองน้ำ
มันสิเป็น “ขี้โม่”หรือตุ่มคันตามแขนขาคล้ายๆหิด  มื้อนี้พ่อพาลมและกุ้นไปใส่”ตั่งบาน”
ดักนกแจนแวน อยู่กลางท่งพ่อสานตังบานเสร็จแล้ว เป็นรูปร่าง ครึ่งวงกลม มีคันและถักคลุมด้วยตาข่าย  คันตังบานโค้งเหมือนเบ็ด
โก่งเข้าด้วยเชือก ผูกกับเดือยเป็นคอน ขัดไม้ไว้ใช้ผูกเหยื่อล่อ และมีลานตังบานสานด้วยไม้ไผ่ เป็นพื้นที่ล่อ
พ่อบอกกว่า” ตั่งบาน” เป็นภูมิปัญาอีสาน ตั้งแต่บรรพบุรุษเฮา อาศัยการสังเกตพฤติกรรมหาอาหารของนก
เช่น หนู จิดโป่ม เขียด กบ ดังนั้นจึงได้หาเหยื่อเหล่านี้มาล่อใส่ใว้ในลานของตังบาน เพื่อให้นกเห็นเหยื่อเคลื่อนไหวเด่นชัด  เมื่อนกบินมาโฉบเหยื่อ ปีกนกจะถูกสายใยที่ขึงหรือ”ไม้ขาเข็ด” ที่ขัดกับวง
ตัวบานจะหลุดลงมาตะปบนกไว้ในตาข่ายทันที  นับว่าเป็นกลอุบายอันแยบยล

นกที่ติดตังบานได้แก่ นกเค้า นกกะเต็น นกขาบ แหลว   นกแจนแวน เป็นต้น   วันก่อนตาวาดดักได้
นกขาบสีม่วงงาม เพิ่นเอาให้น้าบ่าวเทาไปเลี้ยง  นกขาบบ่นิยมนำมากิน เพราะมันเป็นนกสวยงาม และหายาก
มื้อนี้อากาสแจ่มใส แดดหองกำลังดี ตาวาดจึงชวนลูกไปใส่ “ตั่งบาน”  
ลมและน้องซอกหา จิโป่ม  ,จิดนาย ตามใต้ขอนไม้ และตามหัวหญ้าในนา เพื่อเอามาเป็นเหยื่อล่อ
“ อ้าย..ข่อยได้ จิดโป่มแล้ว “  กุ้นน้องชายหล่า ชูจิดโป่มอวดพี่ชาย พร้อมทั้งยิ้มร่า
“ โห้.หมานๆ   เอามาใส่ข่องไว้บักหล่า  “ ลมบอกน้องพลาง ไง้ขอนไม้แห้งหาแมลงต่อไป
ก้ำทางท่งนกแจแวน ฮ้องอยู่หลายตัว ตาวาดเอามือป้องแดด แนมหานกแจนแวน
พอหาเหยื่อล่อได้พอสมควรแล้ว ลมก็เอาเหยื่อมาให้พ่อใส่ตั่งบาน  ตาวาดเลือกทำเลเหมาะได้แล้ว
ตรงคันนาใหญ่ ใหล้ๆ ต้นตูมกา   แกวางตั่งบานลง กางออก เป็นรูปวงรีกว้างๆ  ตรงกลางเป็นตาข่ายถัก
ด้วยด้ายสีดำ ขอบตั่งบานเป็นไม้ไผ่ดัดเป็นวง  แกหงายเอา”ลานตั่งบาน”ขึ้น ตั้งกลไก ของกับดัก ท่ามกลางสายตาของลูกชายทั้งสองที่จับจ้องอย่างตั้งอกตั้งใจ
เมื่อกางกับดักออกเสร็จ ก็เอาจิดโป่มมาผูกคอห้อยใส่ “ ไม้ขาเข็ด “ หรือกระเดื่องกลไกของตั่งบานเอาไม้คอนเล็กๆ มาขัดไว้  ปล่อยให้จิโป่ม เต้นด่องแด่ง อยู่ลานตั่งบาน  เป็นอันเสร็จสรรพ
“ เอ้า..เสร็จแล้ว ไป ซุมเฮาไปเลี้ยงควายถ่าเบิ่ง อยู่ไกลๆ พู้น “   ผู้เป็นพ่อหันมายิ้มให้ พลางชวนลูกออกห่าง
เอ๋า..ซุมเฮาไปอยู่ไกลๆ สิฮู้ได้แนวได๋ ว่าตั่งบานถืกนกแล้ว “  ลมเดินตามหลังสุด แต่ยังอดสงสัยบ่ได้
“ ถ้าตั่งบานมันลั่น  คันตั่งบานมันกะสิล้ม  แนมแต่ไกลๆ กะเห็นดอก “  ตาวาดบอกลูกพลางเดินนำหน้า
“ แม่น.เจ้าคือปีกแถะอ้ายลม “  ผู้เป็นน้องเหน็บแนมไปทีหนึ่ง  
“ หืมม...”  บักลมคันแข่ว ย่างไปเตะก้นน้องเบาๆ หัวเราะหึๆในลำคอ
ก้อนขี้ฝ่า ลอยล่องในลมบน  บ้างก็ไหล นวยนาถ  ตามกันหลุ่นๆ ตามพระพรายจะพาไป  
เสียงกระโร่งงัวควาย แว่วสดับในชายทุ่ง ต้นกระทันหวามหวิว  นกแจนแวนห่าว ฮ้อง แจ้ดแจ้ เทิงกกไม้
ควายบักตู้ทอดกายลงนอนเกือกตม  กลิ้งไปมาไล่แมงไม้ จนขาชี้ป่างหง่าง งัวแม่ขาวพาลูกเล็มหญ้ากลางเดิ่น
ลมกับน้องพากันนั่งเล่นอยู่ลานหินแห่ ใต้ฮ่มส้มเสี้ยว  นั่งเด็ดเอา “หมากก่องข้าว “ หรือ หมากติบข้าว
มาทอบใส่กัน เอาก้านเสียบติดกันไว้ และเหมือน กระติบข้าวเหนียว  ตาวาดนั่งสานข่อง  ฟังวิทยุใต้ฮ่มกระทันตาก็แนมฝูงวัวควายไปนำ
“ อ้าย.แนมเบิ่ง ตั่งบานเฮา เบิ่งดู้..มันลั่นแล้วหรือยัง “  บักกุ้นบอกอ้ายแนมเบิ่งกับดักที่อยู่กลางท่ง
ลมลุกขึ้นเนาแนมไปทางกลางท่งนา  เห็นคันตั่งบานตั้งเก่เด่อยู่ แสดงว่า ยังบ่มีนกมาลงกินเหยื่อ
มองไปทางดอนหัวโสก เห็นจันแรมกับโจดโหวด กำลังไล่งัว ออกจากโคก เสียงเทิ่งฮ้ายเทิ่งจ่ม ว่างัวบ่อยู่

“ เอ้า...แดดหองแนจั๊กหน่อย มันกะอยู่ดอกอีหล่า..อย่าฝอกอย่าฮ้ายงัวมันถ่อน “   ตาวาดเอิ้นบอก
“ มันบ่อยู่กินหญ้าแมะ  ย่างเลาะหากินแต่ หมากยอสุก กับเคลือส้มลม นำป่า “ จันแรมบ่สบอารมณ์
“ ต้อนมันมาทางเดิ่นพี้..หญ้าหลาย  คอยลัดมันเอาหล่า”  ตาวาดหัวเราะในลำคอขำในท่าทางของจันแรม
“ พ่อ. ๆ  ตั่งบาน ลั่นแล้ว ! “   ลมฮ้องเสียงตื่นเต้น เมื่องมองเห็นคันตั่งบานล้ม
“ ฮิ้ว....ถืกนกแล้ว..ว.ว “  ลมฮ้องโฮ แล่นลงท่ง เห็นแต่หลังไหว  ๆ  
“  ถ่าข่อยแน...ถ่าข่อยแน...“   บักกุ้นแล่นนำก้น หัวขวิดหัวคว่ำ
ลมทั้งตื่นเต้นหัวใจตู้มต่ำ แล่นไปพลางคำนึงในใจ นกหยังน้อ.. อีกอย่างการใส่ตั่งบาน บ่ค่อย
เห็นพ่อเลาใส่บ่อยนัก  เด็กน้อยวิ่งฮ้อไปตามคันแถนา ผ่านทิวแทวของต้นข้าวที่กำลังชูกอเขียว
ยิ้มร่าเหมือนได้รางวัล
“ นกหยัง อ้าย “  เสียงบักกุ้นผู้แล่นมาตามหลังถาม  
“ นกแจนแวน  นกแจนแวน “ ลมท้วงเสียงล่ำละลัก
รีบตะครุบเอานกที่ยังดิ้นตุ๊บๆ ในตาข่ายตั่งบาน   ได้กินลาบนกแจนแวน แล้ว พลางคิดในใจ ยิ้มย่อง
“ ให้ข่อยบายแน..” น้องชายชะโงกหน้ามาขอจับนกที่ได้ เหมือนอยากมีส่วนร่วม
“ เอากำเอาดีๆ เด้อ.อย่าให้มันหลูดมือ “  ลมยื่นเอานกให้น้องประคองจับ
“ เอ๋า ..สิใส่ตั่งบานใหม่ แนวได๋เทื่อนิ  ใส่บ่เป็น  เอาไปให้อีพ่อใส่ใหม่ดีกว่า “  
ว่าพลางยกตั่งบานขึ้นใส่บ่า เดินตามคันนากลับ ไปหาพ่อที่นั่งอยู่ใต้ฮ่มกระทัน  ตาวาดเอาตั่งบานไปใส่ใหม่
เลือกทำเลเหมาะ ๆ และนกชุมๆ   มื้อนั่นได้นกมาสามตัว ทั้งนกกระเต็นและนกแทด  ได้พอลาบพอดี
พ่อบอกว่ามื้อแลง สิหาเขียดมาใส่ตั่งบาน ดักนกเค้า อยู่เหล่าหัวเถียง  ได้ยินมันฮ้องใส่หูยามกลางคืนหลายมื้อแล้ว
     ตกยามกลางคืนในวันนั้น บักลมฝันว่าเจ้าของเป็นนกเค้า บินลงมากินเขียดแล้วติดตั่งบาน  ดิ้นทุรนทุราย
ยิ่งดิ้นยิ่งพันพัวหนักเข้า จนขยับไม่ได้  ทั้งตื่นทั้งกลัว   ใจคิดหาแต่พ่อกับแม่  คงม้วยดับชีวีแน่นอน
ทรมานหลาย    ตื่นยามมื้อเช้าก็ยังรู้สึกเมื่อยอยู่  แข้งขาไม่มีแรง  พ่อชวนลมไปยามตั่งบานตั้งแต่เช้า ๆ
“ บ่ดอก.ข่อยบ่ไปใส่ตังบานอีกแล้ว “  ลมนั่งทำหน้าเหนื่อยหน่าย.
“ เป็นหยัง “  ผู้เป็นพ่อถาม ทำหน้าฉงน
“  ข่อยย้านเป็นคือนกเค้า..”     ว่าพลางเกาหัวแกรก ๆ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 454 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 453 ครั้ง
 
 
  22 มิ.ย. 2553 เวลา 13:35:18  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่666)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ขอบคุณเจ้าของภาพ ครับ

อภิธานบท
หมากติบข้าว  หรือ หมาก ก่องข้าว  เกิดนำโคกโปร่ง ป่าละเมาะ นำเดิ่นดอน
ภาษาไทย เอิ้น คลอบจักวาล พะนะ
เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง  แต่บ่าวปิ่นบ่รู้ว่าแก้ อีหยัง ได้แต่เอามาเล่น เฮือนน้อย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 258 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 258 ครั้ง
 
 
  22 มิ.ย. 2553 เวลา 13:57:19  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่668)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 



ขอบคุณเจ้าของภาพ

อภิธานบท
นกแจนแวน นกตามท้องทุ่งอีสานอีกชนิดหนึ่ง ที่น่าเป็นห่วง
เนื่องจากลดจำนวนลงอย่างน่าตกใจ  ถึงขั้นสูญพันธุ์หายไปจาก บางพื้นที่
อาหารของมัน คือ จิ้งหรีด  แมลงเล็ก  ตัวหนอน  เพลี้ยข้าวต่างๆ  หรือ แมงบ้ง
บางทีก็กินสัตว์ขนาดเล็กเป็นอาหาร เช่น เขียดน้อย
จุดเด่นคือเสียงร้อง ครับ แจดๆ  แจ๋  แจด  แจ้...  ฮ้องช่วงเข้าพรรษาไปหาเดือน10
นอกนั้น บ่ฮ้องครับ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 247 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 247 ครั้ง
 
 
  22 มิ.ย. 2553 เวลา 14:05:34  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่669)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ขอบคุณเจ้าของภาพ

อภิธานบท
นกขาบ ราชินีแห่งนกตามท้องทุ่งอีสาน ที่น่าเป็นห่วง
เนื่องจากลดจำนวนลง บางพื้นที่ บ่มีให้เห็นแล้ว
เป็นนกสวยงามครับ  ตัวใหญ่ปานกลาง  ส่วนมากนิยมเอามาเลี้ยง

 
 
สาธุการบทความนี้ : 289 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 289 ครั้ง
 
 
  22 มิ.ย. 2553 เวลา 14:08:49  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่680) ตอน อืดนกคุ่ม      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ขอบคุณภาพจาก กูลเกิล


     ตอนสาย ๆ น้าบ่าวเทาถือ นกคุ่มสองตัวมาฝากจารย์ฝ้าย  ในฐานะที่เป็นอาจารย์ถ่ายทอด วิชาอืดนกคุ่ม
ให้แก  จารย์ฝ้ายนั้นฝีมือ การอืดนกคุ่ม เข้าขั้นปรมาจารย์  ในโคกแถวนี้ต้องยอมให้แก ชนิดว่าหาตัวจับได้ยาก
น้าบ่าวเทาเลยมาขอให้จารย์ฝ้ายสอนเทคนิคการอืดนกให้   ทีแรกค่าครูเอาเหล้าขาวขวดหนึ่งกับไก่แม่ฟัก  
แกเคยเถียงจารย์ฝ้ายว่า เป็นหยังคือเอาไก่แม่ฟัก  เอาแนวอื่นบ่ได้หรือ ย้อนว่าเสียดายไก่
แต่จารย์ฝ้ายให้เหตุผลว่า  ของดีของหวง หากสิเฮียนให้ขลัง ก็ต้องแลกด้วยของหวงคือกัน  ฟังเหตุผลแล้ว
กะทรงคือแกว่า น้าบ่าวเทาเลยยอม  ใช้เวลาบ่นาน น้าบ่าวเทาก็ฝีมือจัดเจน ถึงขั้นชำนาญ  เข้าป่าดอนหาอืด
เพลาใดต้องได้ติดมือมาประจำ จนผู้เป็นอาจารย์เอ่ยปากชม
“ บ๊ะ.เข้าท่าดีเว้ย..หมอนี่  เก่งๆ  มื้อนี้ได้มาอีกจั๊กโตหละ บักเทา “ จารย์ฝ้ายเห็นลูกศิษย์ ก็ยิ้มกริ่ม
“ ฮ้วย..ได้มา 4 โต พู้นหนะ  เลยเอามาฝากเจ้าซั้นดอก “  น้าบ่าวเทานั่งลงยื่นนกคุ่มให้
“  กูว่ามึงเก่งคือกันเด้ นิ.เฮียนบ่ทันด่น  ก็ฝีมือขนาดนี้   ลองเฮ็ดเสียงให้กูฟังใหม่ แน “  ว่าพลางรับเอาของต้อน
น้าบ่าวเทาโก่งคอ ทำเสียงอืดนกคุ่ม  อาศัยจากการแนะนำของจารย์ฝ้าย คือ บังคับเสียงจากช่องท้อง
ผ่านมาทางหลอดลม บังคับเสียงให้ขึ้นทางจมูกแล้วจั่งค่อยๆ ปล่อยออกผ่านกระบุ้งแก้ม บังคับไรฟันเค้นเสียง
ให้ทุ้มสูงก้องกังวาน
“ อืด...อืด...ด....อืด...อืด ๆ “  น้าบ่าวเทาโก่งคออืดให้จารย์ฝ้ายฟังอย่างตั้งใจ
“ เออ ๆ  เข้าท่า แต่ต้องเพิ่ม ความหองขึ้นกว่านี้ หากมีนกคุ่ม มาอืดแข่งมึง เฮ็ดเสียงคือจั๋งนกมันเคียดให้กัน “
จารย์ฝ้ายแนะนำพลางหัวร่อเอิกอาก
“ เอ๋า แล้วแม่นเจ้า สานอีหยังอยู่ หละ “   น้าบ่าวเทาถามด้วยสงสัย
“  สานกระด้งให้แม่เขา  เอาไว้ฝัดข้าว  อันเก่ามันขาด “  แกตอบพลางก้มหน้าสานตอกเป็นวงกลมต่อ
“ เจ้าบ่ไปหาอืดแนติ..ไปนำกันบ่  “  น้าบ่าวเทาชวน
“ บ่ดอก..ยากเวียกหลาย   ต้องไปอ้อมฮั้วไฮ่หมากแตงจิง ให้มันแล้วก่อน  ช่วงนี้ยากคัก“  
“ จะแม่นเจ้าดุ คักเนาะ บ่เซามือเซาตีน จักเทื่อ “ น้าบ่าวเทาเอ่ยปากชมในความขยัน
“  ลูกอีสานเฮา  บ่เฮ็ดกะบ่ได้กินเทาเอ้ย..”  แกพูดนำนองบ่นพ้อถึงความทุกข์ยาก ของชาวนาอีสาน
             .......................................................................................................
คืนนั้นเดือนหงายพองาม ดาวแจ่มฟ้า น้าบ่าวเทาชวนครอบครัว ตาวาดผู้เป็นพี่เขย มาโฮมกันกินข้าวแลง
นำกัน ที่เถียงนาแก  เมนูก็คือลาบนกคุ่ม ส่วนเครื่องในนกคุ่ม พวกไส้ และไต น้าบ่าวเทาแยกเอามาต้มใส่
หัวซิงไค ใบมะกูด  น้ำต้มมันยาบๆ  คุ้ยลาบนกคุ่ม กับซดน้ำต้มฮ้อน ๆ  แซบจนลืมบ้าน   ส่วนผักกับ มียอด
ต้นกอก และ ผักหูเสือ  หลังจากกินข้าวแล้วก็ออกมานั่งคุยกันเล่นอยู่ซานเถียง
“  อีน้อย เป็นแนวได๋ ท้องใหญ่หลายเติบแล้วเด้อกูว่า “  ตาวาดถามไถ่ ถึงเมียน้าบ่าวเทา ที่กำลังท้อง
“ ย่างยากแมะ ลุงวาด สุมื้อนี้ เป็นสีหนักๆท้องอยู่ เฮ็ดเวียกหนักบ่ได้ดอก “ น้าสาวน้อยเมียน้าบ่าวเทาตอบ
“ ระวังแนเด้อ.หาบน้ำหาบไน กะให้บักเทามันเฮ็ด  เป็นห่วงลูกในท้อง “  ยายยมเสริม
“ แล้วกะว่าสิคลอดเดือนได๋ละสู “  ตาวาด นั่งสูบยาควันโขมง อย่างสบายอารมณ์
“  ซงสิแม่น เดือน 11 พู้นหละครบขวบมัน  “ น้าสาวน้อยตอบ
“ อีกบ่ด่นปานได๋ดอกเนาะ “  เว้าพลางในลำคอ อือ ๆ
ลมเย็นพัดไล่ท่งมา ผ้าขาวม้าที่ตากไว้อยู่ฮาวเถียง ปลิวเวิง ๆ เสียงสังกะสีเก่า ที่เอามุงกั้นแทนฝาใบตองกุง
ถูกลมต้องดัง แถด ๆ  ตะเกียงน้ำมันก๊าดมอนแสงลงตามแรงลม  เสียงคุยกันดังอ้อมแอ่ม ๆ ในแสงไฟที่หริบหรี่
เสียงเขียดน้อยและเรไรระงมทั่ว เงามืดในราตรี
............................................................................................................
ตะเว็นงาย ลมกับพ่อเลี้ยงควายอยู่หัวนา  ลมกับน้องพากันเล่นเฮือนน้อย ปีนขึ้น”ต้นบักเญา” ( สบู่ขาว )
ที่พ่อปลูกไว้เป็นแนวกั้นเขตฮั้วเดิ่นนา นั่งบนง่ามต้นเญา มือซาวจับกิ่งต้นข้างๆ ทำท่าทีคือ คนขับรถจก
บักกุ้นผู้น้องนั่งอยู่อีกต้นหนึ่งด้านหลัง แสดงเป็นเครื่องยนต์  ทำเสียง ปรื้น ๆ  คือเสียงเครื่องกระหึ่ม


