ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 26 เมษายน 2568:: อ่านผญา 
เห็นว่าอีอีฮ้องอย่าวางใจว่าจักจั่น ลางเทื่อเสียงเห่าห้อมเขียวเกี้ยวก็หากมี แปลว่า ได้ยินเสียงร้อง อีอี อย่าวางใจว่าเป็นจักจั่น บางทีอาจเป็นเสียงงูเขียวหางไหม้ หมายถึง อย่าด่วนตัดสินใจโดยขาดความไตร่ตรองอย่างรอบคอบ


  ค้นหากระทู้ ปลาร้านอกไห  

หน้า: 1 2  
  โพสต์โดย   3) นางเต่าคำ  
  ภาส    คห.ที่6)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ขอบคุณครับ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 32 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 32 ครั้ง
 
 
  19 ก.ย. 2551 เวลา 16:34:22  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) แก้วหน้าม้า  
  ภาส    คห.ที่5)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ขอคุณมากๆนะครับ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 36 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 36 ครั้ง
 
 
  25 พ.ค. 2550 เวลา 10:18:30  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) แก้วหน้าม้า  
  ภาส    คห.ที่11)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
นี่เป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของผม ซึ่งได้นำเรื่องต่างๆ มาเสนอครับ....

 
 
สาธุการบทความนี้ : 30 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 30 ครั้ง
 
 
  13 ก.พ. 2551 เวลา 09:48:01  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) แก้วหน้าม้า  
  ภาส    คห.ที่13)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
งวดนี้ขอตอบแทนบุญคุณ เว็บอีสานจุฬาฯโดยมี สมาชิกขงเราตองการเป็นภาษาอังกฤาใช่มั้ย  อ้ะ จัดให้ แต่เป็นแบบย่อนะ  เชิญม่วน กับ แก้หน้าม้า เวอร์ชั่น ประเทศนอกกันเลยครับ.........

King Phuwadon and Queen Nntha were living at Mithila city.They had a very handsome prine.His name was Para Pithog.

Oneday,whl Pra Pintong was flying kite flew away dropped in front of a horse-face lady's house.Eventhogh the lady had her face like a horse'she was a very good lady. She was very smart and hd a prohetic vision.


She ket he prince's kite knew the lady's word'he was very angry. He told the hors-face  lady that he wuld allow her to marry his on if only she could move Par Suman mountain and put it in the middle of hs city.However,the hrse-face lady coul make it.Also,Got fet sorry for the horse-face lady.H took her horse-faceoff and made her a very beautiful woman.King Phuwadon had no choice.He had to let his son marry he horse-face lady aspromised.

She hd to use a bg knife for choppingand a flying boat for help her husbanf.Because she was in lovewith hm and cared deeply about her childen.She changed her appearnce so that the could be a soldier in order to kill giant nddevi.

แฮ่กๆๆ เหมื่อย พิมพ์

 
 
สาธุการบทความนี้ : 558 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 558 ครั้ง
 
 
  24 ส.ค. 2551 เวลา 17:03:18  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   6) มาเว้าผญากันเด้อพี่น้องเด้อ  
  ภาส    คห.ที่891)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ซำบายดี สุขขีมั่น เสมอมันเครือแก่ อยากให้ลูกแผ่ อย่ากินยาคุมเด้อ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 14 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 14 ครั้ง
 
 
  06 ม.ค. 2552 เวลา 10:29:48  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   12) อุทัยเทวี  
  ภาส    คห.ที่0) อุทัยเทวี      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
                                      อุทัยเทวี     


         ณ เมืองบาดาล ธิดาพญานาคหนีมาเที่ยวเมืองมนุษย์และพบรักกับรุกขเทวดาที่สิงสถิตอยู่ในต้นไม้ริมสระน้ำ ธิดาพญานาคตั้งครรภ์รอจนคลอดเป็นไข่ฟองหนึ่ง จึงใช้สไบห่อไข่และพ่นพิษคุ้มครองไว้ก่อนแล้วลงกลับไปเมืองบาดาล  บังเอิญมีนางคางคกผ่านมาเห็นจึง กินไข่และตายด้วยพิษพญานาค พอดีกับไข่ฟักเป็นเด็กหญิงซึ่งคิดว่านางคางคกเป็นแม่ของตน  จึงอาศัยอยู่ในซากคางคกเน่าๆ



     ตายายสองผัวเมียมาตกปลาพายเรือผ่านมาเห็นเข้าก็ช่วยเลี้ยงดูจนโต ตั้งชื่อให้ว่าอุทัยเทวี และอุทัยเทวีได้แต่งงานกับเจ้าชายสุทธราช ซึ่งก่อนแต่งตากับยาก็ได้มีข้อกำหนดว่า ต้องสร้างสะพานทองตั้งแต่วัง จนถึงบ้านตายยายแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี อุทัยเทวีจึงเป็นสะใภ้แห่งเมืองหลวง มารดาของเจ้าชายไม่ค่อยชอบอุทัยเทวีนัก จึงหาทางให้ลูกของตนเป็นของคนอื่นไป ซึ่งนั่นคือ เจ้าชายต้องไปแต่งงานกับเจ้าหญิงฉันทนา ซึ่งอุทัยเทวีก็ตามไปด้วยตามสัญญา เจ้าหญิงฉันทนาคิดกำจัดอุทัยเทวีโดยฆ่านางอุทัยเทวี แต่พ่อของอุทัยเทวี ช่วยไว้ จึงบอกว่าให้รอแก้แค้นนางฉันทนาอยู่นอกวัง



     ต่อมาไม่นานนางฉันทนากลุ้มใจเรื่องผีนางอุทัยเทวีจะมาหลอก หัวจึงหงอก ผมที่เคนดำกลับขาวไปทุกเส้น จึงเอาผ้าพันศีรษะไว้ตลอดเวลา ต่อมานางอุทัยเทวีแปลงกายเป็นแม่ค้าขายขนมแก่ๆผ่านมา ซึ่งผมดำยาวสลวยผิดกับนางฉันทนา นางฉันทนาเห็นเข้าจึง คิดว่ายายแก่คนนี้ก็มีเคร็ดลับในการบำรุงรักษาผมอย่างแน่นอน จึงให้ยายแก่เข้าไปในวัง และให้รักษาผมของตนเองให้ แต่นางอุทัยเทวีก็จะรักษาให้ แต่ต้องยอมให้ทำทุกอย่างห้ามถามอะไรทั้งสิ้น นางฉันทนาตกลง จึงนอนลงแล้วนางอุทัยเทวี ก็เอามีดโกนโกนผมนางฉันทนา ออกจนหมด แล้วกรีดศีรษะนางฉันทนาแล้วเอาปลาร้าให้หม้อครอบหัวนางฉันทนาไว้ และห้ามเอาหม้อออกก่อนวันที่ 7 แต่ไม่ถึงคืนนางฉันทนาทนพิษบาดแผลไม่ไหว จึงสิ้นใจตาย


     เจ้าชายสิทธิราช รู้ดังนั้นจึงกลับไปเมืองของตน ซึ่งก็ยังเห็นอุทัยเทวีอยู่ที่เมืองอยู่ก็ทรงโล่งใจ อุทัยเทวี ได้ครองรักกับเจ้าชายอย่างมีความสุขตราบนานเท่านาน


                        
   ข้อคิด คติเตือนใจ


** คนเราหมั่นทำความดีไว้เยอะๆ เป็นสมบัติไว้ใช้ในชาติต่อไป
** ความแค้นไม่เคยจบเคยสิ้น ฉะนั้นเราคนไทย อย่าไปมีอคติกับใคร
** ปลาร้า ยังคงความแซบอยู่ทุกยุคทุกสมัย
** คู่กันแล้วไม่คล้วกัน


ภาส ศิษย์พี่ ร่วมอนุรักษ์วัฒนะรรมความเป็นอีสาน ด้วยจิตวิญญาณแห่งความเป็นอีสาน

 
 
สาธุการบทความนี้ : 791 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 790 ครั้ง
 
 
  13 ก.ค. 2550 เวลา 10:53:05  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   12) อุทัยเทวี  
  ภาส    คห.ที่3)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ได้ครับ...พี่บักต็อกท่าเบิ่งเด๊อ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 26 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 26 ครั้ง
 
 
  17 ส.ค. 2550 เวลา 10:07:39  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   12) อุทัยเทวี  
  ภาส    คห.ที่5)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
หัวก่อยตื่นหรือไง นางฉันทนา ตายเพราะ หนอนในปาร้าชอนไชในหัวจนทนพิษไม่ไหวต่างหาก

 
 
สาธุการบทความนี้ : 27 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 27 ครั้ง
 
 
  19 ก.พ. 2551 เวลา 12:45:42  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   13) หมอลำจัมโบ้  
  ภาส    คห.ที่0) หมอลำจัมโบ้      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
                

           เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น ณ วัดป่าถ้ำสามพระเณร และ หมู่บ้านโคกอีเต่า ซึ่งมีวันหนึ่ง เจ้าอาวาสได้รับโทรศัพท์จากญาติโยมทางกรุงเทพว่า เดือนหน้าจะได้ทำผ้าป่ามาถวายวัด  ซึ่งเจ้าอาวาสก็ตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะนานทีปีหน จะมีผ้าป่ามาทอดวัดสักที หลังจากนั้น ไม่กี่อาทิตย์ เจ้าอาวาส ก็ได้ประชุมกับทางผู้ใหญ่บ้าน ว่าให้เตรียมตัวรับขณะผ้าป่าจากกรุงเทพไว้เป็นอย่างดี จึงได้จัดเตรียมจัดการเตรียมการจ้างหมอลำ และหนัง หนังก็หนัง 2 จอ ทางชาวบ้านก็ไม่พอใจบอกจะจะเอาคณะใหญ่ๆ แพงๆ ให้สมกับการการรอคอยการผ้าป่าที่ไม่เคนเกิดขึ้นเลยในรอบเกือบ 2 ทศวรรษ เณรก็เลยบอกว่า น่าจะมีลำกลอน ลำเดิน ลำเพลิน ลำซิ่ง ให้ครบครันไปเลย ซึ่งถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดที่จะหาที่ใดในภาคอีสานเทียบกับงานนี้ได้เลย
          และแล้วก็ถึงวันงาน ผู้คนดูแน่นหนา หมอลำคณะต่างๆ ก็พากันเล่นจบก่อนคณะผ้าป่า 2 วัน วันที่ 3 คณะผ้าป่าก็มา ผ้าป่าก็ได้ทอดสมใจตามผู้มีจิตศรัทธา พอทางเณรได้ฉีกซองผ้าป่า นับเงินดูแล้วปรากฎว่า............ ยอดเงินที่คณะผ้าป่านำมาทอด รวมทั้งหมดเบ็ดเสร็จ 40,512 บาท เจ้าอาวาทตกใจจนเป็นลม ลืมตาอีกทีก็ไปฟื้นที่อนามัย ทว่าในใจคิดว่า คงได้ขายวัดชดใช้ค่าหมอลำเป็นแน่........เฮ่อ
"หมอลำจัมโบ้" จริงๆ





