ผญา คติสอนใจประจำวันที่ 26 เมษายน 2568:: อ่านผญา 
ทำการสร้างอันใดให้ฮิ่นตรองถ่อน อย่าได้เห็นแก่ใกล้กินกล้วยโหม่มเสีย แปลว่า จะทำการอันใด ให้ตริตรองดูให้ละเอียด อย่าได้เห็นแก่ใกล้ เหมือนปลอกกล้วยสุกกิน หมายถึง อย่าทำด้วยความมักง่าย แบบสุกเอาเผากิน


  ค้นหาสาธุการ ปลาร้านอกไห  

หน้า: 1  
  โพสต์โดย   19) เจ้าวา แจ่วบอง กินกับผักหยังจั่งสิแซบ...  
  ผู้บ่าวบ้านหนองกุลา    คห.ที่15)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด
เข้าร่วม : 22 มี.ค. 2550
รวมโพสต์ : 148
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 105090
รวม: 105135 สาธุการ

 
ผักหยั๋งว่าดิ๊ ตอบว่า ผักกะตู เอ้ยผักกะโดนน้ำ เด้อคับ แถมปิ้งปลาขาวน้อย(ไข่เต็มท้อง) บ่ซั่นก็ปิ้งเขียดอีโม่แห้ม ๆ อยู่เทิงเถียงนา กับผู้สาวส่ำน้อยงามๆจั๊กคน
แซบคั๊กๆ
บ่อเสื่อลองเบิ่งเด้อ
ถ้าบ่ย้านข้อหาพรากผู้เยาว์  



"มีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย"

 
 
สาธุการบทความนี้ : 297 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 296 ครั้ง
 
 
  25 มี.ค. 2550 เวลา 12:42:40  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   63) ผัก...ที่กำลังจะสูญหาย  
  ผู้บ่าวบ้านหนองกุลา    คห.ที่0) ผัก...ที่กำลังจะสูญหาย      [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด
เข้าร่วม : 22 มี.ค. 2550
รวมโพสต์ : 148
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 105090
รวม: 105135 สาธุการ

 
ย้อนว่าแต่เป็นเด็กน้อยนั่นนา สมัยแก้ผ้าเล่นน้ำห้วยพุ่นหละ ยามไปเลี้ยงควายน้อ ตอนค่ำ ๆ ก่อนไล่ควายเข้าคอก พ่อใหญ่แม่ใหญ่ผู้เพิ่นเลี้ยงควายกะสิพากันขึ้นโนนหาเก็บผักนั่นผักนี่ หลายอย่างหลายแนว

เป็นต้นว่า
ผักก้านปง หรือก้านตรง
ผักสาบ
ผักตำลินป่า
ผักกระโดน
ผักติ้ว
ผักเม็ก
ผักหัวหงอก
ผักหมน้อย  ผักหมใหญ่
ผักก่าม
ผักกะตู (โอะบ่แม่น)

ผักต่าง ๆ เหล่านี้ เด็กน้อยยุคนี่คือสิบ่ค่อยฮู้จัก ย่านว่าภูมิปัญญาเหล่านี้สิหายไปพร้อมกับความสะดวกสบายที่บ่ต้องย่างหาเก็บผักตามโคกตามโนน กะเลยอยากเสนอว่าถ้าไผพอฮู้จักผักสมัยโบราณ(บู๋ย ๆ )กะซ่อยกันเอาข้อมูล เอาฮูปมาลง ให้ฮู้จักนำแน่เด้อครับเพื่อให้รุ่นลูกหลานได้ฮู้ คือสิเป็นประโยชน์ แต่ขอแบบว่ามั่นใจได้ มีอ้างอิงที่มาหรืออ้างอิงจังหวัดจักน่อยกะดีครับ