“ เอ๋า..เร่งเครื่องติหละ อ้ายเหยียบคันเร่งแล้ว “  บักลมคิมฮวง งวกหน้ามาสั่งการ
“ เอ๋า เร่งแต่มื้อเหิง..คือแนมบ่เห็น “  น้องชายเถียง
“ ฮ้วย..กะแนมตีนอ้ายแนแมะ  อ้ายเหยียบง่าไม้ทางหน้านี่ คือเร่ง เข้าใจบ่ “  ลมอธิบายทำท่าทางประกอบ
พอลมเหยียบกิ่งบักเญา ผู้น้องก็ทำเสียงเครื่องยนต์เร่งดัง บรื้น ๆ !   ตามจังหวะ
“ เร่งอีก  เร่งอีก “  ลมเหยียบง่าไม้จนตัวเอน
“ บรื้น!...บรื้น..น...น....  แคก ๆ...แค๊ก..! ”   ผู้น้องทำเสียงดังจนแสบคอ ไอแค๊ก ๆ ขี้มูกแตกออก
“ เอ๋า..คือมีเสียงแค๊ก พ้อมรถอีหยัง “ ลมหันหน้ามาเบิ่งน้อง หัวร่อเอิกอาก
“ รถน้ำมันโซล่า.เน๊าะ..เร่งหลาย มันกะกระตุก แอ๊ก ๆ ตั๊วะ “   กุ้นเว้าทำนองอยากฮ้ายอ้าย.ที่เร่งเครื่องหลาย
“ เล่นแนวใหม่เถาะ..ขี้คร้านเป็นเครื่องยนต์แล้ว เมื่อย.” น้องชายหล่าออกความคิด
ลมกระโดดลงจากต้นไม้  คิดหาแนวเล่นใหม่  คิ้วชนกันดวงตาแนมซ้ายแนมขวา หาวิธี
“ เล่นวาดเป่าหมากโป่งบ่ “  น้ำเสียงโพล่งขึ้นอย่างดีใจ
“ ดีคือกัน เฮ็ดแนวได๋ “  ผู้เป็นน้องส่งเสริม
ลมเด็ดเอาใบต้นบักเญา หรือ สบู่ขาว มาใบหนึ่ง ม้วนเป็นโกบ เอากิ่งไม้เล็ก ๆ ขัดไว้ให้คงรูปทรงเป็นถ้วย
แล้วก็หาเด็ดตามยอดอ่อนต้นเญา เอาถ้วยใบไม้รองเอาน้ำยาง จากต้นไม้  ยางต้นเญามีสีขาวข้น เด็ดยอดแล้ว
มันก็ไหลเยิ้มในทันที บักลมโก่งยอดเอายางมาไว้ในถ้วย สะสมไว้  พอได้ปริมาณพอสมควร ก็ ถ่มน้ำลายลง
ผสมในน้ำยาง เอากิ่งไม้กวนให้ผสมกันให้ทั่ว  
“ ไปเด็ดเอาใบต้นเญามาให้อ้ายใบหนึ่ง “ ลมบอกน้อง
เมื่อได้ใบไม้แล้ว ก็เอามามวนเป็นหลอด เด็ดปลายหลอด ลงจุ่มน้ำยาง แล้วก็ยกขึ้นมาเป่า  ยางไม้ผสมน้ำลาย
ทำให้มีความหนืด เมื่อถูกเป่า ก็เป็นฟองอากาศ เป็นลูกโป่งใส คล้ายฟองสบู่  ปลิวไปตามลม  เป็นฝอย ๆ
บักกุ้นตบมือร้องอย่างถูกอกถูกใจ...พลางบอกอ้าย เอาอีก ๆ  ตาวาดแนมเห็นลูกแล้วอดยิ่มบ่ได้

...................................................................................................

ทางหัวป่าหัวดอน ที่มีหญ้าคาขึ้น สูงยาวถึงระดับเข่า ตรงนี้เป็นป่าโปร่ง  ต้นไม้ขึ้นไม่หนาเท่าใดนัก
แต่มี พุ่มไม้ขึ้นค่อนข้างหลายชนิด มีทั้ง กอหญ้าเพ็ก   หญ้าแฟก  กอดอกกระเจียว หญ้าคา และพุ่มหนามคัดเค้า
ต้นไม้ใหญ่ ยืนเรียงรายกันห่างๆ   พ้นนอกนั้นไปก็เป็นหัวนาแล้ว
น้าบ่าวเทาดักพะเนียด และ ปักซิงนกคุ่ม แล้วก็รองให้นกต่อของแก ฮ้องอืด เรียกนกตัวอื่น ส่วนตัวแกหมอบ
อยู่หลังเพนียด บังพุ่มหญ้าคาจนมิด   เสียงนกต่อของแก อืด ๆ  เป็นระยะ  สลับกับเสียงลมพักใบหญ้าคา
แดดที่เริ่มจ้าบ่ทำให้แกหวั่นวิตกเลย  เพราะเมื่อวันก่อน ผ่านมาทางนี้ได้ยินเสียงนกคุ่มฮ้อง
และบินหนีเป็นหมู่ ๆแสดงว่าถิ่นนี้ต้องมีหลายตัว  อย่างไรแกต้องได้สักตัวแน่

สักพักก็มีเสียงนกคุ่มฮ้องมาจากทางฟากป่าหญ้าคาทางริมโคก  น้าบ่าวเทายิ้มย่องดีใจ
มื้อนี้ได้กินลาบนกคุ่มแน่
ช่วงดำนาแล้ว แมงไม้ต่างๆ มีหลายหลากพันธุ์ ต่างออกแม่แผ่ลูก  เป็นอาหารของนกคุ่ม นกกระทา
และนกที่หากินตาพื้นดินทั่วไป  ลักษณะนิสัยของนกคุ่ม มักหากินแมงไม้ตาม สุมทุมพุ่มป่าโปร่ง หรือหม่องแปน ๆตามป่าหญ้าคา ป่าเพ็ก นกอันนี้มักหลาย  หากเป็นช่างหน้าหนาว ยามเกี่ยวข้าว นกคุ่มจะลงไปหากินในไฮ่นาที่ข้าวกำลังสุก เพราะแมลงหลายในไฮ่นา
นานโข  นกต่อที่อยู่ในเพนียดของ น้าบ่าวเทาเซาฮ้อง  เพราะสู้เสียงนกคุ่มตัวอยู่ทางฟากโน้นไม่ได้
แกจึงต้องออกโรง อืด เลียนแบบเสียงนกเอง

“ อืด..อืด อืด..ด..   อืด ๆ ... อืด..ด..ด. “    น้ำเสียงกังวานทุ้ม และดูยียวนสำหรับนกคุ่มดีนักแล
“ อืด..อืด อืด..ด..  “  เสียงดังมาจากทางโน้นตอบมา  เพิ่มกิเลสความอยากได้นก ของน้าบ่าวเทาพุ่งพล่าน
“ อืด..อืด อืด..ด..   อืด ๆ ... อืด..ด..ด. “    แกพองลมอืดนกอย่างตั้งใจ ลืมความร้อนของเปลวแดดสนิท
“ บ๊ะ..มาต่อยากแถะ  นกคุ่มดอนนี้.. “  แกคิดในใจ พลางคลานคืบ ขยับตำแหน่งเข้าไปใกล้อีก
“ อืด..อืด อืด..ด..  “   เมื่อคลานเข้าไปใกล้ นกตัวนั้นก็ อืดตอบมา ฟังเสียงแล้ว มันก็เดินเข้ามาใกล้ คือกัน
แกดีในหย่าวๆ   ในที่สุดมันก็หลงกลในเสียงอืดชั้นชำนาญการพิเศษของแก

...........................................................................................................

  แดดขึ้นหองใกล้สิเที่ยงแล้ว..นกคุ่มตัวนั้นยังบ่ยอมขยับเข้ามาใกล้  แถมเสียงยังใสก้อง สะท้อนทั่วดอน
น้าบ่าวเทาบาดเหงื่อที่ซึมออกเต็มใบหน้า  ทั้งร้อนทั้งหิวข้าวแล้ว  แกอืดจนลมเข้าท้อง ปุ้นท้องปุ้นไส้หมด
แต่ก็บ่ยอมแพ้..หากได้นกตัวนี้แล้ว คงจะใช้เป็นนกต่อชั้นเลิศแน่นอน เพราะมันฮ้องอืดได้ม่วนและ ยาวนาน
ว่าแล้วก็ขยับพะเนียดเข้าไปใกล้อีก คลานก่องก้อย ดินเปื้อนเต็มหน้าอก นิสัยของแกคือบ่ยอมแพ้ง่ายๆ อยู่แล้ว.
“ อืด..อืด อืด..ด.. ... จ๊อก..ก..ก..ก.. ! “  เสียงอืดดังคงที่ แต่ที่ดังตามมา คือเสียงท้องฮ้อง เพราะหิวข้าว
“ หืมม...มาฮ้องหยังยามนี้ ท้องไส้กะดาย “  แกสบถอย่างอารมเสีย เพราะเสียงท้องฮ้อง ว่าแล้วก็อืดต่อ
“ อืด..อืด อืด..ด..   อืด ๆ ... อืด..ด..ด. “    “  คราวนี้แกอืดยาว แล้วก็ทิ้งช่วงหายใจ เงี่ยหูฟัง
............เงียบไร้เสียงตอบ...แกปากเหงื่อออกจากหน้าผาก ทั้งร้อนแดดและหิวข้าวปนกัน แต่ก็อยากได้นก
“ มึงเด้อ.คือเก่งแท้.นกโตนี่   ฮ้องตั้งด่นจนสิเที่ยงแล้วกะยังบ่มาเข้า ซิงอยู “ แกกัดฟันด้วยความแค้น
“ อืด..อืด อืด..ด..  “    รวบรวมลมในท้องสะกดความหิว อืดลองอีกครั้ง
““ อืด..อืด อืด..ด..   อืด ๆ “   คราวนี้นกตัวนั้นเข้ามาใกล้หลายเติบ  จนรู้สึกว่ามันอยู่คนละฟากพุ่มกับแก
กำลังใจคืนมาหลายเติบ  กลั้นหายใจกลัวนกตื่นหนี  อืดยาวเร่งจ้าว..
“ อืด..อืด อืด..ด.. ... จ๊อก..ก..ก..ก.. ! “    ท้องแกร้องเพราะความหิวขึ้นมาอีกครั้ง ปากก็แห้งผาด เพราะหิวน้ำ
คอแห้งเป็นผง   ใจก็สูนให้เจ้าของ เข้าด้ายเข้าเข็มปานนี้  ท้องเจ้ากรรมก็ฮ้องทำลายเสียง อืด  ตาก็เริ่มลายแล้ว
เสียงพุ่มไม้ติง ยุบๆ  คือเสียงนกคุ่มเดินเข้าใกล้ ๆ   กับดักที่แกวางไว้ ตรงร่องทางเดินเล็ก ๆ ของพุ่มหญ้าคา
ตัดสินใจตายเป็นตาย  ลุกทะลึ่งพวดจากพุ่มหญ้า เพื่อไล่มันเข้าซิง มีโอกาสได้ 50 – 50
“ คราก...ก.. ! “  เสียงพุ่มหญ้าไหวสะท้าน แกทะยานออกอย่างรวดเร็ว เพราะฟังเสียงแล้วอยู่ไกลกันบ่เกิน
สามก้าว  
“  ฮ้วย....มึง ซั้นบ้อ.แหล่ง “   เสียงฮ้องอย่างตกใจดังมาจากพุ่มไม้

“ เอ๋า...เจ้าซั้นบ้อ...อ้ายจารย์  ข่อยว่าแม่นนก คุ่ม  ออย...ย..คนเอ้ย..“ น้าบ่าวเทา สะเดิดขึ้นเสียงก้อง
ที่แท้เป็นจารย์ฝ้ายนี่เอง ที่มาต่อนก ดอนเดียวกัน นับว่าเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ อืดกันเอง จนฮอดเที่ยง
“ สมพอ..อืดจนพองลม กะบ่มาเข้าจั๊กเทื่อ..ห่าคนเอ้ย..”  จารย์ฝ้ายลุกขึ้นยืน จ่มงุมงำ
“ หืยย...ไป  ไป๊...เมือกิน จ้ำปลาแดกอยู่เถียงนาพู้น  หิวสิตายแล้ว “
ว่าแล้วก็พากันหัวร่อ..จนน้ำตาแตกอยู่หัวดอน....

 
 
สาธุการบทความนี้ : 213 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 211 ครั้ง
 
 
  23 มิ.ย. 2553 เวลา 15:39:55  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่686)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 
คุณป้าหน่อย:
คุณสาวส่า เมืองยโส:
เหอะๆ เก่งพอปานกัน
แบบนี้เขาเอิ้นเซียนพ้อเซียน


555++เซียนนกคุ่มพากันหลงซ่น ก๊ากๆ


เซียนหลงส้น   กะเห็นแต่ เซียนจารย์หลง( ผบ.น.)  ถ่อนแหล่ว
ปานนี้ยังบ่มาเลย  จั๊กเสียไปไส  3 มื้อแล้ว

 
 
สาธุการบทความนี้ : 254 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 254 ครั้ง
 
 
  24 มิ.ย. 2553 เวลา 10:50:12  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่687)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ขอบคุณเจ้าของภาพครับ

อภิธานบท

หมากแตงจิง
บางพื้นที่เอิ้น   หมากแตงหมี
ทางภาคกลางเรียก แตงไทย พะนะ
ทางอีสานเฮาปลูกนำไฮ่  ( ไร่เลื่อนลอย )  ล้มต้นไม้ลงแล้วก็ถากถาง
เผาต้นไม้ทั้งต้น แล้วก็ เกลี่ยขี้เถ้าให้กระจาย เรียกว่า " เกียกไฮ่ "
พอฝนตกใหม่ก็ ปลูกหมากแตงจิง  หมากถั่วปี  หมากอื๋อ ฝ้าย . และงา
ไฮ่ที่เฮ็ดไว้ พอปีต่อมา ที่ตรงนั้นก็กลายเป็น ป่าโปร่ง  เพื่อเตรียม ซ่าวนา
นี่คือวิธีบุกเบิกไฮ่นา แต่ปัจจุบัน การเอ็ดไฮ่แบบนี้ บ่มีแล้ว  เนื่องจากป่าโคกมีน้อย
และทางการ ไม่สนับสนุนให้ทำ เพราะเป็นการทำลายป่า
การทำไฮ่  ต้องล้อมรั้ว โดยการตัดไม้รอบๆ นั้นหละ ทำรั้ว กันสัตว์เลี้ยง
นี่คือที่มาของคำว่า เฮ็ดไฮ่ เฮ็ดนา

 
 
สาธุการบทความนี้ : 297 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 297 ครั้ง
 
 
  24 มิ.ย. 2553 เวลา 11:05:39  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่690)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 



อภิธานบท

อันนี้ก็ หมากแตงจิง ลูกอ่อนๆ กำลังเป็นตากิน  ส่วนมากเอามา ตำกิน
หรือ ลูกอ่อน ก็เอามากินกับ แจ่วกบแจ่วเขียด ป่นปลา แซบ
กินแตงอันนี้แล้ว ไปกินน้ำ  มันสิกินน้ำบ่แซบ  ตั๊วะ  เป็นจางๆ ลิ้น
อนึ่งพืชชนิดนี้เป็นพืชล้มลุก เป็นเถาเลื้อยไปตามดิน   บ่ขึ้นฮ้าน คือบักอึ ( บักอื๋อ )
เวลาสุก เดินผ่านไฮ่  หอม ห่วน ๆ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 250 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 250 ครั้ง
 
 
  24 มิ.ย. 2553 เวลา 11:13:54  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่693)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ที่มาของภาพ www.mary.ac.

  ต้นเญา   ที่เขียนว่า เญา  ไม่เขียน ว่า เยา
เพราะ ย.ยัก ในภาษาอีสาน แตกต่างกับ ย.ยักษ์ ทางภาคกลาง
ลองให้คนอีสาน พูดคำว่า ยักษ์ ( เป็นคำเว้าอีสาน ) กับพูดคำว่ายักษ์ เป็นภาษากลาง
ทางภาคอีสาน อกเสียงคล้ายๆ  ฮ + ย  ผสมกันในพยางค์เดียว

ทางบ้านผมนิยมปลูกนำ เดิ่นนา เป็นแถว เป็นรั้วกั้น หากปล่อยไว้หลายปี
มีความสูงถึง 5 เมตร  เด็กน้อยขึ้นงอยได้สบาย  ส่วนลักษณะทางกายภาพ
หรือ พันธุกรรม อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mary.ac.th/physic_nut/page03.htm
ประโยชน์ คือเอายางมันใส่แผลสด เป็นยาสมานแผล และเอาใส่เป็นยาแก้ น้ำคัน
หรือน้ำกัดเท้า  ส่วนประโยชน์อย่างอื่น บ่รู้ครับ คาดว่าจะเป็นพืชไร่ ชนิดต่อไป
ในการสร้างมูลค่า ให้ ชาวไทยอีสานเฮา ถากป่าถางโคกปลูกต่อไป แทนปาล์ม

 
 
สาธุการบทความนี้ : 240 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 240 ครั้ง
 
 
  24 มิ.ย. 2553 เวลา 11:33:48  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่696)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ที่มาของภาพ www.mary.ac.