        ******คติเตือนใจ*******

- อย่าเป็นกระต่ายตื่นตูม
- ทำอะไรควรทำแต่พอประมาณ อยู่อย่างพอเพียงตามพ่อหลวงของเรา

 
 
สาธุการบทความนี้ : 307 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 307 ครั้ง
 
 
  20 ก.ค. 2550 เวลา 11:40:45  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   13) หมอลำจัมโบ้  
  ภาส    คห.ที่2)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
คนเราก็อย่างงี้แหละพี่

 
 
สาธุการบทความนี้ : 27 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 27 ครั้ง
 
 
  20 ก.ค. 2550 เวลา 11:56:47  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   13) หมอลำจัมโบ้  
  ภาส    คห.ที่11)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ม่วนอีหลี....

 
 
สาธุการบทความนี้ : 31 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 31 ครั้ง
 
 
  07 ส.ค. 2550 เวลา 08:39:59  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   13) หมอลำจัมโบ้  
  ภาส    คห.ที่13)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ม่วนนิทานนี่ล่ะอ้ายเอย....

 
 
สาธุการบทความนี้ : 29 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 29 ครั้ง
 
 
  17 ส.ค. 2550 เวลา 10:09:42  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   14) สังข์ทอง  
  ภาส    คห.ที่0) สังข์ทอง      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
                                          สังข์ทอง
    ณ เมืองยศวิมล ท้าวยศวิมล ครองเมือง มีมเหสี 2 องค์ ชื่อ นางจันทร์เทวี เป็น มเหสีเอก และนางจันทราเทวี เป็นมเหสีรองมีจิตใจอิจฉาริษยานางจันทร์เทวีอยู่ตลอดเวลา ครั้งหนึ่งเมื่อนางจันทร์เทวีตั้งครรภ์ โหรได้ทำนายว่า ลูกจะมีบุญญาธิการมาก ทำให้บ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรือง แต่ครั้นเมื่อครบกำหนดคลอดแล้ว นางจันทร์เทวีก็ได้คลอดออกมาเป็นหอยสังข์แล้ว นางจันทราเทวี ก็ได้จ้างโหรไปทำนายให้ท้าวยศวิมลฟังว่า บุตรนั้นเป็นกาลีบ้านกาลีเมือง ให้ขับไล่ออกจากวังไป ท้าวยศวิมลจึงทำตาม นางจันทร์เทวีได้ไปอาศัยอยู่กับตายายนอกวัง จู่ๆพระสังข์ซึ่งเป็นบุตรของจันทร์เทวี ซึ่งหลบแม่อยู่ในหอยสังข์ก็ออกมาดูแลบ้านตอนแม่ ตา ยาย ไม่อยู่บ้าน นางจันทร์เทวี จึงแอบไปทุบหอยสังข์แตก แม่ลูกก็ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่นั้นมา

    นางจันทราเทวี รู้ว่าลูกนางจันทร์เทวียังไม่ตาย จึงสั่งให้ทหารไปนำพระสังข์ไปถ่วงน้ำ พระสังข์จึงได้ไปอยู่กับเจ้าเมืองบาดาล อยู่ได้ไม่นาน เจ้าเมืองบาดาล ก็ส่งไปให้นางพันธุรัตน์ซึ่งเป็นยักษ์ ช่วยเลี้ยงดู จนเติบโตเป็นหนุ่ม พระสังข์ก็ได้แอบไปเที่ยวหลังวัง ได้พบโคลงกระดูกจึงรู้ว่านางพันธุรัตเป็นยักษ์ จึงคิดหนี เลยสวมรูปเงาะและแอบชุบตัวในบ่อเงินบ่อทอง เหาะหนีมา นางพันธุรัตน์ ตามมาแต่ไม่ทันจึงอกแตกตาย ก่อนตายก็ได้เขียนมนต์เรียกเนื้อเรียกปลา(มหาจินดามนต์) ให้พระสังข์ร่ำเรียนแล้วพระสังข์ก็เหาะหนีมา

    จนถึงเมืองสามน ณ เมืองสามน ท้าวสามนได้ครองเมือง มีมเหสีชื่อ มนฑา มีลูกสาวล้วน ถึง 7 คน อันมีชื่อดังนี้ 1.มะลิวรรณ 2.จันสุดา 3.การะเกด(บางตำราก็ว่า ชื่อ สารพี) 4.ยี่สุนเทศ 5.เกศเมือง 6.เรืองยศ 7.รจนา ชึ่งรจนาสวยมที่สุด วันเลือกคู่ พี่ๆทั้ง 6 ของรจนา ได้เลือกคู่ครองกันหมด เว้นแต่นางรจนาเท่านั้น ท้างสามนจึงให้เจ้าเงาะมาลองเสี่ยงทายว่ารจนาจะเลือกหรือเปล่า แต่สุดท้ายนางรจนาก็เลือกจนได้ ท้าวสามนโกรธมากจึงขับไล่ทั้ง 2 ออกไปอยู่กระท่อมปลายนา

    ท้าวสามนคิดหาวิธีแกล้งเจ้าเงาะและรจนาอยู่ตลอดเวลา เนแกล้งให้หเนื้อหาปลา แต่เพราะมนต์ของแม่พันธุรัตน์ อื่นๆอีกหลายประการ แต่ก็ไม่เป็นผล วันหนึ่งเจ้าเงาะได้ถอดรูปเป็นพระสังข์ให้รจนาดู นางรจนาดีใจยิ่งนัก ยิ่งทวีความรักให้พระสังข์มากขึ้น จนวันหนึ่งพระอินทร์สงสารเจ้าเงาะและนางรจนา จึงได้แปลงตัวเป็นคนธรรมดา มาท้าตีคลีกับท้าวสามน หากแพ้จะยึดเมืองสามนทันที ท้าวสามนรับคำแล้วให้เขยทั้ง 6 ออกตีคลี ล้วนแล้วแต่แพ้ทั้งสิ้น ท้าวสามนจึงไปชวนเจ้าเงาะมาช่วยตี เจ้าเงาะใจอ่อนจึงยอมไปตีให้ และถอดรูปเป็นพระสังข์ ท้าวสามนจึงรู้ว่าที่แท้เจ้าเงาะก็เป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์เหมือนกัน จึงเริ่มชอบคอกับพระสังข์ และในที่สุดพระสังข์ก็ตีคลีชนะพระอินทร์

    พระอินทร์ช่วยพระสังข์เสร็จแล้ว จึงไปช่วยนางจันทร์เทวี โดยไปบอกให้ท้าวยศวิมน ไปรับนางจันทร์เทวีและพระสังข์ที่เมืองสามน พอท้าวยศวิมนและนางจันทร์เทวีมาถึงเมืองสามนก็ได้ปลอมเป็นคนธรรมดา ไปสมัครเป็นพ่อครัว แม่ครัวในวัง นางจันทร์เทวีก็ได้แกะสลักฟักเป็นรูปเรื่องราวของพระสังข์แต่เยาว์วัยลงไป แล้วทำเป็นแกงฟักให้พระสังข์เสวย (แกงฟักเป็นอาหารที่พระสังข์ชอบที่สุด) พระสังข์เห็นรูปสลักบนชิ้นฟักดังนั้น จึงรู้ว่าแม่มาตาม จึงไปหาแม่ แล้วทุกอย่างก็ลงเอยด้วยดี


ข้อคิด
- ความกตัญญูกตเวทีเป็นสิ่งที่ประเสริฐ
- ความอิจฉาริษยา ไม่เคยทำให้ใครได้ดี
- คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน
- น้ำขึ้น ก็มีลง
- ไม่ควรดูคนจากรูปลักษณ์ภายนอก

 
 
สาธุการบทความนี้ : 634 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 633 ครั้ง
 
 
  05 ก.ย. 2550 เวลา 14:43:44  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   14) สังข์ทอง  
  ภาส    คห.ที่6)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
เห็นนำครับโผม.........

 
 
สาธุการบทความนี้ : 30 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 30 ครั้ง
 
 
  27 พ.ย. 2550 เวลา 13:47:58  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   14) สังข์ทอง  
  ภาส    คห.ที่10)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
สังข์ทองลูกแม่ งานแท้พ่อคุณ.........

 
 
สาธุการบทความนี้ : 27 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 27 ครั้ง
 
 
  29 ก.พ. 2551 เวลา 09:15:27  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   14) สังข์ทอง  
  ภาส    คห.ที่14)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
แม่นๆ เล่นกะเล่นเถื่อละคืบ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 36 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 36 ครั้ง
 
 
  24 ส.ค. 2551 เวลา 11:38:05  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   15) นางสิบสอง  
  ภาส    คห.ที่0) นางสิบสอง      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
                                           นางสิบสอง
    นางสิบสอง หรือ พระรถเมรี เนื้อเรื่องมีว่า...