อาทิ เช่นของญาอ้ายมังกายเดียวดอน (แต่ถ้าบ่มีขนาดนี้กะบ่เป็นหยังครับ)



http://www.isan.clubs.chula.ac.th/para_norkhai/?transaction=post_view.php&cat_main=1&id_main=23&star=0
คุณมังกรเดียวดาย:
ชื่อพื้นบ้านอีสาน : กระโดน
ชื่อทั่วไป : กระโดน
ชื่อวิทยาศาสตร์: Careya sphaerica Roxb.
วงศ์ : Barringtoniaceae
ประเภท: ไม้ยืนต้น
ลักษณะวิสัย :
กระโดนเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ความสูงประมาณ 8-30 เมตร เปลือกหนา สีน้ำตาลเทา หรือสีน้ำตาลดำ มีกิ่งก้านมากทำให้ ดูหนาทึบ และทรงพุ่มเป็นทรงกลม ใบเป็นใบเดี่ยว ติดเรียงสลับกันเป็นกลุ่ม ตามปลายกิ่ง ใบเป็นรูปไข่ กลับหัว โคนใบแคบรูปลิ่ม เนื้อใบหนาเกลี้ยงทั้งสองด้าน ขอบใบหยักถี่ และตื้น ก้านใบอวบ ผิวเกลี้ยง ดอก ดอกโต มีสีเขียวอ่อน ออกดอกเป็น ดอกเดี่ยวตามกิ่ง กลีบดอกมี 4กลีบ รูปขอบขนาน หรือรูปไข่ เกลี้ยงทั้งสองด้าน กลีบดอก รูปซ้อน สีเขียวอ่อนตามบริเวณขอบกลีบ และโคนกลีบสีชมพูเกสรตัวผู้มีจำนวนมาก โดนก้านเกสรติดรวมกันและออกสีแดงอ่อนๆ ผล กลมโต เส้นผ่านศูนย์กลาง 6-9 ซม. ทีปลายผลจะมีกลีบรองดอกรวมทั้งหลอดท่อรังไข่ ติดอยู่ที่กระจุก

ประโยชน์ :
เนื้อไม้ ใช้ในการก่อสร้างบ้านเรือน เปลือกเป็นเส้นใยทุบทำเบาะรองหลังช้าง ทำกระดาษ เปลือกเป็นยาฝาดสมาน แก้เคล็ดเมื่อย ดอกและน้ำจากเปลือก ผสมน้ำผึ้งใช้ทานเป็นยาแก้หวัด แก้ไอ ทำให้ชุ่มคอ และเป็นยาบำรุงสตรีหลังคลอดบุตร ผล เป็นยาช่วยย่อยอาหาร เมล็ดเป็นยาแก้พิษ รากและใบใช้เป็นยาเบื่อปลา

ที่มา : http://www.walai.msu.ac.th/cdb/question.asp?QID=174

 
 
สาธุการบทความนี้ : 297 ครั้ง
จากสมาชิก : 1 ครั้ง
จากขาจร : 296 ครั้ง
 
 
  07 ก.ย. 2552 เวลา 16:14:46  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  โพสต์โดย   59) ผักอีหยังกินกับลาบงัว แซบ ๆ ลองเว้าสู่ฟังแหน่ครับ  
  ผู้บ่าวบ้านหนองกุลา    คห.ที่14)       [ไปที่ความเห็นนี้ ในกระทู้นี้]  
  ศิษย์พี่รอง

ภูมิลำเนา : ร้อยเอ็ด
เข้าร่วม : 22 มี.ค. 2550
รวมโพสต์ : 148
ให้สาธุการ : 45
รับสาธุการ : 105090
รวม: 105135 สาธุการ

 
คุณอีสานลมโชย:
ใบ ดีปลาข้อ เด้อพี่น้อง   ขมคั๊กคัก






เป็นต้นจั่งได๋นอครับอยากเห็นรูปครับ

 
 
สาธุการบทความนี้ : 260 ครั้ง
จากสมาชิก : 0 ครั้ง
จากขาจร : 260 ครั้ง
 
 
  07 ก.ย. 2552 เวลา 15:39:26  
   ขึ้นบน ลงล่าง  
 
         

  หน้า: 1

   

Creative Commons License
ผักอีหยังกินกับลาบงัว แซบ ๆ ลองเว้าสู่ฟังแหน่ครับ --- เว็บบอร์ดอีสานจุฬาฯ