อภิธานบท
ต้นเญา
  ในอีกมุมหนึ่ง
อันนี้ก็ ขึ้นฮ้าน บ่ได้  เลยบ่ได้เป็นหมอลำ แม่บ้อ..อ้ายหน่อ
บวชแตงจิง คือบ่ เฮ็ดให้เป็นนาคแตงจิงก่อน  มันกะเป็นวุ้น ถ่อนแหล่ว

 
 
สาธุการบทความนี้ : 256 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 256 ครั้ง
 
 
  24 มิ.ย. 2553 เวลา 11:39:43  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่699)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 
คุณบ่าวหน่อ:
เรื่องยาวเฮาเปลี่ยนซือเรื่องใหม่แล้วบ๊อ หรือว่าเขียนไปเขียนมา หาส้นจะของบ่ทันพ้อ หรือว่า ซื่อเรื่องบ่อินเตอร์เลยละไว้ในฐานที่เข้าใจก่อน



หลงส้น กะยังว่า หาหม่องลงบ่ได้  กะว่าสิเขียน จนข้าวขึ้นบ้านพู้นหละ
กลับมาอ่าน เรื่องยาวของเจ้าของ จะแม่นคิดฮอด พ่อใหญ่ คำพูน บุญทวี
อีกอย่างกะ เรื่อง โสกไผ่ใบข้าว ของ จตุพร แพงทองดี
และเรื่อง หวดฮ้าง ของ คุณครู สังคม  เภสัชมาลา  
เรื่องแนวชีวิตอีสานเฮา บ่ค่อยมีปานได เนาะ หาอ่านยาก  ส่วนมากเลาะตามร้านหนังสือ
กะสิมีแต่นิยายแปล แนว แฟนตาซี แนวรัก ๆ ใคร่ ๆ ออกแนวเกาหลี ยี่ปุ่ญพู้น
( อันนี่บ่เกี่ยวกับ เกาหลี อีเกียแดงเด้อ คนละแนวดอกหวา )

บ่ได้ว่าจะของเป็นนักเขียนคือ บุคคลที่กล่าวมาดอกครับ  ขายบ่ออกดอก เรื่องของบ่าวปิ่น
อย่างมากกะสิพากันหัวเตอะหัวเติ่น ในเวปบอร์ดเฮานี่หละ
ผู้จุดประกายคือ อ้ายมังกรเดียวดาย  อ่านเรื่องของเลาแล้ว ซึ้งในใจขะของ คิดฮอดบ้าน
ก็เลยอยากเขียน ให้ลูกอีสานเฮาได้คิดถึง วิถีชีวิตบ้านนอกบ้านนา  ย้านว่ามีสุขแล้ว
หลงลืม วิถีอีพ่ออีแม่เฮา น้อ  นั้นหละครับ หวังอันสูงสุดของ บ่าวปิ่น
ส่วนชื่อเรื่อง ก็รอให้สมาชิกตั้งให้อยู่ เด้อ..จ่งไว้ถ่า สุคนนั้นหละ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 207 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 205 ครั้ง
 
 
  24 มิ.ย. 2553 เวลา 12:15:07  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่706)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 

สะเดิด อยู่เรื่อยดอก เพิ่นนั้น  แนวคนวอง
ว่าแล้ว จารย์ใหญ่ไปไส น้อ  สาวส่าฮู้ บ่
แม่นเลาไปเบิ่ง บอลโลก อยู่แอฟริกา บ่ฮึ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 150 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 150 ครั้ง
 
 
  24 มิ.ย. 2553 เวลา 19:24:15  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่709) ตอน บะนางธรณี      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ขอบคุณเจ้าของภาพ


จันแรมตื่นแต่เช้าเพราะได้ยินเสียงคนโสกันอยู่หัวเถียง   ล้างหน้าล้างตาแล้วก็ลงมาดู เห็นคนนั่งล้อมวง
กันอยู่  4 คน มีพ่อใหญ่ค้ำ ตาแบะ ตาวาด และน้าบ่าวเทา  มองเห็นแต่ละคนสูบยาใส่กันว่าแม่นสุมไฮ่
“ มันออกลูกมาหลายชั่วโมงแล้วติ พ่อใหญ่ค้ำ “ ตาวาดถาม พลางพรากฟืนออกจากกองไฟที่สุมไว้
“ ฮ้วย..ตั้งแต่เดิกข่อน พู้นแหล่ว  กะเลยจูงมันออกมาผูกไว้ ใต้ต้นปีบ  ถ่าเอาน้องมัน “ แกตอบ
“ ได้โตผู่ หรือ โตแม่ หละ “  อ้ายแบะถามทำท่ายิ้มๆ
“ โตแม่ “  พ่อใหญ่ค้ำตอบพลางแลไปทาง ควายอีก้อม ที่ยืนเลียลูกที่เกิดใหม่อย่างถนุถนอม
“ ฮ้วย..ได้โชคเด้อ..ได้โตแม่  แต่ก่อนมีแต่ควายเถิก เด้อ.ควายอีก้อม “ น้าบ่าวเทากล่าวสมทบ
“ กะยังว่านี่แหล่ว  มันเป็นตาม้มแล้ง บ่บุ๋ “  ชายชราเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง
ควายอีก้อมของพ่อใหญ่ค้ำ ตกลูกออกมาปีนี้เป็นตัวเมีย สมดังใจแก เพราะที่แล้วมา ได้แต่ตัวผู้ และไม่สมบูรณ์
ส่วนมากเป็นโรคจ่อยหรือเป็นขี้กะตืกตายตอนข้าวขึ้นบ้าน ปีนี้ได้ตัวเมีย แกจึงเป็นกังวล กลัวซ้ำรอยเดิม
การได้ควายตัวเมียนับว่าดี เพราะใหญ่ขึ้นมาก็ออกแม่แพร่ลูก แพร่พันธุ์ เพิ่มจำนวนควายในคอกได้
จันแรมดีใจหลาย รีบเข้าไปเบิ่งควายน้อยเกิดใหม่  นั่งเพ่งพิจ ทำท่าทางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  
“ ฮ้วย.อีหล่าอย่าไปใกล้มันหลาย  เดี๋ยวแม่มันหวงลูก  มันสิซาดเอาเด้อ “
ตาบวาดเอิ้นบอกเพราะเป็นห่วง
“ บ่เป็นหยังดอก  ควายอีก้อม มันบ่เฮ็ดหยังข่อยดอก  ควายโตนี้มันฮู้ “  
จันแรมบอกพลางเอามือลูบหัวควายน้อยเกิดใหม่ อย่างเอ็นดู  ในใจปลื้มปิติเหมือนได้สมาชิกครอบครัวใหม่
เด็กน้อยสังเกตเห็นตรงกีบเท้าของควายน้อย  ถูกแกะออก คงเป็นพ่อใหญ่ค้ำแกะเล็บอ่อนออกแล้ว ตอนเกิดใหม่ๆ
จันแรมเคยถามว่า ทำไมต้องแกะเล็บอ่อนออก พ่อใหญ่ค้ำบอกว่า หากไม่แกะเวลาควายน้อยเดิน
เล็บอ่อนจะฉีกขาด ทำให้กลีบเท้าเป็นแผล อักเสบ   อีกอย่างเล็บอ่อนตอนเกิดใหม่มีไว้เพื่อป้องกันแรงกระแทก
ตอนตกลงดิน ป้องกันขาหักตอนคลอด เท่านั้น นอกเหนือนั้นบ่มีประโยชน์แล้ว  หากแกะออก
เล็บแท้จะขึ้นมาแทนเป็นกลีบเท้าที่แข็งแรงต่อไป

“ แนมเบิ่งน้อง มันสิออกแนเด้อ”  น้าบ่าวเทาฮ้องบอกจันแรม บอกให้คอยดูรกควายด้วย
น้องควายน้องงัวถือว่าเป็นอาหารหากินยาก  ใครได้ยินถือว่าเป็นลาภปาก  นี่คงเป็นเหตุผลที่พวกผู้ใหญ่
มาชุมนุมกันตั้งแต่เช้า   ควายอีก้อมออกลูกตั้งแต่ตอนข่อนแจ้ง ถึงตอนนี้คงสิใกล้เวลา น้องออกแล้ว
“ ฮ้วย..มันคือจ่อยแท้หละเฒ่าอันนี้ “  แม่ใหญ่สองยืนค้ำเอวท้วงควายน้อย  เกิดใหม่
“ มันเฮ็ดเวียกหนัก  ตอนดำนา ลูกเลยบ่ค่อยแข็งแรง   “ พ่อใหญ่ค้ำบอกเมีย
“ ม้มแล้งบ่น้อ อีหล่าเอ้ย ! “  ยายสองออกปาก เนื่องจากเห็นสภาพควายน้อยผอมโกรก
“ รอด รอด  อีแม่ ข่อยแนมเบิ่งตามันแล้ว เหลี่ยมแมบๆ อยู่ “ จันแรมคัดค้านพลางเอามือลูบอย่างเอ็นดู
ผู้เป็นแม่ขึ้นไปบนเถียงนา ทำกระทงหวาน โดยการเอาข้าวเหนียวคลุกน้ำอ้อย ใส่กระทงใบตองมา
แกคงเตรียมไป “ บะนางธรณี “ เพื่อขอพรให้ควายน้อย มีสุขภาพแข็งแรง มีชีวิตรอดครบขวบปี
พอจัดแจงเรียบร้อย ก็ถือกระทงหวานลงมา เดินถามพ่อใหญ่ค้ำ
“ เดือนนี้นางธรณีเพิ่นอยู่ทางทิศใด เฒ่าอันนี้ “   แกถามหาทิศมงคล ที่นางธรณีสถิตอยู่ประจำเดือน
พ่อใหญ่ค้ำนับนิ้วมือ พลางทบทวนความจำ คำเก่าแต่โบราณ
“ เดือน 9  นางธรณีอยู่ทางทิศปัจฉิม  “  
“ ทางทิศใดหละ ปัจฉิม  ชี้บอกติหละ ข่อยจื่อบ่ได้ “  ยายสองเร่งให้สามีบอก
“ ฮ้วย..ปัจฉิม  กะทิศตะวันตกเฉียงออก นั้นเด้..! “ น้าบ่าวเทาพูดสอดขึ้นเสียงดัง
“ หืมม..เว้าบ่ถืกกะอยากเว้าเนาะ มึงกะดาย  มีอยู่ไส ตะวันตกเฉียงออก “  ตาวาดทักท้วง
พลันเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นขรม รอบกองไฟ  น้าบ่าวเทาก็หัวขวัญคำเว้าเจ้าของ จนกอกยาหลุดปาก
เมื่อเสียงหัวเราะหยุดลง พ่อใหญ่ค้ำก็ชี้มือไปทางโพนค้อหัวเถียงนา
“ เอ้อ..ทิศปัจฉิมนี่ คือทิศโพนค้อ   น้อ..”  
แม่ใหญ่สองหัวยุ้มๆ  ถือกระทงหวานเดินไปทางโพนค้อ จันแรมวิ่งตามหลังแม่ไป  เพื่อดูแม่ทำการ
“บะนางธรณี “   ซึ่งเป็นพิธีกรรม ที่จันแรมบ่ค่อยเห็นบ่อยนัก

  ตามความเชื่อของชาวบ้านแถบนี้ เทพที่คุ้มครองดูแลดินคือแม่นางธรณี เวลาที่ลูกหลานจะต้องจรไกล
ไปจากถิ่นที่เคยอยู่ อู่ที่เคยนอน ไปในที่ห่างไกลเกินกว่าสายตาของพ่อแม่แก่เฒ่าจะแลเห็น ผู้เฒ่าผู้แก่
ท่านจะนั่งลงด้วยความเคารพนบไหว้ พลางบนบานแม่นางธรณีขอให้คุ้มครองชีวิตลูกหลานให้พ้นภัย

จันแรมเคยเห็นแม่ทำตอน อ้ายคำสันไปค้าแรงงานต่างประเทศใหม่ๆเพิ่นฝากให้แม่ธรณีคุ้มครองอ้ายคำสัน

นางธรณีสถิตย์อยู่ทุกแห่งหนบนแผ่นดิน ในแต่ละเดือนนางธรณีจะอยู่ตามทิศมงคลประจำเดือน กล่าวคือ


เดือน  6  7  11    อยู่ทิศ อีสาน
เดือน 4   8  12    อยู่ทิศ อาคเนย์
เดือน ยี่  10  3    อยู่ทิศ พายัพ
เดือน อ้าย 5 9    อยู่ทิศ หรดี


เวลาต้องการบนบานศาลกล่าว หากกระทำในเดือนไหนต้องไปบน หรือ เรียกเป็นภาษถิ่นว่า “บะ “ ในทิศ
ที่นางธรณีอยู่ประจำของเดือนนั้นๆ  อนึ่งเมื่อมีงัว,ควายในครอบครัว หรือกระทั่งคลอดลูกใหม่  คนเฒ่าคนแก่
มักจะไป บะพระแม่นางธรณีไว้ ให้พ้นโรคภัย อายุยืนยาว  เนื่องจากถือว่า นางธรณี นั้นคือแผ่นดิน อันมีคุณ
ใครทำดีหรือชั่วย่อมอยู่ในสายตาแม่ธรณี เสมือนผู้ให้กำเนิดมวลสิ่งมีชีพในโลก  ทั้งยังเป็นที่เกรงกลัวของ
ภูตผีปีศาจทั้งหลาย อีกอย่างในทางคติของพุทธศานา สมัยพุทธองค์ ตรัสรู้อยู่ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์  พญามาร
รวมรวมกำลังครั้งสุดท้าย เพื่อเอาชนะพุทธเจ้า เกณฑ์เอา ยักษ์โข โลมาร อมนุษย์ทั้งหลาย เพื่อมุ่งมาด
ขัดขวางไม่ให้พุทธเจ้าท่านบรรลุธรรม  นางธรณีบิดน้ำจากมวยผม ท่วมท้นจนพญามารพ่ายแพ้ น้ำที่ออกจาก
มวยผมคือ น้ำที่พระองค์ทรง หลั่งทักษิโณทก หลังประกอบคุณความดี ในอดีตชาติ นับหลายกัปล์ นั้นเอง
     ยายสองนั่งลงข้างโพนค้อ ยกมือพนม ตั้งจิตอธิฐานต่อนางธรณี

“ อุกาสะ แม่พระธรณี  มื้อนี้ลูกหลาน มาขอบอกกล่าวเท้าความ ควายอีก้อม ของขะน้อยออกลูก  
   เป็นโตแม่ จ่อยผอมโซ  วอนแม่พระธรณีซ่อยอุ้มซู มันให้มีอายุยืน แข็งแฮง ม้มแล้งม้มหนาว
   หากสมหวังดังใจต้อง ลูกหลานสิมาปลงแม่นางธรณี ด้วยพาหวาน อันมีกล้วย อ้อยสร้อยปลี  สาธุ “
ว่าแล้วก็วางกระทงหวานลงกับพื้นดิน ยอมือไหว้ประหลก ๆ

  สำหรับสามัญชนคนทำไร่ไถนา ทำกินบนผืนแผ่นดิน มวลเม็ดดินหาได้เป็นสิ่งไร้ค่าและต่ำต้อยอย่างที่นำมาเปรียบกับฟ้าแต่อย่างใดไม่ ตรงกันข้าม ในฐานะที่ทำกิน ผืนแผ่นดินมีความหมายล้ำค่ายิ่งยวด
เป็นดั่งความหวังและชีวิต ที่เทิดทูนบูชาในฐานะแผ่นดินเกิด คนอีสานบ่นิยมบนบานจากฟ้า
แต่กลับก้มหน้า ทำอัญชลีต่อแผ่นดิน  นั่นคือความถ่อมตน อ่อนน้อม ต่อพสุธา บ่ได้แหงนหน้าไฝ่สูง

ทางกองไฟ เสียงฮ้องแซวๆ ของพวกผู้ชายดังมาจ่นๆ
“ เฮ้ย.ๆ  ควายอีก้อมมันเงิงหางแล้ว..น้องมันสิออกแล้ว “  ตาวาดท้วงเสียงดัง มือชี้เก่เด่
“ เอ้า.บักเทาไปเอากระต่ามาห้อยใส่หางมัน  อย่าให้น้องตกถืกขี้ดิน มันสิ แหยะ “  อ้ายแบะร้องเตือน
น้าบ่าวเทาวิ่งไปเอากระต่าที่ห้อยอยู่เสาเถียง วิ่งตรงไปยังใต้ฮ่มปีบ อย่างกระวีกระวาด
ควายอีก้อมเหิงหางขึ้น คล้ายจะ เบ่งรก ออกโก่งตัวออกแรงเบ่ง จนได้ยินเสียงอืดๆ    น้ำคร่ำไหลเยิ้ม
น้าบ่าวเทารีบเอากระต่าไปห้อยใส่หางควายอีก้อม เพราะกลัวรกควายจะตกพื้นเปื้อนดิน
แกแทบกลั้นหายใจ ซ่อยความยอีก้อมเบ่งเอาน้องออก ลุ้นจนแข้งขาเกร็ง
“ เบ่งๆ   อีหล่า..เบ่งน้องออกมา “  ฟังเสียงเอาใจช่วยเต็มประดา
“ อื้ด..ด..อื๊ด.. “  ลุ้นยังบ่พอ ทำเสียงเบ่งซ่อยควายอีก้อม  ย้อนอยากกินน้องมัน
“ เป๊ะ ! “ เสียงวัตถุเหลว ๆ หล่นลงอย่างกะทันหัน ใส่กระต่าที่ห้อยอยู่หาง
“ ฮ้วย... !  ขี้ “ น้าบ่าวเทาฮ้องเสียงหลง
นึกว่าควายอีก้อมเบ่งน้อง ที่แท้มันเบ่งขี้

 
 
สาธุการบทความนี้ : 289 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 289 ครั้ง
 
 
  25 มิ.ย. 2553 เวลา 15:57:38  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่716)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 

ซุมเป็น ทิด  กะได้กิน บักไข่สา มัน
ซุมเป็นจารย์ กินซิ้นน้อยได้ แต่ห้ามกิน บักไข่สา ( มันคะลำ )
ซุมเป็นเซียง คือ เซียงรุทธิ์ ซดแต่น้ำต้มเอา
ผู้บ่ได้บวช คือ ลุ่มดอนไข่ ให้หย่ำได้แต่หัวซิงไค
สำหรับ ผู้บวชบ่ได้ คือสาวส่า..  ถ่าล้างถ้วยอย่างเดียว พะนะ

ส่วนเอื้อยใหญ่ดอกคูณ ฯ  ยังหา ทิศตะวันตกเฉียงออก บ่ทันพ้อ
เลาเลยมาช้ากว่าหมู่ เห็นแต่ลายถ้วย....  

 
 
สาธุการบทความนี้ : 183 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 183 ครั้ง
 
 
  26 มิ.ย. 2553 เวลา 00:57:02  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่724) ตอน กบกินเดือน      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


    
  ลมพัดปลายไม้วอนๆ ทิวใบข้าวที่กำลังงามในนา อ้อนแอ้นสะบัดองค์  
นกกระเต็นโผผินโฉบเหยื่อ  ปลาซิวน้อยลอยเล่นไปตามน้ำไหล น้ำในไฮ่นาใสดังกระจก
มองเห็นต้นผักอีฮินกำลังป่งยอด กอผักกะแยงกำลังแตกใบแข่งกับต้นข้าว  พุ่มต้น”ดอกพุดท่ง”
กำลังแย้มกลีบดอกสีขาวตามคันนา และหัวดอน กลีบดอกเรียวขาวอ่อนช้อย 5 กลีบดังพันธุ์ไม้สูงศักดิ์
ไร้วาสนากำเนิดตามท่งนาป่าดอน ไร้คนเชยชม ปั้นยอ หากแต่ดอกนั้นเล่า งดงามใสซื่อ บริสุทธิ์
แต้มแต่งลำเนาให้แช่มชื้น แทนคุณแผ่นดินเกิด

นกเอี้ยงโหม่งคู่หนี่ง กำลังฝึกหัดบินให้ลูกน้อยที่เกิดปีนี้  จับอยู่กกตูมฮ้องเสียงแหลม ให้กำลังใจลูก ๆ
ลมพัดใบไม้ในป่าดังซ่า.อลอึงเป็นครั้งคราว ก่อนกลืนหายไปกับสายลมพัดผ่านเพียงครู่  
ควายอีก้อมของจันแรมที่ตกลูกใหม่พาลูกหลบแดดอยู่ใต้ต้นกระเดา ขณะที่พวกวัวควายตัวอื่น งกง่วนก้มหน้าแทะเล็มติณชาติ