    เศรษฐีผัวเมียชื่อ นนท์และพราหมณี ไม่มีลูกไว้สืบสกุล จึงบนบานศาลกล่าว ขอลูกจากเทวดา เทวดาก็ใจปล้ำซะด้วยซิ ให้ลูกแก่ นางพราหมณี ถึง 12 คน คนสุดท้องชื่อ นางเภา เป็นหญิงล้วน พอหลายปีผ่านปี จากความรวยก็กลายเป็นความจน ครอบครัวเศรษฐีก็ไม่มีอันจะกิน จึงเอาลูกสาวทั้ง 12 คน ไปปล่อยป่า

    พอดีมียักษ์ใจดีชื่อ สราธตรา เอาไปเลี้ยง พอนางทั้ง 12 โตขึ้น รู้ว่านางสราธตราเป็นยักษ์ ก็หนีออกจากเมืองยักษ์ไป และโชคดีที่เจอเนื้อคู่ทั้ง12 ได้ผัวคนเดียวกัน คือท้าวรถสิทธิ์ แห่งเมืองขีดขิน นางยักษ์รู้เข้าก็ตามไปแปลงกายเป็นสาวสวย ขอเป็นเมียคนที่ 13 ด้วยคน นางเป่ามนต์ให้ท้าวรถสิทธิ์หลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น นางยักษ์ก็จับนางสิบสอง ไปขังไว้ในถ้ำหลังวัง แล้วควักตาออกมา โชคดีของนางเภาที่ความมืดพลางตาทำให้เหลือตาเดียว นางยักษ์ก็ส่งไปให้เมรีที่เมืองยักษ์ของตน นางทั้ง 12 มี ลูกก็ตายหมด ก็ยกเว้นนางเภาอีกนั่นแหละ (ก็เป็นนางเอกนี่) ที่ลูกไม่ตาย

      หลายปีต่อมา ลูกของนางเภาก็เติบโตขึ้น มีชื่อว่ารถเสน นางยักษ์รู้ก็ทำทีเป็นป่วยจะให้รถเสนไปเอายาที่เมืองของตนให้ ท้าวรถสิทธิ์ก็เห็นด้วย รถเสนจึงไปเมืองนางยักษ์โดยถือสาส์นที่นางยักษ์ที่เขียนให้เมรี ว่าให้กินรถเสนทันทีที่ไปถึง แต่ฤาษีไปแปลงเป็น ให้แต่งงานทันทีที่ไปถึง

    พอถึงเมืองยักษ์นางเมรีก้ได้แต่งงานทันที รถเสนได้มอมเหล้านางเมรีจนเมามายไร้สติ จึงแอบไปถ้ำหลังเมืองยักษ์ พบดวงตาของแม่แลพป้าๆจึงห่อมา และของวิเศาอีกมากมาย จึงขี่ม้าเหาะออกจากเมืองยักษ์ทันที นางเมรีตื่นขึ้นมาไม่เห็นผัวจึงออกตามหา จนไปขาดใจตายที่ทะเลน้ำกรดที่ รถเสนเนรมิตไว้ ก่อนตายนางอธิษฐานว่า "ชาตินี้น้องตามพี่มา พี่ไม่เหลียวแลน้อง หากชาติหน้ามีจริง ขอให้พี่ตามหาน้องบ้าง"

   รถเสนนำดวงตาไปใส่คืนให้แม่และป้าๆดังเดิม แล้วใช้ของวิเศษฆ่านางยักษ์สารธตราตาย มนต์ที่เป่าให้ท้าวรถสิทธิ์ลุ่มหลงก็หายไป แล้วนางสิบสองก็บอกให้รถเสนไปดูใจเมรี แต่สายไปเสียแล้ว รถเสนจึงขาดใจตายตาม เหล่านางสิบสองก็ตรอมใจตายปีละคนสองคน เฮ่อ...ฟังแล้วน่าเศร้านักชีวิตคนเราเป็นอย่างนี้ก็มีเหรอ มีแต่วิบากกรรม แล้วคุณล่ะ ทำดีแต่ประเทศชาติหรือยัง หยุดทะเลาะเบาะแว้งกันเสียเภอะ  หันหน้าคุยกันดีๆ อย่าทำร้ายกันเลย ขอให้ประเทศไทยเป็นรูปขวานอย่างนี้ตลอดไปเถิด  สาธุ....


ภาส ศิษย์พี่  ร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมความเป็นไทย    
ติชมด้านล่าง หรือที่ http://twitter.com/Pai_KKU

 
 
สาธุการบทความนี้ : 887 ครั้ง
จากสมาชิก : 3 ครั้ง
จากขาจร : 884 ครั้ง
 
 
  06 ก.ย. 2550 เวลา 12:48:15  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   15) นางสิบสอง  
  ภาส    คห.ที่7)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
เอ่อ...คุณ naipond ต้องผ่านประธานชมรมรึเปล่า อั่นนี้ผมก็ไม่ทราบนะครับ ยังไงลองส่งโพยไปถาม พี่มังกรเดียวดายดูนะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 580 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 580 ครั้ง
 
 
  28 ต.ค. 2551 เวลา 16:05:37  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   15) นางสิบสอง  
  ภาส    คห.ที่9)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
คุณเสโด่ง:
คุณภาส ไบ่มีเรื่อง พระสุธน มโนราห์ ต่อหรือคับ อยากฟังย่อๆอ้ะ เคยอ่านเล่มหนาๆ บ่เข้าใจ


ขอเวลาเรียบเรียงแหน่เด้อคับ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 568 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 568 ครั้ง
 
 
  29 พ.ค. 2554 เวลา 14:56:27  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   15) นางสิบสอง  
  ภาส    คห.ที่11)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
55+ ผมขอโทษคร้าบบบบบบ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  30 พ.ค. 2554 เวลา 00:16:57  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   16) ซิ่นสองต่อน  
  ภาส    คห.ที่0) ซิ่นสองต่อน      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ซิ่นสองต่อน หมายถึง เนื้อคู่

ซิ่น หมายถึง  เนื้อ      
ต่อน  หมายถึง ชิ้น
รวมคือ เนื้อสองชิ้น เนื้อสองชิ้น ก็คือ เนื้อคู่


      ว่ากันว่า นานมาแล้ว เมื่อปี 2514 จำปา รักกันกับบุญหลายม๊ากมาก แก่พ่อแม่กีดกัน เพราะพ่อแม่เป็นศัตรูกันเมื่อ 20 ปีก่อน ทั้งสองถึงแอบคบกันลับๆ ตลอดมา จนวันหนึ่ง จำปี พี่ของ จำปาซึ่งแอบรักบุญหลาย เห็นจำปากับบุญหลายคุยกัน ทั้จึงไม่พอใจ จึงนำความไปบอกพ่อแม่ พอแม่แค้นใจมาก จึงจับจำปาบวชชี เวลาผ่านไปหลายเดือน จำปาก้แอบหนีจากการเป็นชี หนีไปอีกหมู่บ้านหนึ่งกับบุญหลาย เมื่อจำปีทราบว่า จำปาหนีไปกับบุญหลาย จำปีก้ไปบอกพ่อแม่ของบุยหลาย ฝ่ายแม่ของบุญหลายก้ตรอมใจตาย ส่วนพ่อบุญหลายไม่เชื่อเลยจับจำปีขังไว้ที่บ้านของตน แล้วไปของพ่อแม่ของจำปา ว่าให้หาบุญหลายมาคืนแล้วจะเอาจำปีคืนให้ ทั้งสองจึงแสร้งมาเล่าความจริงว่าไม่ได้เอาไป มาพร้อมกับข้าวห่อหนึ่งใส่ยาพิษมาให้พ่บุณหลายกิน พ่อบุญหลายก็กินแล้วตายไป พ่อแม่จำปีก็พาจำปีกลับบ้าน แต่ยังไม่ถึง โจรก้มาปล้นกลางทางแล้วฆ่าทั้ง 3 ทิ้งเสีย ส่วนจำปากับบุญหลาย ครองรักกันไม่นานก้มีลูกแล้วแท้ง จำปาเลยเป็นบ้าบอสติไม่เต็ม วันหนึ่งเห็นมีดในครัว จึงถือมาฟันหัวบุญหลายตาย



ภาส ศิษย์น้องเล็ก ร่วมอนุรักษ์ความเป็นอีสาน

 
 
สาธุการบทความนี้ : 323 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 322 ครั้ง
 
 
  03 ต.ค. 2550 เวลา 13:08:00  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   17) ซิ่นสองต่อน ภาค 2  
  ภาส    คห.ที่0) ซิ่นสองต่อน ภาค 2      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ต่อจากตอนที่แล้ว

    มีผีโพงสาวตนหนึ่งนำบุญหลายไปรักาด้วยยาวิเศษ บุยหลายจึงไม่ตาย ( บ้านเฮาเอิ้นว่าตายคืน ) บุญหลายจึงอยู่กับผีโพงสาวในฉันผัวเมียภรรยา ต่อมาไม่นาน บุญหลายรู้ว่าเมียตนเป็นผีจึงหนีออกตามหาจำปา  

     ส่วนจำปาก้วัดเวพเนจรเข้าไปในวัดๆหนึ่ง หลวงพ่อจึงรดน้ำมนต์ให้ จำปาจึงหายจากการเป้นบ้า แล้วกลับบ้านของตน พอถึงบ้านก็ปากฏว่า บ้านของตนเอง กลายเป็นบ้านร้างไปแล้ว  แต่ก็อยู่ และทำความความสะอาดบ้านของตน และรอผัวตัวเองกลับมา บุญหลายออกตามหาจนพบกับจำปาที่บ้านจำปา จึงอยู่ด้วยกัน ปรับความเข้าใจกัน และอยู่ด้วยกันจนมีลูกชายด้วยกัน คนนึง ชื่ออะไร ทายดิ๊ๆๆ

จ้างก็ทายไม่ถูกหรอกอิๆๆ

**จบริบูรณ์**



ภาส ศิษย์น้องเล็ก ร่วมอนุรักษ์วัฒนรรมความเป็นอีสาน

 
 
สาธุการบทความนี้ : 221 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 220 ครั้ง
 
 
  09 ต.ค. 2550 เวลา 10:08:47  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   17) หัวอีเจิม  
  ภาส    คห.ที่5)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ข่อยบ่เคยฮู้จักมาก่อนเลย ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 33 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 33 ครั้ง
 
 
  19 ธ.ค. 2550 เวลา 09:37:37  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   18) คุรุกรรมที่ผิดจารีตประเพณีอีสาน  
  ภาส    คห.ที่5)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
คุณของพ่อแม่นี้สุดแสนจะหาคำใดมาพรรณนาด้

 
 