ควายเถิกตู้ของบักลม ยืนเอาเขาสีกับต้นแดง เพราะรู้สึกคันที่เขาของมัน ปีนี้มันใหญ่ขึ้นหลาย
จนเป็นหนุ่ม มองเห็น”หลำ” ขึ้นอยู่สันคอเป็นลอน ๆ  น่าแกรงขาม  ควายบักตู้สีเขาอยู่คราวหนึ่ง ก็หันมา
เอาเขา”ซิด” ลำต้น ทำท่าทางซ้อมต่อสู้ตามสัญชาตญาณ ของควายหนุ่มกำลังห่าว
“ เอ๋าๆ  บักอันนี้..อย่าสุห่าวหลายเด้อ.ไป๊..ไปหาซิแตกหญ้าพู้น หาตำแต่ต้นไม้หลาย “
บักลมถือแส่ไปไล่มันออกจากต้นไม้ เพื่อให้มันไปหากินหญ้า  ควายบักตู้เห็นแส้ รีบหันหลังวิ่งเหยาะๆหนี
เมื่อไล่ควายบักตู้หนีไปแล้ว ก็เดินมาทางกลุ่มของจันแรมที่กำลังเล่นหมากเก็บกับพวก อีเอ้น และอีโจดโหวด
“  จันแรม ได้ยินข่าววิทยุจะเจ้าบอกบ่ มื้อแลง กบสิกินเดือน “  ลมคิมฮวงถามพร้อมยิ้มแค่น ๆ
“  ได้ยินแม่เลาเว้าอยู่อ้ายลม  มื้อแลงเพิ่นว่าสิพากันไปซุมถ่าเบิ่งกบกินเดือน อยู่เถียงนาเจ้า “
จันแรมเงยหน้าขึ้นตอบเสียงเจื้อยแจ้ว
“ แม่นๆ  พ่อเลากะว่าสิพากันไปจุ้มอยู่พู้นหละ มื้อแลง “ เอ้นลูกน้าสาวเหนาพยักหน้า
“  เอื้อย ๆ  แม่นหยัง กบกินเดือน  กบอีหยัง “  โจดโหวดผู้น้องน้อยถามเพราะไม่เข้าใจ
“ ครูเพิ่นบอกว่า เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เงาโลกบังดวงจันทร์ “  บักลมบอกน้ำเสียงภูมิใจ
“ คือเอิ้นว่ากบ กินเดือน ซั้น “ จันแรมส่อ
“ ฮ้วย..อันนั้นนิทานเพิ่นว่า กบขึ้นไปเลวเอายาวิเศษกับอีเกิ้ง มันต่อสู้กัน “
ลมอธิบายคร่าวๆ
“ แล้วเจ้าสิซ่อยอีเกิ้งหรือกบ “  โจดโหวดถาม
“ ซ่อยกบ มื้อแลง อ้ายสิให้กำลังใจกบ “  ตอบพลางเลิกคิ้วทำท่าทางคิด
“ เหวย...ข่อยสิซ่อยอีเกิ้ง บ่ให้กบมันกิน อีเกิ้งงามกะด้อ  กบกินเบิ๊ด  กลางคืนกะบ่มีเดือนหงายหละเนาะ “
จันแรมเถียงตาเบิกโพลงบ่เห็นด้วย
“ เอ้อ..มื้อแลงจั่งถ่าเบิ่งนำกัน ไผสิชนะ “  ลมตัดบทเพราะคร้านตอบโต้
“ เอ๋า.พุบ่าวพุสาวคู่นั้น จ๊ะแม่นคัก  “ ลมมองไปทางใต้ต้นกะทัน ส่ายหน้าลุด ๆ

บ่าวเซียงน้อยกับจันเพ็ญ นั่งเลี้ยงควายคุยกันอย่างออกรสชาติ เสียงหัวร่อคิกคัก
“ พ่อเฒ่าเลาไปไสแมะ จันเพ็ญอ้ายคือบ่เห็นแต่เซ้า “  เซียงน้อยถามผู้สาว
“ หืมม..บ่ทันได กะเอิ้นพ่อเฒ่าแล้ว  ยังบ่ได้แต่งานเด้อ ห้ามเอิ้นแนวนั้น “ จันเพ็ญบุ้ยปาก
“ อ้ายกะซ้อมไว้ ซั้นดอก  ยามได้เอิ้นอีหลี มันจั่งบ่ อยากอายบาก “ ชายหนุ่มหัวเราะกระริ่มกระเหรี่ย
  “ ตอนไดหละ อีหลีของเจ้าหนะ  อีกด่น จนน้องเฒ่าบ่ “
“ บ่มีเงินค่าดอง  ถ่าข้าวขึ้นบ้านก่อน คันย้านบ่ได้เฒ่าหลาย มื้ออื่นกะเฒ่าไว้ก่อนสา หล่า ”  
ว่าแล้วก็หัวอึ ๆ ถูกใจที่ได้เว้าให้ผู้สาว
“ คนผีบ้า..มาหาว่าเขาเฒ่าเด้อ.. ว่าข่อยเฒ่าคือมามักข่อย “  จันเพ็ญทุบไหล่เซียงน้อย ชายหนุ่มป้องพัลวัน
คว้าข้อมือสาวเจ้ากำไว้หลวมๆ เหมือนเกรงจะช้ำ
“ เห้ย.อ้ายเซียง ! ควายด่อนเจ้า ลงกินข้าวในไฮ่นาแล้ว .”  

เสียงเด็กน้อย ฮ้องเตือน  เซียงน้อยสะดุ้งเฮือก
แลไปทางริมไฮ่นา  ควายเถิกด่อน บักเบิด ( เบิด แปลว่าแหงน,เชิด ) หรือบักเบิร์ด ของบ่าวเซียงน้อย กำลังลงไป
กัดกินต้นข้าวอย่างเอร็ดอร่อย   ผู้เป็นเจ้าของวิ่งหูตั้งฟ้าวไปไล่
“ อย่ามัวแต่จีบกันหลายเด้อ แนมเบิ่งควายแน..ฮิ้ว.ว.. “
เสียงบักลมฮ้องแซว ตามด้วยเสียงหัวร่อของกลุ่มเด็กน้อย ดังขึ้นก้องหัวดอน
........................................................................

   พระจันทร์แจ่มจรัสพร่างพรายในฟากฟ้า แสงนวลๆ ฉาบทาขอบนภากาศ รอบทิศ เมฆขาวบางๆ สีหม่นๆ
พายับเมฆ ในคืนเดือนเด่นลอยเป็นฉากหลัง แลเห็นแสงเดือนหงายขมุกขมัวเบื้องบน
ดวงดาวที่อยู่ใกล้วงสว่าง ของอีเกิ้ง มอนแสงหริบหรี่ ดังอ่อนข้อให้ในคืนนี้  เงาไม้สูงยังไหววาบเป็นสีดำ
สายลมยังลวยริน เนิบๆ พัดเอากลิ่นหอมดอกคัดเค้าฟุ้งขจรในราตรี  เสียงหมาเห่าแว่วหวิวลมมาตามชายป่า
คือสัญญาณบอกว่า วิถีชีวิตในท้องไร่ปลายนา ยังไม่ได้หลับใหล


    หลังผูกวัวผูกควายเข้าคอก กินข้าวแลงเรียบร้อยแล้ว   ครอบครัวจันแรม และครอบครัวอื่นๆ
ก็มารวมตัวกันอยูเถียงนาตาวาด เพื่อมาดูกบกินเดือนด้วยกัน  อ้ายเซียงน้อยมาถ่าจันเพ็ญอยู่ตะแคร่ฮ่มไผ่
จันแรมถือเศษสังสีเก่าๆ มาเพื่อเอาไว้เคาะให้กำลังใจอีเกิ้ง  ลมได้คุน้ำฮ้าง เพื่อตีเป็นกลองให้กำลังใจกบ
ส่วนบักกุ้นได้กระดิ่งงัวน้อยเป็นอุปกรณ์การเข้าจังหวะ ส่วนบักป่องลูกแม่ใหญ่เคน ลงทุนสูง ปลดเอา
หมากกระโร่งใหญ่ จากควายแม่คอก มาเป็นเครื่องให้เสียง
  ตะเกียงน้ำมันก๊าดถูกจุดขึ้นให้แสงสว่างกับเถียงนา ส่วนตรงตะแคร่ด้านล่างของเถียงนา  ตาวาดก่อกองไฟ
เอาไว้พอให้มองเห็น   และเอาควันไฟเป็นประโยชน์ในการไล่ยุงริ้น  ด้านบนเถียงนา พวกผู้ใหญ่นั่งคุยกัน
ด้านล่างตรงเดิ่นเถียง มีเด็กน้อยนั่งล้อมวงใกล้ๆ กองไฟ ต่างจัดแจงเตรียมอุปกรณ์ของตนไว้พร้อมสรรพ
ตาแบะผู้มีฝือไม้ลายมือในการเป่าแคน บรรเลงลายแคนเสียงเจื้อยแจ้วขับกล่อมบรรยากาศ

โอกาสแบบนี้ มีให้เห็นไม่บ่อยนัก  กบกินเดือนปีหนึ่งมีให้เห็นไม่กี่ครั้ง บางปีก็ไม่เห็นเลย แต่ว่าปีนี้
ข่าววิทยุบอกว่า ทางพื้นที่จังหวัดสกลนคร สามารถมองเห็นได้เต็มดวง  ชาวบ้านจึงพากันตื่นเต้น
แม่ใหญ่เคนกับพ่อใหญ่ค้ำโสกัน เรื่องกบกินเดือน ปีไหนกบกินเดือน เลยครึ่งเดือน ข้าวปลาในนา
จะอุดมสมบูรณ์  หากกินแค่หน่อยเดียว จะแล้งปลายปี ข้าวในนาเสียหาย


จันเพ็ญกับอ้ายเซียงนั่งเบิ่งซุมเด็กน้อยเล่นกันอยู่แคร่ไม้ไผ่  คุยกันอ่อมๆ สองคน  ส่วนบักลม
และพวกมหาเด็ก กำลังแบ่งฝ่ายกัน ใครอยู่ฝ่ายกบ ใครอยู่ฝ่ายอีเกิ้ง   ยายสองกับยายยม ทั้งสองเตรียม
เข็มกับด้าย และเศษผ้าขนาดพอเหมาะ เพื่อเตรียมไว้เย็บเป็นถุงเงิน ด้วยความเชื่อตามโบราณว่า
หากเย็บถุงเก็บเงินตอนกบกำลังกินเดือน จะได้โชคเก็บเงินเก็บทองอยู่ บ่ไหลออก  และหมานเงิน

กระเป๋าถุงเงินชิ้นนั้นถือว่าเป็น ถุงเงินนำโชค

ตาวาดบอกว่า อย่างมงาย ที่โบราณเพิ่นบอกไว้แนวนั้น หมายความว่า ในคราที่บ้านเมืองวุ่นวาย
ข้าวยากหมากแพง การทำมาหากินฝืดเคือง ให้เก็บเงินและอดออม ลดรายจ่าย เก็บเงินเก็บทองไว้ยามจำเป็น
แต่ยายยมก็ยัง ยืนยันว่า ถุงเงินที่เย็บตอนเบิ่งกบกินเดือน หมานเงินอีหลี  แต่มีข้อแม้ว่าต้องเย็บให้แล้วเสร็จ
ก่อนปรากฏการณ์นั้นสิ้นสุดลง

.......................................................................

แสงเดือนหงายคืนนี้ สว่างไสว ทำให้มองเห็นรอบๆตัวได้ไกล  ตามพื้นหญ้าที่แสงเดือนกระทบคล้ายสีขาวหม่นๆ ฉาบทาไว้ทั่ว มีเพียงเงาไม้หนา  ที่ทอดลงทางยาว ตามทิศทางแสงกระทบเท่านั้นยังเป็นสีดำทมึน
คืนไหนเดือนหงายจ้า  เสียงกบเขียดที่เคยฮ้องอลอึง ฟังดูเบาบางถนัดหู  คงเพราะเงาไม้ที่ไหวติง ทำให้สัตว์เหล่านั้นตื่นตัว   หรือมัวแต่ชมความงามของแสงจันทร์ จนไหลหลงลืมฮ้อง
กลุ่มเด็กน้อยที่ตั้งวงอยู่ข้างกองไฟ แหงนหน้ามองอีเกิ้ง ด้วยใจจดจ่อ   นกกระแต้ ฮ้องมาจากปลายท่ง
ดั่งดนตรีโหมโรง ก่อนละครแห่งฟากฟ้าจะเป็นไป   ทุกคนไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก ต่างตื่นเต้นรอปรากฏการณ์
จากท้องฟ้า  ยกเว้นหมาบักแดง ที่ยังนอนคดขู้เอาคางเกยขาหน้า ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
ลมพัดมาวูบหนึ่ง กอไผ่สีซอ ดังออดแอด ทุกคนต่างนิ่งงัน จดจ้องอีเกิ้งจนคอตั้งบ่า
“  มาแล้ว... มาแล้ว.. กบกินเดือน  มันกำลังสิกิน  ฮิ้ว.ว.. “   ลมตะโกนบอกทุกคนพร้อมโห่ร้อง
เงาดำเริ่มบดบังดวงเดือน กลืนขอบด้านซีกสว่างทางซ้ายก่อน จนมองเห็นได้ชัด   ทุกคนต่างโห่ร้อง
“ กบ สู้ ๆ กบเอ๊บ..สู้ตาย.กบคางลาย. สู้ตาย. เอ้ว..!  เอ้ว.! “
ฮ้องพลางมือไม้เคาะคุฮ้างปึงปัง
“ อีเกิ้ง..สู้ๆ  อีเก้ง.สู้ตาย.อีเกิ้ง !  อีเกิ้ง! “ จันแรมเอาไม้ตีสังกะสีฮ้าง ให้กำลังใจอีเกิ้ง ร้องตามจังหวะ
หลังจากนั้น ทั้งเสียงเคาะเสียงตีวัสดุที่เกิดเสียงก็ดังขึ้นกึกก้อง ทั้งสั่นกระดิ่ง สั่นหมากกระโร่ง เสียงขรม
ฟังเสียงนองสนั่นปั่นพื้นไปหมด  คืนที่เงียบงันกลายเป็นค่ำคืนมหรสพในบัดดล

    เงามืดที่กลืนดวงจันทร์ค่อยๆ กลืนทีละหน่อย จนเกือบมิดดวง  บ้างก็ถอยออก  ถอยเข้า เหมือนต่อสู้
นั่นเพิ่มให้เสียงตีเกราะเคาะสังกะสี  สนั่นหวั่นไหว เสียงฮ้องให้กำลังใจทั้งฝ่ายกบและอีเกิ้งดังสับสน
จนแยกไม่ออก ต่างก็ลุ้นจนตัวโก่ง ไม่ลดละสายตา
จันเพ็ญลุ้นหลายจนกระโดดกอดไหล่ทางหลังอ้ายเซียงน้อย ทั้งคู่กระโดดโลดเต้นจนลืมตัว
ส่วนเด็กน้อย เทิงม่วนเทิงมันในอารมณ์  ฮ้องจนคอแห้ง บักลมตีคุฮ้างจนบุบ  จันแรมตีสังกะสีจนมันโกบ
หมาบักแดงแล่นหนี หลบไปเห่าโฮ่งๆ อยู่ข้างคอกงัว  ด้วยตื่นตระหนก
ยายสอง และยายยม รีบเย็บถุงใส่เงิน สลับกับแหงนมองกบกินเดือน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  
" โห้.ปีนี้กบกินเดือน จนขี้ออก น้ำท่าคงสิหลายคัก ชาวนาได้ข้าว น้อ "

พ่อใหญ่ค้ำลำพึงลำพันงุมๆ

     คืนนั้นหลังจากปรากฏการณ์ "กบกินเดือน" จบลง ทุกครอบครัวแยกย้ายกันกับแล้ว
พ่อใหญ่ค้ำยังนั่งอยู่ซานเถียง เนาแนมเดือนหงาย เสียงกบเขียดเรไรเริ่มซาลง
เงี่ยหูฟังพอได้ยินแว่วๆ  ภาพคำสันลูกชายกก สมัยยังเป็นเด็กน้อยเต้นแร้งเต้นกา
ตีเกราะไม้ไผ่ฮ้องให้กำลังใจกบ ผุดขึ้นในภวังค์ หัวใจชายชราพลันอ่อนละทวย คิดฮอดลูกชาย
ถึงแม้แกไม่ค่อยแสดงออกเรื่องความรู้สึก ที่คิดฮอดลูกเท่าใดนักในเวลาปกติ
แต่ในส่วนลึกทุกครั้งที่เหลียวเบิ่ง อ้อมแขนอันเหี่ยวย่นของแก  ความรู้สึกอุ่นๆจากการ
อุ้มโอบลูกชายคนแรกของแก กลับไม่เคยจางหาย  คิดฮอดลูกขึ้นมาเป็นส่าว ๆ จนน้ำตาตื้น
ขึ้นมาทันที ต้องเบือนหน้าลงท่ง อาศัยความขมุกขมัวในรัติกาลอำพราง ย้านลูกเมียเห็นน้ำตา

   จันแรมนอนหลับสนิท ใต้ผ้าห่ม คงเพราะเหนื่อยเพลียจากการเบิ่ง กบกินเดือนบางครั้งก็
พลิกตัวเปลี่ยนท่า แจะปากอยู่แจ๊บ ๆ  กลุ่มเมฆในคืนค่ำเคลื่อนคล้อยมาบดบังจันทร์ช้า ๆ
เสียงฟ้าฮ้องครืนๆ  มาแต่ไกล หมู่สรรพสัตว์พลันเงียบเสียง เตรียมตัวต้อนรับฝนโรยริน

 
 
สาธุการบทความนี้ : 257 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 257 ครั้ง
 
 
  28 มิ.ย. 2553 เวลา 07:58:51  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่725)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 



อภิธานบท

ดอกพุดท่ง

เป็นดอกไม้ที่เกิดตาม หัวไร่ปลายนา หัวดอน หัวโสก สีขาวงาม
ลำต้นสูงประมาณหน้าอก เกิดเป็นพุ่ม เป็นดอกไม้ไร้กลิ่น แต่สวยงาม
ตามกิ่งก้านใบ หากเด็ดจะมีน้ำยางสีขาวๆ
สมัยเลี้ยงควายเคยเด็ดเอามาทัดหู  กับเอาไปให้ผู้สาวเหน็บใส่มวยผม

 
 
สาธุการบทความนี้ : 246 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 246 ครั้ง
 
 
  28 มิ.ย. 2553 เวลา 08:38:02  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่734)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 

บอกแล้ว  อย่าจ่งป่องขาด   ดีเด้อ กอดเขาควายด่อน
ถ้ากอดเขาภูพาน   สิบ่วินไปหลายมื้อ ติ เซียงรุทธิ์

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  28 มิ.ย. 2553 เวลา 12:42:49  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่739)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 
คุณลุ่มดอนไข่:
เว้าพื้นทางบ้าน....แต่ตอนผมเป็นเด็กน้อยเน๊าะ
จำได้ว่า เวลากบกินเดือนเผิ่นสิเคาะฝาเล้าข้าวครับ...
เฒ่าแม่บอกว่าสิให้ได้ข้าวหลายๆเต็มเล้า...
ละกะเคาะพวกต้นไม้อย่าง ต้นกมากหุ่ง หมากหม่วง หมากมี้...
เผิ่นบอกว่าสิเฮ็ดให้มีหมากดกครับ


ป้าหน่อยฟังเอาไว้ ส๋า  กบกินเดือนงวดหน้า เคาะพ่อลุงเลาโลด

 
 
สาธุการบทความนี้ : 178 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 178 ครั้ง
 
 
  29 มิ.ย. 2553 เวลา 07:24:26  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่743)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 



ปลาโถดทง  

ภาคกลางเรียก ปลากระทุงเหว
ลำตัวใสๆ  ยาว มีขนาด ใหญ่สุด เท่านิ้วหัวแม่มือ ปากแหลมยาว
อาศัยบนผิวน้ำ น้ำไหล  ไม่ชอบน้ำนิ่ง
ปลาอีกชนิดหนึ่ง ที่น่าเป็นห่วง ในทางภาคอีสาน ลดจำนวนลงหลาย
บางจังหวัดไม่มีปลาชนิดนี้ให้เห็น  คงเหลือให้หากินได้ แต่พื้นที่ที่มีแม่น้ำใหญ่
ย้อนหลังไป 20 ปี  ปลาชนิดนี้ มีหลาย แม้ตามลำห้วยที่น้ำไหล บนที่สูง
ส่วนปลาชนิดนี้ บ้านบ่าวปิ่นปัจจุบัน ใกล้สูญพันธุ์  แล้ว ถามเด็กน้อย บ่รู้จัก พะนะ    
จี่กิน แซบขนาด โดยเฉพาะ บ่ายข้าว
อีกอย่างที่ คือ แกงใส่หน่อไม้ส้ม แซบบ่มีแนวคือ


 
 
สาธุการบทความนี้ : 234 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 234 ครั้ง
 
 
  30 มิ.ย. 2553 เวลา 15:41:22  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่744)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ขอบคุณเจ้าของภาพ ซ่างหาถ่ายมาได้เนาะ

ปลาโถดทง  ลักษณะการหากินตามผิวน้ำครับ โดยเฉพาะน้ำไหล
หากินแมงไม้ ปลาน้อย หรือสัตว์น้ำเล็ก ๆ  ยามน้ำแก่ง หรือน้ำหลาก
ปลาอันนี้ ลอยอยู่ว่าแม่นปลาซิว  ลำตัวใสๆ จับขึ้นมาเห็นฮอดก้าง
ก้างบ่หลายครับ จี่ใส่ไฟ ปิ ออกมา ขาวจากพาก    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 196 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 195 ครั้ง
 