สาธุการบทความนี้ : 26 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 26 ครั้ง
 
 
  10 มิ.ย. 2551 เวลา 10:05:08  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   20) ผัวมักกินเบียร์ เมียมักเล่นหวย  
  ภาส    คห.ที่0) ผัวมักกินเบียร์ เมียมักเล่นหวย      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
               ผัวมักกินเบียร์ เมียมักเล่นหวย
โดนแล้วล่ะ....ประมาณ ปี 2534 (ผมเกิดพอดี) มีผัวเมียคู่หนึ่ง ผังชื่อ เขียว เมียชื่อศรี ยายศรีมีอาชีพขายตำบักหุ่งอยู่หน้าปากวอย ผัวมีอาชีพหาปลามาขายเหมือนกัน ไม่รวยไม่จน พออยู่พอกิน


   พูดถึงผัวไม่ว่าเหล้าว่าเบียร์ก็กินแทบทุกวัน ไม่มีวันใดเลยที่ไม่กิน ถึงเงินไม่มีก็ไปขโมยเมียมาซื้อ ไม่ว่าจะซ่อนไว้ไหน ผัวก็หาจนพบแล้วไปซื้อมาดื่ม ยิ่งงานเทศกาลต่างๆแกก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก


   แล้วมาพูดถึงเมีย ยายสรีแกก้ปากจัด เที่ยวด่าแต่ลูกค้า แถมยังชอบเล่นหวยอีกต่างหาก ไม่ว่างวดไหน ใครมีเลขเด้ดแกก้แทงตามไปทุกงวด แต่ทว่าไม่เคยถูกเลยสักที แต่ว่ามีครั้งหนึ่งได้เงินจากกานแทงหวย 1200 บาท แกอยากได้อีก จึงซื้อไม่ขาดระยะ ทั้งบนดิน ใต้ดิน ล็อตลี่ (ป้าด ....ข้าน้อยขอคารวะ)


   แล้วมางวดหนึ่ง นางศรีฝันว่า เทวดา เอาไหใบใหญ่มาไว้บนภูเขาหลังหมู่บ้าน แกจึงไปตามหาไห อีกอย่างคงคิดว่า น่าจะมีเลขเด็ดๆให้แทงสนุกๆอีกแน่ๆ อุปสรรคมากมาย ทั้งหมาเห่า หมาไล่ เข้าป่าเข้าคง คันคาย หญ้าบาดเท้าแกก็ไม่หวั่น ไปถึงก็ได้เธอคนหาหน่อไม้อยู่คนละฟากน้ำจึงร้องถามว่าเห็นไหไหม คยฟังโน้น ไม่ได้ยิน จึงได้แต่ร้องว่า หา  หา  หา (หมายความว่า พูดอะไรนะ) ฝ่ายนางศรี คิดว่าเทวดาแปลงกายมา อีกทั้งหุแว่วได้ยิน 555 คงจะเป็นเลขเด็ด จึงวิ่งแจ้นกลับบ้าน จะซื้อให้ถูกรางวัลที่ 1 มีเงินเท่าไหร่จะทุ่มหมดตัว แต่พอไปถึง เงินไม่เหลือแม้แต่บาทเดียว เพราะผัวขโมยไปซื้อเหล้าเบียร์กินหมดแล้ว เฮ่อ...แล้วเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย ไม่มีใครรู้ สงสัยจะไปยืมตังค์คนข้างบ้าไปแทงมั้ง แต่คงไม่ใครให้ยืมหรอก เพราะแกปากจัด


นี่แหละหนา.....มัวเมา ลุ่มหลงในสิ่งที่ผิด จงใช้ชีวิตแบบพอเพียงและถูกต้องกันเถอะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 367 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 365 ครั้ง
 
 
  27 พ.ย. 2550 เวลา 14:03:32  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   21) ขูลูนางอั้ว  
  ภาส    คห.ที่0) ขูลูนางอั้ว      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
"ขูลูนางอั้ว"

   ว่ากันว่ามีหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่ง ชื่อว่า บ้านโคกกง และอีกหมู่บ้านหนึ่งชื่อ บ้านทุ่งมน สองหมู่บ้านนี้ติดกัน รักใคร่สามัคคีกันดี ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน 2 ครอบครัวสัญญากันไว้ว่า ถ้าใครมีลูกชายจะให้เป็นเพื่อนกัน หากอีกฝ่ายเป็นหญิงจะให้แต่งงานกัน โดยไม่มีเงื่อนไข

    วันหนึ่งฝ่าย นางกาสี อยู่บ้านโคกกง ซึ่งมีสวนส้ม กำลังสุกเหลือง ส่วนฝ่ายบ้านทุ่งมน เกิดอยากกินผลส้มเลยชวนพวกมาขอผลส้มกินแต่ นางกาสีหวงไม่ยอมยกให้ จนเกิดผิดใจกันระหว่างเพื่อน ก็เลยเลิกคบค้ากัน ขนาดว่าจะไม่ให้ลูกหลานคบค้าสมาคมกัน และแค้นใจมาก
    
     18 ปีต่อมา ฝ่ายนางกาสี มีลูกชายชื่อ ขูลู ส่วนอีกฝ่าย มีลูกสาวชื่อ นางอั้ว ทั้งสองเกิดรักใครชอบกัน โดยที่ไม่ฟังคำคัดค้านจากฝ่ายพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเลยแม้แต่น้อย พ่อของนางอั้ว กลัวลูกสาวไปปล่อยตัวปล่อยใจจนเกินงามให้ ขูลู เลยออกอุบายให้นางอั้วแต่งงานกับ ขุนลาง หลานเจ้าสัว มหาเศรษฐีปล่อยเงินกู้ผู้กว้างขวางและเอารัดเอาเปรียบในหมู่บ้านทุ่งมน วันหนึ่ง ขุนลางกับน้าชาย ได้ทวงเรื่องหนี้สินที่พ่อนางอั้วเคยหยิบยืมไป แต่ก็ไม่มีให้ในที่สุด น้าชายของขุนลางบังคับให้นางอั้วแต่งงานเพื่อชดใช้หนี้ นางไม่ยินยอมเพราะมีใจให้ขูลูอยู่ จึงตัดสินใจ ในคืนก่อนเข้าพิธีแต่งงานหนึ่งวันกับขุนลาง มอบกายให้ขูลูจากนั้นก็ตัดสินใจผูกคอตาย พอขูลูรู้ข่าวการตาย จึงใช้มีดแทงตัวตายตามนางอั้วไป


ข้อคิด
- ที่ใดมีรัก ที่นั้นจะไม่มีทุกข์ถ้า เราเปิดใจฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน

 
 
สาธุการบทความนี้ : 605 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 604 ครั้ง
 
 
  04 ธ.ค. 2550 เวลา 14:54:23  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   21) ขูลูนางอั้ว  
  ภาส    คห.ที่2)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ข่อยขอโทษหลายๆเด้อ ข่อยได้ข้อมูลมาผิด ที่จริงมันต้องเป็นเมือง 2 เมือง ข่อยได้มาข้อมูลมาผิด แฮ่ๆ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 26 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 26 ครั้ง
 
 
  06 ธ.ค. 2550 เวลา 09:21:07  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   22) หูดสามเปา  
  ภาส    คห.ที่0) หูดสามเปา      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
      
                              
   หูดสามเปา


          บักหูดสามเปาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง  มีแต่ตุ่มเต็มโต   ขี้คร้านหลาย กินแล้วกะมีแต่นอน  พ่อกับแม่เลยให้ไปอยู่วัดแห่งหนึ่งกับยาคู
  ยาคูกะเลยเอาเม็ดแตงโมให้บักหูดสามเปาไปปลูก   และบอกว่าให้ไปรดน้ำทุกวัน  ความขี้คร้านของมันบ่ตักน้ำหด แต่ไปเยี่ยว(ฉี่) รดทุกมื้อ ๆ
  
    จนบักโมเติบใหญ่  พอบักโมสุกก็เลยเอาไปถวายพระยา  พระยามีลูกสาวผู้หนึ่งงามขนาด ชื่อ นางลุน  ลูกสาวพระยากินบักโมแล้วเกิดมีลูก  พระยาถามลูกว่ามีลูก  
นำไผ  ลูกสาวกะบอกว่าไม่รู้  พระยาเลยตีฆ้องร้องป่าวว่าให้คนเอากล้วยมาคนละหนึ่งหน่วย  ถ้านางเอากล้วยนำผู้ได๋ผู้นั่นสิเป็นพ่อของลูกในท้อง  

      ส่วนลูกสาวพระยาไผ๋ยื่นให้ก็ไม่เอาจนว่ามาฮอดบักหูดสามเปาเด่กล้วยให้  นางลุนก็เอาปั๊บ  พระยาเห็นอย่างนั้นก็โกรธมากหลาย เลยไล่บักหูดสามเปา
กับนางลุนหนีเข้าไปอยู่ในป่า   พร้อมกับมีดดวงหนึ่ง  เสียมดวงหนึ่งบักจกดวงหนึ่ง   เอามีดตัดต้นไม้ทำที่อยู่ นางลุนก็ไม่พูดด้วยสักที ทำอย่างไรก็ไม่พูด นานๆไปก็พูดเอง (บ่ฮู้ว่าเป็นหยัง)????
    
       ต่อมาเมียก็เลยบอกให้ไปถางป่าจะปลูกผักปลูกหญ้า   ปรากฏว่าถางต้นไม้ไว้แล้วยามมื้อเช้าต้นไม้ก็หายหมด ฟันอีกหลายครั้งก็เป็นเหมือนเดิม บักหูดสามเปาก็เลยแอบดูจอบเบิ่ง   พอแต่ตะเว็นตกดินกะมีลิงโตหนึ่งถือฆ้องเดินมาพอแต่ตีฆ้องต้นไม้ลุกพึบขึ้นมา บักหูดสามเปาเห็น เลยแล่นออกไปจับลิง   ทำท่าสิฆ่าลิง   ลิงกะเลยฮ้องขอชีวิตไว้   บักหูดสามเปาก็เลยว่ามึงเป็นหยังจังเฮ็ดจังซี่  
กูสิปลูกบักแตงบักโมไว้ให้เมียกูกิน   ลิงกะเลยว่าฆ้องนี้มันเป็นฆ้องวิเศษ    บักหูดสามเปากะเลยว่ามันวิเศษจังได๋ลิงบอกว่าตีเป็นคนงามกะได้
ตีเป็นผู้เฒ่ากะได้  ตีเอาบ้านเอาเมืองกะได้  บักหูดสามเปาก็เลยลองตีดู  ตีให้หูดกูหายกะนา   พอแต่ตีฆ้องหูดที่มีอยู่ก็หาย

      เอาตีให้กูผู้เป็นผู้งาม ๆ  ได้บ่ได้ ว่าแล้วเลากะเลยตีฆ้องให้เป็นผู้บ่าวงาม ๆแล้วลิงกะเลยเอาฆ้องให้ พอแต่ได้ฆ้องแล้วบักหูดกะเลยกลับบ้านไปหาเมีย
เรียกเมีย   เมียก็เลยว่าอย่ามาเอิ้นข้อย ข้อยมีผัวแล้ว   ข้อยลุโตนผัวข้อย   บักหูดสามเปากะเลยว่าข้อยนี่แหละผัวเจ้า  ข้อยบ่เชื่อเอ้า...
.ข้อยสิตีฆ้องให้เป็นหูดคือเก่าเด้อ   พออธิฐานแล้วกะเลยตีฆ้องให้เป็นหูดเหมือนเก่า   เมียก็เลยเชื่อ  แล้วกะเลยตีให้กลับเป็นคนงามเหมือนเดิม
  ต่อจากนั้นแล้วก็เลยตีเอาบ้านเอาเมืองอื่นๆอย่างมีความสุข
          
       กล่าวถึงพระยา   สงสัยว่าหูดสามเปามันตายหรือยัง   เลยบอกเสนาอำมาตย์ไปเเอบดู    พอแต่เสนาไปดูเลยกลับมา
บอกพระยาว่าบักหูดสามเปารูปงานกว่าเก่า  รูปงามพระยาเลยไปดูให้เห็นกับตา    ก็เลยให้บักหูดสามเปาตีฆ้องให้ตัวเองเป็นหนุ่ม แล้วกลับบ้านกลับเมือง  พอแต่เมียเห็นพระยาก็ไม่เชื่อว่าเป็นผัวเจ้าของ   เลยบอกว่ามีฆ้องศักดิ์สิทธิ์อยู่กับ หูดสามเปา  
    
    เมียกะเลยว่าข้อยอยากเป็นสาวงามเหมือนกัน ฮิๆๆ   ว่าแล้วบักหูดสามเปาก็เลยตีฆ้อง   เมียพระยาก็เลยกลับเป็นคนงามคนสวยเริ่ดประเสริฐศรี  
ปรากฏว่าบ้านเมืองนั้นมีแต่คนงาม ๆ  มีแต่หนุ่ม  ๆ สาว ๆ สวยๆ เริดๆ หมดทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะหูดสามเปาตีฆ้อง ทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างความสุขแฮบปี้แอนดิ้ง......จบจ้อย

นี่แหละเผิ่นว่า
เบิ่งคนอย่างเบิ่งแต่เพียงภายนอก เบิ่งจิตใจเขานำ

บ๋า.......... ฆ้องนั้นอยู่ไสหนอ ข่อยสิตีให้คนอีสานอยู่ดีกินดีตลอดเบิ้ดซาติ เรียนกะไห่ได้เกรด 4 เบิดซูวิชา


พวกเจ้าเด๋ ได้ฆ้องตีตีอธิษฐานอีหยัง มาเว้าสู่ฟังแหน่เด้อ...........    


ภาส ศิษย์พี่      
    
ติชมด้านล่าง หรือที่ http://twitter.com/Pai_KKU

 
 
สาธุการบทความนี้ : 1042 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 1041 ครั้ง
 
 
  20 ธ.ค. 2550 เวลา 10:14:06  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   23) น้ำตานกจิ๊บน้อย  
  ภาส    คห.ที่0) น้ำตานกจิ๊บน้อย      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
   พี่น้องเอ้ย นิทานเรื่องนี้ ข่อยได้ฟังก่อนซูคืนๆ ตอนข่อยเป็นเด็กน้อย ย่าข่อยเว้าไห้ฟังซูคืน แต่ว่ากะบ่ฮู้ว่าซื่อเรื่องมันเป็นจั่งได๋ ข่อยขอเอิ้นว่า "น้ำตานกจิ๊บน้อย"กะเเล้วกัน...

   **** นกจอกน้อยผัวเมียทั้งคู่ อาศัยอยู่คางพระฤาษี มาหลายปีคักแล้ว กะเลยแผ้วย้อนผัวซั่นแล้ว..ว..ว.***

    นกจิ๊บน้อยผัวเมียทั้งคู่ อาศัยอยู่คางพระฤาษี มีลูกนำกัน 4-5 โต ผูเป็นแม่กะฮักซูคน ลางมื้อแม่กะไปหาหนอนมาซูลูกกิน ลางมื้อผัวกะไปหาหนอนซูลูกกิน สลับคับเค้ากันไป จากวันเป็นเดือน ทางผัวเผิ่นมื้อนี่กะไปหาแนวกินแนวอยากมาให่ แต่ว่าเผิ่นไปเห็นดอกบัวริมสระ เผิ่นเลยไปตอดกินเกสรบัว จนลืมเวลา จนว่าค่ำดอกบัวกะเลยหุบเอาเผิ่น เมือบ้านกะบ่ได้ ทางเมียกะเป๋จ่มเป้ด ว่าไปทางได๋น้อ เผิ่นคือบ่เคยเถลไถลจั่งซี่ เทิงเว้า เทิงจ่ม เทิงไห้ กระซิกๆๆๆ (ตาหลูโตนแท้นอ)


    เช้ามาดอกบัวกะบานออก นกจิ๊บผัวฟ้าวบินกลับเมือบ้าน ทางเมียเห็นกะเทิงไห้เทิงด่า เทิงจ่ม พร่ำรำพันต่างๆนาๆ ด่าบ่เซาจั๊กเทื่อ ว่าผัวไปหาหญิงอื่นแน่ๆ กลิ่นผูสาวหอมติดตัวขนาดนี้  ผัวจะแก้ตัวยังไงก้ไม่ฟังฤาษีรำคาญเลยไล่ให้ไปทำรังอยู่ที่อื่น สองผัวเมียเลยพาลูกพาเต้าบินไปสร้างรังอยู่ป่าแห่งหนึ่ง ตอนสร้างฮังเมียกะไห่บ่เซา เมียเลยออกปากว่าวันนี้จะไปหาอาหารมาเอง ผัวเลยกล่าวขอดทษและจะไปหาอาหารเองเป็นการแก้ตัว
   บินไปสักพักก้นึกได้ว่าเกสรบัวมันอร่อยจะเอาไปฝากลูกฝากเมีย เลยบินไปที่ดอกบัว อนิจจาพี่น้องเอย... ดอกบัวเสือกหุบเข้าอีกกลับบ่ได้ ทางเมียกะได้แต่ให้แต่ฮ้องให้โฮๆๆ ผัวคงหลงเมียน้อยไปเสียแล้ว


   รุ่งขึ้นนกตัวผัวก็บินกลับมา แต่อนิจจา น่าหลูโตน ไปไหม้ป่าไหม้รังหมดแล้ว นกตัวเมียนั่งร้องไห้บนตอไม้ ผัวบินไปถาม นกน้อยตัวเมียจึงพร่ำและอธิษฐานว่า "สาธุ เกิดมาซาตินี้จั่งแม่นลูกลำบากหลาย มีผัวผัวกะบ่ฮัก ผูซายมันเจ้าซู้ หากซาติหน้ามีจริงข่อยสิบ่เว้านำผูซายอีกเลย ฮือ ฮือๆๆๆ" น้ำตานกไหลริน ตาบวมตาโป เว้าจบ นางนกน้อยกะบินเข้ากองไฟไปตายนำลูก ทางผัวได้แต่อึ้ง และอธิษฐานว่า บ่เว้านำซายกะซ่างขอไห้เป็นคู่กันทุกชาติ แล้วกะบินเข้ากองไฟตายด้วยกัน...........

   ตั้งแต่นั้นมานิทานเรื่องนี้ก็ถูกเล่าต่อๆๆมา จนถึงยุคต่างๆ นกทั้งคู่ก็ได้เกิดเป็นคนนางนกน้อยก็ได้เกิดเป็นนางจันทจร นกตัวผัว ก็ได้เกิดเป็นท้าววรกิจ พ่อของนางจันทจร กลุ้มมากที่ลูกสาวไม่พูดกับผู้ชายเลย แม้กะทั่งพ่อของตัวเอง พูดแต่กับแม่ พอถึงยามมีคู่  พ่อก็ไห้หาชายจากเมืองต่างๆ มาพูดด้วย หากนางพูดกับใครคนนั้นจะได้นางจันทจรเป็นเมีย แต่จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี ก็ไม่มีชายใดทำให้นางพูดได้
     จนถึงท้าววรกิจ ท้าววรกิจก็เอ่ยเล่านิทานเรื่อง น้ำตานกจิ๊บน้อย ให้นางจันทจรฟัง ท้าววรกิจก็เล่าไปๆ จนกระทั่งถึงตอนจบ ท้าวฯกล่าวว่า นกโตผูบินเข้ากองไฟก่อนนกตัวเมีย นางจันทจร จึงพูดออกมาคัดค้านทันที ว่า "บ่แม่น"ผู้คนที่ฟังอยู่นอกห้องก็โห่ๆๆๆๆ ที่นางจันทจรพูดกับผู้ชายแล้ว ทั้งคู่อมยิ้มแล้วเดินออกมา สู่พิธีแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่....