 
  30 มิ.ย. 2553 เวลา 15:52:17  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่745)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ขอบคุณเจ้าของภาพ

ปลาปก

ปลาขนาดเล็ก อาศัยบนผิวน้ำ และน้ำตื้น  ชอบน้ำไหล
ลักษณะคล้ายปลาขาว แต่ตัวป้อมกว่าเล็กกว่า ตัวใสงาม
หน้าน้ำหลาก ขึ้นมาวางไข่แหล่งน้ำในที่สูง หากินตามน้ำตื้น
เมื่อช่วงหน้าน้ำลง ( ก.ย. ถึง ต.ค. )  จะอพยบ ตามกระแสน้ำ
ลงไปอาศัยยังแหล่งน้ำขนาดกลาง เช่นหนอง , ลำน้ำขนาดปานกลาง

เรื่องจริง ที่น่าเศร้าคือ ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปจากบ้านผมแล้ว

ถามเด็กน้อย บ่มีไผรู้จักเลย บ่เคยเห็นตามไฮ่นา พะนะ ซุมนาโคก ส่ายหัว
สาเหตุน่าจะมาจากหลายประการ
สมัยผม เด็กน้อยหัวซำโป้มือ จะรู้จักปลาอันนี้

 
 
สาธุการบทความนี้ : 336 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 335 ครั้ง
 
 
  30 มิ.ย. 2553 เวลา 16:04:19  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่748)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 

ฮอดอ้ายหน่อ  ปลาสบธง ลดจำนวนลงหลายครับ ปีนมาวางไข่ตามไฮ่นา ยาก
จึงหายากครับ ตามไฮ่นาสุมื้อนี้ อาจจะบ่มีกะได้ สารเคมีมันหลาย

ฮอดป้าหน่อย  ปลาฮากกล้วย มีลายน้อย ๆ ด้านข้าง ปากบ่ยาวซำ ปลาโถดทง
                  ปลาโถดทง ลำตัวใส บ่มีลายด้านข้างครับ ปากแหลม ยาว
                  ข้อแตกต่างอีกอย่างคือ ปลาฮากกล้วย ลำตัวอ่อน
                  แต่ปลาโถดทง ลำตัวแข็ง ไม่มีเกล็ด  ครับ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 243 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 243 ครั้ง
 
 
  01 ก.ค. 2553 เวลา 07:22:09  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่750)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 

ถ้าให้ขึ้นหน้าใหม่ครับ อ้ายหน่อ   หน้านี้ สาวส่ากับ อีเกียแดง ยังบ่มา เอิกใส่
เลย ห้างไว้  ถ่อนแหล่ว.. อันหนึ่ง ผู้บ่ปากบ่ไอ  จอบแต่ยิง กะมี
พู้น บังพุ่มต้องแล่งอยู่แคมโพน  พู้น...แตนลามตอด แน แม้..

 
 
สาธุการบทความนี้ : 265 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 265 ครั้ง
 
 
  02 ก.ค. 2553 เวลา 13:23:12  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่754)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 
ขาดอีก คนหนึ่ง  สาวฝ่า

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  02 ก.ค. 2553 เวลา 16:50:55  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่758) ตอน ปลิงค้าว      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ขอบคุณเจ้าของภาพ
ภาพน้ำตก หลี่ผี  คอนพะเพ็ง  ( ลาวใต้ )

เมื่อคืนฝนตกแฮง ปานฟ้าฮั่ว  ตอนเช้ามาก็ยังตกรินปรอยๆ  สังกะสีเก่าที่พ่อเอามุงทาง เปิงเถียง
ถูกลมพัดจนปืดขึ้น  เพิงวาบ เพิงวาบ  พ่อต้องรีบซ่อมให้เสร็จตั้งแต่เช้า เพราะกลัวฝนตกถูกกระสอบข้าวสาร
ทั่วบริเวณเจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน  ธารน้ำน้อยใหญ่ ไหลรวยรินจากป่าโคก ลงสู่ท้องทุ่งนา  พัดพาสารอินทรีย์
อันอุดมแร่ธาตุอาหารของพืชและสัตว์นานา หล่อเลี้ยงผืนนาโคก
   น้ำไฮ่นาแทวโคกแทวดอนล้นไฮ่ล้นคัน แทบมองบ่เห็นคันแทนา  ต้นกล้าที่ดำเสร็จเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ถูกน้ำท่วมเห็นเพียงปลายใบ ปริ่มน้ำ   บรรดานกหนูที่เคยฮ้อง เคยห่าว บินเซิ่น มื้อนี้ต่างหลบฝนตาม
ต้นไม้ พุ่มไม้ เก็บตัวเงียบ  เช้านี้จึงได้ยินแต่เสียงน้ำไหล กับเสียงฟ้าฮ้อง ไร้เสียงนกกาขับกล่อม
   มองไปทางปลายท่งแนวทิวไผ่ กับทิวไม้ตามโคก แลเห็นเป็นสีเขียวเข้ม เพราะฉากหลังคือท้องฟ้า
อันอึมครึมพื้นท้องนา น้ำขาวจากพาก  ตามฮ่องน้ำไหล และน้ำล้นคันนา  ปลาเข็ง ปลาปก
  ปลาซิวอ้าว กำลังว่ายทวนน้ำขึ้นมากระจายกันหากิน ตามไฮ่นาที่อยู่สูงขึ้นไป ชาวบ้านเรียกว่า “ปลาบืน”
“  เฮ้ย...วาด เอ้ย...เฮ็ดหยังอยู่ “   พ่อใหญ่ค้ำมาหาตาวาดแต่เช้า เอิ้นมาแต่ไกล
“  มุงหลังคาเถียงใหม่อยู่พ่อใหญ่  มื้อคืนลมฝนแฮง หลังคาปืด มีอีหยังคือมาแต่เซ้าแถะ“
ตาวาดนั่งซ่อมหลังคาเถียงอยู่ เอิ้นตอบมา
“ ฮ้วย.. !  หลี่หลุ หวา  ฝายกะขาด  ว่าสิมาขอแฮงไปซ่อยเฮ็ดหลี่กับ ป้านทบฝายใหม่ซั้นดอก “
“ เอ้อ. ๆ  ข่อยมุงหลังคาแล้วพอดี    เดี๋ยวข่อยลงไปก่อน “  ตาวาดพูดพลาง ปีนลงจากหลังคา
สอบถามความแล้วรู้ว่า หลี่พ่อใหญ่ค้ำที่เฮ็ดเข้ากันกับน้าบ่าวเทาหลุ หรือ ขาดรั่ว  ชำรุด เพราะฝนตกหนัก
น้ำไหลหลากมาแรง ฝายที่ป้านไว้ตั้งแต่หน้าแล้ง ทนน้ำไม่ได้ขาดเป็นโสก น้ำไหลลงห้วย หากไม่ซ่อมฝาย
น้ำที่ไหลมาจากโคกและน้ำในนาโคกแถบนี้ คงจะไหลหายไปแทบหมด  จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วน
ในการซ่อมฝายใหม่ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้เพียงพอ สำหรับข้าวงัน และให้สัตว์เลี้ยงดื่มกินในหน้าแล้ง
ฝายนาพ่อใหญ่ค้ำเป็นฮ่องน้ำ โสกน้ำเทียว  หากน้ำลดระดับเร็วเกินไป นาโคกแถบนี้ย่อมได้รับผลกระทบ
ทั้งหมดจึงรีบเร่งไปดูที่เกิดเหตุ
“  บุย...ขาดใหญ่เติบ  เบิ่งกกข้าว ล้มเป็นล่าว  “  

น้าบ่าวเทาผู้มาฮอดก่อนท้วงไฮ่นาแทวฝาย  ที่ต้นข้าวได้รับความเสียหาย พ่อใหญ่ค้ำส่ายหัวเสียดายต้นข้าว
“  คงสิได้ไปหาขอกล้าแม่ใหญ่เคน มาดำซำใหม่ หลายเติบ  จะแม่นคัก “  พ่อใหญ่ค้ำจ่ม
เสียงน้ำไหลโสกจากที่ฝายขาดเป็นร่องกว้างประมาณ 2 เมตร  หากบ่มีอุ่มหญ้าคา อุ่มหญ้าแฝก
กับกอไผ่กั้นคันคู  สงสัยฝายพ่อใหญ่ค้ำต้องพังทลายหมด  มองไปทางหลี่ที่ลงแรงทำไว้ดักปลา
เปิงหลี่ บิดระโง้งโค้ง เพราะแรงน้ำ เสาหลี่ที่ตอกไม้ บางหลักก็ล้มเอน คันหลี่ที่ป้านกั้นน้ำเป็นทางบังคับการไหลหายไปกับสายน้ำ   พลังของแม่วารีนี้ช่างน่าพรั่นพรึงนัก

  ทั้งพ่อใหญ่ค้ำ ตาวาด  น้าบ่าวเทา และเซียงน้อยผู้มาทีหลัง ลงแรงช่วยกันป้านฝายใหม่ โดยไปหา
“ขี้หินนอนเว็น “
หรือก้อนหินศิลาแลง ก้อนหินแห่ ขนาดเท่าลูกมะพร้าวหรือใหญ่กว่า ซึ่งดารดาษตามโคก
มาถมลงไปก่อนจะขุดดินเหนียวมาทบเทลงไป ป้านเป็นคันฝายใหม่  อีกฝากหนึ่งของฝาย หาหลักเสาไม้
มาตอกทานแรงน้ำเพื่อป้านคูฝายให้แน่นหนากว่าเดิม
ส่วนเด็กน้อย ลมและน้องพากันแล่นไล่เก็บ “ปลาบืน”  นำ “นาเหี้ย”  ที่น้ำไหลผ่าน   บักกุ้นได้ปลาเข็ง
ส่วนบักลมได้ปลาซิวอ้าว  ฤดูนี้ น้ำหลากบ่อย ทำให้เป็นโอกาสของ ปลาชนิดต่างๆ  ย้ายถิ่นขึ้นมาตามน้ำมาก
บางชนิดทวนน้ำขึ้นมาจากแม่น้ำใหญ่ ขึ้นมาวางไข่ทางแหล่งน้ำตามโคก  พอน้ำเริ่มลดหรือน้ำลง ช่วงเดือน
ก.ย.ของปี  จึงพากันย้ายถิ่นตามน้ำลงไป เพื่อกลับสู่แหล่งน้ำขนาดใหญ่ ในฤดูแล้ง
“ อ้าย ๆ  เบิ่ง “ปลาปก”  กำลังบืน    พู้นๆ “   บักกุ้นน้องชายหล่าฮ้องอย่างตื่นเต้น
“ แล่นลัด  แล่นลัด”  ลมบอกน้อง เพราะเห็นปลาปก ไถลไปตามแอ่งน้ำขังที่กำลัง รวยรินลงสู่ท้องนา
เด็กน้อยวิ่งไล่ดักทางหนีของปลา ก่อนที่ลมจะใช้ความเร็ว มาตระครุบไว้ทัน
“ ฮิ้วว...!  ได้แล้ว  “  ลมยิ้มกว้าง ๆ  เมื่อจับปลาไว้ในมือ  ใจนึกถึงจี่ปลาปก บ่ายคำข้าว
“  จี่ ฮ้อน ๆ บ่ายข้าวเนาะ บุยย. “  ลมแจะปากแจ็บๆ  เพราะเปรี้ยวปาก
“ ปลาค่อ บ่มีบ้อ ฮึ  หาเบิ่งดุ๊ “  ลมงวกหน้างวกหลังหาปลาต่อไป
( เรื่องน่าเศร้า  ปัจจุบัน ปลาปก  สูญพันธุ์ จากนาโคกแล้ว   เพราะมีการสร้างเขื่อน  สร้างฝายขนาดใหญ่
กั้นลำน้ำใหญ่และห้วย แต่สิ่งก่อสร้างเหล่านั้นไม่ได้ออกแบบให้ปลาเล็กปลาน้อย ปีนว่ายทวนน้ำได้
อีกประการ คือปัจจุบัน มีการใช้สารเคมีหลาย ทั้งยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าปู  ยาฆ่าหอย  อีกทั้งการใช้ปุ๋ยเคมี
ต่อเนื่องกันเป็นเวลากว่า 15  ปี  สารตกค้างเหล่านั้น ปนลงในน้ำในดิน  หรือแม้กระทั่งชั้นน้ำใต้ดิน
ทำให้ปลาชนิดนี้ สูญหายจากนาโคก   อีกอย่างปลาชนิดนี้ ไม่ชอบน้ำลึก  ชอบอยู่ตามแอ่งน้ำขนาดเล็ก
เช่น หนองน้ำใหญ่  แหล่งน้ำดังกล่าวมีสารปนเปื้อน และสภาวะนิเวศน์เปลี่ยนอย่างกระทันหันโดยมนุษย์
ปลาชนิดนี้จึงสูญพันธุ์  จึงคงเหลือเพียง ปลาเข็ง  ปลาค่อ  ปลาดุก  ซึ่งมีทักษะการ “บืน” หรือ ตะกาย
ดีกว่าปลาปก และทนทานกว่า รอดอยู่ได้  อย่างไรก็ตาม ในไฮ่นา ที่เคยอุดม บัจจุบัน ปลาเข็ง ปลาค่อ
ก็ลดจำนวนลงหลาย เพราะระบบนิเวศน์ของท่งนาเสื่อมถอยหลายแล้ว  :  ผู้เขียน )

ลมกับน้องเลาะหาเก็บปลามาได้หลายเติบ  ได้ปลาค่อมา สามตัว ข่องน้อยก็เต็มเอียด
เสียงแม่ฮ้องมาแต่เถียงนา ว่าให้ไปเอาเฟืองไปให้งัว  เพราะมื้อนี้ฝนตกริน  งัวปล่อยบ่ได้ เพราะงัวบ่ทนน้ำ
ส่วนควายบ่ต้องห่วง  ฝนตกแห่งมัก  มันบ่ฮ้อน แมลงรำคาญก็บ่ค่อยมาตอม ถืกใจบักตู้
ทางพวกผู้ใหญ่ซ่อยกันป้านฝายพ่อใหญ่ค้ำ และแปงหลี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว   ตรงหน้าหลี่
พ่อใหญ่ค้ำเอา”ไม้ออง” มาทำเป็นช่องทางน้ำไหลแทนคันดินเดิม  ปล่อยให้เป็นช่องทางเดินของน้ำที่ล้นฝาย
   ห้วยหม่องโคกตาดไฮ  เป็นห้วยต้นน้ำ หรือฮ่องน้ำ จุดกำเนิดห้วยก็ว่าได้ เนื่องจากน้ำที่ไหลจากป่าโคกสูง
ไหลมาสบทบกันเกิดเป็นโสกเป็นฮ่อง  ไหลผ่านป่าไปเรื่อยจนเป็นลำห้วยแฝก  ที่มาของชื่อหมู่บ้าน
น้ำไหลหลากครานี้ ปลาขึ้นหลาย จันเพ็ญจึงเอาสะดุ้งมาตึกอยู่ฮ่องห้วย ใกล้ๆกับหม่องเฮ็ดหลี่
ได้ทั้งปลาอีด  ปลาหมัด ปลาซิว และกุ้ง  ปลากะเดิดก็ติดมานำในบางครั้ง  ปลาเล็กปลาน้อยจันเพ็ญคิดว่า
จะเอาไป ”อุ” หรือ “ เอาะ “ ใส่หม้อ  ที่เหลือคือเอาไปหมกใบตองใส่ผักอีตู่  เป็นกับข้าวไปหลายคาบ
“ ได้หลายบ่ ผู้สาว “  เซียงน้อยเดินมาถามจันเพ็ญ
“ ได้เติบหนึ่งอ้าย..แบ่งเอาไปกินบ่ “  สาวจันเพ็ญหันหน้ามายิ้มใส่ พลางตึกสะดุ้งต่อ
“ บ่ดอก..บ่อยากกินปลา อยากกินคนตึกสะดุ้ง”  บ่าวเซียงเว้าหยอก
“ คนตึก บ่แม่นแนวกิน   เป็นแนวต้องเอาใจใส่ดูแล  อยากได้ให้ไปคุยกับเฒ่าพ่อ “ จันเพ็ญยักคิ้ว
“  กินใจหล่า บ่แม่นกินแนวนั้น “
“ หืมม..คำเว้าคำจาเพิ่น “  สาวเจ้าสิ่งตาน้อยใส่
บ่าวเซียงน้อย งอยอยู่บนฝั่งมองดูน้ำไหล สักพัก ก็เอาเหล็ก “โอ”  ที่เรียกว่าเหล็กโอ  เพราะรูปร่างเหมือนสระโอ
เป็นเหล็กที่ช่างเหล็กเพิ่นตี และดัดรูปทรงให้เป็นงอ ๆ โค้งๆ  ขึ้นรูปเป็นสระโอ ตรงคอ ตีให้มันแบน ๆ
เป็นอุปกรณ์ในการหาเอาปลา “ โทดทง” ยามน้ำหลาก โดยใช้แกว่งทวนน้ำตามทางน้ำไหล
ปลาชนิดนี้มักว่ายทวนน้ำบนผิวน้ำ ยิ่งตรงน้ำไหลชอบยิ่งนัก  พอว่ายมา หางหรือลำตัวโดนเหล็ก สระโอ
ก็ติดช่องแคบของคอโค้ง  ไปไหนไม่ได้  
“ ฮิ้ว..! ได้แล้ว  ปลาโถดทง  “
เซียงน้อยร้องดีใจ
จันเพ็ญยืนอยู่ริมน้ำ น้ำลึกขนาดครึ่งแข้ง ตึกสะดุ้งไปนำ แนมเบิ่งบ่าวเซียงน้อยไปนำ
“ ได้อีกแล้ว “  เซียงน้อยฮ้องขึ้นชูปลาโถดทง  อ้างจันเพ็ญ
“ หืมม..ไปหาปลาไกลข่อยแนถ่อน  มาวนเวียนแต่อยู่นำพุสาวหลาย “  จันเพ็ญเชิดหน้ายิ้มๆ
“ เอ๋า หม่องนี้มันหมานเนาะ  ปลาโถดทงหลาย  มันบ่ดีติ อยู่ใกล้กัน “  ผู้บ่าวหัวยุ้มๆ
“ บ่ ดี..ไผสิอยากอยู่ใกล้อ้าย “  สาวเจ้าทำท่าทาง อ่วยหน้าหนีจาก
“ เฮ้ย..จันเพ็ญ  ปลิงค้าว...ปลิงค้าว ! “

เซียงน้อยฮ้องเสียงหลง ชี้มือให้จันเพ็ญดู วัสดุดำ ๆ ลอยผลุบๆ โผล่ๆ มาตามผิวน้ำ เข้าใกล้ขาจันเพ็ญ
สาวเจ้ากรีดร้องเสียงลั่น ทิ้งคันสะดุ้ง กระโดดผางเข้ากอดเซียงน้อย เอาแข้งขาป่ายปีนพันวัน
เพราะความตื่นกลัว เซียงน้อยอ้าแขนกอดสาวจันเพ็ญปลางปลอบขวัญ
“ มาเด้อขวัญเอ้ย.... บ่แม่นปลิงดอก  ใบไผ่เน่า ลอยมากับน้ำซือ ๆ “
พูดพลางหัวเราะถูกอกถูกใจที่ได้กอดพุสาว   จันเพ็ญได้สติผละออกอย่างเร็ว เอากำปั้นตีไหล่ของเซียงน้อย
“ คนผีบ้า..ผีส่อหล๋อ ..หาเรื่องกอดข่อย  “  
ว่าพลางก้มลง จกขี้ตมปาใส่บ่าวเซียงน้อย ด้วยความขวยเขิน

 
 
สาธุการบทความนี้ : 236 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 236 ครั้ง
 
 
  02 ก.ค. 2553 เวลา 17:39:53  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่762)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 