นี่แหละเผิ่นว่า ซิ่นสองต่อน
- คนเฮาควรมีเหตุมีผล เข้าใจซึ่งกันและกัน เชื่อมั่นในคู่ของตน

ร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมอีสาน ภาส ศิษย์น้องเล็ก

 
 
สาธุการบทความนี้ : 2134 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 2132 ครั้ง
 
 
  18 ม.ค. 2551 เวลา 09:23:13  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   23) น้ำตานกจิ๊บน้อย  
  ภาส    คห.ที่5)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
หมายความว่ายังไง ไม่เข้าจึย..ย..ย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 33 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 33 ครั้ง
 
 
  06 ก.พ. 2551 เวลา 08:56:11  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   23) น้ำตานกจิ๊บน้อย  
  ภาส    คห.ที่8)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ข่อยกะแฮงปึกหนา ปัญญาน้อย บ่ฮู้จักดอก ไผ๋ฮู้กะบอกข่อยแหน่

 
 
สาธุการบทความนี้ : 30 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 30 ครั้ง
 
 
  07 ก.พ. 2551 เวลา 08:44:47  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   23) น้ำตานกจิ๊บน้อย  
  ภาส    คห.ที่12)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ประสาเปลือกกล้วย สือๆแม่นบ่

 
 
สาธุการบทความนี้ : 37 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 36 ครั้ง
 
 
  11 ก.พ. 2551 เวลา 11:23:15  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   23) น้ำตานกจิ๊บน้อย  
  ภาส    คห.ที่15)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ข่อยกะปึกเนาะ บ่ฮู้แล่ว

 
 
สาธุการบทความนี้ : 41 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 40 ครั้ง
 
 
  12 ก.พ. 2551 เวลา 14:13:33  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   23) น้ำตานกจิ๊บน้อย  
  ภาส    คห.ที่24)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
มั่วละสิ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 20 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 19 ครั้ง
 
 
  17 ธ.ค. 2551 เวลา 11:50:58  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   23) น้ำตานกจิ๊บน้อย  
  ภาส    คห.ที่28)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
อ้าวเหรอ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  30 พ.ย. 2552 เวลา 10:32:23  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   24) ผาแดงนางไอ่  
  ภาส    คห.ที่0) ผาแดงนางไอ่      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 


เขาว่า ผาแดงนางไอ่ เป็นตำนานบั้งไฟพญานาค แห่งเมืองหนองหาน

  ณ เมืองสุวรรณโคม มีพยาขอมครองเมืองคู่กับมเหสีชื่อนางจันทร์ มีลูกสาวหรือพระธิดานามว่า นางไอ่ หรือ นางไอ่คำ อันว่านางไอ่ของเราก็งดงามมาก สวยสุดหาใดจะเปรียบปานเชียวล่ะ ความงามของนางไอ่ลือเลื่องไปทั่ว จนไปถึงหู ท้าวผาแดง ผาแดงจึงแอบมาหา นางไอ่ที่วัง โดยผ่านทางคนใช้เป็นแม่สื่อ จนทั้งสองนั้น ได้สมัครรักใคร่กัน รักกัน และสัญญาว่าจะมาสู่ขอตามประเพณีในไม่ช้านี้

  ที่เมืองบาดาลมีพญานาคชื่อ สุทโธนา ครองเมือง มีลูกชายชื่อ ท้าวภังคี ชาติที่แล้วภังคีได้เป็นคู่กับนางไอ่ ซึ่งเป้นใบ้นางไอ่ชาติแล้วอธิษฐานว่า ชาติต่อไปไอ้ใบ้ต้องตายด้วยนางเอง...

  ด้านพยาขอม เดือนหกมาก็ได้จัดงานบุญประเพณีจุดบั้งไฟ แข่งขันว่าใครจะได้สูงกว่ากัน ตอนนั้นพยาขอมรู้แล้วว่าท้าวผาแดงจะมาสู่ขอนางไอ่ ภึงตรัสว่า หากบั้งไฟของเราสูงกว่าจะไม่ยกนางไอ่ให้ แต่ของผาแดงสูงกว่าก็จะยกนางไอ่ให้ แต่การประลองครั้งนี้ผาแดงแพ้เห็นๆ เพราะบั้งไฟแตกก่อนขึ้น ท้าวผาแดงหอบความซ้ำกลับบ้านเมือง ท้าวภังคีได้แปลงเป็นกระรอกด่อนขึ้นมาเที่ยวงานเหมือนกัน แต่นายพรานจับได้จึงนำไปให้นางไอ่ นางไอ่บอกให้เอาไปแกง ท้าวภังคีอธิษฐานว่า ขอให้เนื้อของตนอร่อยที่สุด สามารถเลี้ยงคนทั่วทั้งเมืองได้ ชาวบ้านชาวเมืองเห็นดั้งนั้นก็ยื้อแย่งกันไปกินแกงกระรอก บริวารของท้าวภังคีเห็นดังนั้นก็นำข่าวไปบอกท้าวสุทโธนา พ่อของท้าวภังคี ท้าวภังคีโกรธแค้นจึงพาบริวารของตนไปถล่มเมืองพยาขอม เมืองเริ่มถ่มถลายเรื่อยๆไล่หลังเข้ามา น้ำจะท่วมฟ้าปลาจะกินดาว อุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่เหนือคำบรรยาย ท้าวผาแดงห่วงนางไอ่จึงพานางไอ่ขึ้นม้าควบหนี ฝ่าภัยอันตรายนานัปการ แต่ทว่าท้าวนาคาได้ใช้หางรัดนางไอ่ลงไปเมืองบาดาล

    ท้าวผาแดงปลอดภัยดกลับถึงบ้านของตน อธิษฐานว่าจะขอตายเพื่อไปต่อสู้เอานางไอ่กลับคืนมา ว่าแล้วผาแดงก็กลั้นใจตาย แล้วก็ไปสู้กับกองทัพนาคา ต่อสู้จนน้ำในบาดาลขุ่น พระอินทร์จึงได้ลงมาระงับศึก ให้ผีกลับเมืองผี ในนาคาลงเมืองนาคา ส่วนนางไอ่ให้รอเนื้อคู่ของตนในเมืองบาดาลต่อไป จนกว่าจะมีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ นางไอ่จึงรอมาจนถึงทุกวันนี้ รอว่าใครจะเป็นคู่ครองของตน

ฮ่วย...คือจบจั่งซี่
- นี่แหละพี่น้องเอย ความรัก ดั่ง ไซอิ๋ว เขาเว้าว่า ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ ใจขื่นขม ทุกข์ระทมชั่วนิรันด์
- การอธิษฐาน เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น อย่าไปอธิษฐาน ทั่วทีบทั่วแดน

ภาส ศิษย์พี่ ร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมความเป็นอีสาน ด้วยจิตวิญญาณแห่งความเป็นอีสาน...  
ติชมกระทู้ด้านล่าง หรือที่  http://twitter.com/Pai_KKU

 
 
สาธุการบทความนี้ : 693 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 691 ครั้ง
 
 
  06 ก.พ. 2551 เวลา 09:37:00  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   24) ผาแดงนางไอ่  
  ภาส    คห.ที่21)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
คุณบ่าวภูไท  นครฯ:
คุณเจ้าหญิงน้อย:
เอ่อ น้องคะ คำว่าหนองหาร  ตามตำนานผาแดงนางไอ่ คำว่าหาร มาจากคำว่า หนองน้ำที่อุดมไปด้วยพืชพรรณ ธัญญาหาร ค่ะ
เพราะคำว่าหนองหาร ที่ถูกต้อง คือ สะกดด้วย รอ เรือค่ะ
พอดีมียายเป็นคนสกลนครค่ะ

พี่คณะอักษร


ที่จริงนัยของความหมายอาจจะเป็นเช่นนั้นครับ  แต่สมัยก่อนแผ่นดินถิ่นอีสานใช้ตัวอักษรไทน้อยหรืออักษรธรรมอีสานในการจารย์ลงบนใบลาน  ซึ่งไม่มีการใช้  "ร"  เป็นตัวสะกด  การสะกดในแม่กนมักจะใช้  "น" ดังนั้น  การใช้คำว่า  "หนองหาร"  กับ  "หนองหาน"  จึงมิได้ให้นัยที่แตกต่างกันครับ
สมัยนี้เรายึดเอาภาษาไทย(ภาคกลาง)มากำหนดคำหรือการใช้ภาษาของท้องถิ่น  โดยเฉพาะในภาษาอีสาน  ทำให้การใช้ภาษาอีสานอาจจะเพี้ยน  ลูกหลานซาวอีสานกะเลยค่อนข้างที่อยากอายในการใซ้ภาษาบ้านเจ้าของ
"อย่าสุไลลืมทิ้มพงศ์พันธุ์พี่น้องเก่า  อย่าสุละโคตรเหง้าไปหาญ้องผู้อื่นดี"



ผมกราบขอโทษที่ให้ข้อมูลผิด/พิมพ์ผิด/นะคับ ซื่งอาจส่งผลต่อผู้รับข้อมูลคับ ผมจะปรับปรุงในโอกาสต่อไปครับ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 579 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 579 ครั้ง
 
 
  29 พ.ค. 2554 เวลา 14:42:10  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   25) สองเครือน้ำตาหลั่ง  
  ภาส    คห.ที่0) สองเครือน้ำตาหลั่ง      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
     นานมาแล้ว เมื่อหลายปีก่อน มีสามีภรรยาคู่หนึ่งมีลูกอยู่ 7 คน จะว่า 7 คนก็ไม่ถูกเพราะ เพราะสามีนั้น มีเมียและมีลูกมาแล้ว 4 คน ภรรยาที่อยู่ด้วยกันในปัจจุบัน มีลูกให้อีก 3 คน เมียคนแรกตายไปแล้ว อันว่าลูกทั้ง 7 ก็เป็นหญิงล้วน เมื่อถึงคราต้องไปเรียนมหาลัย ต่างจังหวัด ทั้ง 7 ก็ได้ไล่เลี่ยกันไป ทองพันแม่ของ ลูกทั้ง7 ไปส่งลูกที่ สถานีรถไฟ แต่ทว่า บัวตองและหนึ่งฤทัย ได้แอบลงรถไฟ แอบไปหาแฟนที่กระท่อมปลายนาในหมู่บ้านใกล้ๆกับบ้านของตนที่อาศัยอยู่เดิม คู่ของหนึ่งฤทัยนั้นหนีไปไต้หวัน ส่วนคู่ของบัวตองได้ อยู่ที่นาร้าง จนกระทั่งมีลูก

     ผัวของบัวตองชื่อ คำไผ่ วันหนึ่งคำไผ่ได้ออกจากกระท่อมไปหาปลา ตอนนั้นบัวตองท้องแก่ เจ็บท้องอย่างรุนแรง ยายขมิ้น ได้ผ่านมาหาหน่อไม้ได้พบเข้า จึงช่วยทำคลอดให้ พอทำคลอดเสร็จ ยายขมิ้นก็นึกอยู่ว่าหน้าคุ้นๆ จึงนึกออกว่าเป็น บัวตอง ลูกนางทองพันนี่เอง จึงนำข่าวไปบอกนางทองพัน ส่วน ผัวนางทองพันได้ยินก็โกรธและรีบวิ่งแจ้นไปหาไอ้คำไผ่ พอเจอก็เกิดต่อยตี จนเป็นเหตุใหญ่ นางทองพันก้พร่ำด่าลูก ว่าส่งให้ไปร่ำไปเรียนดันมาทำอัปรีย์ พูดไปด่าไปจากโมโห กลายเป็นร้องไห้ และไปหาพ่อกับแม่คำไผ่ ซึ่งมีฐานะเป็นถึง ขุนนางเก่า ให้มาสู่ขอนางบัวตองโดยดี แต่เศรษฐีหาได้สนใจไม่ พร้อมทั้งบอกว่า ลูกตัวเองไม่มีทางได้ทำอย่างนั้นเด็ดขาด


     ทองพันไม่รู้จะทำอย่างไร ที่สามีก็ถูกจับ ข้อหาทำร้ายผู้ผิด ตำรวจก็มีแต่จับอย่างเดียวเพื่อเอาผลงาน นางทองพันเลย จับนางบัวตองบวชชี ส่วนหลานนั้น นางจะเป็นคนดูแลเอง เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ บัวตองได้แอบหนีออกจากวัด ไปหาคำไผ่อีก นางทองพันรู้ก็ได้แต่ด่าและจับล่ามโซ่ไว้ที่บ้าน ส่วนคำไผ่นั้นก็ได้แต่คิดหาวิธีที่จะหาบัวตองหนี จนสำเร็จ ปล่อยให้ทองพันกับหลานเลี้ยงลูกอย่างเดียวดาย ทองพันได้แต่กล่อมหลานไกวเปลเห่ร้องอย่างเดียวหาย ส่วนสามีนั้นพอออกจากคุกมาก็ได้มาดูแลอย่างเดิม แต่ไม่มีปัญหาอะไรเพราะลูก ทั้ง 5 ยังเหลืออยู่ เอ๊ะ หรือว่า ลูกทั้ง 5 นั้น จะทำประวัติศาสตร์ซ้ำรอย


- บุญคุณพ่อแม่นี้หนักเกิ่ง ธรณี ผู้ได้ยอเยินยก สิรุ่งเรื่องไปหน้า ผู้ได้ววจาต้านสองเครือน้ำตาหลั่ง บาปท่อฟ้าเวรกรรมท่อแผ่นดิน

ภาส ศิษย์น้องเล็ก




ข้อความทั้งหมดถูกจดลิขสิทธิ์ โดย ชมรมศิลปวัฒนธรรมอีสาน การนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามกฎหมาย
ชมรมศิลปวัฒนธรรมอีสาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้น 4 อาคารจุลจักรพงษ์ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

 
 
สาธุการบทความนี้ : 345 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 344 ครั้ง
 
 
  20 ก.พ. 2551 เวลา 10:28:22  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   26) ปลาบู่ทอง  
  ภาส    คห.ที่0) ปลาบู่ทอง      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
    ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเศรษฐีชื่อ ทารก มีเมีย 2 คน ชื่อ ขนิษฐา และ ขนิษฐี นางขนิษฐา เป็นเมียคนแรกมีลูกสาวชื่อ เอื้อย นางขนิษฐีนั้นเป็นเมียคนรอง ดีกรีร้ายยิ่งกว่าไหนๆ มีลูกสาว 2 คน ชื่อ อ้าย กับ อี่
    อ้าย กับ เอื้อย ถึงแม้จะเป็นลูกคนละแม่ แต่พ่อเดียวกันก็จริงแต่ว่า หน้านั้นไซร้ ละม้ายคล้ายคลึงกันมาก จนเป็นเหตุให้เกิดภัยพิบัติในอนาคต


   วันหนึ่งนางขนิษฐา กับ นายทรก ได้ออกเรือหาปลาด้วยกัน บังเอิญวันั้นอากาศอบอ้าว กว่าจะได้ปลาแต่ละตัวแสนลำบาก จนกระทั่ง นายทารก หาได้ปลาบู่ตัวนึง นางขนิษฐา จึงแอบปล่อยลงน้ำไป นายทารก โกรธมาก คว้าไม้พายฟาดเมียตัวเองตกลงน้ำตาย นางขนิษฐีรู้ยิ่งดีใจที่ผัวจะรักตัวคนเดียว

   พอแม่ของเอื้อยตาย นางขนิษฐีก็ได้กลั่นแกล้งเอื้อยต่างๆนาๆ จนกระทั่งนางขนิษฐา กลับชาติมาเกิด เป็น ปลาบู่ทอง นางเอื้อยนั้นดีใจเป็นที่สุด จากที่เคยโศกเศร้ากลับยิ้มตลอดเวลา อารมณ์ เพราะคิดถึงแม่ และมาหาแม่ทุกวันที่ท่าน้ำหน้าบ้าน เป็นเวลาหลายอาทิตย์ ที่เอื้อย มาหา มาพูด มาคุย ไถ่ถามสาระทุกข์สุขดิบ อยู่เป็นประจำ จนอ้าย กะอี่จับได้จึงแอบจับปลาบู่ทองให้นางขนิษฐีฆ่า แกงให้ ผัวกิน เหลือไว้แต่เพียงเกล็ดสีทองที่ เป็ดตัวหนึ่งคาบมาให้

     นางเอื้อยเอาไปฝัง เกล็ดปลาบู่นั้นก็กลายเป็นต้นมะเขือ นางเอื้อยดีใจ และมาหาแม่ทุกวัน จนอ้ายกะอี่จับได้อีก ก็มาทำร้ายต้นมะเขือจนตาย นางเอื้อยเอาเมล็ดมะเขือไปฝังอีกและ เกิดเป็นต้นโพธิ์ทองที่สวยงาม ไม่มีใครทำร้ายแม่ของเอื้อยได้อีก


ท้าวพรหมทัต ได้เสด็จมาประภาสที่หมู่บ้านของนางเอื้อย ได้พบเอื้อยกับต้นโพธิ์ทองก็ทรงพอพระทัย เเละได้ขออนุญาตครอบครัวของเอื้อย นำเอื้อยเป็นมเหสีในวัง พร้อมกับต้นโพธิ์ทอง  สร้างความไม่พอใจให้กับอ้ายอี่และนางขนิษฐีเป็นอย่างมาก

เมื่อนาย ทารกไม่อยู่หลายเดือน นางขนิษฐี คิดแผนเด็ดกำจัดนางเอื้อยโดย ไปหลอกให้นางเอื้อย กลับบ้านมาเยี่ยมพ่อที่ป่วยใกล้จะตายแล้ว เอื้อยหลงเชื่อก็ตามมาบ้าน นางอี่ได้เตรียมกับดักให้นางเอื้อยเดินขึ้นบ้านแล้วตกกระทะน้ำร้อนตาย ที่ใต้ถุนบ้าน นางเอื้อยมาถึงด้วยความรีบร้อนจึงตกกระทะน้ำร้อนตาย

  นางอ้ายที่หน้าตาคล้ายนางเอื้อยได้ปลอมตัวเข้าวังไปแทน ทำตัวในวังก้ไม่ถูก มาลัยก้ไม่เลยร้อยถวายท้าวพรหมทัตดังแต่ก่อน ผุ้คนในวังต่างสงสัยและแปลกใจ

  นางเอื้อยได้เกิดเป็นนกแขกเต้าบินไปหาท้าวพรหมทัต นางอ้ายจับได้ก็เอาไปให้แม่ครัวแกงให้กินแต่นกนั้นบินไปแอบในรูหนู แล้วบินไปพึ่งใบบุญพระฤาษี ท่านก็แปลงโฉมให้เป็นนางเอื้อยเหมือนเดิม และชุบลูกให้นางเอื้อยเลี้ยง

  ลูกของนางเอื้อยได้ซักถามเกี่ยวกับพ่อของตน เอื้อยจึงเล่าให้ฟังว่า อ้ายแปลงตัวเป้นตนแล้วสวมรอยแทน ลูกนางเอื้อยแค้นนัก จึงแอบไปหาท้าวพรหมทัตในวัง ไปทูลความจริงให้ท้าวพรหมทัตทราบ ท้าวพรหมทัตจึงไปรับตัวเอื้อยกลับเข้าวัง อ้ายรู้ว่าเอยกลับมาแล้วไม่รู้จะทำอย่างไรจึงชิงฆ่าตัวตายไปก่อน แต่ที่จริงเอื้อยก็ทูลขอชีวิตอ้ายกับท้าวพรหมทัตแล้วล่ะ ต่อมาเมืองพราณสีจึงอยู่เย็นเป็นสุขเรื่อยมา


ภาส ศิษย์น้องเล็ก




   ข้อความทั้งหมดถูกจดลิขสิทธิ์ โดย ชมรมศิลปวัฒนธรรมอีสาน การนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามกฎหมาย
ชมรมศิลปวัฒนธรรมอีสาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้น 4 อาคารจุลจักรพงษ์ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

 
 
สาธุการบทความนี้ : 563 ครั้ง
จากสมาชิก : 2 ครั้ง
จากขาจร : 561 ครั้ง
 
 
  26 ก.พ. 2551 เวลา 12:58:58  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   26) ปลาบู่ทอง  
  ภาส    คห.ที่3)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
แปลกเหรอ..........อืม..........แปลก...............อืม.แปลก..........แปลกเหรอ............อืม...อือ...เอ่อ......อ่า...........โอ๋..............อ๋า...................โอ้...........แปลก.ว้าว............โว้.แปลก จัง......................................................อือ....อืม.