ฮอด อ้ายหน่อ ลงให้เล้วเด้อ ตอนใหม่ พอแต่ลงปั๊บ กะมีแต่แนวแดงๆ มาจ๊วด
เด็กน้อยเสื้อแดงเอามือกำตา  เด็กน้อยหัดคลานชุดแดง โจ่งโจ๊ะ
และ แถมท้ายด้วย ดอกดาหลา สีแดง แอ่มแล่ม

ฮอด คุณลุ่มดอนไข่ ให้ถามจ๊วด ๆ จั๊กบาดแน  
      ผู้ซายแนวได๋ คือมักดอกไม้แดง อุบาดอุบายแถะ
      บ่แม่น กำลังเฮียน ฉีดยาให้คนติ ขะน้อย    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 246 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 246 ครั้ง
 
 
  02 ก.ค. 2553 เวลา 23:13:19  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่772)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 

ถืกปลิงจับ  มันสิยากหยังกะด้อ กะเอาผู้ใหญ่บ้าน ไปประกันตัว ถ่อนแหล่ว

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  04 ก.ค. 2553 เวลา 13:47:17  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่788)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 

แอว นั้นได้บุญอยู่ดอก  แต่หัวเข่านี่ตี้..มันได้บาป
คลาน สมมา ญาติผู้ใหญ่  จนหัวเข่าซ้ำ
ว่าแล้วกะบ่อยากเอาอีกดอก  บุญกองดิน   มันเป็หนี้หลาย พะนะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 202 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 202 ครั้ง
 
 
  06 ก.ค. 2553 เวลา 08:12:12  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่790)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 

โสกันมาหลาย คห. นี่  กะแม่นเว้าเรื่องเดียวนั้นหละครับ
บุญกองดิน  กะคือ กินดอง
บุญแอว      กะคือ  แต่งงาน
หัวเข่าได้บาป ก็คือ  เจ็บหัวเข่า ยามแต่งงาน อีสานเฮามีการ สมมา ลาโทษ
                         ต้องหมอบคลาน เข้าหาญาติผู้ใหญ่ จนเจ็บหัวเข่า

เรื่องของเรื่องก็ คือ อ้ายใหญ่มังกร อยากกินผัดเส้น งานกินดองเซียงรุทธิ์ ครับ
ในชมรมนี้  มีแต่ ผู่บ่าว ครับ  คำว่า เถ่า   คะลำ  เด้อ..แฮะ ๆ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 214 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 214 ครั้ง
 
 
  06 ก.ค. 2553 เวลา 08:59:12  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่792)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 

ใกล้สิสุดหน้า แล้ว บ่ฮึ  สิได้เอาตอนใหม่ลงหวา..
แต่กะขาด องค์ประชุมเพลิง คือเก่า พะนะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  06 ก.ค. 2553 เวลา 10:30:20  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่799) ตอน ไปเยี่ยมพ่อเสี่ยว      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ขอบคุณเจ้าของภาพ
ภาพทางเกวียนเก่า เกิดเป็นโสก เพราะใช้งานมาหลายปี



มื่อนี้ลมตื่นแต่เช้า อาบน้ำอาบท่า แม่หาชุดใหม่ ที่ซื้อตอนบุญผะเหวดให้ใส่  เพราะว่าพ่อเพิ่นจะพาไป
ต่างบ้าน เพื่อเยี่ยมพ่อเสี่ยว หรือ เพื่อนของพ่ออยู่บ้านเซียงเพ็ง ที่อยู่คนละอำเภอ ไกลกันประมาณ 30 กม.
คำว่า“ เสี่ยว” ในภาษาอีสาน หากให้ความหมายว่าเพื่อน คงไม่ถูกนัก  เพราะคำว่า “เสี่ยว” มีความหมาย
ยิ่งยวดกว่านั้น  พ่อบอกว่า เมื่อได้เอิ้นว่า”เสี่ยว” แล้ว   ก็คือ เพื่อนตาย และญาติสนิทกลมเกลียว ระคนกัน
  การที่จะเรียกกันว่าเสี่ยวนั้นยาก ต้องรู้ใจกัน ถูกคอกัน และต้องมีการผูกข้อไม้ข้อมือ สาบานว่าจะไม่
ละทิ้งกันยามมีภัย  เมินเฉยกันยามมีสุข  เมื่อเป็นเสี่ยวกัน ต้องเป็นเสี่ยวกันจนตาย  ไม่มีการทรศหักหลัง
หรือเอาเปรียบ  นับเป็นอุดมกาณ์และปณิธานอันน่ายกย่อง ในแง่มิตรภาพและความสัมพันธุ์


( คนต่างวัฒนธรรม อาจไม่เข้าในมิติ ในคำๆนี้ ไปเรียกขาน ชาวอีสาน ในความหมายอื่นที่ นัยถึงความ
ไม่ทันสมัย เซ่อ ๆซ่าๆ ต่ำต้อย และบ้านนอกบ้านนา ซึ่งนับว่า ไม่สมควรยิ่ง  : ผู้เขียน )


  พ่อแต่งตัวหล่อเหลากว่าที่เคย ใส่กางเกงผ้ามันตัวงาม เสื้อลายดอกสีเหลือง ผ้าขาวม้ามัดแอว
พายเอากระเป๋าถุงผ้าใบสีดำ จูงรถจักรยานแกนหล่อน ออกมาเช็ดถูตั้งแต่เช้า    
จักรยานก็เก่าแล้ว ฟองน้ำที่รองอานนั่ง หายไปต้องเอาผ้าขาวม้าผืนเก่าๆ มาพันอานรองนั่งแทน
“ ไปบ้านเพิ่น อย่าขี้ดื้อเด้อ  “  
แม่เอามือลูบหัวลูก และเอาเงินเหรียญบาท  มารัดด้วยยางวงใส่เสื้อให้ บาทหนึ่ง ติดไม้ติดมือไปนำ
ไว้ซื้อขนมกินระหว่างทาง
“ แล้วละบ้อ.แม่สู  ไป ๆ  มันสิสวย “  เสียงผู้เป็นพ่อเร่งเวลา
เด็กน้อยระทึกใจ เพราะจะได้ไปเที่ยวต่างบ้านกับพ่อ  นานๆทีจึงจะได้ไป  รีบขึ้นซ้อนท้ายพ่อ ยิ้มแฉ่ง
มือคว้าเอากระเป๋าผ้าใบของพ่อมาค้างตักไว้ เพื่อให้พ่อถีบรถได้สะดวกโยธิน
“ ไปก่อนเด้อ.แม่สู...มื้ออื่นค่ำๆ พู้นหละ สิอ่วยคืนมา” พ่อเอิ้นสั่งแม่ ก่อนถีบรถจักรยานไปตามทาง

ทางเกวียนแคบๆ  มีตอไม้ประปราย บางแห่งเป็นแอ่งตม ต้องเว้นอ้อมเข้าป่าข้างทางเป็นทางเบี่ยง
ทิวแทวกกไม้เรียงราย อวดลำต้น เบื้องบนเป็นใบเขียว เห็นแถวยาวคดเคี้ยวไปตามทาง
เสียงถีบรถจักรยานดังเอี๊ยดอ๊าด จนนกกระปูด วิ่งตื่นตัดหนทางเกวียนต่อหน้าไป บางครั้งก็เห็นจอนฟอน
แล่นลี้เข้าพุ่มไม้ข้างทาง แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าพื้นเมือง
   ตะวันขึ้นสูงพอท่วมปลายไม้ส่องแดดอ่อน อบ ลงมายังเบื้องล่าง ดอกใส้ไก่สีขาวอวดองค์อยู่บนเคลือสูง
ตามข้างทางที่ชุ่มชื้น ดอกว่านกระทือ สีแดงสด โผล่จากพื้นดินให้เห็น ใกล้ๆกันมีต้นดอกกระเจียวที่ช่อดอก
แก่แล้ว สีม่วงซีด ๆขึ้นแซม เคลือไส้ตัน เป็นพุ่มเลื้อยเกาะกุมตามต้นฮังที่สูงพองาม ต้นม่วงแมงวัน
กำลังออกดอกเป็นช่อสีขาว ๆ ลมพัดมาวูบหนึ่ง เสียงใบไม้ต้องกันในโคกดังโกรกราก พ่อผิวปากไปนำถีบรถไปนำ
ถีบมานานพอควร พอเลยพ้นโค้งต้นฮังหนาม ก็เป็นถนนดินแดง หรือ ถนนหินแห่ การเดินทางก็สะดวกขึ้น

    ถนนลูกรังสีแดงทอดยาวคดโค้งบ้าง ตรงดิ่งบ้าง พาดผ่านท่งนาใหญ่ ที่กำลังเขียวขจี  
น้ำในคลองข้างทางปริ่มๆ  มีทั้งผักก้านจอง และผักโหบเหบ ขึ้นริมตะคอง ลมพัดไอชื้นผ่านมาทางท่ง
ทำให้รู้สึกเย็นสบายเลยป่าโคกก็เป็นท่งกว้างสุดสายตา แลเห็นเถียงนาชาวบ้านตั้งอยู่เป็นหย่อมๆ  
สีเขียวละลานตาของต้นข้าว สดชื่นระรื่นสายตา  

วิถีสีแดงดังเส้นเลือด พาดผ่านท่งนาและป่าละเมาะสลับกัน  บางช่วงก็ทอทอดขึ้นโนน แล้วก็
ลงมอ สลับกัน ช่วงที่ผ่านลำห้วย มีสะพานไม้กว้างขนาดพอให้รถปิ๊กอัพ รถจิ๊บ ผ่านได้  ลมขยับก้นย้ายที่
เพราะตระแกรงหลังรถจักรยานเป็นเหล็ก นั่งนาน จะรู้สึกเจ็บดาก  ต้องคอยขยับเปลี่ยนอริยาบทผ่อนคลาย
“บ้านเซียงเพ็ง” เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ  มีประมาณ 50  หลังคาเรือน  ห่างจากหมู่บ้านห้วยแฝกอยู่โข

ใช้เวลาเดินทางร่วมครึ่งวัน  เส้นทางต้องผ่านทั้งป่าโคกและ “ท่งนามน” หรือผืนท้องนาที่กว้างใหญ่
มองไปทางไหนบ่เห็นป่าโคกเหมือนที่ลมคุ้นเคย  เห็นเพียง คันนากับต้นข้าวแลสุดขอบฟ้า  ต้นไม้กลางนา
มองเห็นโดดเด่นตัดขอบฟ้า สังเกตมีต้นไม้ประปราย ตามท่งนาส่วนมากเป็นต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นบก ต้นพอก
ต้นยาง ต้นกระเดา  และโพนต้นข่อย ซึ่งชาวบ้านเหลือไว้เป็นร่มเงา

“ พ่อ..ทางนี้บ่มีโคกคือทางเฮาเน๊าะ  แล้วสิหากินเห็ดแนวได๋หละ “  ลมเอ่ยปากถามด้วยสงสัย
“  ทางนี้ไทบ้านเขาหากินตามห้วยตามหนอง ตามสระ เป็นหลัก  ปูปลาหลาย กบเขียดกะมี
แต่ว่าเห็ดหอน หรือของป่าของโคก เพิ่นสิไปหากิน ทางโคกงูซวง พู้น “   พ่อบอก
“ ทางบ้านพ่อเสี่ยวกา พู้นบ้อ “ ลมส่อ
“ อืมม..ทางบ้านพ่อเสี่ยวมึงพู้นหละ โคกทางนั้นใหญ่กว่าทางเฮาอีก “ ตาวาดว่าพร้อมสะหมาดคอ
แกกับ ตากา บ้านเซียงเพ็งผูกเสี่ยวกันตั้งแต่สมัยยังหนุ่มยังห่าว เนื่องจากนิสัยต้องกัน ไปเที่ยวงานบุญกฐิน
บ้านวาใหญ่ เลยพ้อกัน ทีแรก ขิวกัน เพราะจีบผู้สาวคนเดียวกัน  เคยฮอดไล่ตีกัน สมัยวัยรุ่นนู้น
พอผู้สาวคนนั้นเอาผัวปะหนีจาก   เลยมากินเหล้าโทนำกัน ปรับทุกข์  เมาฮากใส่กัน  อีกอย่างตอนไปบวชพระ
บวชวัดเดียวกันอีก  กะเลยถืกคอกัน ผูกข้อมือเป็นเสี่ยว  ไปเที่ยวนำกันอ้อนต้อน ตั้งแต่พู้นมา
แม้แต่งการแต่งงานไปแล้วก็ยัง บ่ปะบ่ทิ้งกัน  ว่างจากงานคิดฮอดกัน ก็ไปมาหาสู่กันเสมอ  มีการมีงานยามใด
ก็ฮฮดก็เถิง เสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยขาด  คราก่อนพ่อเสี่ยวกา มาเล่นนำพ่อ ลมจำได้ว่า ทั่งพ่อและ
พ่อเสี่ยวกานั่งโสกัน หัวแตกโคบๆ  ว่าแม่นผู้บ่าวผู้สาวคุยกัน   มีอะไรดีก็เอาออกมาปันกันกิน ตามีตามยาก

ถีบจักรยานมานานโข จนแดดพวมงาย เหงื่อของพ่อออกจนด้านหลังเสื้อลายงามชื้น แต่ท่าทางยัง
กระฉับกระเฉง  ลมเพลินตากับทัศนียภาพสองข้างทางที่แปลกตา  คนสองคนแบกไซดักปลาสวนทางมา
หน้าตาบ่คุ้นคงเป็นคนไทบ้านอื่น
“ โฮ้..ไปสิเหลอ น้อ.”  เสียงเอิ้นถามเป็นภาษา “ไทย้อ” พร้อมรอยยิ้มเปื้อนหน้า
ของผู้ผ่านทาง
“ ไปบ้าน เซียงเพ็ง  ไปหาหมู่ ซั้นดอก  ได้หลายบ้อ.ปลา”  พ่อเอิ้นถามกลับไป ขณะรถถีบเคลื่อนตัวผ่าน
“  สิได้กะเหลอหวา..พอม้มงายนี่หล๊ะ”  ว่าพลางหัวเราะเสียงใส
“ พ่อ ๆ  เจ้าฮู้จักขะเจ้าหรือ “  ลมสะกิดถาม
“ บ่ดอก...ฮู้จักแต่ว่าเว้า”ย้อ” แบบนี้ คงเป็นไทบ้านบะยาวน้อย หละหล่า”
“ ฮ้วย..คือยิ้มใส่กันปานฮู้จักกันแถะ “ ลมเอามือเกาหัว
“ ลูกอีสานเฮา  พ้อหน้ากันกะเป็นแบบนี้หละ แม้สิเว้าต่างภาษาแต่ก็เป็นคนสีอาน คือกัน แนวสิอ้างกันได้
กะคือน้ำใจไมตรี “  


ท้องฟ้าสีใส ปรอดโปร่ง กลุ่มพายับแดด ลอยห่างกันเป็นดังนวลฝ้ายถูกยืดออก แสงแดดทอจ้า
โลมเลียใบเขียวของพันธุ์ไม้น้อยใหญ่เบื้องล่าง  ถนนลูกรังสีแดงยาวมาสุด ตรงมอ หรือทางชัน ก่อน
หมดหน้าที่ลง ปล่อยให้หนทางดินทรายสีขาวหม่น ทำหน้าที่เป็นบาทวิถีต่อ

   เส้นทางไป “บ้านเซียงเพ็ง” นับว่ากันดาร เพราะอยู่เขต รอยต่อการปกครองระหว่างสองอำเภอ คือ
อ.วานรนิวาสน์ และ อ.พรรณานิคม  ซึ่งหมู่บ้านนี้อยู่ไกลทางหลวง  เส้นทางสัญจรไปมาลำบาก ทางการ
เพิ่นบ่มีงบพัฒนา ตัดถนนผ่านไปให้  อีกอย่างก็อยู่ห่างไกลกับหมู่บ้านอื่นๆ  เส้นทางเดียวที่สัญจรได้
คือ ทางเกวียนเก่า ที่ชาวบ้านแถบนี้ใช้ ขนข้าวขนของ มาซื้อขายแลกเปลี่ยนในตัวอำเภอ


    ทางเกวียนต่างจากทางปกติ เป็นทางเลนเดียว แต่มีสองร่อง  ตามทางเดินของดุมล้อเกวียน  ตรงกลาง
ส่วนมากมีแต่หัวหญ้า บางที่ก็เป็นบวกควายนอน ที่พักผ่อนหย่อนใจของสัตว์เลี้ยง  บางแห่งผ่านป่าหญ้าเพ็ก
ตรงไหนที่ตัดผ่านป่า ก็จะมีตอไม้อยู่เกาะกลางถนน ส่วนพื้นถนนเป็นร่องดินทรายสีขาว ยามแล้ง หอบดินทราย
หว่านเล่นได้ ไงกุบทีบ อันทางรัถถิยาสารถี หรือทางเกวียนนั้น ใช้เป็นทางเทียว ตั้งแต่โบราณ ใช้ในการ
ทำมาค้าคาย เดินทางแลกเปลี่ยนสินค้า   หลายต่อหลายเที่ยว หลายปีเข้า บางที่กลายเป็นโสก เป็นคันคู
เป็นร่องลึกสูงท่วมหัว  เพราะน้ำกัดซัดเซาะ


    สารัตถี วัยกลางคนตั้งหน้าตั้งตาถีบรถจักรยานอย่างไม่รู้จักะแหน็ดเหนื่อย ไปตามทางเกวียน สองข้างทาง
เป็นดอน เป็นป่าโปร่ง ลมสังเกตเห็นแถบนี้ มี”ต้นซาด” ขึ้นหลาย พันธุ์ไม้แตกต่างจากป่าโคกตาดไฮ
ต้นฮังบ่ค่อยมี ส่วนมากเป็น”ต้นซาด” ต้นยางนา ต้นพอก ส่วนป่าโจด มีหลายกว่าทางนาโคก เพราะพื้นดิน
เป็นทรายร่วนชุ่มชื้น  ต้นไม้ทางนี้มีแต่ต้นใหญ่ๆ แหงนคอตั้งบ่าจึงเห็นยอด  กระแตก็เยอะ  ไต่ตามกิ่งไม้
พอได้เห็นยามรถจักรยานผ่าน  พอพ้นโสกทางเกวียนแล้ว  ก็เป็นป่าโคกใหญ่  ต้นไม้ขึ้นหนาทึบตามข้างทาง
เต็มไปด้วยพืชพันธุ์  จนมองแทบไม่เห็น แนวทางเกวียน  พ่อจอดรถใต้ฮ่มกระบกข้างทาง ขอเซามีแฮงก่อน
ลมมองไปข้างหน้าแล้ว รู้สึกใจแป้ว  เพราะเส้นทางเริ่มทอดยาวเข้าไปในป่าเปลี่ยวแล้ว

 
 
สาธุการบทความนี้ : 246 ครั้ง
จากสมาชิก : 3 ครั้ง
จากขาจร : 243 ครั้ง
 
 
  06 ก.ค. 2553 เวลา 12:38:29  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่801)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ขอบคุณเจ้าของภาพ
ภาพทางเกวียน ( ทางเกียน )

ฮอดป้าหน่อย กระบะเกียน ทางบ้านผมเอิ้น กะเซอ คือกันครับ
ส่วน แนวครอบหลังคาเกียน  เอิ้นกะโหลก
สมัยผมยังน้อย ก็มีแต่เกวียนนี่แหละครับ  บรรทุกของ แก่ข้าว ( ขนข้าว)
มีแต่ใช้เกวียน เพราะบ่ต้องใช้น้ำมัน บ่เสียดุลย์การค้า ลดต้นทุนชาวนา
เสียอย่างเดียว มันซ้า... ต้องใจเย็น ๆ  งัวมันเมื่อย มื้อหนึ่งขนได้ 2 เที่ยว

 
 
สาธุการบทความนี้ : 209 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 209 ครั้ง
 
 
  06 ก.ค. 2553 เวลา 13:28:06  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่808)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 
คุณมังกรเดียวดาย:
มีหยังในป่าเปลี่ยวให้เสียวหัวใจอีกน้อ ??


จั๊กแหล่ว   สั่นพุ่มไม้เบิ่งก่อน  ลังเทื่อ กะมีแมงเลี่ยม  ลังเทื่อกะมีแมงแคงขาโป้

 
 
สาธุการบทความนี้ : 215 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 215 ครั้ง
 
 
  07 ก.ค. 2553 เวลา 00:32:50  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่813)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ขอบคุณเข้าของภาพ เด้อครับ

ผ่าบักบกให้แล้ว  เซิญมา หย่ำนำกัน พี่น้อง
อย่าซิงกันเด้อ  ปันกันกิน

 
 
สาธุการบทความนี้ : 242 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 242 ครั้ง
 
 
  07 ก.ค. 2553 เวลา 10:50:24  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่816) ตอน ไปเยี่ยมพ่อเสี่ยว (2)      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ภาพจาก google

      ตาวาดจอดรถจักรยานแกนหล่อน อิงต้นกะบกไว้ เซามีแฮง บักลมไปเก็บเอาใบตองซาดมาฮองให้
พลขับนั่ง ค้นเอา”บักน้ำเต้าน้อย” ที่บรรจุน้ำให้พ่อกิน สมัยก่อนยุคพลาสติกหายาก ไม่ค่อยมีใช้ กระติกน้ำ
ชั้นดี คือ หมากน้ำเต้า ที่สอยเอาจากต้นไม้ชนิดนี้ มาเจาะเอาเมล็ดออก กรอกน้ำแช่ไว้ อาทิตย์หนึ่งแล้วจึง
เทน้ำข้างในทิ้ง  ขั้นตอนต่อไปคือตากแดดให้แห้ง  เมื่อแห้งได้ที่ ก็สานไม้ไผ่คลอบ ดัดไม้ไผ่ทำเป็น
“ตีนตั้ง” หรือที่ตั้งเพื่อสะดวกในการวาง  เมื่อเสร็จสรรพ ก็กลายเป็นกระติกน้ำจากวัสดุธรรมชาติ
    อนึ่งสามารถเอา “ หมากน้ำ “  หรือพืชที่ออกลูกเป็น น้ำเต้า ( เหมือนน้ำเต้าของชาวจีน )  ซึ่งเป็นพืชเถา
ชาวบ้านเอามาปลูก เพื่อกินลูกอ่อน ทำอาหารได้สารพัด นำผลแก่ของมัน มาทำเป็นน้ำเต้าได้เหมือนกัน
แต่เปลือกบางกว่า “ บักน้ำเต้า “ ชนิดแรก ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นใบ มนๆ  มัน ๆ  เกิดตามฮ่องห้วย ริมหนอง
แต่เมื่อผ่านขบวนการเสร็จแล้ว ก็เรียกว่า “ น้ำเต้า” เช่นกัน
  เมื่อผู้เป็นพ่อยกดื่มพอแล้ว ก็ยื่นให้ลม กระดกเป็นรายต่อไป น้ำใน”บักน้ำเต้า” เย็นชุมชื้นดับกระหายได้ดี
“ ยังอีกไกลบ่อีพ่อ “  
“ เคิ่งทางแล้วหล่ะ “  พ่อตอบ พลางจกเอากระป๋องยาเส้น มาพันกอกยา
“ โคกทางนี้บ่คือทางเฮาเนาะพ่อ “  บักลมชวนคุย
“  ทางนี้เป็นดินทามโคกใหญ่อุดมกว่าทางบ้านเฮา ทางเฮาเป็นโคกสูง  โคกหินแห่ “ พ่ออธิบาย
เด็กน้อยสังเกตเห็น พืชพันธุ์ทางนี้ก็แปลกตา มีทั้งกกแต้ กกหาดเคลือหัน พุ่มหนามคัดเค้า และกกยางใหญ่
โดยเฉพาะต้นยูง มีหลายกว่าทางบ้านห้วยแฝก  พฤกษานานาชนิด ขึ้นหนาทึบเต็มสองข้างทาง
เสียงนกกระโดก สับโกนไม้ ดังแว่วมาแต่ไกล นกกระทาฮ้องมาทางป่าโจด ลำนำเพลงจากโคกเบื้องล่าง
ฟังบ่ดีอาจเป็นความพรั่นพรึงแทนความไพเราะ
“ แถวนี้มีเสืออยู่เบาะ อีพ่อ “  ลมขยับเข้าใกล้พ่อเพราะชักไม่มั่นใจในบรรยากาศรอบ ๆ
“  สมัยพ่อยังหนุ่ม มีฮอดเสือโคร่ง  แต่สุมื้อนี้   คงสิยังแต่เสือ ตะกู๊ด กับ เสือคือ ถ่อนแหล่ว “  พ่อว่า
“ แล้วเสือเด็ดหล่ะ”  บักลมคิ้วขมวด
“ เสือแนวนั้น  แฮ่งป่าหายเบิ๊ด  แฮ่งตะหลาย หล่าเอ้ย.”
ตาวาดอัดยาเส้นจนแก้มตอบ แล้วพ่นควันยาสูบลงต่ำ เป็นสาย ในแววตายังมีความกังวลคั่งค้าง
“ไปต่อเถาะ มีแฮงแล้ว”  เสียงพ่อบอก เป็นสัญญาณเริ่มการเดินทางอีกครั้ง
ทางเกวียนเล็กๆ คดเคี้ยวไปตามภูมิประเทศ ทิวไม้สองข้างทางดังโอบล้อมปกครองบาทวิถี
กิ่งก้านของต้นซาด ต้นยางและต้นยูงแผ่บังปกคลุมทั่วหล้าบางกิ่งสูงใหญ่ทอทอดเป็นหลังคาถนนเก่า ดูครึ้ม
ทางแคบๆ แทรกตัวไปตามเนินทราย ถูกบีบบังคับด้วย คูดินโสก ดั่งเดินทางเข้าไปในช่องหุบเหว สู่อีกโลก
ลมแทบไม่อยากหันกลับไปมองทางด้านหลังทางที่ผ่านมา รู้สึกเย็นสันหลังวาบ ๆ เหมือนจะมีคนคอยจ้อง
หรือคิดกลัวไปเอง ได้แต่มองแนมทางไปด้านหน้า คอยลุ้นการขับขี่หลบหลีกตอไม้ของพ่อ

      พอพ้นโสกทางเกวียนแล้ว ก็เป็นป่าโปร่ง ต้นไม้ไม่หนาทึบเท่าที่ผ่านมา แถวนี้ต้นแดงหลาย
ลมเบาใจขึ้นเยอะบ่เป็นตาย้านปานใด แสงแดดทะลุปลายไม้มาได้ ทำให้บรรยากาศไม่อึมครึมดังที่แล้วมา
แต่กระนั้นก็ยังไม่น่าไว้วางใจ เพราะสองข้างทางยังดู รกทึบอยู่ดี มองไปตามทางเกวียน เห็นเพียงฮ่องหนทาง
เสียงแมงอี ฮ้องนำปลายไม้ ได้ยินหวิ่งๆ  นอกเหนือนั้นป่าก็เงียบสนิทจนแทบได้ยินเสียงหัวใจเต้น
ค่าจ้างเป็นเงินบาทหนึ่ง ที่แม่เอายางวงมัดใส่เสื้อให้  เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนที่มาเป็นเพื่อนร่วมทางของพ่อ
ชักจะไม่คุ้มเสียแล้ว หนทางที่ไม่คุ้ยเคยนี้ ช่างน่าประหวั่นอักโข

  เห็นบนรรยากาศแบบนี้แล้ว ลมนึกถึง “โสกฮัง” หมู่บ้านตัวเองหลาย  ผู้เฒ่าผู่แก่เว้าให้ฟังว่า “เข็ดขวง “หรือ
เฮี้ยนหลาย   ผีโคกโสกฮัง หลอกคนฮอดยามกลางเว็นแสก ๆ ไม่รู้ว่าโคกใหญ่อันนี้จะมีผีไหม
“ เอี๊ยด.ด.. !  “
เสียงพ่อเหยียบห้ามล้อโดยกะทันหัน ทำให้ลมตื่นจากวาบความคิด
“ แม่นหยังอีพ่อ “ ลมถามด้วยเสียงตื่นตระหนก
“ รถสิลงมอข้ามห้วย  ต้องลงจูงเอา  ย้านมันสะแหลก “   พ่อบอกพลางให้ลมลงเดิน
“ ข้ามลำห้วยนี้ไป ก็เข้าเขตบ้านเซียงเพ็งแล้ว “  พ่อเล่า
  “ มา..ให้ข่อยจูงรถซ่อย “  ลมเสนอขอจูงรถจักรยานแทนพ่อ
“ เออ ดีคือกัน  พ่อสิได้ฮัมยาสูบ “ ตาวาดให้ลูกชายจูงรถ ส่วนตัวเองเดินนำหน้าตามทาง พันยาสูบไปนำ
ทางลงมอไม่ค่อยชันเท่าไหร่ แต่ รกทึบ มีเคลือไม้ต่างๆ  อุ่มไม้หนา ขึ้นอยู่เต็ม  ตรงนี้เป็นดินทรายสันทราย
เพราะแรงน้ำกัดเซาะ หากขี่ลงมอมาด้วยความเร็ว อาจเกิดการสะแหลก (แฉลบ) ล้มตึงได้
ลมจูงรถเดินตามหลังพ่อ เรื่อย ๆ แนมเบิ่งปลายไม้ยอดไม้ ที่ยื่นออกแข่งขันยิ่งชิงพื้นที่รับแสงแดด
มองดูคล้ายมือผีเปรต กางเตรียมขยุ้มผู้ผ่านทาง  เงยหน้ามองจนลืมเบิ่งทาง รู้สึกตัวอีกทีพ่อก็เดินนำหน้า
ไปไกลแล้ว   เสียววาบสันหลังขึ้นมาทันที รีบจูงรถจ้ำอ้าวเพื่อตามพ่อให้ทัน
“ กึก.! “
รถจักรยานหยุดเหมือนถูกดึงฉุดด้วยแรงมหาศาล  ลมสำรวจรถว่ามีสิ่งใดฉุดรั้งไว้  ก้มมองตามตระแกรง
บ่มีสิ่งใดแปลกปลอม  จึงกลั้นใจออกแรงจูงรถอีกครั้ง
“ กึก..!  ครืด..ด.“  
ครานี้ล้อหลังหยุดนิ่ง ล้อตายเห็นได้ชัด  ลมออกแรงผลักรถให้เดินหน้า จนล้อลากขี้ดิน  และหน้าซีดลงทันที
แนมเบิ่งพ่อเดินเลยไปไกลแล้ว.   หัวใจเต้นระส่ำ กลางวันแท้ๆ  ผีสิหลอกคนอยู่หรือ  ลมคิด
รวบรวมความกล้าครั้งสุดท้าย ผลักรถเต็มแรง
“ ครืด..ด..ด..ด. ! “     ล้อรถหยุดนิ่งลากขี้ดินเป็นทางยาว  ดังพญาช้างสารฉุดรั้ง
“  ผีหลอก..ก..!  อีพ่อ.อ..ถ่าข่อยแน...”.  
บักลมทิ้งรถถีบ  แล่นฮ้องเอิ้นหาพ่อเสียง เหลอตาย...
“ ฮือ.ๆๆ..ผีหลอก..ก... ฮือ  ๆ.”  เทิ้งไห้เทิ้งฮ้องตื่นเสียขวัญระคนกัน
“  มึงเป็นบ้าติบักอันนี้  ผีทางได๋ สิหลอกคน กลางเว็นกะด้อ “
ผู้เป็นพ่อแล่นกลับมาเอาลูก  ฮ้องด่ามาพร้อม ดีดกอกยาทิ้งแทบไม่ทัน
“ ผีดึงรถ...ผีดึงรถ “
ปากบักลมยังคร่ำครวญบ่หยุด
“  ไปกูพาไปเบิ่ง..ผีสิได๋..”
ว่าพลางจูงแขนลูกชายย้อนไป ยังจักรยานที่ล้มอยู่ข้างทาง  พ่อก้มลงสำรวจคร่าวๆ  ไม่พบสิ่งผิดปรกติ
แกจึงจับรถตั้งขึ้นจูง ส่วนบักลมกอดแขนพ่อไว้แน่น
“ กึ๊ก..! “
รถบ่ยอมขยับเหมือนมีอะไรมาดึงไว้เหมือนเดิม  
“ เห็นบ่...ข่อยบอกแล้ว ผีดึงรถ “  ลมบอกด้วยเสียงสั่นเครือ
ตาวาดก้มลงสำรวจให้ถ่องแท้อีกคำรบ   พลางเอามือล้วงเข้าไปในโกบล้อ   ควักเอาวัตถุชิ้นหนึ่งออกมา
“ นี่เด้..ผี...กาบบักแดงแห้ง “
ว่าแล้วก็หัวเราะจนน้ำตาไหล  ที่แท้เป็น กาบของฝักหมากแดง ที่แห้งกรัง จนงอโล่งโค้ง  ล้อรถคงเหยียบ
โดยไม่ได้ตั้งใจ มันเลยเข้าไปขัดในโกบล้อ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 277 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 276 ครั้ง
 
 
  07 ก.ค. 2553 เวลา 14:58:31  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่817)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ขอบคุณคนถ่ายภาพ

อภิธานบท

ฝักของต้นแดง ที่แห้ง  หากปล่อยไว้นานกว่านี้  
มันจะแห้ง ขอบ งอ ๆ ปานกรงเล็บ พู้นแหล่ว

 
 
สาธุการบทความนี้ : 259 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 259 ครั้ง
 
 
  07 ก.ค. 2553 เวลา 15:06:32  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่818)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ภาพจาก google

อภิธานบท
ต้นแดง

ฝักแก่  นำมาฝ่ากิน ไน ได้เด้อ  แซบหลาย  จิ้มแจ่มบอง แซบๆ
ปานว่า สะตอ พู้นแหล่ว พืชชนิดนี้ เกิดนำโคก  นำดอน ทั่วไป
ทางบ้านบ่าวปิ่นยังหลายอยู่  เป็นไม้เนื้อแข็ง  ครับ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 235 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 235 ครั้ง
 
 
  07 ก.ค. 2553 เวลา 15:11:37  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่827)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ภาพจาก google

ชื่อพื้นเมือง  แดง กร้อม ตะกร้อม สะกรอม
ชื่อวิทยาศาสตร์   Xylia xylocarpa (Roxb.) Taub. var. kerrii (Craib. & Hutch.) I.C. Nielsen
ชื่อวงศ์             LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE
สถานภาพ         ไม้หวงห้ามธรรมดาประเภท ก
นิเวศวิทยาและการกระจายพันธุ์
     ในประเทศ  พบทั่วไปในป่าเบญจพรรณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
     ในต่างประเทศ  พม่า ลาว กัมพูชา เอเซียตะวันออกเฉียงใต้
ลักษณะทั่วไป
     ต้นไม้  ไม้ยืนต้น สูง 15-25 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดกลมรี กิ่งก้านและยอดอ่อนมีขนละเอียดสีเหลือง ลำต้นเปลาตรง ยิ่งดินอุดมสมบูรณ์ในที่ชุ่มชื้นลำต้นจะเหลาตรงมากกว่าดินตื้น ๆ ในป่าเต็งรัง เปลือกนอกสีเทาอมแดง แตกล่อนเป็นเกล็ด ๆ เปลือกในสีชมพู สับทิ้งไว้ชันสีแดงจะไหลออกมา
     ใบ ใบประกอบแบบขนนกสองชั้นเรียงสลับ ปลายคู่ ประกอบด้วย 2 ช่อ มีก้าน ช่อใบชั้นที่ 1 ยาว 15-30 ซม. ช่อใบชั้นที่ 2 แตกออกเป็น 2 ชุด แต่ละชุดมีใบย่อย 4-5 คู่ ปลายคู่ เรียงตรงกันข้าม รูปไข่หรือรูปไข่แกมขอบขนาน กว้าง 3-7 ซม. ยาว 7-20 ซม. เนื้อใบบาง ท้องใบมีขนสีน้ำตาลนุ่ม เส้นแขนงใบย่อยข้างละ 8-11 เส้น ก้านใบย่อยยาว 2-2.5 มม.
     ดอก  ดอกช่อทรงกลมออกที่ปลายกิ่งและซอกใบเป็นกลุ่ม ๆ กลีบดอกสีขาวหรือขาวนวล กลีบเสี้ยงโคนเชื่อมติดกันรูประฆัง ปลายแฉก 5 แฉก กลีบดอก 5 กลีบ ช่อดอกรวมกลม ก้านช่อดอกยาว 2-5 ซม. มีขนปกคลุมประปราย เกสรผู้ 10 อัน แยกจากกันเป็นอิสระออกมานอกดอก อับเรณูไม่มีต่อมส่วน ver. Xylocarpa มีต่อมติดอยู่ที่อับเรณูเสมอ
     ผล  เป็นฝัก รูปไต แบน แข็ง โค้ง โคนและปลายสอบเรียว มีเมล็ดแบน ๆ 10 เมล็ดตอน
อ่อน สีเหลือง รับประทานได้  ตอนแก่ มีสีน้ำตาล
     ระยะเวลาการออกดอกและเป็นผล
          ออกดอก  ก.พ.-เม.ย.
          ผลแก่     พ.ค.-ก.ค.
     การขยายพันธุ์  เพาะกล้าจากเมล็ด
     ลักษณะเนื้อไม้  สีแดงหรือน้ำตาลอมแดง เสี้ยนเป็นคลื่น เนื้อค่อนข้างแข็งละเอียด
     ชั้นคุณภาพ     A
ประโยชน์
เป็นไม้เนื้อแข็งชั้นดี ใช้ทำ วงกบ พื้นกระดาน  โฟนิเจอร์  ไม้ระเบียง ไม้พนัก
เสารั้ว มีอายุการใช้งานนาน ทนทนดี

ข้อมูลจาก www.thongthailand.com

ฝักแดง ผ่ากินไนมันยาก เพราะฝักแข็ง ต้องใช้ความชำนาญในการผ่า
ใช้ปลายมีดตอก กรีดตรงร่องกลาง แล้วค่อย แงะ ออก ส่วนรสชาติ หอมและกลมกล่อม
กินกับข้าวเหนียว จ้ำปลาแดกพร้อม เข้ากันได้ดี  ส่วนมากลูกอีสานเหนือ
จะมีความเกี่ยวพันกับ ไม้อันนี้ เพราะเกิดในป่าเบญจพรรณ ยกตัวอย่าง
อ้ายใหญ่มังกรเดียวดาย เคยปีนเอาผลมันมาผ่ากิน  เคยตัดต้นแดงน้อยมาเผาถ่าน
ส่วนจารย์ใหญ่ เคยเอาไม้แดงมาเฮ็ด หางไถ บักสบไถ และ โฮงกี่
ยามกกแดงออกดอก แมงบ้ง หนอนต่างๆ มักมากิน  นกต่างๆ มักมา งอยอยู่
ไม้อันนี้หากต้นใหญ่ เพิ่นมักเอามาเฮ็ด ตง หรือ ขื่อ  เพราะแข็งแรง

 
 
สาธุการบทความนี้ : 320 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 320 ครั้ง
 
 
  07 ก.ค. 2553 เวลา 16:29:51  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่828)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 



ไม้แดง เมื่อเลื่อยเป็น ไม้กระดานแล้ว มีสีแดง สวยงาม
คงทน จึงมีราคาสูง เป็นไม้เกรด A ครับ
หากนำมาทำเสาเถียง คงทนอยู่ได้ ร่วม 20 ปี มอดบ่เจาะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 225 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 225 ครั้ง
 
 
  07 ก.ค. 2553 เวลา 16:36:27  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่833)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 

ยอม ชมรมนี้อีหลี  มีแต่ผู้หาป่องเก่งๆ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  08 ก.ค. 2553 เวลา 10:23:50  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่837)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 

ต่ำกว่านม ลงมาหน่อยหนึ่ง  เอิ้น สะบือ เด้อ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  09 ก.ค. 2553 เวลา 11:01:44  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่843)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 
คุณสาวส่า เมืองยโส:
มะพากันสรรหาแท้ล่ะ ฮึ
เมิดคำสิเว้านำดอก แต่ละคน 55


อ้ายหน่อ  เปิดประเด็น..เนาะ  ไผสิอยู่ซือ ๆ เป็น

 
 
สาธุการบทความนี้ : 187 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 187 ครั้ง
 
 
  11 ก.ค. 2553 เวลา 13:48:32  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่844)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 
คุณจารย์ใหญ่:
คุณสุดสะเเนน:
๑ โจกนี้โจกหยังครับ ใกล้เข้าพรรษาแล้ว เทพสุราน้อย สิคาราวะนำ ๑โจก นมเด้อ


เทพสุรา คือสิกินนมน้อบาดนี้ กินหลายบ่ดีคือว่าล่ะ เปลือง..