 
 
สาธุการบทความนี้ : 560 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 560 ครั้ง
 
 
  29 ก.พ. 2551 เวลา 09:37:10  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   26) ปลาบู่ทอง  
  ภาส    คห.ที่10)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
โว้ๆๆ อีสานจุฬาฯ งานนี้มีเฮ มีละคร เรื่อง ปลาบู่ทอง  งานนี้ ถ้าหากแฟนๆเค้าอยากทราบเนื้อเรื่องย่อ เว็บเราคงถูกพ่วง แน่ๆเลย จาก กูเกิ้ล น่ะนะ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 496 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 496 ครั้ง
 
 
  01 มิ.ย. 2552 เวลา 16:55:57  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   26) ปลาบู่ทอง  
  ภาส    คห.ที่13)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
โถๆๆ อีแม่ เดี๋ยวนี้สังคมไทยมันเปลี่ยนไปแล้ว วัฒนธรรมถูกสื่อรุกราน มรดกไทย ถูกสิ่งใหม่ๆเข้าครอบงำ และยังถูกประเมินว่าเป็นของต่ำ มันจะสู้เรื่องที่ฮิตๆ ในสมัยนี้ไม่ได้หรอก คุณคำแพง

 
 
สาธุการบทความนี้ : 518 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 518 ครั้ง
 
 
  09 มิ.ย. 2552 เวลา 16:49:45  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   26) ปลาบู่ทอง  
  ภาส    คห.ที่18)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
เอี่ยน ก็ ปลาไหล ไงครับ

คนชัยภูมิ จริงรึป่าวเนี่ย....

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  09 ก.ค. 2552 เวลา 13:36:04  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   15) หนองคาย  
  ภาส    คห.ที่3)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
บ้านผมอยู่หนองคาย เสียด๊าย เสียดาย ชาตินี้ยังไม่เคยเห็นเลย สาธุ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 30 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 30 ครั้ง
 
 
  12 มิ.ย. 2551 เวลา 12:58:20  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   15) หนองคาย  
  ภาส    คห.ที่19)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ป้าด  อ่านจนเมื่อยตา

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  26 ต.ค. 2552 เวลา 11:49:02  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   28) น้ำตาเมีย  
  ภาส    คห.ที่0) น้ำตาเมีย      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
                                น้ำตาเมีย
เค้าโครงจากบทประพันธ์ เรื่อง น้ำตาเมีย ของ แม่นกน้อย  อุไรพร

คุณครู เพิ่มศักดิ์ มีเมียชื่อ กาญจนา สอนอยู่กรุงเทพฯ มีลูกอยู่ 2 คน ชื่อ นัฐธิดา กับ นัฐจพร ซึ่งฝากไว้กับน้า อรอาภา ซึ่ง บ้านไม่ไกลกัน ห่างกัน ประมาณ 50 เมตร วันหนึ่งแม่ของครูเพิ่มศักดิ์ ได้ส่ง จดหมาย มาให้ลูกย้ายไปสอนแถวบ้านเราดีกว่า ครูเพิ่มศักดิ์ จึงทำเรื่องย้ายมาพร้อมกับ ฝ้ายศักดิ์ ซึ่งเป็นน้องของครูเพิ่มศักดิ์ แต่ก่อนไป กาญจนา รบเร้าสามีให้ไปจดทะเบียนสมรสกันก่อน เพราะลูกก็โตเป็นสาวแล้ว แต่ ฝ่ายครูนั้นก็บ่ายเบี่ยงไปพอเสร็จๆ แล้วตอบว่า ลูกก็โตแล้ว จะไปจดทำไม แล้วครูเพิ่มศักดิ์กับฝ้ายศักดิ์ก็ได้เดินทางกลับบ้านทางอุดรธานี ปล่อยให้กาญจนาเฝ้าร้าน กิจการของตนทางนี้ก่อน


          พอถึงบ้าน ครูเพิ่มศักดิ์ ก็มิได้บอกกับแม่ว่าตนแต่งงานแล้ว เพิ่มศักดิ์กับฝ้ายศักดิ์ช่วยกันปิดบัง แม่จึงรบเร้าให้เพิ่มศักดิ์แต่งงานกับ สุปรานี แม่หม้ายลูกติดเป็นชายหนึ่งคนชื่อ พิซซ่า เพิ่มศักดิ์ก็ยอมเพราะแม่ก็เอ็นดู เจ้าพิซซ่า เหลือเกิน ซึ่งฝ้ายศักดิ์ก็ได้แต่งงานกับ นังจื้นน้องสุปรานี เหมือนกัน พอแต่งงานกันแล้ว ครูเพิ่มศักดิ์ ฝ้ายศักดิ์ และนังจื้น ก็ได้เก็บข้าวของไปสอนที่ อ.พล บ้านวังหิน ปล่อยให้ 3 คนนั้นอยู่บ้านที่อุดรฯ


         พอไปถึง เพิ่มศักดิ์ก็ได้พบรักกับ คำหล่า น้องของ ผ.อ. โรงเรียนบ้านวังหิน ซึ่งคำหล่า ได้อกหักจาก ณัฐ ลูกของแม่ผู้ใหญ่ ซึ่งวันที่คำหล่าอกหักนั้น แม่ของณัฐได้ชี้หน้าด่าดูถูกต่างๆนาๆทั้งที่ คำหล่าได้รับคำสัญญาจากจาก ณัฐ ว่ารัก คำหล้าเหลือเกิน แต่เมื่อวันที่ขณะผ้าป่าจากรุงเทพฯ ซึ่งประธานผ้าป่าคือ ณัฐ นั่นเอง ณัฐ ได้แต่งงาน อรอาภา (น้องสาวของกาญจนา)ไปแล้ว  คำหล่าได้อกหักแล้วเพิ่มศักดิ์ได้เจอ จึงพบรักกับเพิ่มศักดิ์ นี่คือที่มา

    พอทอดผ้าป่าเสร็จ อรอาภาได้กลับกรุงเทพฯ และได้ไปบอกให้กาญจนาทราบว่า ผัวของพี่ได้มีเมียอยู่ที่ อ.พล บ้านวังหิน กาญจนาโกรธจัด พอรู้ข่าวจึงรีบบึ่งมาที่ อ.พล บ้านวังหิน ทันที ในใจคิดว่า มิน่า ไปตั้งหลายเดือนเงินก็ไม่ส่งมาสักบาท

ฝ่ายแม่ของเพิ่มศักดิ์และสุปรานี เกิดคิดถึงผัวขึ้นมาได้ชวนกันไปที่บ้านวังหิน ไปเยี่ยมเยียน ไปถึงก็ได้โอบกอดผัวที่รัก และประสบกับกาญจนาพอดี จึงเกิดการทะเลาะวิวาทตบตีกันเป็นการใหญ่ แต่ในที่สุดก็ยุติลงตรงที่ นางกาญจนาได้เอ่ยปากบอกให้ผัวทำเรื่องย้ายกลับกรุงเทพฯ แต่ก็ไม่ได้มีแต่เรื่องเดียว เพิ่มศักดิ์ได้ถูกไล่ออกจากการเป็นครูเพราะ นอกจากจะมีเรื่องทางครอบครัวแล้ว เพิ่มศักดิ์ยังมีคดีที่ยักยอกเงินของโรงเรียนไปอีกหลายบาท

เพิ่มศักดิ์ อยู่กับ กาญจนาที่กรุงเทพฯไท่นานกิจการร้านของกาญจนา ก็ทรุดลงเพราะ ผัวได้แอบขโมยของในร้านไปกินจนแทบไม่เหลือ และเมาทุกวัน และได้ตบตี กาญจนาจนทนไม่ไหว ผัวได้ซัดเซพเนจรไปทั่วจนไปอยู่กับ คำหล่า กาญจนาแทบ อกแตกตาย คิดถึงวันที่รักกันแรกๆ กาญจนาเป็นเศรษฐี ได้ส่งเสีย เพิ่มศักดิ์จนเป็นครู นางพร่ำรำพันต่างๆนาๆ น้ำตาของเมียได้รินหลั่งอาบไหลของแก้ม สะอึกสะอื้นของหน้าร้านที่ใกล้จะเจ๊ง คิดไปแล้วก็เศร้าแทนเนาะ...

ข้อคิด- อันการเลือกคู่นั้น ควรเลือกให้ดี และให้นานที่สุด จะได้คู่ตนพึงพอใจ
- กรรมใดใครก่อ ย่อมได้รับผลกรรมนั้น พึงทำแต่ความดีกันเถอะหมู่เฮา
ภาส   ศิษย์พี่ ร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมความเป็นอีสานด้วยจิตวิญญาณที่สำนึกรักบ้านเกิด

 
 
สาธุการบทความนี้ : 586 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 585 ครั้ง
 
 
  05 มิ.ย. 2551 เวลา 12:43:28  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   28) น้ำตาเมีย  
  ภาส    คห.ที่4)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
จั่งว่า

 
 
สาธุการบทความนี้ : 27 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 27 ครั้ง
 
 
  08 ก.ค. 2551 เวลา 12:51:28  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   28) น้ำตาเมีย  
  ภาส    คห.ที่5)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ฮ่วย ลืมดูฐานะตนเอง ดีใจจัง ได้เลื่อนขั้น เป็นศิษย์ แล้ววววววว...ว... ยะฮู้ววววว.....

 
 
สาธุการบทความนี้ : 23 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 23 ครั้ง
 
 
  08 ก.ค. 2551 เวลา 13:08:16  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   28) น้ำตาเมีย  
  ภาส    คห.ที่12)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
ดีใจอีหยังยาย

 
 
สาธุการบทความนี้ : 32 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 32 ครั้ง
 
 
  18 ส.ค. 2551 เวลา 15:42:24  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   28) น้ำตาเมีย  
  ภาส    คห.ที่15)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่

ภูมิลำเนา : บึงกาฬ
เข้าร่วม : 18 พ.ค. 2550
รวมโพสต์ : 97
ให้สาธุการ : 70
รับสาธุการ : 228900
รวม: 228970 สาธุการ

 
อิๆ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 0 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 0 ครั้ง
 
 
  30 พ.ย. 2552 เวลา 10:28:16  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  หน้า: 1 2

   

Creative Commons License
น้ำตาเมีย --- เว็บบอร์ดอีสานจุฬาฯ