อยากกินนำเขา วะติ
สิคัดเลือกทหาร ปีหน้าแล้ว  อดเอาสาถ่อน

 
 
สาธุการบทความนี้ : 193 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 193 ครั้ง
 
 
  11 ก.ค. 2553 เวลา 13:50:17  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่852) ตอน บ้านเซียงเพ็ง      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ขอบคุณเจ้าของภาพครับ

       ลมผวนพัดกิ่งต้นหมากแต้ ที่งอกงามลื่นล้ำลานดินทรายหวามไหว หญ้าขัดมอญกำลังบ่งเขียว
ต้นยางสูงเด่นท้าแดดลม  เปลือกนอกที่กรำแดดฝนนานหลายปี แลเห็นเป็นสีซีดขาวหม่น
แนวป่าที่หนาทึบบางเบาลง เมื่อเข้าเขตหมู่บ้านเซียงเพ็ง  มองไกลๆ เห็นเป็นโนน อยู่กลางท่ง  
รายล้อมไปด้วยทุ่งเขียวใบข้าว  ถนนดินทรายสีขาวพาดผ่านขึ้นบนเนินสูงกว้างๆ มองเห็นได้แต่ไกล
พ่อชี้มือให้ลมดู กลุ่มของบ้านเรือนที่ปลูกขึ้นหลายหลัง เหมือนแทรกตัวในดงไม้บนพื้นที่สูงเด่น
“ พู้น  บ้านเซียงเพ็ง “  
ลมแลตามมือพ่อชี้บอก   เห็นกอไผ่สางไพ  เป็นทิวแทวยาว เลาะเลียบตีนท่งก่อนขึ้นโนน เหมือนแนวชี้เขต
ว่าถึงทางเข้าหมู่บ้านเซียงเพ็งแล้ว ถนนหนทางเป็นแค่ทางเกวียนผ่าน  มีต้นไม้ขึ้นประปราย
กลุ่มของบ้านเรือนปะปนอยู่กับหมู่ต้นไม้ใหญ่  มองเห็นต้นหมากกับต้นมะพร้าวสูงชะลูดเด่น หลายต้น
พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า
เมื่อ 50 ปีแล้ว ชาวบ้านเซียงเพ็ง อพยบมาจาก บ้านแมด  อ.ตากแดด  จ.อุบล นำโดย พ่อเฒ่าเซียงเพ็ง มาตั้งถิ่นฐาน
อยู่โนนอันนี้ เนื่องจากแลเห็นพื้นดินแถบนี้เป็นดินดี เป็นดินบะ และอยู่ใกล้ห้วย” น้ำจั้น “ อันเป็นแหล่งน้ำใช้สอย
เหมาะสำหรับการสร้างหมู่บ้าน ชาวพื้นเมืองแถบนี้เรียก ชาวอุบลที่อพยบมา ว่า “ ไทคัว“  

พอเข้าใกล้เขตหมู่บ้านได้ยินเสียง “ไก่ผู่โอก” ขันเจื้อยแจ้ว  เสียงหมาเห่าผู้มาเยือน ดังจ้อจั้น
เสียงผู้เป็นเจ้าของเอิ้นถาบมา ฮ้ายหมา
“  เซ่....หมาบักก่าน..มึงอย่าเด้อ “ แม่เฒ่าวัยชรา นั่งอยู่ซานเฮือน เอิ้นฮ้ายหมา
“ สิพากันไปทางได๋น้อ..”  เลาเอิ้นมาถาม มองดูเห็นเคี้ยวหมากอยู่อย่างออกรสชาติ
“ มาหาหยามเสี่ยว  แม่อุ้ย “  พ่อฉีกยิ้มกว้างใส่แม่เฒ่า พลางชะลอความเร็ว
“ ไผหละ เสี่ยวเจ้า “   ถามพลางนั่งยองย่อ เอามือถุนคำหมาก แลเห็นแข่วดำปื้อ
“  บักเสี่ยวกา  “  ว่าแล้วก็ถีบรถผ่าน

ลมยิ้มใส่แม่ใหญ่  แกยิ้มเป้ยตอบอย่างอารมณ์ดี   หมาบักก่านยัง ครางฮือ ๆ ใส่ด้วยหวงถิ่น
บ้านเรือนส่วนใหญ่เป็น “ เฮือนเย้า “  หรือเรือนสมัยก่อน  ยกพื้นสูง เสาทำด้วยไม้ทั้งลำแค่ถากเปลือกออก
ฝาเฮือน แอ้มฟาก หรือไม้ไผ่ผ่าทั้งลำ สายขัดกันถี่ๆ  ป้องกันลมฝน  นานๆ ไปกลายเป็นสีขาวซีดจาง
หลังคามุงหญ้าแฝกทั้งหลัง   บ้านใหนที่มีฐานะดีหน่อย ฝาบ้านเป็นไม้กระดานทั้งแผ่น ตัวเรือนยกสูง
ใต้ถุนส่วนหนึ่งกั้นเป็นคอกวัวควายไปในตัว  ใกล้ๆกัน ก็จะเป็นยุ้งฉางเก็บข้าวเปลือก เรียกว่า “เล้าข้าว”
ใต้ถุนยุ้งข้าว นั้น ดัดแปลงเป็น เล้าเป็ด เล้าไก่ เสร็จสรรพ
ฝาของ “เล้าข้าว”  ใช้ไม้ไผ่สานขึ้นรูปเป็นกระดานสี่เหลี่ยม เอาขี้วัวขี้ควายผสมดิน แทนปูนซีเมนต์ ฉาบทา
เมื่อแห้งแล้ว ป้องกัน ลมฝน และ ความชื้นได้ดีนัก  นานวันเข้าฝาเล้า เป็นสีขาวจางๆ  มองดูดัง สีจอมปลวก
  เฮือนทุกหลังที่อยู่ริมทาง ต่างทำ “ ห้างอุน้ำ” ตั้งไหน้ำดื่มไว้  ริมทางเข้าบ้าน มีกระบวย ทำด้วยกะลามะพร้าว
เตรียมพร้อมไว้ให้ผู้ผ่านทางดื่มกินดับกระหาย

ไก่แม่ลูกอ่อนที่พาลูกออกหาขุ้ยเขี่ยตามริมทางเกวียนกลางหมู่บ้าน พอเห็นรถจักรยานเข้ามาใกล้
รีบพาลูก ๆ มุดรั้วไม้ไผ่ หายไปทางพุ่มว่านขมิ้น  ตรงเสารั้วมีก้อนข้าวเหนียวเล็ก ๆ 3- 4 ก้อนวางไว้หัวเสา
คงเป็นตอนที่ชาวบ้านใส่บาตรพระเสร็จ แล้วแบ่งเป็นคำ ๆ  ไว้ตามเสารั้ว เผื่อแผ่ นกหนูและ สรรพสัตว์
ตามธรรมเนียมโบราณ


   พ่อถีบรถจักรยานมาฮอด สี่แยกกลางหมู่บ้าน  เฮือนพ่อเสี่ยวกา อยู่ริมทางซ้าย  มีเดิ่นหน้าบ้านกว้างขวาง
ตัวเฮือนเป็นเฮือนเหย้า แอ้มไม้แป้นปีกสีซีด หลังคามุงไพหญ้า ต่อกระเทิบขยายเป็นเฮือนครัว มีชานแดด
ตีพนักไม้ไผ่กันลุกหลานตกเฮือน ข้างบ้านมีกกขามใหญ่  ด้านหลังเป็นป่ากล้วย ปลูกว่านไฟ “ขี้หมิ่น”(ขมิ้น )
และ”มันสาคู” ( พืชตะกูลว่าน  ปลูกไว้ต้มกินหัว  )  เดิ่นหน้าบ้านหญ้าแห้วหมูกำลังพองาม
“ เฮ้ย..บักเสี่ยวกา อยู่เฮือนบ่น้อ “  พ่อเอิ้นถามเสียงดัง
“แม่นไผมาหาเฒ่าอันนี้..ไปเบิ่งดู๊..เสียงคือๆ ตาวาดเสี่ยวเจ้าแถะ “   เสียงผู้เป็นเมียดังมาจากเทิงเฮือน
บ่ทันพอคราว พ่อเสี่ยวกา ก็ชะโงกหน้ามาจากเทิงเฮือน
“ โห้..บักเสี่ยว   “  
ชายวัยกลางคนนุ่งผ้าสะโหร่งคาบกอกยาอีโป้ หัวล้านครึ่งหัว ทักท้วงเสียงดังน้ำเสียงตื่นเต้นเต็มประดา
ว่าแล้วก็รีบลงบันไดมาต้อนรับขับสู้เสี่ยวฮักเสี่ยวแพง แววตาลิงโลดปิติ
“ มา ๆ  ขึ้นมากินน้ำกินไน  เทิงเฮือนเทิงซานก่อน “  เจ้าบ้านเชื้อเชิญน้ำเสียงเป็นกันเอง

พ่อจอดรถอิงเสาเฮือนไว้ แล้วก็ ขึ้นบันไดเฮือนไป พ่อเสี่ยวกา กอดคอเสี่ยวปานคิดฮอดกันหลาย
ส่วนแม่เสี่ยวพร เมียพ่อเสี่ยวกา ปูสาด (สื่อลำแพน)ไว้ต้อนรับรอแล้ว บักลมไหว้พ่อเสี่ยว และแม่เสี่ยว
แล้วก็ปีนขึ้นบันไดขึ้นไปบนเฮือน  ตักน้ำในอุแอ่งน้ำใช้ ล้างเท้า ตรงนอกชาน  

“ เป็นได๋มาได๋น้อ..คือมาฮอดพี้ได้ บักเสี่ยว “  พอนั่งลงได้ก็ถามไถ่ความเป็นมา
“  ดำนาแล้ว ว่างๆ  กะเลยมาหาหยามเสี่ยว ซั้นดอก “ ตาวาดยิ้มเป้ย ๆ
“ ฝนดีน้อทางบ้านห้วยแฝก จั่งว่าดำนาแล้วแต่หัวปี “
“  ดีอยู่ดอกปีนี้  ทางพี้เด..ข้าวน้ำซ้ำปลาแล้วละไป่ “  พ่อถามกลับถึงไฮ่นาตากล้า
“  ไคอยู่ดอก ตกกล้าแต่หัวปี น้ำท่าอุดมสมบูรณ์  แล้ว แม่เสี่ยวเป็นแนวได๋ “   พ่อเสี่ยวกาถามถึงแม่บักลม
“ อยู่ดีมีแฮงดี เฒ่าอันนั้นหาเลาะแต่โคก ดอก “  ตาวาดเปรยให้ฟัง ยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก
ตาวาดล้วงเอาบางอย่างในถุงกระสอบผ้าใบสีดำที่สะพายมา  ค้นหา”ของต้อน” ที่ตระเตรียมไว้
“  ปีนี้น้ำแก่งขึ้น แม่เขาตึกสะดุ้งได้ปลาหลดหลาย  กะเลยได้ ย่างปลาหลดมาฝาก “
แกยื่นเอา ห่อมัดปลาหลดตากแห้ง สองห่อใบตองใหญ่ ให้เสี่ยวฮัก   พ่อเสี่ยวกาหัวเราะเอิกอาก ถูกใจ
“ เอาของมักมาต้อนซ้ำแหม.. เอ๋า แม่สู..หาข้าวหาน้ำมาปันสู่เพิ่นกิน  “
พ่อเสี่ยวการับเอาของฝาก พลางเอิ้นสั่งเมียให้หาพาข้าว มาต้อนรับขับสู้    สองสหายพากันคุยถูกคอตามประสา
          หลังจากกินข้าวกินน้ำอิ่มหนำแล้ว พ่อเสี่ยวกา ย่างเข้าไปทางใน”ส้วม”( ห้องนอนในบ้าน )  
ถือขวดเหล้าเด็ดมาขวดหนึ่ง ตั้งลงกลางวง
“ เหล้าเหลือตั้งแต่บุญแห่พระแก้วพู้น  บ่มีไผกิน  มื้อนี่หละสิได้ จ๊วด..กับโต “
“ กินเหล้าใส่แดด ฮ้อนๆ มันสิคือบ้อ “  ตาวาดเอ่ยในเชิงปฏิเสธ
“ เอาถ่อน คนละโบก  บ่ได้ว่าสิกินจนเมามายดอก “  ว่าพลางหัวเราะ

คราหนึ่ง บัวตอง  ลูกพ่อเสี่ยวกา  รุ่นราวคราวเดียวกับบักลม ก็ย่างตากแดดแมบๆ  ข้ามเดิ่นเฮือนมา
“ อีแม่.. ข่อยอยากกินขนม  ขอเงินไปซื้อขนมฮ้าน ยายลีแน “  เสียงฮ้องมาแต่ไกล
“  เอ๋า..ข้าวกะคือกินอิ่มอยู่อีหล่า  แม่บ่มีเงินดอก “  ยายพรปฏิเสธ
“ ไปหากินหมากพีพ่วน อยู่ตีนบ้านกะคือกันนั้นหละ “  พ่อเสี่ยวกาแนะนำลูกสาว

บัวตองนุ่งซิ่นเก่าๆ เสื้อหมากกระแล่ง(เสื้อคอกระเช้า)  สีซีดๆ   ยืนอยู่ใต้ตาล่าง ทำสีหน้าผิดหวัง
ทั้งยังเบ้หน้าเบ้ตา คือสิไห้ ย้อนว่าน้อยใจ ตามประสาเด็กทั่วไป  ยืนก้มหน้าจับหัวคันไดอยู่ ด้านล่าง

“ เอาเงินเอาคำมาแต่ไส หล่า  แนวบ่จำเป็น กินหมากไม้ กะหวานคือกันกับขนมนั้นหละ “
เสียงยายพรยังย้ำดังมาแต่ในครัว   ในใจนึกสูนให้ ยายลีเจ้าของฮ้านค้าหม่องเดียวในบ้าน  พอเข้าไปในเมือง
ก็ซื้อขนมลูกวาดสีสวยๆ มาล่อเด็กน้อย อ้อนแอ่วให้เสียเงินเสียทอง บัวตองย่างหันหลังไปทางเดิ่น
ยกท่อนแขนสีน้ำตาที่โห่งหน่วยออก ไห้ซิก ๆ  ไม่พูดไม่จา
บักลมคลำเงินเหรียญบาท สองเหรียญที่แม่ เอายางวงมัดใส่เสื้อให้ พลาง ถอนหายใจ......
“ บัวตอง..ถ่าเฮาแน..เฮาไปนำ “  ลมทะยานลงบันไดตามหลัง บัวตองไป
บัวตองหยุดรอ อยู่กลางเดิ่น แต่ยังเช็ดน้ำตาที่ไหลปริ่ม  ลมเดินเข้าไปคว้าแขนพลางเอ่ยปาก
“ ป๊ะ..เฮาพาไปซื้อขนม เอาเงินเฮากะได้ “ ว่าแล้วก็อ้างเงินที่รัดติดอยู่กับเสื้อนอก
“ มีจั๊กบาท”  บัวตองเลิกเช็ดน้ำตา ถาม ให้แน่ใจ
“ สองบาท  ซื้อหยังได้ฮึ “  บักลมจูงมือบัวตอง ย่างลัดเดิ่น ออกประตูรั้วไป
“ ซื้อข้าวโขบเนาะ  มันจั่งได้หลาย “  บัวตองพูดยิ้ม  น้ำเสียงคลายความน้อยใจแล้ว

เปลวแดดกำลังระอุ แต่เด็กน้อยสองคนกลับ วิ่งตามหลังกันหัวเราะคิกคัก หายไปกับทางเกวียน
ที่ทอดผ่านหมู่บ้านเซียงเพ็ง ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าในผืนทรายสีขาวหม่น ๆ จุดหมายคือร้านค้ามุงกระเทิบยายลี
เสียงหัวเราะค่อยๆ เลือนไกล ลับหาย ได้ยินเพียงเสียงหมาเห่าแว่วๆ มากับไอแดดบนถนน  

 
 
สาธุการบทความนี้ : 236 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 235 ครั้ง
 
 
  12 ก.ค. 2553 เวลา 13:28:31  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่857)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 


ถึงอ้ายหน่อ  เป็นหยังต้องไปเอาเงิน อยู่หลังกกไม้  คือมีเลศนัยน้อ..เหอๆๆ
ถึงอีเกียแดง  เว้าได้ตรงประเด็น  มันอยู่ในใจ ซุมเฮาชาวชมรม ฯ ย้อนว่าเป็นลูก  
                 อีสาน เฮาน้อ เบิ่งเอาโลด ตั้งแต่ป้าหน่อยอยู่ หนองคาย
                 กะยังส่ง แหนมเนือง มาให้ทางชมรมฯกิน  ย้านว่าบ่อิ่ม น้อ
ถึงอ้ายมังกร  แสดงว่าเคยถืก เพิ่นไล่ไปกินหมากผีพ่วน แทนขนมเนาะ
                 เงินทอง มันหายากน้อแต่กี้ บ่แม่นยามบุญสุนทาน ญอนสิได้กินขนม
                ตั้งแต่บุญผะเหวต กะด้อ กะยังได้แค่บาทเดียว กำจนเหรียญเขียวปื้อ ๆ
                นอนเบิ่งหนังกลางแปลง ลักหลับ จนเพิ่นปลุกเมือบ้าน ฮู้เมื่อขึ้น
                จั๊กเงินเหรียญบาท เหี่ยไปไส โอยย....แห่งแต่ได้ยาก

 
 
สาธุการบทความนี้ : 222 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 222 ครั้ง
 
 
  12 ก.ค. 2553 เวลา 16:46:58  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่859)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 



นึกว่า ย้านคนฮู้ว่า  ฮัดอันนี้ใส่เสื้อไว้  ตั๊วะเด็กน้อย ฮั่นน๊า...    

 
 
สาธุการบทความนี้ : 249 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 249 ครั้ง
 
 
  12 ก.ค. 2553 เวลา 17:12:14  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   65) นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ )  
  ปิ่นลม    คห.ที่861)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  เซียน

ภูมิลำเนา : สกลนคร
เข้าร่วม : 16 มี.ค. 2553
รวมโพสต์ : 2213
ให้สาธุการ : 180
รับสาธุการ : 4969540
รวม: 4969720 สาธุการ

 

คือฮู้ใจแถะ..แสดงว่า เพิ่นกะเคยเฮ็ดเนาะ สมัยยังน้อยดอกหวา
แนวอยากไปเล่นนำเขาเนาะ  วิธีนี้ถ่อนแหล่ว  แตกโคบๆ  หมู่เล่น
" เล่นเมื่อยแล้ว เฮาไปซื้อหวานเย็นกินเน๊าะ"  
พู้นเด้..เพิ่นอ่านกินเฮา..( บ่ต่ำกว่า 10 บาทหล่ะ เพิ่นคิด )
พอไปฮอดฮ้านค้า  ไขออกมา  มี๊แต่ ฝาแป๊บซี่ กับฝาน้ำโค๊ก
" เขาสิให้อีพ่อกินอยู่ซั้นแหล่ว "

 
 
สาธุการบทความนี้ : 316 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 316 ครั้ง
 
 
  12 ก.ค. 2553 เวลา 17:28:32  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40

   

Creative Commons License
นิยายชีวิตอีสาน เรื่อง โสกฮัง - ตาดไฮ ( โดย บ่าวปิ่นลม พรหมจรรย์ ) --- เว็บบอร์ดอีสานจุฬาฯ